..LiFe iS a jOuRnEy..
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
16 เมษายน 2553
 
All Blogs
 
: : บันทึกสนทนาสถาปนิก II : :

: : อาลัยเมืองกรุงอยู่ไย ไปปากช่องดีกว่า : :




วันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ (15 เมษายน 2553) บ้านเรายกขบวนเดินทางไปปากช่องกัน จุดประสงค์หลักคือพบสถาปนิกผู้เขียนแบบบ้าน จุดประสงค์รองคือ ไปให้พ้นๆ จากเมืองที่ถูก ..จุดจุดจุด.. ครองเมือง ... ออกจากกรุงเทพฯ แปดโมงครึ่ง ขึ้นทางด่วนไปทางถนนวิภาวดีรังสิต แล้วเลี้ยวเข้าบายพาสสระบุรี ระหว่างทางแวะกินข้าวที่ปั๊มใหญ่ริมทาง เรายังมีอาการปวดมวนท้องเสียอยู่ เลยได้แต่เดินกุมท้องเดินไปเดินมาหายาธาตุกิน ... น่าแปลกที่ในเซเว่น มียาหลายอย่าง แต่ไม่มียาธาตุ (สงสัยคนรุ่นใหม่จะไม่รู้จักแล้วกระมัง)



.. ทางแยกจากถนนมิตรภาพไปในหมู่บ้านละแวกตำบลพญาเย็น
สองข้างทางมีต้นไม้ใหญ่อยู่มาก ..


ทางเข้าไปโครงการที่ปากช่องเรา มีป้ายบอกทางไปวังน้ำเขียวด้วย เราเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยไปเองสักที เคยมีคนชวนไปดูที่ที่วังน้ำเขียวอยู่เหมือนกัน แต่พอรู้ว่าอยู่ไกลถึงปราจีนบุรีก็บอกศาลา เห็นจะไม่ไหว ปากช่องนี่ถือว่าใกล้กว่ามาก เดินทางก็สะดวก เพียงสองชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว ที่สำคัญคือ น้ำไม่ท่วมแน่ๆ

ตามตำราพยากรณ์ทั้งแนวดวงดาวศาสตร์ และธรณีวิทยาบอกไว้ว่า อีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า กรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนดินนุ่มๆ จะค่อยๆ จมลงใต้น้ำ หรือไม่ก็โดนน้ำทะเลที่เพิ่มปริมาณขึ้นมากกัดเซาะชายฝั่ง จนทำให้พื้นที่ดินของกรุงเทพฯ หายไปทีละน้อย พื้นที่ที่จะสูงเด่นเป็นสง่านั้นไม่ท่วม คือที่โคราช ขอนแก่น และเชียงใหม่ แต่เชียงใหม่ก็อาจจะเจอปัญหาแผ่นดินไหวบ่อยขึ้นเนื่องจากใกล้จะถึงรอบที่เปลือกโลกแถวๆ นั้นจะฮึ่มฮั่มคำรามกันอีกทีแล้ว ... นี่ทิเบตก็เริ่มๆ เจอล่วงหน้าไปบ้างแล้วเห็นไหม อีกไม่ช้าไม่นานหรอกก็คงจะถึงรอบของรอยเลื่อนสะแกงที่จะมีผลกระทบต่อเรามั่งหรอก .. ไม่ได้เป็นคำสาปแช่งของใครเลย แต่นี่มันคือปรากฎการณ์ธรรมชาติ เป็นเรื่องวิทยาศาสตร์ล้วนๆ ...

ชมนกชมไม้ไปพลางชื่นชมความเขียวขจีไปพลาง แม้ต้นหมากรากไม้จะดูแห้งแล้งตามสภาวะอากาศไปบ้าง แต่สองข้างทางแถวตำบลพญาเย็นก็ยังนับว่าเป็นเขตสีเขียวโดยแท้ คือไม่มีการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อทำการเพาะปลูกสักเท่าไหร่ เดาเอาว่า ชาวบ้านเจ้าของที่เดิมคงจะขายที่ให้คนเมืองกรุงเอาไปทำบ้านหลังที่สองกันเป็นส่้วนใหญ่แล้ว ซึ่งเจ้าของที่ใหม่ส่วนมากก็จะเก็บต้นไม้ไว้กัน โดยเฉพาะต้นไม้ใหญ่ๆ อย่างต้นก้ามปู



.. ต้นก้ามปูต้นใหญ่โตต้นนี้ยังยืนต้นตระหง่านอยู่กลางที่ที่กำลังได้รับการปรับเพื่อทำโครงการฯ (ของคนอื่นเค้าน่ะค่ะ) ..


ถึงปากช่องราวสิบเอ็ดโมง ตรงไปที่สำนักงานขายของโครงการที่ดินเลย อาศัยนั่งคุยกันในออฟฟิศเขานั่นละ จะให้ไปนั่งคุยกันกลางที่ดินเห็นจะไม่ไหว แดดร้อนเปรี้ยงออกขนาดนั้น จากแบบบ้านที่คุณ ล. สถาปนิกเขียนมาให้ดู มีจุดที่ต้องปรับเปลี่ยนพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นที่เห็นชอบกันแล้ว เพราะคุณ ล. เก่งมาก เขียนแบบได้อย่างที่เราต้องการเป๊ะๆ เกือบหมดทุกรายการ มีบางอย่างที่คุณ ล. ปรับแต่งให้ลงตัว หรือลงสเกลให้เหมาะสม

สนทนากับสถาปนิกเสร็จก็คุยกันเรื่องงบประมาณ เรื่องเงินๆ ทองๆ นี่เราไม่ค่อยถนัด ต้องยกหน้าที่ให้คนข้างๆ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ชำนาญการระดับเชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องของการเจรจาต่อรองและศิลปะในการจูงใจคน ไม่เว้นทั้งไทย แขก จีน ฝรั่ง ... เราเองนี่มีจุดอ่อนตรงนี้มากๆ เพราะความขี้เกรงใจคน และไม่ชอบยื้อ อะไรที่ถูกยื้อ เราพาลจะถอดใจเอาซะดื้อๆ คนข้างๆ ที่รู้นิสัยก็เลยมักจะขี่ม้าขาวมาช่วยรับหน้าที่ตรงนี้ไป



.. หนึ่งในต้นไม้ที่เราอยากได้ คือ ก้ามปู
แต่ใจหนึ่งก็กลัวเรื่องรากที่เขาว่ากันว่าไปไกล
ดีไม่ดีอาจจะไชชอนฐานรากบ้านเราได้ แต่กว่าจะถึงเวลานั้นก็คงอีกนาน ..





.. ร่มเงาของก้ามปูเมื่อโตเต็มที่แล้วจะร่มรื่นอย่างนี้เอง ..



สำหรับเรื่องการจัดสวน คุณ ร. จะช่วยดูแลให้ ระหว่างที่เตรียมปลูกบ้าน ยังไม่ควรจัดสวนนั้นแน่นอน แต่ต้นไม้ใหญ่ๆ ควรเริ่มคิดวางแผนได้แล้วว่า จะเอาต้นอะไรบ้าง และจะปลูกตรงไหน แหม..คนข้างๆ กับเราก็ไม่ค่อยจะรู้จักต้นหมากรากไม้สักเท่าไหร่เลย ที่แน่ๆ คือไม่อยากได้ต้นที่ใบร่วงเยอะๆ และอยากได้ไม้ที่ให้ร่มเงานี่ละ ... ก็ตกลงว่า คุณ ร. จะช่วยคิดรายการต้นไม้ใหญ่มาให้ ระหว่างนี้เราก็ควรจะต้องไปทำการบ้าน หาชื่อและหน้าตาต้นไม้มาให้กระทรวงการคลังทั่นอนุมัติก่อน ...



.. ตื่นจากจินตนาการ มาสู่โลกแห่งความเป็นจริงซะก่อน ..


ร่ำลาแยกย้ายกันไปแล้วเราก็ไปดูที่กันอีกรอบ คราวนี้ได้เห็นว่าโครงการทำตู้ไฟฟ้า มิเตอร์น้ำให้เรียบร้อยแล้ว ระดับดินบนที่ เราดูว่าขรุๆ ขระๆ พิกล แต่พอยืนบนถนนหน้าที่ เห็นเลยว่า ปลายสุดด้านในของที่อยู่สูงมาก คุณ ล. บอกว่า ประมาณสองเมตรกว่าถึงสามเมตร หมายถึง ที่เราเป็นที่เนินลาดลง จุดที่เราจะสร้างบ้านก็จะเป็นจุดสูงกว่าที่แปลงตรงกันข้าม จึงมั่นใจได้ว่า ถึงยังไงๆ บ้านที่จะปลูกฝั่งตรงข้ามก็ไม่บังวิวบ้านเราเป็นแน่



..มองไปไกลๆ เริ่มมีผู้คนมาปลูกบ้านเพื่อนกันประปรายแล้วบ้างเหมือนกัน
แบบบ้านแต่ละหลังก็ตามใจชอบ แต่ก็อยู่ในกรอบกติกาของโครงการฯ ..


ได้สังเกตว่า จากการเป็นที่ดินแปลงหัวมุม ทำให้เราเห็นวิวได้สองด้าน คือทิศเหนือกับทิศตะวันออก หน้าบ้านของเราก็จะเปิดชมวิวได้สองด้าน บริเวณส่วนใหญ่ของสวนจะอยู่ด้านตะวันออกของตัวบ้าน ก็จะได้รับแสงแดดยามเช้าส่วนช่วงบ่าย ตะวันเลยลับไปด้านหลังบ้านเรานู่น น่าจะทำให้บ้านเราเย็นสบายดีพอสมควร เย็นๆ ก็มานั่งรับลมหน้าบ้านได้ ไม่ต้องตากแดดหัวแดง

ในวันนี้ มีประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับการสร้างบ้านที่เราเพิ่งรู้ (ก็แน่ละ ไม่ได้เป็นสถาปนิกนี่นา แถมไม่เคยคิดสร้างบ้านของตัวเองซักหลัง) คือ



1. ปลูกบ้านที่นี่ไม่ต้องตอกเสาเข็ม เพราะดินแข็งมาก ใช้วิธีขุดหลุมหรือเจาะรูลงไปในดินแล้วก็ใส่เสาลงไป (แปลกดีแฮะ .. เคยเห็นแต่ปั้นจั่นตอกเสาเข็มโครมๆ แต่นั่นคือกรุงเทพฯ ซึ่งคงจะดินอ่อนกว่า)

2. แนวสิ้นสุดของตัวบ้านต้องอยู่ห่างจากรั้วบ้านทุกด้าน 3 เมตร (เราจะย้ายโรงรถไปอยู่ริมรั้ว แต่จะทำเป็นโรงต้นไม้อ่ะ คิดว่าเพื่อนบ้านคงไม่ว่าไรนะ)

3. ระบบระบายน้ำทิ้งจากตัวบ้านใช้วิธีซึมลงไปในดิน ไม่ยักกะมีท่อระบายน้ำทิ้งแฮะ (แปลกจริงๆ แล้วน้ำเสียมากมายจากบ้านต่างๆ มิไปกองรวมกันอยู่ใต้ดินหรอกหรือ)

4. ระบบไฟฟ้าของโครงการที่ดินเราใช้วิธีร้อยสายไฟใต้ดินจึงไม่มีเสาไฟฟ้าในโครงการเลยซักต้น แต่การจั๊มพ์ไฟเข้าบ้านแต่ละหลัง ต้องให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคของที่ปากช่องมาทำให้ทีละบ้าน ระหว่างนี้เจ้าของบ้านต้องซื้อไฟผ่านโครงการฯ ไปก่อน

5. ลมจะเข้าบ้านได้ต่อเมื่อมีทางออก ถ้าไม่มีหน้าต่างให้ลมเข้าทาง ออกทาง ลมก็จะไม่เข้าบ้าน

6. การคิดค่าใช้จ่ายในการสร้างบ้าน สถาปนิกจะร่างแบบขึ้นมาให้ดูก่อน เมื่อเจ้าของตกลงแบบได้แล้ว สถาปนิกก็จะทำร่างแบบสุดท้ายที่จะเป็นของจริงกันละ จากนั้นก็จะต้องปรึกษากับวิศวกรเพื่อคำนวณโครงสร้างทั้งหมด ทำค่าใช้จ่ายออกมา แต่เฉลี่ยๆ แล้ว ค่าก่อสร้างตัวบ้านเปล่าๆ รวมระบบไฟ ระบบน้ำ ผนัง หลังคา พื้น แต่ไม่รวมการตกแต่งภายในอะไรเลย ตกอยู่ที่ตารางเมตรละหนึ่งหมื่นบาท ... (เอื๊อก.. บอกแล้วว่าไม่เคยสร้างบ้าน)

ส่วนประเด็นต่างๆ ที่ขอให้ทางคุณ ล. ปรับแบบบ้านให้ มีดังนี้

ชั้นล่าง
1. ย้ายโรงรถไปอยู่ริมรั้วให้แยกส่วนจากตัวบ้าน
2. ขยายห้องน้ำรับแขกหลังบ้านให้ใหญ่ขึ้น
3. ทำประตูเข้าออกเฉลียงให้เป็นบานเลื่อนทั้งหมด
4. ลานที่จอดรถเดิม ทำเป็นลานปลูกหญ้าและแต่งต้นไม้นิดหน่อย สำหรับลานกางเตนท์ให้แขกที่อยากนอนเตนท์ได้ชมดาวชมเดือน หรือใช้เป็นลานบาร์บีคิวก็ย่อมได้

ชั้นบน
1. ขยายระเบียงห้องนอนและเพิ่มระเบียงห้องนอนเล็ก
2. ปรับการใช้สอยห้องน้ำสำหรับห้องนอนอีก 2 ห้อง
3. ทำประตูเข้าออกเฉลียงให้เป็นบานเลื่อนทั้งหมด

อือม์ ถือว่าปรับน้อยมากเลยนะนี่ ...


..ภาคผนวก..
..ร่างที่ 1 ของแบบบ้านเรา (ยังต้องปรับแก้อีก)..





..ที่ดินรูปสี่เหลี่ยมคางหมู (เป็นทรงถุงเงินถุงทองเสียด้วย) ..



..การวางผังบ้านลงที่ ดูเหมือนเต็มพื้นที่
แต่สถาปนิกบอกว่ากินพื้นที่แค่ 24% ของที่ดินเท่านั้นเอง..




..หน้าตาบ้านในอนาคต (โดยประมาณ) ..ก็ไม่ขี้เหร่เนอะ..



Create Date : 16 เมษายน 2553
Last Update : 16 เมษายน 2553 12:30:55 น. 4 comments
Counter : 2197 Pageviews.

 


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 16 เมษายน 2553 เวลา:12:48:38 น.  

 


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 16 เมษายน 2553 เวลา:13:31:03 น.  

 

ตามมาเร็คคอทบันทึกการสนทนาด้วยคนจ้า
ได้ความรู้ดีจังค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 16 เมษายน 2553 เวลา:20:58:38 น.  

 
ยาธาตุที่ว่านี้คือยาธาตุน้ำแดงหรือเปล่าคะ ต้นก้ามปูหนูเห็นแล้วนึกถึงต้นฉำฉาที่โรงเรียนสมัยประถม ดีที่ไปเสริทหาชื่อดูก่อนเลยรู้ว่ามันก็ต้นเดียวกันนั่นเอง หลายชื่อจริง สูงใหญ่ แข็งแรงและให้ร่มเงาดีมาก ๆ เลยค่ะ เรื่องบ้านใหม่ปี้มารูนก็ค่อย ๆ เดินหน้าไปเยอะเลย เห็นแล้วยุ่งยากเอาการเพราะเริ่มจากศูนย์ ที่ดินเปล่า ๆ ทางเหนือแถวบ้านนอกเช่นบ้านหนูเป็นต้น เวลาจะสร้างบ้านก็ทำกันเองค่ะ 555 เรื่องจริง ยกตัวอย่างเช่นบ้านหนูที่เชียงราย มีสองหลัง หลังหนึ่งอยู่ในหมู่บ้าน อีกหลังออกไปไม่ไกล พ่อหนูช่วยกันสร้างเองกับมือกับสล่าหรือช่างสองสามคนในหมู่บ้านแหละค่ะ น่าแปลกคือมันไม่ได้ถูกหลักการใดนักเพราะไม่มีใครจบสถาปัตฯอะไรมาเลยแต่เราก็อยู่กันได้ ยังไงก็จะตามติดบล็อกบ้านปี้แดงไปเรื่อย ๆ ค่ะ เอาไว้เป็นความรู้ไปด้วย ลุ้นไปด้วย อยากเห็นไวไว ^^


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 18 เมษายน 2553 เวลา:0:21:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Devonshire
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add Devonshire's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.