เรื่องการทอดกฐินยังไม่จบครับ
ฉากหน้าที่ญาติโยมทำพิธีถวายผ้ากฐินจบแล้ว
ขั้นตอนต่อไป พระท่านจะต้องนำผ้ากฐินไปตัดเย็บและย้อมจนสำเร็จใช้งานได้
พิธีทอดกฐินดูใน blog ก่อนครับ

ทอดกฐินวัดป่ามณีกาญจน์



การทอดกฐินนั้น วิธีการที่ถูกต้องตั้งแต่ครั้งพุทธกาล ก็คือชาวบ้านนำผ้าขาวไปถวาย
เมื่อคณะสงฆ์รับและอุปโลกน์แล้วว่าจะให้พระรูปไหน
ขั้นตอนต่อไปพระท่านต้องช่วยกันนำผ้านั้นไปตัด เย็บ ย้อม ให้เสร็จภายในวันนั้นเลย
โดยภิกษุผู้จำพรรษาในอารามแห่งนั้นทุกรูปต้องมาช่วยกันทำ ไม่ใช่ว่าพอเองไม่ได้แล้วจะหนีงาน
เพราะนี่เป็นสามัคคีธรรมอย่างหนึ่งของคณะสงฆ์
ในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าของเราท่านก็มาช่วยทำด้วย




สำหรับวัดป่ามณีกาญจน์ เสร็จพิธีทอดกฐินบนศาลากันราวๆ ๑๑ โมง พระท่านก็เริ่มตัดเย็บผ้ากันเลย
กฐินนั้นจะตัดเย็บผ้าชิ้นไหนก็ได้ครับ อาจจะเป็นสบง จีวร หรือสังฆาฎิ
แต่ส่วนใหญ่จะตัดสบงกันครับ ปลอดภัยดีว่ายังไงก็เสร็จทันแน่ๆ
ถ้าตัดจีวรนี่งานหนัก โดยเฉพาะวัดป่าใช้จีวร ๙ ขันธ์ ตัดยากเย็บยาก จะไม่ทันเวลา
อย่างที่เคยพูดไว้หลายครั้งว่าผ้าที่เหมาะกับการตัดจีวร คือ ผ้ามัสลิน เพราะบางเบา
เวลาหนาวกันลมหนาวได้ดี เวลาร้อนผ้าก็เย็นดี เวลาเหงื่อออก หรือเวลาซัก ผ้าก็แห้งเร็ว
คนเข้าวัดป่าส่วนมากรู้กันอยู่แล้วจึงเตรียมผ้ามัชลินมาถวายกัน
แต่ใครที่มองการณ์ไกลกว่านั้น รู้ว่าอย่างไรเสียพระท่านก็ต้องตัดสบงแน่ๆ ก็จะถวายเป็นผ้าซันฟอไรซ์
ผ้าซันฟอไรซ์ก็เป็นผ้าฝ้ายเหมือนกัน แต่หนาและหนักกว่าผ้ามัสลินเล็กน้อย จึงเหมาะกับการทำสบง
วันนี้พระท่านจึงหยิบเอาผ้าซันฟอไรซ์มาตัดสบงกันครับ




วัดขนาดและตัดกันบนพื้นหน้ากุฏิ
การจะตัดให้พอดีนี่เขามีสูตรคำนวนการวัดผ้าแต่ละชิ้นโดยเฉพาะ
ใช้ผ้าต่างชนิดกันมาตัดก็ต้องใช้สูตรต่างกัน พระที่ชำนาญท่านรู้ดี




ตัดเสร็จแล้วก็เริ่มเย็บ เย็บแล้วก็ตัด ตัดแล้วก็เย็บ
หลายขั้นหลายตอนดีเหมือนกัน




นี่เป็นตัวอย่างของคนที่ถวายผ้ากฐินแบบครบชุด
มีผ้าขาวผืนหนึ่ง เข็มเย็บผ้าชุดหนึ่ง กับสีย้อมผ้าสองสี
วัดป่าจำเป็นต้องใช้สีย้อมผ้า ๒ สี คือ สีเหลืองทอง กับสีกรัก
แต่...
ท่านเน้นว่าสีย้อมผ้าดีๆ ย้อมติดง่าย สีไม่เพี้ยน มี ๒ ยี่ห้อ
คือ สิงห์โต (มีแต่หน้า) กับนกแก้ว
ยี่ห้ออื่นมันย้อมติดไม่ค่อยดี อย่างในรูปนี่เป็นสิงโตคู่
งานนี้สิงห์โตมาเป็นคู่ หรือมาเป็นฝูง ก็สู้สิงห์โตตัวเดียวไม่ได้




ส่วนด้าย ถ้าเป็นด้ายสีขาวต้องเป็นตรา Ace & Ten ครับ
เพราะเป็นด้ายผ้าฝ้ายแท้ ส่วนยี่ห้ออื่นเป็นด้ายสังเคราะห์ เวลาย้อมสีจะไม่ค่อยติด
ย้อมเสร็จแล้วจีวรจะเห็นแนวเส้นด้ายสีขาวๆ ต้องรื้อเย็บกันใหม่
หรือจะถวายเป็นด้ายสีก็ได้ วัดป่าใช้ด้ายสีกรักเบอร์ 6686
ด้ายย้อมสีแล้วจะเป็นด้ายสังเคราะห์ก็ได้ เพราะไม่มีปัญหาเรื่องการย้อม




บ่ายสองโมงเสร็จกรรมวิธีตัดเย็บสบง
ขั้นตอนต่อไปคือการย้อมสี




เริ่มจากซักผ้าขาวเพื่อเอาแป้งออกให้หมดก่อน




ต่อไปจึงจะเป็นการย้อมรองพื้น
การรองพื้นนี่ใช้สีแก่นขนุน เป็นสีแท้ๆ จากธรรมชาติ
เอาแก่นขนุนมาต้ม จะได้น้ำย้อมผ้าสีแบบน้




เล็งก่อนว่าจะย้อมยังไง เพราะน้ำร้อนมาก




คนน้ำให้สีเข้ากันครับ




เริ่มกระบวนการย้อม ชักขึ้นชักลงเหมือนการชงกาแฟโบราณ




รูปอื่นจับแล้วปล่อยกันเป็นแถวเพราะร้อน
ย้อมสีตรงนี้จึงเป็นฝีมือครูบารัตน์เสียเป็นส่วนใหญ่




แต่พระวัดป่ามณีกาญจน์ไม่ชำนาญการย้อมผ้าครับ ปีนึงทำกันหนเดียว
พระอาจารย์กฤษณ์ท่านต้องมาสาธิตว่าต้องย้อมเยอะๆ หลายๆ ครั้ง ดึงผ้าให้ทั่วๆ สีจะได้เสมอกัน




แล้วก็เวียนช่วยกันทำ แบ่งกันร้อนให้ถ้วนหน้า




แค่ยกผ้าขึ้นยกผ้าลงสีจะยังไม่ค่อยเข้าเนื้อ ต้องช่วยกันขยำอีก
ขั้นนี้ยังร้อนนะครับ




เสร็จแล้วก็บิดน้ำสีแก่นขนุนออก




เทน้ำเก่าทิ้ง ตักน้ำต้มแก่นขนุนมาใหม่ เตรียมการย้อมสีจริง




ขั้นนี้ต้องผู้ชำนาญการเรื่องสีแล้วครับ ไม่งั้นสีจะเพี้ยน
อาจารย์เวทย์มานั่งเลือกสี บ่นว่ามันยี่ห้ออะไรเนี่ย




ท่านมีสูตรอีกครับว่าใส่สีเหลืองทองเท่าไหร่ สีกรักอีกเท่าไหร่
ย้อมแล้วสีจะได้เหมือนเดิม ได้มาตรฐาน




ใกล้ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว พระรูปอื่นๆ ก็ทะยอยเวียนมาช่วยงาน
ต้องช่วยครับ ไม่งั้นอาบัติ บางรูปมาช่วยนิดๆ หน่อยพอเป็นพิธีแล้วก็รีบไป
เพราะยังมีงานอื่นต้องทำอีกมาก




คนละไม้คนละมือ




หัวเราะคลายร้อน
ขั้นตอนเหมือนกับการย้อมสีรองพื้นรอบแรก



ย้อมเสร็จตอนบ่ายสองโมง
ฟ้าครึ้ม ฝนลงนิดๆ ไม่มีแสงแดดเลย
แล้วจะตากกันที่ไหนล่ะ




นี่เลย
ตากในโรงไม้ แล้วเอาพัดลมตัวใหญ่มาเป่า




เป็นอันว่าผ้ากฐินตัดเย็บและย้อมเสร็จเรียบร้อย
ขั้นตอนต่อไปคือพระที่รับกฐินต้องเปลี่ยนสบงมาครองสบงผืนนี้
อาจารย์กฤษณ์บอกว่าจะเปลี่ยนสบงตอนทำวัตรเย็น ให้มาถ่ายรูปอีกทีจะได้ครบสูตร

แต่ ผมกลับบ้านก่อน หลับเป็นตายเลย ลุกไปวัดอีกไม่ไหว
เลยได้ภาพมาเท่านี้ครับ


วันเสาร์นี้จะไปทอดกฐินที่วัดสวนป่าสิริธโรที่เขาใหญ่ต่อครับ