ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน สำหรับกุนซือหนุ่มไฟแรงอย่างอังเดร วิลลาช-โบอาส ที่ตอนนี้สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่เป็นใจแก่กุนซือหนุ่มจากโปรตุกีสสักเท่าไหร่ หลังจากที่พ่ายแพ้ในศึก Super Sunday แก่ลิเวอร์พูลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าโบอาสจะได้มีโอกาสเข้ามารับงานที่สแตมฟอร์ด บริดจ์อีกครั้ง หลังจากที่เคยเป็นหนึ่งในทีมงานของโชเซ่ มูรินโญ มาก่อน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่โบอาสกลับเข้ามาร่วมงานที่เดอะบริดจ์ อีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับมาพร้อมกับการเป็นนายใหญ่ประจำทีม แน่นอนว่าโบอาสย่อมต้องรู้ดีว่ากฎการคุมทีมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ มีเพียงข้อเดียว นั่นคือห้ามล้มเหลว
ที่สำคัญต้องอย่าลืมว่าตั้งแต่โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเป็นเจ้าของทีม จำนวนกุนซือชื่อดังน้อยใหญ่ หลายต่อหลายคนต่างก็โดน "เสี่ยหมี" เชือดคอมาแล้วทั้งนั้น เคลาดิโอ รานิเอรี, โชเซ มูรินโญ, อัฟราม แกรนต์, หลุยส์ เฟลิปเป้ สโกลารี, คาร์โล อันเชลอตติ และอังเดร วิลลาช-โบอาส ยังเป็นเครื่องหมายคำถาม
แน่นอนว่าเกมที่สิงโตจากลอนดอนพ่ายแพ้ต่อลิเวอร์พูลคาบ้าน 1-2 นับเป็นการพ่ายแพ้เกมที่ 4 จากการลงเล่น 12 เกม นั่นเท่ากับว่าตอนนี้เชลซีแพ้ไปแล้ว 1 ใน 3 เหตุการณ์เช่นนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นกับทีมใหญ่ และทีมที่อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์อย่างเชลซี คงไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้โบอาสกำลังเผชิญหน้ากับความกดดันขนาดไหน
มโนภาพอันสวยหรูของโบอาสในวันแรกที่เข้ามารับหน้าที่กุนซือใหญ่ ตอนนี้กลายเป็นฝันร้ายเสียแล้ว เอาง่ายๆ เชลซีแพ้ไปแล้ว 4 หากเจาะลึกลงไป 3 ใน 4 ที่พวกเขาพ่ายแพ้ พวกเขาพ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล และลิเวอร์พูล หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณบอกว่าโบอาสยังไม่นิ่ง และมือยังไม่เก๋าพอกับการคุมทีมเชลซี และการเผชิญหน้ากับคู่แข่งระดับเสือ สิงห์ กระทิง แรด ในเวทีพรีเมียร์ชิพ โอเคจริงอยู่ว่าเกมที่ลูกทีมของโบอาสพ่ายแพ้จะทำผลงานได้ดีก็ตาม แต่ความพ่ายแพ้ก็คือความพ่ายแพ้
แต่ถ้าหากมองอีกมุมหนึ่ง ผมรู้สึกเห็นใจโบอาสไม่น้อยเช่นกัน เพราะนี่คือฤดูกาลแรกของเขากับเชลซี และมันคงจะเป็นการคาดเดาที่เร็วเกินไปที่จะบอกว่าโบอาสไม่คู่ควรกับการคุมเชลซี ทั้งนี้ประเด็นอยู่ที่ว่าโบอาสจะแก้ไขปัญหาอย่างไร โดยเฉพาะในแผงกองหลัง เมื่อในวันนี้เจที จอห์น เทอร์รี ไม่แข็งแกร่งเหมือนวันวาน ดาวิด ลุยซ์ ฟอร์มตกจนกลายเป็นบ่อน้ำมันบ่อใหญ่ และอเล็กซ์ ที่หมดอนาคตไปแล้ว และจะโดนปล่อยออกจากทีมในเร็ววันนี้
ปัญหาทั้งหมดนี้โบอาสไม่มีวันรู้และคาดเดามาก่อนได้ เมื่อฤดูกาลเริ่มเตะไป 12 เกม โบอาสก็คงจะทราบปัญหาที่เขากำลังเผชิญและต้องแก้ไขโดยด่วน อย่างเร็วที่สุดคือมกราคมนี้เลย หากจะว่ากันตามตรงโบอาสเองก็ค่อนข้างน่าสงสารไม่น้อย เมื่อนักเตะที่มีอยู่ในทีมล้วนแต่เป็นนักเตะประเภทขุนพลแก่ที่ไฟในตัวกำลังมอดไหม้ ไม่ว่าจะเป็นจอห์น เทอร์รี่, แอชลีย์ โคล, แฟรงค์ แลมพาร์ด และดิดิเยร์ ดร็อกบา นักเตะทั้งหมดที่ว่าล้วนผ่านจุดสูงสุดของตัวเองหมดแล้ว ตั้งแต่ยุคสมัยโชเซ่ มูรินโญ คิดดูว่ามันผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว
เมื่อนักเตะระดับซีเนียร์หมดไฟ พละกำลังถดถอย การจัดทีมของโบอาสก็ยากยิ่งขึ้นไปอีก ครั้นจะดรอปนักเตะระดับซีเนียร์ให้นั่งข้างสนามก็ไม่อาจจะทำได้ ครั้งจะสร้างทีมใหม่ในมกราคมนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะคงไม่มีทีมใหญ่ทีมไหนอยากปล่อยนักเตะในการดูแลของตัวเองในช่วงหน้าหนาว และที่สำคัญใครจะไปคาดเดาใจของเสี่ยหมีที่ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เผลอ ๆ สิ่งที่อยู่ในหัวเสี่ยหมีตอนนี้คือการปลดโบอาส แล้วดึงเอาคนคุ้นเคยอย่างกุส ฮิดดิงมาคุมทีมเป็นคำรบที่ 2 ก็เป็นได้
จะบอกว่าข่าวลือเกี่ยวกับฮิดดิงที่ส่งตรงมาถึงอบราโมวิช และเชลซี มันไม่ใช่ข่าวลือที่ไม่มีน้ำหนัก แต่มันคือข่าวที่มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง หลาย ๆ อย่างมันประจวบเหมาะและลงตัวมาก เมื่อฮิดดิงว่างงานจากการประกาศลาออกจากการเป็นหัวเรือใหญ่ของทีมชาติตุรกี และผลงานของโบอาสก็ไม่ได้ดีอย่างที่แฟนเชลซีคาดหวังเอาไว้
ถึงตรงนี้แม้ว่าผมจะไม่ใช่สาวกของสิงโตน้ำเงินคราม แต่ขอยืนยันว่ายังไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำการปลดโบอาสออกจากตำแหน่งในตอนนี้ แต่เมื่อเจ้าของทีม ๆ นี้มีชื่อว่าโรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมที่พร้อมตะบันคอกุนซือให้กุดได้ โดยไม่สนใจว่าเงินค่าทำขวัญจะกี่สิบล้านปอนด์ เสี่ยหมีคนนี้ไม่เคยแคร์หรอก
และสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้ข่าวลือทั้งหมดเกี่ยวกับอนาคตของโบอาส และข่าวลือเกี่ยวกับฮิดดิงยุติลงมีเพียงแค่ เชลซีภายใต้การคุมทีมของโบอาสจะต้องกลับมาทำทีมให้ชนะติดต่อกัน และกลับมาอยู่ในฟอร์มที่สุดยอด หรือไม่ก็กุส ฮิดดิงได้งานใหม่เท่านั้น หาไม่แล้วโบอาสนี่แหละจะต้องกลับไปเริ่มนับ 1 ใหม่ที่ไหนสักแห่งในโลกของฟุตบอล