Bloggang.com : Siri_waT_bkk : จอมอสูร ๑

จอมอสูร ๑

กลับมาเล่าเรื่องสงครามระหว่างเทวดากับอสูรกันต่อ แต่หันไปมองจากมุมของฝ่ายอสูรกันบ้าง

พวกเทวดาเนวาสิกเจ้าถิ่นเดิมของสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หลังจากถูกเหวี่ยงตกสวรรค์ ก็หล่นไปกองรวมกันอยู่ใต้เขาสิเนรุ เขาสิเนรุนั้นสูง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ จมลงในมหานทีสีทันดร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ มีภูเขาสามเส้าหรือเขาตรีกูฏเป็นเสาค้ำอยู่ ด้านใต้ระหว่างเขาตรีกูฏจึงเป็นที่โล่งมีอาณาเขต ๑๐,๐๐๐ โยชน์ ขนาดเท่าๆ กับบนยอดเขาสิเนรุอันเป็นที่ตั้งของสุทัสสนเทพนคร

ณ ที่แห่งนี้เอง ทิพย์สมบัติก็ได้ปรากฏขึ้นแก่เหล่าเทวดาเนวาสิกตามบุญเก่าที่ยังมีอยู่ เทวดาเนวาสิกจึงได้อาศัยอยู่บริเวณนี้ เลิกดื่มเหล้า แล้วเรียกตัวเองว่า อสุร อสุรา หรืออสูร แปลว่าผู้ไม่ดื่มสุรา มีความสุขอยู่ในอสูรพิภพเสมอกับเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

กลางอสูรพิภพนี้มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งอุบัติขึ้น ซึ่งก็คงเป็นเพราะบุญของอดีตจอมเทพที่บัดนี้กลายเป็นจอมอสูรไปแล้ว เรียกต้นไม้นี้ว่า ต้นจิตติปาตลี หรือต้นแคฝอย

คราใดที่ต้นแคฝอยผลิดอก อสูรก็พลันหวนคิดถึงสรวงสวรรค์ว่าบัดนี้ต้นปาริฉัตต์ก็คงผลิบานแล้วเหมือนกัน เมื่อต้นปาริฉัตต์พวกเราเคยได้รื่นเรงกัน แต่บัดนี้เรากลับต้องมาอยู่ใต้เขาสิเนรุ คิดแล้วก็เกิดความแค้นพระอินทร์ จึงพร้อมเพรียงกันจัดทัพเตรียมไปรบกับเทวดาเพื่อทวงสวรรค์คืน

ทัพของอสูรมีจอมอสูรเป็นแม่ทัพ และยังมีแม่ทัพสำคัญอื่นๆ อีก เช่น ท้าวสัมพร ท้าวพลิ และอสุรินทราหู

ทัพอสูรเมื่อยกออกจากอสูรพิภพขึ้นมาที่ผิวมหานทีสีทันดร ก็รุกไล่รบกองทัพนาคอันเป็นทัพหน้าของฝ่ายเทวดาแตกกระเจิง ตีทัพครุฑ กุมภัณฑ์ ยักษ์ ถอยร่นไม่เป็นขบวนถึงหน้าสุทัสสนเทพนคร เผชิญหน้ากับทัพของท้าวมหาราชทั้งสี่

บัดนั้นพระอินทร์ก็เสด็จออกจากวิมานมารบกับอสูร พวกอสูรรบมานานเริ่มเหนื่อยล้าจึงสู้พระอินทร์ไม่ได้ ถอยร่นไม่เป็นขบวน เลิกทัพกลับอสูรสู่พิภพ

พระอินทร์ทรงมีเทวบัญชากับพวกเทวดาว่า ต่อไปหากพวกเทวดาเพลี่ยงพล้ำถูกอสูรรบไล่มาอีก ก็ขอให้มองดูยอดธงของท้าวมหาราช หรือดูยอดธงบนยอดเวชยันต์วิมานของพระองค์ พวกเทวดารับเทวบัญชาแล้ว ต่อมาเมื่อเกิดสงครามอีก หากทัพเทวดาเพลี่ยงพล้ำพอได้เห็นยอดธงนั้น พวกเทวดาก็พลันมีใจฮึกเหิมเหมือนมีพระอินทร์เสด็จมาอยู่ใกล้ๆ เกิดพละกำลังตีโต้กองทัพอสูรกลับไปได้ทุกครั้ง

อสูรกับเทวดารบกันบ่อยครั้ง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ แต่ไม่เคยถึงขั้นหาญหักยึดเทพนครได้

ครั้งหนึ่งเมื่ออสูรกำลังรบกับเทวดา จอมอสูรรับสั่งกองทัพอสูรว่าถ้าวันนี้อสูรเราชนะ พวกท่านจงจับพระอินทร์มัดแล้วพามาหาเรา ส่วนพระอินทร์ก็รับสั่งกองทัพเทวดาเหมือนกันว่าถ้าวันนี้เทวดาชนะ พวกท่านจงจับจอมอสูรมัดพามาหาเรา

สงครามครั้งนั้นทัพอสูรเป็นฝ่ายปราชัย จอมอสูรจึงถูกพวกเทวดาจับมัดพามาเฝ้าพระอินทร์ที่เทวสภา จอมอสูรเมื่อถูกจับมัดไม่อาจใช้กำลังได้ จึงใช้ปากเป็นอาวุธ ด่าว่าพระอินทร์ด้วยวาจาหยาบคาย

พระอินทร์ทรงสงบนิ่งสดับคำด่าของจอมอสูรโดยไม่ได้โต้ตอบเลย มาตลีเทพบุตรเห็นจอมเทพทรงสงบนิ่ง จึงกราบทูลว่า จอมอสูรผู้นี้ใช้วาจาหยาบคายต่อพระพักตร์ เหตุใดพระองค์จึงทรงสงบเฉย พระองค์ทรงอดทนได้ หรือเพราะไม่มีกำลังจะสู้ หรือเพราะความกลัว พระเจ้าข้า พระอินทร์ตรัสตอบว่า

ไม่ใช่ว่าเราไม่มีกำลัง และไม่ใช่ว่าเรากลัว แต่เราอดทนต่อถ้อยคำหยาบคายของจอมอสูร เราเป็นวิญญูชนจะไปโต้ตอบคำกับคนพาลเพื่อสิ่งใดกัน จอมอสูรเป็นคนพาล มีความโกรธ และขาดสติ เรายิ่งต้องใช้สติและขันติ สงครามที่ใช้กำลังรบกันเอาชนะกันได้ไม่ยาก แต่การเอาชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธนั่นสิยากยิ่งกว่า และการเอาชนะคนโกรธด้วยความไม่โกรธนั้นแหละจึงเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย

แล้วพระอินทร์ก็ทรงปล่อยจอมอสูรกลับไป

จบเท่านี้ก่อนครับ ตอนต่อไปจอมอสูรแพ้ทัพกลับไปพาลกับพวกฤๅษีจนถูกสาป จนได้ชื่อใหม่ว่าเวปจิตติอสูร

Create Date : 23 พฤศจิกายน 2552

Last Update : 23 พฤศจิกายน 2552 6:13:14 น.

2 comments

Counter : 1946 Pageviews.

ช่ายค่ะ เอาชนะความโกรธด้วยสติ คือไม่โกรธตอบ ลึกซึ้งๆ

มาคิดๆดู สุดท้ายของทุกสิ่ง ไม่ว่าการรบ หรือ ความรัก ฯลฯ ทุกสิ่งล้วนแล้วแต่ ต้องดับสิ้นไป

ไม่มีรักใด ความแค้นใดจะยืนยาวไปเกิน ชีวิตของคนคนนั้น

สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเหลือ....

โดย: ย่าชอบเล่า

วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:16:30 น.

นิ่งสยบมาร

โดย: tuk-tuk@korat

วันที่: 23 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:05:46 น.