|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ไฮโปไกลซีเมีย HYPOGLYCEMIA โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง
Health: ไฮโปไกลซีเมีย HYPOGLYCEMIA โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง
ฮ้าว.....หาวอีกแล้ว เมื่อคืนก็ว่านอนหลับสนิทดีแล้วนะ ทำไมตื่นเช้ามานั่งทำงานถึงสัปหงกทุกที แถมยังรู้สึกเพลีย อยากนอนตลอดเวลา หนุ่มสาววัยทำงานคนไหนมีอาการแบบนี้ ต้องติดตามเรื่องราวที่กระปุกดอทคอมนำมาเสนอวันนี้ค่ะ เพราะคุณอาจกำลังเป็นฮิตของคนเมือง อย่าง "โรคอ่อนเพลียเรื้อรัง" หรือ "ไฮโปไกลซีเมีย" ก็เป็นได้
แล้วโรคอ่อนเพลียเรื้อรังนี้คือโรคอะไรกันนะ?
ต้องบอกว่า โรคที่ว่านี้ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคอะไรหรอกนะ แต่เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตแบบผิด ๆ โดยเรียกเป็นชื่อภาษาอังกฤษว่า Chronic fatigue syndrome (CFS) หรืออาจจะเรียกว่า โรคไฮโปไกลซีเมีย (Hypoglycemia) ซึ่งเป็นภาวะที่น้ำตาลในเลือดต่ำ ทำให้ไร้เรี่ยวแรงทำอะไรตลอดทั้งวัน
มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจจะสงสัยแล้วว่า พฤติกรรมอะไรที่ทำให้เรามีอาการไฮโปไกลซีเมียดังที่ว่า ง่าย ๆ เลยก็ อย่างเช่น การบริโภคอาหารจำพวกแป้งขัดขาว น้ำตาล อาหารฟาสต์ฟู้ด น้ำอัดลม พิซซ่า หรือขนมหวานมากเกินไป ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ทีนี้ ตับอ่อนก็จะผลิตอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้ลดต่ำลง พอระดับน้ำตาลลดลงไม่เท่าไหร่ เราเกิดรับประทานอาหารจำพวกนี้เข้าไปอีก น้ำตาลในเลือดก็สูงขึ้นมาอีกแล้ว ตับอ่อนจะผลิตอินซูลินออกมาลดน้ำตาลอีกครั้ง ส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นแล้วลงต่ำสลับกันไปตลอดเวลา ซึ่งเท่ากับว่า ตับอ่อนก็ต้องทำงานตลอดเวลาด้วยเช่นกัน
นอกจากนั้นแล้ว ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ต้องเผชิญกับสภาวะแวดล้อมอันเป็นพิษ ความเครียด ความรีบเร่ง ความยุ่งเหยิงในการดำเนินชีวิตที่ต้องแข่งขันกับเวลา นอนดึก ก็ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อยล้า เหนื่อยได้ง่าย ๆ และยิ่งใครทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ยิ่งซ้ำเติมให้เจ็บป่วยหนักขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว
อาการอะไรบ่งบอกว่าเป็นโรคอ่อนเพลียเรื้อรัง
ทีนี้ลองมาดูกันค่ะว่า อาการอะไรบ้างที่บ่งบอกว่า คุณกำลังถูกโรคยอดฮิตชนิดนี้คุกคาม โดย อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง กล่าวว่า ผู้ที่อาจถูกแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคไฮโปไกลซีเมียนั้น จะมีอาการอ่อนเพลียโดยหาสาเหตุไม่ได้ แถมยังนอนไม่หลับ ปวดเมื่อยตามตัว ระบบขับถ่ายทั้งหนักเบาก็รวนเรไปหมด แต่ถึงกระนั้น หากสรุปโดยรวมแล้วยังมีอีกหลายอาการที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้ และแพทย์จำแนกออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มความผิดปกติทางร่างกาย คือ
อ่อนเพลีย ไม่มีแรง ปวดหัว-เวียนศีรษะ นอนไม่หลับ เหงื่อแตกบ่อย ๆ มือสั่น ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหลัง เป็นตะคริวบ่อย เกิดการชักกระตุก คันตามผิวหนัง หน้าร้อนผ่าวบ่อย ๆ มีอาการภูมิแพ้ มือเท้าเย็น เนื้อตัวชาบางครั้ง การทรงตัวไม่ดี
2.กลุ่มความผิดปกติของระบบต่าง ๆ คือ
ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปากแห้งคอแห้ง เบื่ออาหาร อยากกินของหวาน ๆ หิวอย่างรุนแรงก่อนถึงเวลากินอาหาร ถ่ายอุจจาระผิดปกติ ถ่ายปัสสาวะผิดปกติ หายใจไม่ค่อยออก ปากและลมหายใจมีกลิ่นแปลก ๆ หัวใจเต้นผิดปกติ เป็นลมบ่อย ๆ อ้วน-น้ำหนักเกิน กามตายด้าน
3.กลุ่มความผิดปกติทางจิตใจ และระบบประสาท
รู้สึกเบื่อหน่าย ฟุ้งซ่านขาดสมาธิ วิตกกังวลโดยง่าย ลังเลตัดสินใจไม่ได้ รู้สึกสับสนปั่นป่วน ทนเสียงอึกทึก และแสงจ้า ๆ ไม่ได้ เบื่อการพบปะเพื่อนฝูง ไม่ชอบเข้าสังคม การประสานงานส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเลวลง โมโหง่าย ฝันร้ายบ่อย ความจำเสื่อม มีอาการทางประสาท อยากฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นที่ผู้ป่วยจะมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน บางอาการอาจเกิดขึ้นแล้วหายไป แล้วสามารถกลับมาเป็นใหม่ได้อีก โดยมีอาการหลัก ๆ คือ รู้สึกเหนื่อย เพลีย ไม่มีแรง ทั้งที่นอนมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่กลับไม่รู้สึกสดชื่นเลย อยากนอนตลอดเวลา บางคนนั่งทำงานไปได้ถึงตอนบ่าย ๆ เกิดรู้สึกง่วงเพลียจนอยากหลับเลยทีเดียว แถมยังสมองมึนซึม ปวดเนื้อปวดตัว รวมทั้งระบบขับถ่ายจะมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา ลำไส้แปรปรวน ถ้ามีอาการเหล่านี้ ก็ส่งสัญญาณว่า โรคไฮโปไกลซีเมียกำลังมาเยือนคุณแล้วล่ะ
มาดูแลตัวเองกันดีกว่า
เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลีย หรือใครที่มีอาการดังข้างต้นแล้ว ก็ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่แล้วล่ะ เรามีข้อแนะนำดังนี้
1.ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร โดยงดเติมน้ำตาลในอาหาร เลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลมาก รวมทั้งอาหารฟาสต์ฟู้ด
2.ปรับอารมณ์ไม่ให้เครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่นฮอร์โมนอะดรีนาลีน ไปกระตุ้นให้ผนังลำไส้ขับกรดออกมามาก จนเกิดเป็นแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนั้นแล้ว ความเครียด ยังนำไปสู่โรคต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งยังทำให้นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำลงอีกต่างหาก
3.ก่อนนอนไม่ควรทานอาหารหนัก ๆ รวมทั้งดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนผสม เพราะจะทำให้หลับยาก ยิ่งทำให้รู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น
4.อย่าเปิดไฟเวลานอน และพยายามอย่าให้มีแสงเล็ดลอดเข้าไปในห้องนอน เพราะจะยิ่งทำให้นอนไม่หลับ
5.ฝึกหายใจ หรือนั่งเงียบ ๆ สัก 5 นาที ก่อนนอน เพื่อผ่อนคลายความเครียด
6.ออกกำลังกายเป็นประจำ สำหรับใครที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ควรออกกำลังแต่พอควร อย่าหนักมากเกินไป เพราะจะยิ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายทรุดลงไปอีก
7.หลีกเลี่ยงสภาพแวดล้อมที่จะทำให้เครียด ซึมเศร้า และไม่ควรหมกมุ่นอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นเวลานานเกินไป
8.ไม่ควรใช้ยานอนหลับ ยากล่อมประสาท หรือยาคลายเครียด
9.หากมีอาการเครียดบ่อย ๆ ให้ฝึกทำสมาธิ เพื่อควบคุมจิตใจให้สงบ
10.พยายามเข้านอนแต่หัวค่ำ อย่าออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยนัก
11.ในรายที่เป็นมาก อาจต้องปรึกษาแพทย์ และอาจรับประทานวิตามินบีเสริมเพื่อช่วยลดความเหนื่อยล้า
ที่มา กระปุก
Create Date : 16 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 16 ธันวาคม 2555 18:41:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 841 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Rome Italy, Bangkok Thailand, AMS Netherlands
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]
|
I dont have anything to say much about myself...if you want to know more please check it out!!!
|
|
|
|
|
|
|