|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
: : วันฝนพรำ..ที่บ้านพะเบี้ยว : :
ชีวิตคงน่าเบื่อเอาการ ถ้าเราต้องเดินทางไปบนถนนเส้นเดิม ทางสายเดิม จำเจ... ซ้ำซาก... ทุกวัน...ทุกวัน สามสิบวันในหนึ่งเดือน สิบสองเดือนในหนึ่งปี
ยิ่งถ้าใครไม่เคยเปลี่ยนที่เรียน ที่ทำงานเลยนานนับสิบปี วิวสองข้างทางที่ต้องพบเห็นทุกวันก็ยังคงเป็นวิวเดิมๆ ที่คุ้นเคย ทั้งถนนเดิม ป้อมตำรวจเดิม ไฟเขียวไฟแดงจังหวะเดิมๆ เผลอๆ เจอน้องหมามิดโรดตัวเดิมๆ เตร่ไปเตร่มาอยู่แถวๆ ที่เดิมนั่นแหละไม่ได้หายไปไหน...
วันดีคืนดี ก็อาจมีความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ทำให้ถนนสายเดิมมีสิ่งแตกต่างไปบ้าง อาทิเช่น มีการทุบตึกหรือสร้างตึก (ที่จะสร้างสวนสาธารณะ หรือทะเลสาบเพื่อการพักผ่อน น่าจะมีแต่ในฝัน) การรื้อเกาะกลางถนนเพื่อทำอุโมงค์ หรือการขุดท่อ เจาะถนน ฯลฯ (ใหม่มั้ยเนี่ย...)
นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ทำให้เหล่ามนุษย์เงินเดือนต้องลุกขึ้นมาลาพักร้อน เพื่อเดินทางไปเปลี่ยนบรรยากาศยังสถานที่ต่างๆ
หรือคนขี้เบื่อก็อาจจะเปลี่ยนงาน เปลี่ยนกิจกรรมที่เคยทำเป็นประจำ หรือคนช่างเบี้ยวก็จะลาป่วยการเมืองเอาดื้อๆ โดยอ้างว่าก็ชีวิตมันน่าเบื่อเหลือทน...
สำหรับคนทำงานบางอาชีพ ที่การเดินทางเป็นส่วนหนึ่งของหน้าที่ความรับผิดชอบ การได้เดินทางไปบนเส้นทางหลากจุดหมาย นับเป็นประสบการณ์ที่ทำให้เราได้กำไรชีวิตมากกว่าคนหลายๆ คนที่โอกาสไม่อำนวยให้เดินทางออกไปดูโลกกว้างได้บ่อยนัก
สำหรับเรา ที่หน้าที่การงานมีทั้งการนั่งโต๊ะ และการออกพื้นที่ผสมผสานกันในปริมาณที่พอเหมาะ ประสบการณ์เดินทางบนถนนสายหนึ่งที่ยังอยู่ในความทรงจำของเราไม่เคยลืม คือการไปทำงานในพื้นที่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ ในฤดูกาลที่ "น่าจะเป็น" ฤดูฝนของปี 2548
วันนั้นเราไปทำงานกันที่ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา "แม่ฟ้าหลวง" บ้านพะเบี้ยว ตำบลยางเปียง อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ (หาใน GPS ไม่เจอหรอกจ้ะ อยู่กลางป่ากลางดอย ทางเกวียนอีกต่างหาก)
เด็กนักเรียนชาวไทยภูเขาที่บ้านพะเบี้ยว ห้องเรียนบนภูเขามักเป็นแบบเรียบง่าย ใช้เรียนหนังสือได้จริงๆ ก็แล้วกัน บางแห่งพื้นยังเป็นดินอยู่เลย
หมู่บ้านพะเบี้ยว อยู่ห่างไกลจากตัวอำเภออมก๋อยมากพอสมควร ต้องนั่งรถโขยกเขยกไปตามทางดินแดงๆ ราวๆ 2 ชั่วโมงกว่าๆ โดยลดเลี้ยวไปตามทางแคบๆ บนไหล่เขาที่มีหุบเหวอยู่เบื้องล่างบ้าง เป็นทางราบในหุบเขาบ้าง (นั่งรถแค่นี้ ชิลล์... ชิลล์... สบายมากจ้ะ)
กว่าจะไปถึง กว่าจะทำงานกันเสร็จก็สี่โมงกว่า ฝนตั้งเค้าครึ้มมาเชียว (ใครน้า... นัดให้มาทำงานบนดอยในยามนี้โดยบอกว่า โฮ้ย... เดือนนี้ฝนยังไม่ค่อยมีร้อก)
เพิ่งจะออกหมู่บ้านได้สักห้านาที ก็เจอฝนตก จนทางดินสีแดงๆ เหล่านี้กลายเป็นลำธารน้อยๆ รับน้ำจากยอดเขา ไหลจ๊อกๆ สวนทางรถเราลงมายังกับเราแล่นรถขึ้นไปบนลำธารเล็กๆ...
เอ... แล้วรถเราจะไต่ขึ้นไปได้ยังไงกันเนี่ย ดินนุ่มๆ บนทางสีแดงๆ ก็เละยังกับครีมบนหน้าเค้ก น้ำก็ไหลลงมาเป็นสายๆ ซะขนาดนั้น
ฟ้ายังดูใส ฝนเริ่มพรำ ก่อนที่กลายเป็นกระหน่ำลงมาแบบม้วนเดียวจบ
หลังจาก พขร. ผู้ชำนาญการ ได้ลองใส่เกียร์โฟร์วีล ตะกุยดินขึ้นไปให้ล้อฟรีเป็นที่ระทึกใจแก่คนเมืองกรุงอยู่พักหนึ่ง ก็เห็นเป็นการเปล่าประโยชน์ที่จะตะกายขึ้นไปให้เสียแรงเสียเวลา
เราจึงจำเป็นต้องหลบรถข้างทาง ดับเครื่อง นั่งมองสายฝนสลับกับน้ำตกน้อยๆ บนทางดินไปพลางๆ รอให้ฝนซา อากาศก็เย็นฉ่ำแสนสบายเชียวกลางป่าขนาดนั้น...
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ในที่สุดฝนก็หยุดตกก่อนค่ำจนได้ น้ำที่ไหลลงมาจากเนินเขาก็ไหลช้าลง (ถึงไม่หยุดเราปลงแล้วว่าถ้าค่ำมืดกลางป่า เรายินดีย้อนกลับไปขออาศัยนอนที่ศูนย์การเรียนบ้านพะเบี้ยวดีกว่า ถุงนอนมีติดรถไว้อยู่แล้ว)
ระหว่างนั้น หัวหน้าทีมเราก็ ว. ถึงครูที่ศูนย์การเรียนบ้านพะเบี้ยว บอกเหตุว่ารถสามคันของคณะเราติดฝน ทางเละปีนขึ้นไม่ได้ เมื่อฝนหายแล้ว ขอแรงชาวบ้านช่วยเอาจอบมาขุดทางกันหน่อย
ฝนตกไม่หนักเท่าไร แต่น้ำไหลลงมาตามทางดินแรงเอาการ
ไม่นานเกินรอ เหล่าชาวบ้านใจดีก็พากันขมีขมันแบกจอบแบกเสียมมายังกับจะไปลงสวนไร่นา พวกเขามาเล็งหาจุดเหมาะๆ เล็งแนวขุดเพื่อทำทางให้รถเราขึ้นไปได้
ครูนิเทศของศูนย์การเรียนบอกว่า จุดเนินดินตรงนี้เป็นจุดที่มีปัญหาอุปสรรคเวลาฝนตกแถวบ้านพะเบี้ยวนี่ทุกที เพราะเป็นเนินลาดดินเลนอ่อน และเป็นแนวรับน้ำเวลาฝนตก
ปี 2551 นี้ที่เราไปบ้านพะเบี้ยวอีกที สันนิษฐานว่าปัญหาอุปสรรคข้อนี้คงจะได้รับการแก้ไขไปเรียบร้อยแล้ว เพราะทางถูกเกลี่ยให้ลาดกว้างขึ้น ชันน้อยลง รถจึงแล่นได้สะดวกกว่าเดิม (แต่วันที่ไปปีนี้ไม่ได้มีฝนเต็มรูปแบบอย่างปีนู้นนะ)
ครูนำทีมชาวบ้านแบกจอบมาช่วยกันขุดเกลี่ยดินให้แน่นพอที่รถจะตะกุยขึ้นไปได้
ชาวบ้านใช้จอบขุดทางอย่างคุ้นเคย กิจกรรมนี้อาจจะดูแปลกๆ สำหรับเราชาวเมือง แต่สำหรับชาวบ้านน่าจะเคยชินกันเป็นอย่างดี
พขร. ผู้มากด้วยประสบการณ์พารถไต่เลนขึ้นมาอย่างทุลักทุเลพอสมควร ให้พวกเรายืนลุ้นอยู่ข้างทางอย่างใจหายใจคว่ำ
ในที่สุดก็พ้นเนินเขาช่วงนั้นมาได้ด้วยดี ชาวคณะในรถสามคันจึงขอแวะพักตรงนี้หน่อย
นี่แหละคือความทรงจำจากการออกพื้นที่ ที่เราได้ประสบมาในช่วงหนึ่งของชีวิต ซึ่งแม้จะมีปัญหาอุปสรรคที่น่าใจหายใจคว่ำ แต่ที่น่าชื่นใจ คือ ความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านและทีมงานทุกคนในคณะ ที่ช่วยเหลือร่วมมือกันเป็นอย่างดีจนเราทุกคนผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้ด้วยความสวัสดิภาพ
ก้อ... เป็นข้อพิสูจน์ว่า โลกนี้ยังมีมิตรภาพและความดีงามอยู่อีกเยอะนะ... (เย้... ดีใจจัง)
Create Date : 15 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 21:51:50 น. |
|
1 comments
|
Counter : 2406 Pageviews. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 16 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:41:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ด้วยมิตรภาพ