Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
15 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
รู้ไว้ก่อนมาเที่ยวอิตาลี // ท่องเที่ยวอิตาลี่ Trip to Italy P.3/2 อาหารกลางวัน ต่อ

คนอิตาลี และคนทางแทบยุโรป จะไม่ทานหวาน โดยมากเขาจะเลี่ยงน้ำตาล อาหารทางเหนือของอิตาลี จะเต็มไปด้วยชีส หลากหลายที่ปรุงแต่งลงในอาหารเลยทำให้ เราคิดว่ามันเลี่ยนไปด้วย นม ครีม เนย ชีส ถ้าเป็นที่โรม จะปกติ ไม่ค่อยผสมลงในอาหารเท่าไหร่ นอกจากเราจะนำมาใส่เพิ่มเติมเองตามความชอบของแต่ละบุคคล

อาหารข้างเคียงข้างจาน คือจะ อาหารแกล้มกับ อาหารจานรอง จะเป็นผัก หรือ สลัด หรือ มันฝรั่งแล้วแต่เราเลือก คนที่นี้การกินที่ถูกต้องตามหลัก คือ การทานสลัดจะ ทานท้ายสุดเหมือนการล้างปาก คล้ายๆ กับผลไม้นั่นเอง แต่เรามักจะคิดกันไปว่า ทานสลัดก่อนแล้ว ต่อด้วยจานต่อไป เหมือน ร้าน อาหารที่บ้านเรา ที่คนตักสลัดกันเป็นแถวๆ ก่อนอาหารจานหลัก จะมา ปรากฏก็อิ่มไปตามๆ กัน

การทานอาหารที่นี้ จะเป็นแบบถูกลักษณะ เพราะ คนที่นี้ เขาดูแลสุขภาพกันเป็นอย่างดี ไม่ใช่เพราะว่า การอบรมดูแล ดีกว่า เรานะค่ะ แต่เพราะ ทางรัฐเขารณรงค์ เรื่องสุขภาพ เพราะ ถ้าเกิดเจ็บป่วยกันขึ้นมา ค่ารักษาพยาบาล ผู้ป่วยไม่ต้องจ่าย เพราะ คนที่นี้เสียภาษีมาตั้งแต่เริ่มมีรายได้ ไม่ว่าจะรายได้มากหรือ น้อย จ่ายภาษีหมด จึงมีผลดีตอนอายุมากๆ หรือ เจ็บป่วย ทางรัฐจึงไม่อยากให้คนป่วย เลยรณรงค์กัน คนทางยุโรปจะเป็นแบบนี้ละค่ะ

การดื่มไวน์ของที่นี้ไม่ใช่ดื่มแบบ เมาๆ กันนะค่ะ การดื่มไวน์เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง การดื่มระหว่างมื้ออาหารเพราะว่า การย่อยจะใช้ความร้อนในการเผาพลาญอาหารในกะเพาะ ถ้าดื่มอะไรเย็นๆ ลงไป จะทำให้การเผาพลาญในกะเพาะ ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงทำให้ท้องอืด คนที่นี้จะดื่มน้ำก่อน ทานอาหาร และ ระหว่างมื้อ ก็ดื่มไวน์ ประมาณ แก้วหรือ สองแก้ว ในเมนูเซตก็จะพอดีสำหรับต่อคน

หลังจากนั้น เขาก็จะมาถามว่า จะรับกาแฟ หรือ อะไรเพิ่มไหม ถ้าของหวานคงนอกเหนือจากในเมนู ถ้ากาแฟ ก็จะเป็น Espresso แก้วเล็กนะค่ะ ก็แล้วแต่ว่าจะรับหรือไม่ถ้าไม่ก็บอกได้ว่าไม่รับกาแฟ

คำศัพท์ ที่น่ารู้ คือ การตอบรับ และ ปฏิเสธ ใช่ และไม่ใช่ คือ Si และ No คือ สิ และ โน จำง่ายๆ คือ แบบ ใช่สิๆ แบบนี้นะค่ะ คือ เวลา ตอบรับ และ ปฏิเสธ ให้ใช้คำว่า
Io si (อิโอ สิ) หรือ
io no (อิโอ โน)
IO คือ ฉัน นั่นเอง แต่ ถ้า มีการถามว่า จะรับกาแฟไหม เขาจะถามว่า
il caffe? (อิล กาเฟ) เราก็จะตอบว่า
per me si, Grazie (เปอร์ เม สิ,กราเซีย ) สำหรับฉันเอาค่ะ ขอบคุณ Per แปลว่า สำหรับ
จำไว้ว่าคนที่นี้ จะมีคำว่าขอบคุณเสมอ ไม่ว่าในกรณีใดๆ และ คำว่า ขอโทษ เหมือนว่าถ้าจะลุก ออกจากโต๊ะ หรือแทรกระหว่างบทสนทนา หรือ จะถามทางไปห้องน้ำ จะ ต้องพูดว่า ขอโทษนะ คือ คำว่า scusa (สกูซ่า) ถ้าไม่สนิทให้ใช่คำว่า Scusi อย่าง เหมือนคำว่า สกูซซี่ ที่เป็นร้านพิซซ่าในกรุงเทพ

อาหารที่สำคัญทั้งกินเล่น หรือ กินจริงจังกับมื้ออาหาร คือ ชีส
ชีสมีหลายหลากมากมายจะแทบจะไม่หวั่นไม่ไหว ชีสที่ขึ้นชื่อ คือ ชีสปามิจาโน่ Parmigiano ที่เพื่อนๆ คงเคยเห็นในร้านพิซซ่าที่บ้านเรา เขาจะเอาชีสชนิดนี้ ปั่นเป็นผงไว้โรยหน้าพิซซ่า แต่ที่นี้ อาจจะตัดเป็นชิ้น แล้วแต่เราค่ะ เพราะจะตัดขายเป็นก้อน ชีสมี หลากหลายมาก จนจำได้ไม่หมดว่ามีชนิดใดบ้าง ก็คงต้องเป็นชีสหลักๆที่นิยมทานกันจะได้สั่งง่าย ชีสโดยมาก รับประทานกับไวน์แดง

รูปจากอินเตอร์เนต : Photo from Internet




และชีส ที่ขาดไม่ได้เมื่อมาที่ อิตาลี ต้องลองทาน คือมอสซาเรลล่าชีส คือชีสนิ่ม ที่อร่อยและขึ้นชื่อต้องทำมาจาก mozzarella di bufala คือ ทำมาจากนมควายค่ะ จะรสชาดดีกว่านมวัวมากๆ ประวัติของมอสซาเรลล่าชีส มาจากทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ใกล้เมืองเนเปิล เรียกเป็นอิตาเลี่ยน ว่า นาโปลี เป็นแหล่งเดียวที่กำเนิดพิซซ่า รสชาด จะเป็นครีม มีความเหนียวนุ่มหนึบ จะรับประทานกับสดๆ รับประทานกับมะเขือเทศ ราดด้วยน้ำมันมะกอก แกล้มด้วยมะเขือเทศ พร้อม ใบโหระพา อิตาเลี่ยน แค่นี้ก็อร่อยแท้ๆ ได้รสชาดของแต่ละอย่างโดยไม่ต้องเติมอะไรเลยค่ะ และได้ความเป็นอิตาเลี่ยนจ๋า จริงๆ เรียกว่า CAPRESE

ถ้าแห้งแล้วเขามักจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เก็บไว้โรยหน้าพิซซ่า เอาเขาไปอบ ทำให้เราได้ชีสที่กัดแล้วยืดได้นะค่ะ หรือ นำไปทอด หรือ ห่อด้วยลูกมะกอก ด้านนอกกรอบเหมือนขนมปังป่น ทอดกรอบนะค่ะ อีกอันที่แนะนำคือ ชีส Ricotta ริคอทต้า ที่จะสังเกตเวลาขายจะบรรจุอยู่ในตะกร้าพลาสติก หรือ เมื่อนำออกมาจะเห็นเป็นร่องรอยของตะกร้า รสชาดจะมันๆ อร่อยเป็นครีมๆ

รูปจากอินเตอร์เนต : Photo from Internet



สิ่งที่ทานควบคู่กับอาหารเกือบทุกอย่างที่เห็นจะขาดไม่ได้คือ น้ำมันมะกอก กับ น้ำส้มสายชู ที่จะวางคู่กับโต้ะอาหาร หรือ ในร้านอาหาร คล้ายๆ กับ น้ำปลา บ้านเรานั่นเองค่ะ ที่ว่าคล้ายกับน้ำปลาไม่ใช่รสชาดนะค่ะ คือ คนไทยเราขาดน้ำปลาไม่ได้ ฉันท์ใดก็เหมือนกับคนอิตาเลี่ยนขาดน้ำมันมะกอกไม่ได้ฉันท์นั้นนะค่ะ เขาจะเหยาะน้ำมันมะกอกกับอาหาร โดยเฉพาะกับผักสลัด ทานดิบๆ โดยไม่ผ่านความร้อน แต่จะทรงคุณค่าของวิตามินไว้อย่างครบถ้วน อร่อยจริงๆ ค่ะ

กรรมวิธีในการทานว่าน้ำมันมะกอกอร่อยแค่ไหน คือ การนำเอาน้ำมันมะกอกราดบนขนมปังและลองทานดูค่ะ ความ เข้มข้นของน้ำมันมะกอกและความหอม จะกรุ่นเข้ามาในปากของเรา น้ำมันมะกอกที่รสชาดดี จะเป็นสีเขียวเข้มคือ Extra เป็นการที่กลั่นครั้งแรก ส่วนสีเริ่มใสๆ จนเป็นสีเหลืองอ่อนๆ เกือบเป็นสีขาว จะไม่ค่อยได้เห็น วางอยู่บนโต๊ะ เพราะ ไม่มีคนนิยมทานกัน เพราะจะนำเอาเป็นทำกับข้าวมากกว่าที่จะทานกันดิบๆ โดยไม่ผ่านการทำความร้อน

และสลัดบางคนจะเหยาะทั้งน้ำมันมะกอก บีบมะนาว (lemon) หรือ ใส่น้ำส้มสายชูเข้าไปด้วยนะค่ะ ส่วนน้ำส้มสายชู ก็จะมีการหมักหลายแบบ จากแอ็ปเปิ้ล องุ่น หรือ จากไวน์ ส่วนที่นิยมกัน คือ Aceto Balsamico (อะเชโต้ บาลซามิโก) สีดำๆ คล้ายกับซอสตราไก่งวงที่นำมาเหยาะกับไข่ดาว และถ้าเราจะรับประทานแบบเต็มมื้อ ก็จะเป็นตามร้านอาหาร เขาจะมีเมนูครบทีเดียว (หรือถ้าถูกเชิญไปรับประทานอาหารรับรองได้เลยค่ะว่าโดยส่วนใหญ่จะได้รับประทานกันเต็มมื้อจริงๆ โดยเฉพาะถ้าไปในช่วงเทศกาลแล้วละก็อิ่มจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว)

รูปจากอินเตอร์เนต : Photo from Internet








Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 1 มิถุนายน 2554 2:13:02 น. 0 comments
Counter : 933 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PinePh
Location :
Rome Italy, Bangkok Thailand, AMS Netherlands

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




I dont have anything to say much about myself...if you want to know more please check it out!!!
Friends' blogs
[Add PinePh's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.