|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ว่าด้วยเรื่องของ จิต
ผมได้มีโอกาสเข้าไปศึกษาพระอภิธรรมจากเว็บ พระอภิธรรม online คำที่จะพบบ่อยๆในเนื้อหาของพระอภิธรรมก็คือ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน ซึ่งแต่ละบทก็จะมีการพูดถึงในแง่มุมที่ต่างกัน ก็เลยเกิดความคิดว่าอยากจะลองสรุปรวบรวมมาไว้ เพื่อที่จะได้เห็นความเกี่ยวข้องต่อเนื่องได้ชัดเจนขึ้น ก็เลยเป็นที่มาของ blog group นี้ครับ ถ้าอ่านเจออะไรเพิ่มก็จะมี add blog ใหม่เป็นระยะๆครับ
จิต คือธรรมชาติที่รู้อารมณ์ หรือธรรมชาติที่ทำหน้าที่ เห็น ได้ยิน รู้กลิ่น รู้รส รู้สึกต่อการสัมผัสถูกต้องทางกาย และรู้สึกนึกคิดทางใจ จิตเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มองไม่เห็น สัมผัสด้วยกายไม่ได้ ไม่มีรูปร่างสัณฐาน สีสัน วรรณะใด ๆ แต่เป็นธรรมชาติชนิดหนึ่งที่มีอยู่จริงๆ เป็นปรากฏการณ์ของธรรมชาติฝ่ายนามธรรม ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับ ไปอย่างรวดเร็ว โดยอาศัยเหตุอาศัยปัจจัยต่าง ๆ ทำให้เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามกฎของธรรมชาติ
อารมณ์ หมายถึง เครื่องยึดหน่วงจิต อันได้แก่ รูป เสียง กลิ่น รส ฯลฯ ตลอดจนเรื่องราวต่าง ๆ ที่คิดนึก อารมณ์เป็นสิ่งที่ถูกจิตรับรู้ จิตเป็นผู้รู้
จิตที่เกิดแต่ละขณะ จะรับอารมณ์ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เช่น ในขณะที่เราดูโทรทัศน์ จิตที่เห็นภาพทางตา กับจิตที่ได้ยินเสียงทางหู เป็นคนละขณะกัน ขณะที่เห็นภาพ ก็จะไม่ได้ยินเสียง ขณะที่ได้ยินเสียงก็จะ ไม่เห็นภาพ แต่เพราะจิตเกิดดับสลับกันเร็วมาก จึงทำให้เราแยกไม่ออก และเข้าใจผิดว่า การเห็นและการได้ยินนั้นเกิดขึ้นพร้อม ๆ กัน จริง ๆ แล้วจิตแต่ละขณะ จะรับอารมณ์ได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
การทำงานของจิต จะมีการเกิดดับอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดสาย จิตดวงที่ ๑ เกิดขึ้นแล้วดับไป ต่อจากนั้นจิตดวงที่ ๒ ก็จะเกิดขึ้นติดต่อกันแล้วก็ดับไปอีก เป็นเช่นนี้ต่อเนื่องกันไปเรื่อย ๆ
ภาวะที่จิตเกิดดับสืบต่อกันเป็นกระแสนี้เรียกว่า "สันตติ" ขณะที่กระแสจิตไม่ออกมารับรู้เรื่องราว (อารมณ์) ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ จิตในขณะนั้นมีชื่อเรียกว่า "ภวังคจิต" ซึ่งเป็นจิตที่ทำหน้าที่รักษารูปนาม ในภพปัจจุบันไว้มิให้แตกทำลายไป จนกว่าจะสิ้นอายุจากภพนี้ แม้ในขณะหลับสนิท (ไม่มีการฝัน) หรือสลบไป ก็จะมีภวังคจิต เกิดดับสืบเนื่องกันตลอดเวลา อารมณ์ของภวังคจิต เป็นอารมณ์ที่สืบเนื่องมาจากเหตุปัจจัยในอดีตภพ
เมื่อใดก็ตามที่จิตออกมารับรู้ "อารมณ์" ทางประตู (ทวาร) ทั้ง ๖ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่อนั้นจิตจะขึ้นสู่วิถีซึ่งเรียกว่า วิถีจิต และเมื่อสิ้นสุดแต่ละวิถี ก็จะมีภวังคจิตที่คอยรักษาภพชาติเกิดคั่นอยู่ทุกครั้ง
จิต จะรับรู้ อารมณ์ ทางทวารทั้งหก จิตจะว่างจากอารมณ์ไม่ได้ เมื่อจิตเกิดขึ้นทุกครั้ง จะต้องมีอารมณ์ให้รู้เสมอ จิตคือตัวรู้ อารมณ์คือตัวถูกรู้ ถ้าไม่มีตัวถูกรู้ ตัวรู้ก็ย่อมไม่เกิดขึ้น ดังนั้น เมื่อมีการรู้ ก็ย่อมจะต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ อยู่ควบคู่กันด้วยเสมอไป
อ้างอิง: จิตคืออะไร
Create Date : 30 มกราคม 2549 |
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2549 22:43:10 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1468 Pageviews. |
|
|
|
โดย: หนุ่มร้อยปี IP: 203.107.204.166 วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:02:28 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของ blog (dharma ) วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:3:12:54 น. |
|
|
|
โดย: what for ^.~ วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:17:17:50 น. |
|
|
|
โดย: dharma วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:22:42 น. |
|
|
|
โดย: what for ^.~ วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:27:37 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของ blog (dharma ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:45:59 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของ blog (dharma ) วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:14:55:03 น. |
|
|
|
โดย: what for ^.~ วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:8:36:21 น. |
|
|
|
โดย: นกยูง IP: 202.28.245.84 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:20:38:48 น. |
|
|
|
โดย: เจ้าของ blog (dharma ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:23:51:05 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ครั้งแรกที่ผมเข้าเว็บของคุณไปดูประวัติ ไม่น่าเชื่อว่าคุณจะสนใจเรื่องธรรมะได้อย่างลึกซึ้งและแตกฉานอย่างนี้ เพียงแต่แปลกใจว่าทำไมคุณจึงใช้นามแฝงว่า Dharma มื่อมาอ่านเว็บของคุณเดี๋ยวนี้จึงไม่แปลกใจเลย
อ่านเรื่องที่คุณเขียนไว้น่าสนใจมาก สั้นกระชับ ได้เนื้อหาสาระครบถ้วน
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆที่นำมาฝากให้อ่าน
จะติดตามอ่านตลอดไปครับ ขอบอก