ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็น ในแต่ละเรื่อง
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2556
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
6 มิถุนายน 2556
 
All Blogs
 

เสียของรัก



แต่ละคนมีของที่รักไม่เหมือนกัน สำหรับบางคนอาจเป็นสิ่งของหรือ

ของใช้ส่วนตัว อาจเป็นเพื่อนสนิท เป็นแฟน รวมถึงสัตว์เลี้ยงต่างๆ

(ในที่นี้ขอยกเว้นพ่อ แม่ พี่น้องและญาติ) 


สำหรับฉันของรักที่ว่านี้คือสุนัข 3 ตัวค่ะ เลี้ยงดูและผูกพันกันมานาน

เกิน 10 ปี เมื่อถึงวันที่พวกเค้าต้องจากไป มันช่างเป็นช่วงเวลาที่

สะเทือนใจมาก แต่ด้วยความที่เคยเตรียมใจไว้บ้างแล้ว ทำให้เข้มแข็ง

พอที่จะยอมรับและมองดูลมหายใจสุดท้ายของพวกเค้าโดยที่ไม่

ร้องไห้ฟูมฟายออกมา มีแต่น้ำตาที่มันตกอยู่ในใจเท่านั้น เพราะฉัน

ได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แล้ว ก่อนที่พวกเค้าจะหมดลมหายใจ 


สุนัขของฉันจากไปตามเวลาที่สมควรแก่อายุขัย ไม่ได้ตายด้วย

อุบัติเหตุหรือโรคเรื้อรังที่ต้องทนทุกข์ทรมาน ถือว่าค่อนข้างโชคดี

ที่ฉันได้มีโอกาสพูดคุยร่ำลากับพวกเค้า


ตัวแรกเป็นสุนัขพันธุ์ค็อกเกอร์สีน้ำตาลตัวผู้ อายุย่าง 13 ปี ตอนเช้า

ฉันตื่นมาเจอเค้าขับถ่ายในกรง (ปกติจะจูงไปถ่ายข้างนอก)

เหมือนกับว่าคุมระบบขับถ่ายไม่ได้ ออกมาโดยไม่รู้ตัว กับทั้งไม่

ทานอะไรเลยตลอดทั้งวัน   แม้แต่น้ำก็ไม่ดื่ม พอตอนเย็นเลยพา

เค้าไปหาหมอ    ปากกับลิ้นซีดมาก ได้แต่เติมน้ำเกลือและ

ฉีดยาบำรุง 


เช้าวันถัดมาเค้าก็ยังไม่ยอมทานอะไรเลย แล้วก็ไม่มีแรงเคลื่อนไหว

ต้องอุ้มออกจากกรงพามานอนที่โล่ง พอฉี่ออกมาก็ต้องเช็ดทำ

ความสะอาดให้เค้า  


ตอนเย็นฉันไปเด็ดใบตะไคร้อ่อนมาป้อนให้เค้า ก็กินแค่ใบสองใบ

ฉันเห็นปากของเค้ามีคราบฟองสีขาวเลยเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดรอบปาก

ทั้งข้างนอกและข้างใน        


ตกตอนค่ำ ฉันนั่งเฝ้าเค้าเพราะรู้ดีว่าคงอยู่ไม่พ้นคืนนี้ เค้าฉี่ออกมา

ก็เช็ดทำความสะอาดตัวให้โดยใช้ผ้าเย็นสำหรับสุนัขซึ่งมีกลิ่นหอม

สมุนไพร อีกทั้งยังเช็ดหน้าให้ด้วยเพื่อให้สดชื่น พูดกับเค้าว่าไม่ต้อง

ห่วงอะไรนะ ขอให้จากไปด้วยดี ขอให้ไปสู่ภพภูมิใหม่ที่ดี กว่าเดิม

ไม่ต้องทนอยู่ในร่างกายนี้แล้ว  


เค้าเริ่มหายใจแรงขึ้น ฉันรีบไปหยิบหนังสือสวดมนต์เพื่อมาสวด

ให้เค้าฟัง โดยลูบหัวไปด้วย ลูบที่ตัวบ้างสลับกับจับมือเค้า

กล่อมให้เค้าสงบจนกระทั่งวินาทีสุดท้าย 


เนื่องจากบ้านของฉันไม่มีบริเวณที่จะฝังร่างเค้าไว้ จึงพาไปฌาปนกิจ

ที่สุสาน ในวันรุ่งขึ้น แล้วนำกระดูกซึ่งฉันได้โรยด้วยดอกไม้พร้อมกับ

พรมน้ำอบไทย เอาไปลอยอังคารที่แม่น้ำปิง วันถัดมาก็ทำบุญถวาย

สังฆทานอุทิศให้เค้า 


สุนัขตัวที่สองเป็นค็อกเกอร์สีน้ำตาลเช่นเดียวกัน แต่เป็นตัวเมียซึ่งเป็น

ลูกสาวของสุนัขตัวแรก เค้าตรอมใจตายตามพ่อเค้าไป เป็นเวลาห่าง

กันแค่เดือนเศษ เพราะฉันเลี้ยงเค้าอยู่คู่กันตลอดเวลาทั้งในกรงและ

นอกกรง 


หลังจากที่พ่อเค้าตาย แรกๆ ก็ธรรมดา แต่พอผ่านไปเกือบเดือน

ก็เริ่มซึม ไม่สดชื่น ไม่เล่นกับใคร ไม่กระตือรือร้น ทานอาหารน้อยลง

แล้วก็ไม่ทานเลย    


เค้ามีอาการเดินกะเผลกนิดๆ ก็นวดให้แต่ไม่ได้ผล ก่อนตาย 1 วัน

เค้าไม่ฉี่เลยทั้งวัน ตกเย็นพาไปหาหมอ เติมน้ำเกลือและฉีด

ยาคลายกล้ามเนื้อ อาการก็ไม่ดีขึ้น ซ้ำยังมีอาการขาแข็งและเกร็ง

มากกว่าเดิม แต่ว่าเค้ากลับทานอาหารมื้อเย็นได้เยอะกว่าทุกๆวันที่

ผ่านมา 


พอตอนสายวันต่อมา เค้าไม่มีแรงเคลื่อนไหว ต้องอุ้มออกมานอน

นอกกรง ซักพักอยู่ๆ เค้าก็แกว่งขาหลังทั้งสองข้างดิ้นไปดิ้นมา

ฉันก็งงปนตกใจ จากนั้นเค้าก็ฉี่ออกมาพร้อมยังแกว่งขาดิ้นไปมาอยู่

ฉันมองหน้าเค้าที่มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอาการทุกข์ร้อนเจ็บปวด

ใดๆ  


ฉันลูบหัวเค้าแล้วพูดว่า อดทนอีกนิด เดี๋ยวก็จะพ้นสภาพนี้แล้ว 

ไปสู่ภพใหม่ที่ดีกว่าเดิม ไม่ต้องอยู่ในร่างนี้อีก    


ฉันสวดมนต์บทสรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าให้เค้าฟัง หวังให้วาระจิต

สุดท้ายได้ยึดเสียงสวดเพื่อนำไปสู่ภพที่ดี


เค้าจากไปโดยอายุเต็ม 11 ปี ฉันปฏิบัติกับร่างของเค้าเช่นเดียว

กับตัวแรก รวมถึงทำบุญให้เช่นกัน  


สุนัขตัวสุดท้ายเป็นพันธุ์ผสม ไทย-ปอมฯ-สปิต อายุ 15 ปี หลังจาก

ที่เพื่อนสี่ขาทั้งสองตัวตายไป จากที่เคยสดใส ร่าเริงเหมือนสุนัข

วัยหนุ่ม กลับเปลี่ยนเป็นสุนัขวัยชราอย่างฉับพลัน ไม่ใยดีต่อสิ่ง

รอบข้าง ขาดความกระตือรือร้น ไม่เล่นกับใคร เอาแต่นอน นอน

นอน    


เริ่มทานอาหารน้อยลงจนต้องให้กินกลูโคสชนิดน้ำ แต่ก็ทานแค่

นิดหน่อย จนไม่ทานอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า ร่างกายก็ไม่มี

แรงเคลื่อนไหว  


พาไปหาหมอ ก็บอกให้ทำใจ เค้าแก่มากแล้ว ชีพจรเต้นอ่อนมาก

พอเริ่มทรุดลง หายใจทางจมูกไม่ได้   ต้องอ้าปากเพื่อหายใจ 

ซึ่งทั้งถี่และแรง 


เนื่องจากในตอนนั้น ฉันกับเค้าไม่ได้อยู่ที่เดียวกัน มีพี่อีกคนเป็น

ผู้ดูแลเค้าอยู่ ฉันจึงติดต่อกันผ่านทาง skype นึกขอบคุณเทคโนโลยี

สมัยใหม่จริงๆ ที่ทำให้ฉันได้เห็นหน้าและพูดคุยกับสุนัขผ่านจอ

คอมพิวเตอร์  


ฉันสวดมนต์ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกให้เค้าฟังผ่าน skype

ในตอนกลางคืนเป็นเวลา 3 วันติดกัน โดยในตอนกรวดน้ำ ฉันให้พี่

เตรียมแก้วน้ำและจับขาของเค้าแตะแก้วเพื่อกรวดน้ำไปด้วย ช่วงนั้น

เค้าหายใจทางปากแรงมาก พยายามจะหลับโดยหายใจทางจมูก

แต่ก็ต้องสะดุ้งตัวเพื่อหายใจทางปาก เห็นแล้วสงสารมาก แต่ในขณะ

ที่ฉันสวดมนต์ให้เค้าฟัง เหมือนกับว่าเสียงสวดนั้นช่วยให้เค้าเคลิ้ม

หลับไปได้ระยะหนึ่ง สามารถหายใจทางจมูกอย่างแผ่วเบา

พอสวดจบก็ตื่นมาหายใจทางปากอีก 


ตอนเย็นวันที่สี่ สังหรณ์ใจโทร.ไปถาม พี่บอกว่าอาการโคม่าแล้ว

ฉันรีบต่อ skype ไปพูดคุยร่ำลาพร้อมทั้งสวดมนต์เช่นเคย สวดวน

ไปมาหลายรอบมาก สลับกับพูดคุยกับเค้าบ้าง ตั้งแต่ 5 โมงเย็นจน

ถึง 3 ทุ่ม ระหว่างนั้นเค้ามีอาการชักเป็นระยะๆ เหมือนจะไปแล้ว

แต่ก็ยังกลับคืนมาอยู่ ฉันก็บอกว่าหากไม่ไหว   ก็ให้ไปได้เลย

ไม่ต้องฝืน แล้วเค้าก็จากไปในคืนนั้น  


เนื่องจากเค้าตายที่บ้านของพี่ จึงฝังร่างเค้าไว้ที่หลังบ้าน วันถัดมา

ฉันไปทำบุญถวายอาหารและสังฆทานให้เค้า โดยก่อนที่พระจะให้พร

ฉันได้ต่อโทรศัพท์ถึงพี่   เพื่อให้ไปรออยู่ที่หลุมฝังศพของเค้า

เมื่อพร้อมแล้ว ขณะที่พระเริ่มสวด ตัวฉันกรวดน้ำอยู่ที่วัด พี่เอา

โทรศัพท์เปิดเสียงวางไว้บนหลุมฝังศพแล้วกรวดน้ำไปพร้อมกัน

นึกขอบคุณเทคโนโลยีอีกครั้งที่ทำให้เราได้ทำบุญเหมือนอยู่ด้วยกัน


ถึงจะเสียใจมาก แต่ฉันไม่รู้สึกค้างคาใจเลย เพราะในขณะที่พวกเค้า

ทั้ง 3 ตัว ยังมีชีวิตอยู่ ฉันได้เลี้ยงดูเค้าอย่างเต็มที่ด้วยความรัก

ตอนวาระสุดท้ายก็อยู่เคียงข้างพวกเค้า ได้พูดคุย ร่ำลาและสวดมนต์

ให้ฟัง จนกระทั่งจัดการกับร่างกายของพวกเค้าตามหน้าที่ในความ

เป็นเจ้าของอย่างดีที่สุดแล้ว 


แม้ว่าหน้าที่ในการดูแลทางกายจะสิ้นสุดลง แต่ด้วยความที่พวกเค้า

เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว ฉันจึงสวดมนต์อุทิศส่วนกุศลไปให้

พวกเค้าทุกคืนตั้งแต่สุนัขตัวแรกตายไปจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ 

และตั้งใจว่าจะสวดมนต์อุทิศบุญให้พวกเค้าตลอดไป   


= = > >   สัพเพ   สังขารา   อะนิจจา  

สังขาร  คือ   ร่างกายจิตใจ   หรือรูปธรรม  

นามธรรม   ทั้งหมดทั้งสิ้น   มันไม่เที่ยง

เกิดขึ้นแล้วดับไป   มีแล้วหายไป   < < = =





 

Create Date : 06 มิถุนายน 2556
1 comments
Last Update : 6 มิถุนายน 2556 15:18:13 น.
Counter : 803 Pageviews.

 

เข้าใจ และเอาใจช่วย ให้ผ่านพ้นความโศกเศร้าให้ได้โดยเร็ว นะครับ

ครั้งนึงผมก็เคยเจอความรู้สึกแบบนี้ นั่งเฝ้าเขาจนลมหายใจสุดท้าย

 

โดย: Friday Love Story (สมาชิกหมายเลข 814059 ) 9 มิถุนายน 2556 11:53:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 787444
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 787444's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.