Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
29 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
Day 2 Around Kuching _ Santubong Homestay

วันที่ 2

รถที่จะใช้ขี่เป็นพาหนะของ Vedett Team คราวนี้ มีทั้ง Kawasaki KLR 650cc, Aprillia shiver 750cc, Aprillia mana 850cc. และ KTM 950 cc แต่ก็มีรถอื่นที่รวมค่ายบิกไบค์ ตลอดเส้นทางทั้งหมด 25 คัน โดยเป็นคนท้องถิ่นในมาเลย์เซียจาก เมืองต่างๆ มาร่วมขบวนด้วย โดยมา Honda Golden Wing 2 คัน เป็นผู้นำขบวนและปิดท้ายขบวน พร้อมด้วย GS BMW, African Twin และ กลุ่ม Halley , Kawasaki Versys คันเก่ง และอื่นๆ อีกมากมาย เพื่อที่จะพร้อมไปตามล่าวัฒนธรรมพื้นบ้านของชนเผ่า นักล่าหัวในเกาะบอร์เนียว จากชื่อก็ดูสยองเล็กน้อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วค่ะ ที่จะล่าหัวกันเหมือนสมัยก่อน คงจะมีหลงเหลือในป่าลึกที่ไปทางอินโดนีเซีย ในวันนี้รถของเราคือ Kawasaki KLR 650cc สีน้ำเงิน เป็นรถกึ่งถนนและ ออฟโรด

Photobucket

พูดถึงการล่าหัว จะขอเกริ่นให้ฟังคร่าวๆ ว่า ที่บอร์เนียว จะมีชนเผ่าต่างๆ อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เผ่าอีบันจะเป็นนักล่าหัวคนตัวฉกาจ และมีรอยสักเต็มตัวให้เห็นสำหรับนักรบ หรือ ผู้นำชนเผ่า การล่าหัวคือการตัดหัวของศัตรู และดื่มเลือดจากหัวที่ตัดออกมาสัก 2-3 หยด ด้วยความเชื่อคือการเพิ่มพลังอำนาจของวิญญาณของผู้ถูกฆ่า ให้กับผู้ฆ่า หลังจากนั้นก็จะนำมาลวกลงในน้ำร้อนที่ต้มเดือดพล่านเพื่อ ถลกหนังหัวออก ส่วนเส้นผม จะนำมาประดับบนโล่ ที่ใช้ทำการต่อสู้ โดยการประดับจะตัดเป็นกระจุกๆ และ ประดับเรียงรายไปยังโล่ ที่มีลักษณะยาวเรียวลงมา เมื่อนำโล่มาทาบกับลำตัวก็สามารถบังมิดลำตัวของผู้ที่ใช้โล่กำบังได้พอดี เมื่อถลกหนังหัวออกเรียบร้อยแล้ว สิ่งของที่เหลือในกระโหลก มันสมองต่างๆ ลูกตา และอื่นๆ เอาไปทิ้งหมด เหลือเพียงกระโหลกเปล่า ก็จะนำมาเก็บ โดยใช้เส้นหวายร้อยล้อมกระโหลกแต่ละกระโหลกเพื่อกันกระแทก และป้องกันการหล่นแตกร้าวเสียหายและ นำขึ้นไปแขวนไปบนขื่อบ้าน หรือเรียงรายตามฝาบ้าน เมื่อมีการเฉลิมฉลองอะไรก็ตามก็จะนำไปเส้นไหว้หัวกระโหลกนั้นๆ ด้วย

Photobucket
photo by Aleksey A. Peosvetov

อีกสัญลักษณ์ของชาวเผ่าต่างๆ คือ รอยสัก ซึ่งจะเป็นการแกะสลักจากไม้ เพื่อเป็นแบบ และ มีไม้ยาวๆ โดยมีเหล็กแหลมจุ่มหมึกดำ ตอกลงไปบนเนื้อเสียงจะดังตึกๆๆ เวลาทำการตอกโดยผู้ที่ทำการสักรอยสักให้มักเป็นผู้สูงอายุที่มีตำแหน่ง เช่นหัวหน้าเผ่า โดยรอยสักต่างๆ เป็น สัญลักษณ์ ของคนๆ นั้น เป็นการคุ้มครองจากดวงวิญญาณ และแม้กระทั่งเรื่องราวพิเศษ สิ่งพิเศษที่คนๆ นั้นไปพบเจอ ก็จะนำมาสลักไว้ เพื่อเก็บเป็นความทรงจำ เช่นรอยสักที่คอ ของด้านหน้าลำคอ ในแนวลูกกระเดือกจะบอกความหมายว่าเป็นหัวหน้าเผ่า หรือนักรบ ส่วนลายเหมือนขดวนไปมา คล้ายกับวงกลม ยินหยาง จะเป็นลายของก้นสะดือของลูกอ๊อดสีทอง ถึอว่าเป็นการคุ้มครองวิญญาณ จะสักไว้บนบ่าทั้งสองข้าง ส่วนอีกลายที่ต้นคอด้านหลังจะเป็นการคุ้มครองจากการถูกตัดคอ ในสมัยก่อนการมีรอยสักจะเป็นการดึงดูดผู้หญิง เพราะจะทำให้มีเสน่ห์มากกว่าที่ไม่มีรอยสักใดๆ ในปัจจุบันก็ยังหลงเหลืออยู่ที่นิยมการสักแบบดั้งเดิม แต่ก็จะมีการสักรอยที่เป็นแบบสมัยใหม่เพิ่มมากขึ้นไปอีกด้วย

Photobucket

อีกอย่างนึงที่น่าสนใจของชาวเผ่าอีบัน เวลาจะเลือกคู่ ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเลือกผู้ชาย เมื่อผู้ชายนั้นมาที่บ้าน อาจจะมาในงานรื่นเริง ต่างๆ หรือแวะมาเยี่ยม ภายในบ้านระหว่างห้องฝาเรือนของบ้านจะเป็นร่องๆ ที่ไม่ใหญ่มากนัก จะเป็นคล้ายๆ กับการเอาไม้มาปิดต่อๆ กันเป็นฝากั้นห้องแต่จะมีช่องที่สามารถให้ทางฝั่งสาวที่อยู่อีกห้องนึงสามารถมองออกมาและทราบว่ามีใครเป็นใครหน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่ง หลังจากนั้นฝ่ายชายจะไปนั่งหรือยืน ใกล้ๆ ฝาและทางสาวเจ้าก็จะเอาไม้จิ้มออกมาเพื่อเป็นการให้สัญญาณว่า คืนนี้ จะแอบไปเปิดหลังคาบ้านไว้ เพื่อให้ชายเข้าไปหาที่ห้องนอน วิธีนี้จะใช้เวลา 3 คืน เพื่อพิจารณาซึ่งกันและกัน คือ คืนแรกจะเป็นการแนะนำตัวก่อนระหว่างสองฝ่าย โดยการพูดคุย และ คืนที่สอง อาจจะมีความสัมพันธ์กันหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับการตกลงกัน ส่วนคืนสุดท้ายต้องทำการตัดสินใจว่าจะเลือกเป็นคู่หรือไม่ ถ้าไม่ก็จะไม่มีการพบกันอีกเลยในลักษณะดังกล่าว แต่ถ้าตกลงปลงใจก็จะมีการจัดการตบแต่งกันให้เป็นที่เรียบร้อย งานนี้ดูเหมือนหญิงจะได้เปรียบนะค่ะ เพราะเป็นฝ่ายเล็งเป้าหมายและสามารถปฏิเสธได้ในกรณีไม่ชอบ หรือ จิ้มสะกิดผิดคน

เมื่อตื่นเช้ามาก็ลงไปทานอาหารเช้าอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะรวมตัวกันแบบไปเดินชม ก่อนที่จะขี่รถเครื่อง ที่พิพิธภัณฑ์ซาราวัค ที่อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมที่พัก เสียดายที่การท่องเที่ยวแห่งมาเลย์เซียทำเรื่องการขออนุญาตถ่ายรูป และ วิดีโอ ในพิพิธภัณฑ์ ทำเรื่องมาไม่ทันเลย ไม่สามารถนำรูปมาให้ชมได้ อย่างเต็มทื่ จะมีก็แอบยิงๆ ถ่ายจากมือถือบ้างเท่านั้นเอง

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

ในพิพิธภัณฑ์จะมีเจ้าหน้าที่ผู้บรรยายนำทาง และเล่าเรื่องราวแต่ละส่วนให้ทราบกัน ในป่าบอร์เนียวเป็นที่ทราบกันว่า เป็นถิ่นกำเนิด ของลิงอูรังอูตัง และลิงจมูกยาว ซึ่งน่าแปลกใจว่าตัวผู้จะจมูกยาวลงมา เหมือนเสริมจมูกอย่างไงอย่างนั้น ซึ่งตัวเมียจะไม่มี เขาสันนิษฐานกันว่า การยาวของจมูกจะช่วยระบายความร้อนแต่ตัวเมียไม่มี จึงอาจจะเป็นไปได้ที่ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเพศผู้ ชื่อสามัญ เรียกว่า Orang Blanda ซึ่ง Orang ออรัง แปลว่า มนุษย์ Blanda หมายความว่า ชาวดัชท์ คงจะเป็นเพราะว่า หาชื่อให้กับสายพันธ์ไม่ได้ เมื่อชาวดัชท์เข้ามาในประเทศ และมีจมูกที่ยาวโด่งขนาด เลยนำชื่อมาเป็นสายพันธุ์ลิงจมูกยาวไปเสียเลย

Photobucket
photo by internet

Photobucket

ที่บอร์เนียวก็เป็นอีกแหล่งที่มีนกเงือกมากที่สุด หลายสายพันธุ์ เพิ่งทราบว่า หงอนของนกเงือกบางพันธุ์มีความแข็งจึงนำมาแกะสลักเป็นเครื่องประดับและเรียกว่า ivory คือ เหมือนงาช้างนั่นเอง และที่ซาบะ ก็เป็นแหล่งที่มีหอยมุกมากที่สุด และมีมุกที่มีค่า และราคาไม่สูงมากนัก จากการดูพันธุ์ ของสัตว์และพืชต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์ ก็ไปยัง บ้านจำลองเผ่าต่างๆ เช่น อีบัน ออรังอูลู ที่มีบ้านยาว ติ่งหูยาวและหน้าผากแบนราบ โดยไม่ได้มีมาแต่กำเนิดเกิดมามีหน้าผากแบนราบเช่นนั้น แต่ ชาวเผ่าถือว่าการมีหน้าผากแบนราบจะสวยกว่า จึงทำเครื่องมือไม้ ที่ตัดเป็นสี่เหลี่ยมคางหมู ขันชน๊อค ไว้ที่หน้าผากของเด็กเพื่อที่จะทำให้หน้าผากออกมาแบนและตั้งขึ้นไปด้านหน้า ซึ่งรับกับทรงผมหน้าม้าที่ตัดกันตรงๆ ได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ทีเดียว ถ้าจะให้นีกภาพให้ออกก็คือ ทรงผมที่เหมือนทรงพวงมาลัยของเด็กมัธยมต้นนั่นเองค่ะ

เมื่อการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เป็นที่เรียบร้อยก็เดินทางจริง ด้วยสองล้อกันแล้วค่ะ โดยมุ่งหน้าไปยัง หมู่บ้านวัฒนธรรม ซึ่งเป็นที่จัดงานของ Rainforest World Music Festival ด้วยค่ะ รถรวมตัวออกตัวพร้อมๆ กันที่หน้าโรงแรม เสียงหึ่มๆ ของเครื่องยนต์ หลากหลายเสียงผสมผสานกัน พร้อมด้วยมาดของนักบิดแต่ละคนที่สวมอุปกรณ์ครบชุด มี ทีมนำขบวนและปิดท้าย และระหว่างทางบางจุดก็จะมีตำรวจติดตามอยู่เป็นระยะๆ ดูเหมือนว่าเรากำลังจะออกไปตามล่านักล่าหัวจริงๆ กันเลยค่ะเนี่ย ได้ฟิวล์จริงๆ อากาศร้อนพอสมควร แต่ถนนหนทางดีมาก ระยะทางประมาณ 40 กว่า กิโลได้ เลยได้ภาพสวยๆ มาบ้างเพราะ ถนนดีหน่อย เพราะจากเท่าที่ฟังการบรรยายก่อนออกเดินทาง ถนนจะไม่ค่อยดี แต่จะเป็นช่วงหน้า คือจาก Sibu – Miri เมื่อมาถึงที่หมู่บ้านวัฒนธรรม ก็แวะไปกินก่อนค่ะ เออ หิวนะสิค่ะ

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

ก็มีทีแปลกตาคือ หมี่โกโลกเป็นเหมือนเส้นมาม่าแต่รสชาดเหมือนบะหมี่ ราดด้วยน้ำขลุกขลิกทีมีรสเหมือนซอสถั่วเหลืองที่จัดใส่ถ้วยปิดฝาไว้อย่างดี เราก็เปิดฝาจัดแจง นำชิ้นเนื้อวัว โรยหน้า บะหมี่ และราดด้วยน้ำจิ้ม เหมือนซิ้อิ้วพริก สามารถกินได้ทั้งแบบแห้งและแบบน้ำ อร่อยมากกก ค่ะ

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

จากนั้นก็พักสักพัก ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกับเพื่อนๆ และไม่นานก็มีอาหารชุดใหม่มาวาง ด้วยความอยากทราบรสชาดของอาหารก็ตรงเข้าไปทันที ไม่ใช่เพียงชอบทานแต่เป็นคนชอบทำอาหารก็เลย เข้าไปดูๆ น้องๆ ชาวท้องถิ่นกำลังเริ่มหยิบโน่นนี่เลยถามว่า อาหารเรียกว่าอะไร ได้ทราบชื่อว่า ซาราวัคลัคซา Sarawak Laksa คือจะหน้าตาจะเป็นเหมือนเส้นหมี่ที่ใหญ่คล้ายขนมจีนเส้นเล็ก มีไก่ฉีกและกุ้งโรยหน้าด้วยหัวหอมและหอมเจียวซอย ราดด้วยน้ำเกรวี่ ที่ทำจากเครื่องแกงและกะทิ คล้ายๆ ก๋วยเตี๋ยวแกงบ้านเราถ้าอยากได้เผ็ดก็จะมีพริกเผาให้เติม และมะนาวจิ๋วที่เหมือนผลส้มจี๊ด เปลือกบาง และไม่เปรี้ยวแหลมนัก อร่อยอีกละ และตามด้วยของหวาน ล้างปากคือ เค้กซาราวัค เป็นเค้กพื้นเมืองของที่นี้จะทำเป็นเลเยอร์ชั้นๆ สีสรรสุดยอด เขียวแดง เหลืองส้ม สลับกันจนดูหลากสีเหมือนของโชว์มากกว่าที่จะทานได้แต่พอลองทานดู ไม่หวานนักเนื้อนุ่มแน่นไม่เละ อร่อยอีกละ และมีอีกที่ลักษณะเหมือน ขนมเปียกปูนแต่เป็นสีน้ำตาล และสีชมพู เวลากินจะมีมะพร้าวขูดให้ไปคลุกเอง รสชาดหอมหวานไม่หวานมากนัก อร่อยค่ะ

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

จากนั้น พอท้องอิ่มก็เริ่ม อยากเดินย่อย ไปเยี่ยมชมหมู่บ้านต่างๆ เช่น บ้านลองเฮาท์ Long house (บ้านยาว) ของเผ่า อีบัน คือ ยาวจริงๆ อยู่กันหลายครอบครัวย่อยจากครอบครัวเดียวกันเช่น ญาติพี่น้อง แต่เราค่อยมากล่าวกันอีกครั้งตอนที่เราจะแวะไปดูบ้านยาวของจริงๆ ที่ยังคงมีอยู่มากมายในเกาะบอร์เนียว และก็ไปที่บ้านของเผ่า ออรังอูรู คือคนที่ติ่งหูยาว คือการที่นำตุ้มหูมาร้อยแขวนถ่วง ในติ่งเพื่อขยายให้ติ่งหูรูกว้างและยาวออกมาเท่าบ่าก็มี เพราะถือเป็นแฟชั่นของคนเผ่านั้น แต่ในปัจจุบันที่เห็นก็เป็นสัญลักษณ์ของชาวเผ่านักดนตรีร๊อค นั่นเองแต่คงไม่ยาวท่าวแน่ๆ

Photobucket

Photobucket

และก็บ้าน สูง คือ high house คืออยู่สูงมาก มีหลายชั้น แต่ละชั้นเสาบ้านสูงจากพื้นดินมากพอสมควร เพราะเนื่องจากลักษณะภูมิอากาศ ที่มีน้ำท่วมอยู่เป็นประจำและพึงระวังจากคนที่จะบุกเข้ามาในบ้านเพื่อทำร้าย หรือตัดหัว เพราะส่วนมากบ้านเหล่านี้ จะตั้งอยู่ริมน้ำ ในแม่น้ำ เมื่อน้ำขึ้นน้ำลง จึงทำเสาเรือนให้สูงมากๆ นั่นเอง แต่บางบ้านก็จะทำลวดลายที่เสา ทุกต้น บ้านสูงนั้นก็จะมีหลายชั้น ประมาณ 3-4 ชั้น แต่ที่ว่าสูงเพราะแต่ละชั้น คือระหว่างชั้นจะสูง และต่อๆ กันขี้นไปสูงมาก

Photobucket

ที่สังเกตได้คือ บันไดบ้านแต่ละชั้น ทำจากไม้ต้นเดียว คล้ายต้นตาล หรือต้นไม้ตรงและบาก ออกเป็นขั้นๆ ที่สามารถทำให้ได้ระดับขั้นเท่ากันมาก ทำให้การก้าวเดินในแต่ละขั้นโดยที่ไม่ต้องมองขั้น ก็สามารถทำให้ก้าวเดินได้อย่างเป็นจังหวะ พอดี ไม่ทำให้สะดุด ไม่เหมือนถ้าทำขั้นแรกสูง ขั้นสองบาก ต่ำ การก้าวเดินจะไม่ได้ระดับถ้าไม่มองขั้นให้ดีก็จะสะดุด ตกกะได ได้ เรียกว่ากะได ดีกว่าเพราะ ดูหวาดเสียวเหมือนกันแต่ ด้านหลังและด้านข้างก็จะมีไม้ยาวทำเป็นที่เกาะกันตก และ ด้านหลังก็จะ ตีไม้เป็นกากบาทกันตกลงไปด้านล่าง แต่ก็ดูน่าหวาดเสียวอยู่ดี ถ้าไม่ชิน ส่วนพื้นไม้ ก็เหมือนพื้นไม้บ้านเราแต่ที่พิเศษคือ เขาจะบากไปเป็นบาก ร่องๆ ทั่วทั้งพื้นไม้ คาดว่ากันลื่น ก็ทำให้ดูสวยแปลกตาไปอีกแบบ

Photobucket

Photobucket

Photobucket

ในหมู่บ้านก็จะมี อุปกรณ์ ดนตรี ที่คล้ายพิณ หรือกีตาร์ ที่เรียกว่า ซาเปะ sape โดยการเหลาแกะไม้ อาจจะเป็นจากต้นตาล ต้นมะพร้าวหรือต้นไม้อื่นซึ่ง เนื้อไม่แข็งมาก นำมาเหลาสลักและใส่เส้นเอ็นในการดีด และก็มี ไม้เรียงรายเหมือนระนาด ภาษาดนตรี นี้เป็นภาษาทั่วโลกจริงๆ ไม่ว่าจะอยู่ภูมิภาคไหนๆ อารยธรรมทางด้านเสียงเพลงก็ไม่มีวันเสื่อมคลายจริงๆ จะทำให้รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกันจากเสียงเพลง เสียงดนตรี เครื่องสาย เครื่องดีด เครื่องตี ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่จากทั่วทุกมุมโลก

Photobucket

Photobucket

นอกจากอุปกรณ์ในการบันเทิงก็จะมีอุปกรณ์ในการทำครัว ล่าสัตว์และอี่นๆ แสดงให้เห็น พร้อมทั้งสามารถอยู่อาศัยเป็น home stay ในหมู่บ้านวัฒนธรรมได้ด้วยสำหรับผู้ที่สนใจ ในแต่ละบ้านจะมีไห เรียงรายกันอยู่เต็มไปหมด ไหนอกจากเก็บอาหารข้าวหรือของแห้งแล้ว ยังรวมไปถึงการเก็บของมีค่าของหัวหน้าเผ่าไว้อีกด้วย เมื่อหัวหน้าเผ่าเสียชีวิตลง ก็จะนำกระดูกเข้าไปใส่รวมในไหนี้และนำขึ้นไปไว้ที่เสาสูงที่แกะสลักลวดลายต่างๆ เป็นสัญลักษณ์ของหลุมศพ แต่ก็ต้องคอยเฝ้าระวังเพราะมีการลักลอบขโมยไหเหล่านี้เป็นประจำ ในแต่ละหมู่บ้าน บางหมู่บ้านก็จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ชม เช่นการทอผ้า การสานเสื่อ หรือ กระเป๋า ต่างๆ

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket


มาถึงกระท่อม Penang ปานัง หรือ เปอนัน จะมีเครื่องมือล่าสัตว์ที่ทำจากไม้ยาว เหมือนไม้ไผ่ แต่ไม่ใช้ไม่ไผ่เพราะไม่มีลำปล้อง นักล่าจะนำเครื่องมือทะลวงให้ลำปล้องเป็นร่องยาว และผูกติดกับ เหล็กปลายแหลมคล้ายหอก ไว้พุ่งและเสียบ โดยลำไม้จะยาวพอประมาณให้จับน้ำหนักถ่วงพอดีกับช่วงบ่า การยิงนำลูกดอกที่ทำจากไม้ปาล์ม ถ่วงหัวให้หนักโดยเหลาให้เป็นรูปขลึงหัวมนขนาดพอดีกับช่องเป่า ปลายแหลม โดยจะใช้ล่าสัตว์ หรือ นก นำปลายปาล์ม จุ่มยาพิษจากพืชชนิดหนึ่งเมื่อสัตว์ถูกยาพิษก็จะเสียชีวิตภายใน 2 นาที ในกระท่อมนี้มีให้ลองเป่าดูค่ะ เป่าแทบหมดลม แต่ดอกสุดท้ายเพราะความกลัวอด เลยเข้าเป้าอย่างจัง เออ ไม่อดแล้วมื้อนี้

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

จากนั้นแวะดูรอบๆ มีการทำกระเป๋า ที่ทำจากเปลือกต้นไม้ที่ลอกออกมาและตีให้เป็นแผ่นบางๆ เมื่อก่อนเขาใช้เป็นผ้าห่มตัวกันความหนาวและ ตัวเป็นเครื่องนุ่งห่ม แต่ตอนนี้ก็ไม่มีใครนิยมทำเป็นผ้าห่ม ก็มาดัดแปลงเพิ่มสีสรรทำเป็นกระเป๋า และก็มีไม้ไผ่ที่แกะสลัก ขายเป็นกระปุกออมสิน และใส่สิ่งของต่างๆ จากนั้นก็เดินชมไปรอบๆ

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket





จากหมู่บ้านวัฒนธรรมก็เตรียมเคลื่อนขบวนไปยัง Home Stay ที่ Santubong ที่มีการเล่นดนตรีพื้นเมืองต้อนรับเหมือนกลองยาว โดยหญิงสูงวัยสองท่าน พร้อมกับ อาหารมื้อเบรค คงเป็นมื้อระหว่างกลางวันกับมื้อเย็น อาหารเรียกน้ำย่อยอย่างหนึ่ง รสชาดแปลกดี คือเป็นสัปปะรด มะเฟือง มันแกว และแตงกวา ทานรวมกันราดด้วยน้ำเชื่อมที่ทำเหมือนน้ำราดของเมี่ยงคำ เขาทำน้ำราดอร่อยดี ไม่หวานมาก ต่อด้วยก็หลากหลายแต่เป็นเหมือนเรียกน้ำย่อยมากกว่า มีของหวานที่ เป็นเหมือน ลอดช่องไทย กึ่งๆ ลอดช่องสิงค์โปร์แบบใสๆ ผสมถั่วแดง และ บางทีใส่ข้าวเหนียวเปียกเข้าไปด้วย ทานกับน้ำลำไยและนมข้นไม่หวาน แบบคาร์เนชั่นที่เรารู้จักกันดี อร่อยแปลกดีค่ะ เรียกว่า Cendol ที่นี่มีการบรรเลงเพลงให้ฟังและมีการเต้นเข้าจังหวะขยับแข้งขยับขา เครื่องดนตรีจะเรียกว่ากลอง รำมะนา และผู้บรรเลงคือชาวท้องถิ่น หญิงสูงวัยสองท่าน ทำให้เราสนุกสนานกันมาก

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket



จากนั้นเราก็เริ่มออกตัวกลับที่พัก แต่ขากลับเราแวะที่ชายทะเลที่ไม่ไกลจาก Santubong Homestay ก็เดินยืดเส้นสาย ถ่ายรูปกันสักครู่

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

Photobucket

จากนั้นก็เดินทางกลับโรงแรม คืนนี้ไม่ได้ออกไปไหนต่อ จริงๆตามโปรแกรม บางคนก็ไปงาน Rainforest World Music Festival 2011 กันต่อ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ไป เพราะเคลียร์งาน โหลดรูป เหมือนเรา พอเริ่มดึกก็คิดถึง Sarawak Laksa ก็เลยสั่งมาทานในห้อง อร่อยมากๆๆๆ จากนั้นก็เข้านอน ดึกอีกตามเคย พรุ่งนี้ 7 โมงเช้า ออกเดินทาง จะไหวไหมเนี่ยเรา



Create Date : 29 กรกฎาคม 2554
Last Update : 2 กันยายน 2554 3:07:06 น. 2 comments
Counter : 4365 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะคุณนิคกี้

ขอโทษด้วยที่แวะมาเยี่ยมช้าไปหน่อย เพิ่งจะว่างค่ะ คุณนิคกี้พาทัวร์บอร์เนียวซะทั่วเลย ได้เห็นอะไรแปลกหูแปลกตาเยอะแยะไปหมด ขอบคุณมากที่เก็บภาพมาฝากกันนะคะ

สุขสันต์วันแม่ค่า


โดย: haiku วันที่: 11 สิงหาคม 2554 เวลา:19:16:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณไฮกุ ขอบคุณที่เเวะมานะคะ


โดย: PinePh วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:23:11:10 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

PinePh
Location :
Rome Italy, Bangkok Thailand, AMS Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




I dont have anything to say much about myself...if you want to know more please check it out!!!
Friends' blogs
[Add PinePh's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.