..LiFe iS a jOuRnEy..
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
12 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
: : พักใจในเมืองน่าน : :


น่าน..เป็นเมืองเหนือที่เราไม่ค่อยได้ไปเยือนบ่อยนัก
ถ้าไม่ได้เดินทางไปทำงานก็ไม่เคยคิดจะไปเที่ยวเลยละ
ด้วยความที่เป็นเมืองที่ผู้คนยังรู้จักน้อย การเดินทางไปก็ไม่ใช่ง่าย
ทิศทางก็ไม่คุ้นเคย สถานที่ท่องเที่ยวเก๋ๆ เท่หรูก็มีน้อย
แต่ที่ไหนได้ เมื่อเดินทางไปถึง ได้ใช้เวลากับตัวเมืองน่านแล้วถึงได้พบว่า
... ความเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ นี่ละ เป็นเสน่ห์ที่น่ารักของเมืองน่าน ...

ปกติไปทำงานที่น่าน เราไม่ค่อยจะมีเวลาเหลือให้เที่ยวเมืองน่านสักเท่าไหร่
เพราะกว่าจะเดินทางจากเมืองหลวง ไปถึงน่านก็ค่ำแล้ว
เช้าขึ้นมา อย่างเก่งก็ได้เดินไปเที่ยวในตลาด ใส่บาตร ซื้อขนมนิดๆ หน่อยๆ
ไปกินติ่มซำชื่อดังละแวกถนนสุมนเทวราช หรือกินก๋วยเตี๋ยว ข้าวต้มไปตามเรื่อง
จากนั้นก็ต้องรีบตะกายขึ้นเขาไปอำเภอบ่อเกลืออย่างรวดเร็ว

ไปน่านครั้งล่าสุดนี้ (ปลาย พ.ย.- ต้น ธ.ค. 2552) ทีมงานเราจัดเวลากันไปๆ มาๆ
เรากับเพื่อนร่วมงานก็ได้มีเวลาว่างให้เป็นอิสระตามอัธยาศัยช่วงบ่ายถึงเย็นเลยเชียว
เราก็เลยชวนเพื่อนไป "วัดภูมินทร์" ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่มีชื่อเสียงของเมืองน่าน
ได้ยินชื่อมานานว่าวัดนี้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเหนือ
เคยเห็นแนวงานภาพวาดนี้ในรูป ในภาพวาดหลายแห่ง ก็ดูเป็นงานศิลป์ที่แปลกตา
คราวนี้ละ จะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองสักที ...



เพื่อนกับเราออกเดินจากโรงแรม "เทวราช" ที่พักของเรากลางแสงแดดยามบ่ายร้อนเปรี้ยงๆ
ถนนหนทางในเมืองน่านไม่เปลี่ยวเงียบจนน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้จอแจขวักไขว่เหมือนเมืองใหญ่
ที่แน่ๆ คือ ไม่มีควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ ร้อนแดดหน่อยแต่ก็มีลมเย็นสบายๆ
เดินไปเรื่อยๆ ยังไม่ทันเหนื่อยแฮ่กๆ เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาแป๊บนึงก็ถึง "วัดภูมินทร์"



บริเวณด้านหน้าวัด มีแผงขายของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ คนที่มาขายก็เป็นคนน่านนั่นเอง
ของที่มาขาย ก้มักจะทำเป็นภาพวาดแนวจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์
มีโปสการ์ดรูปสถานที่เด่นๆ ของน่าน เช่น ทางลอยฟ้า บ่อเกลือ เราก็ซื้อกลับมาสองสามใบ
ส่วนภาพวาดแนวจิตรกรรมวัดภูมินทร์ เราก็ซื้อภาพวาดบนแผ่นไม้เล็กๆ กลับมาแผ่นนึงเป็นที่ระลึก



วัดภูมินทร์สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2139 โดยเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์
สร้างขึ้น หลังจากขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปี
ปรากฏในคัมภีร์เมืองเหนือว่าเดิมชื่อ "วัดพรหมมินทร์"
ซึ่งเป็นชื่อของเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ผู้สร้าง
แต่ตอนหลังชื่อวัดได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็น "วัดภูมินทร์"



ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนเป็นหนึ่งเดียวในประเทศไทย
คือ เป็นพระอุโบสถและพระวิหารสร้างเป็นอาคารหลังเดียวกัน เป็นทรงจตุรมุข
กรมศิลปากร สันนิษฐานว่าเป็นอุโบสถจตุรมุขหลังแรกของประเทศไทย
นาคสะดุ้งขนาดใหญ่ แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้บนกลางลำตัว
ตรงใจกลางพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์
ประทับบนฐานชุกชี หันพระพักตร์ออกด้านประตู ทั้งสี่ทิศ เบื้องพระปฤษฎางค์ชนกัน
ภายในพระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังศิลปกรรมไทลื้อ ที่เล่าเรื่องชาดก ตำนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต

(ขอบคุณข้อมูลจาก //www.moohin.com จ้า...
เราฟังจากมัคคุเทศก์เล่าแล้วลืมจด เอกสารก็หาย
แต่จำได้ว่าน้องเขาเล่ามาก็ประมาณๆ นี้เลย)




พระพุทธรูปที่เป็นพระประธานในโบสถ์ งดงามมาก เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย สี่องค์ หันพระพักตร์ไปสี่ทิศ
เกิดมาเราเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก เป็นบุญตาและประทับใจจริงๆ



พระพุทธรูปที่ประทับด้านล่างของฐานชุกชีก็งามมาก...



เราเดินๆ ถ่ายรูปไปรอบๆ โบสถ์ โดยไม่ใช้แฟลชสักพักหนึ่ง
ก็มีน้องผู้ชายคนนี้เข้ามาถามว่า เราเป็นผู้สนใจงานจิตรกรรมหรือ
ทำไมถึงรู้ว่าถ่ายภาพจิตรกรรมโบราณไม่ควรใช้แฟลช
เพราะแสงแฟลชอาจไปทำลายสีบนภาพได้ เราก็บอกว่า อ๋อใช่ เรารู้
น้องเขาก็เลยแนะนำตัวเองว่าเป็นมัคคุเทศก์ท้องถิ่น
เป็นเด็กนักเรียนน่าน (เราดูจากบัตรที่คล้องคออยู่ก็คงใช่ละ)
ก็เลยร่ายยาวแนะนำความเป็นมาของแต่ละภาพอย่างละเอียด
(แต่เราจำไม่ได้เลยแฮะ)



ภาพ"กระซิบ" ของ "ปู่ม่าน ย่าม่าน" เป็นภาพชายใช้ 2 มือจับบ่าหญิงสาว
ทำท่าทางเหมือนจะกระซิบกระซาบกับหญิงสาวที่ชม้ายตามองอย่างแช่มช้อย



ภาพจิตรกรรมชายหนุ่มถือบุหรี่ "ขี้โย"



ภาพนี้งดงามแบบอีโรติคนิดหน่อย



นี่ก็ภาพจิตรกรรมวัดภูมินทร์เช่นกัน

...รายละเอียดเรื่องจิตรกรรมฝาผนังโบสถ์วัดภูมินทร์ เราจำที่มัคคุเทศก์เล่ามาไม่ได้เสียแล้ว
แต่เห็นมีวารสารเมืองโบราณเขียนไว้ น่าจะเป็นฉบับที่เชื่อถือได้มากที่สุด
จึงขอใส่ลิงค์ไว้ตรงนี้ ... (คลิกที่รูปด้านล่าง) ...





เสร็จจากชมจิตรกรรมวัดภูมินทร์
เพื่อนกับเราก็ไปนั่งรถรางชมเมืองน่านกัน



ค่าขึ้นรถรางถูกมากๆ แค่คนละสามสิบบาทเอง
คนขับเป็นหนุ่มหน้ามน สวมหมวกคาวบอยเท่เชียว
และมีมัคคุเทศก์สาวน้อยหน้าใส คอยแนะนำสถานที่สองข้างทาง



เราประทับใจสองข้างทางถนนหนทางในเมืองน่านมาก
สะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ ไม่มีขยะมูลฝอย ไม่มีหาบเร่แผงลอย
ผู้คนก็จะยิ้มแย้มแจ่มใสกัน เหมือนกับจะรู้จักกันทั้งเมืองเลยมั้ง



รถรางแล่นรอบเมืองน่านประมาณชั่วโมงหนึ่ง มีแวะให้ลงไปเที่ยวตลาดด้วย
รถรางจะผ่านชุมชนเล็กๆ หลายแห่งมาก มีบ้านไม้หลังไม่ใหญ่โต
ส่วนใหญ่เป็นรั้วต้นไม้กัน ผ่านแม่น้ำน่านด้วย น้ำใส และดูสะอาดมาก



เมืองน่านนี้อุดมไปด้วยวัด รถรางผ่านวัดมากมาย
สวยๆ ทั้งนั้น ไม่ต่ำกว่าสิบวัด



จบทริปแล้ว รถรางมาส่งที่หน้าวัดภูมินทร์เหมือนตอนขึ้นรถ
เราก็เดินกลับโรงแรมแบบสบายๆ
อิ่มอกอิ่มใจ สบายใจกับการได้เดินเล่นนั่งเล่นชมเมืองน่าน
เมืองเล็กที่น่ารัก และเราก็มีความหวังว่า
น่านคงจะไม่กลายไปเป็นเมืองจอแจแออัดอย่างบางเมืองในระยะเวลาอันใกล้นี้



: : บันทึกหลังเที่ยงคืน : :
..12 มีนาคม 2553.. 00.49 น...


ช่วงเวลานี้ เหตุการณ์ สถานการณ์ และสภาวการณ์อะไรต่อมิอะไรรอบๆ ตัว
คงจะเข้าเป็นบรรยากาศไม่น่าอภิรมย์นักสำหรับคนรักความสงบอย่างเรา
โดยเฉพาะต้องตกอยู่ภาวะจำยอมประเภทถนนหนทางปิด หรือจราจรติดขัด
อย่ากระนั้นเลย เราก็ได้ขนแฟ้มงาน เซฟงานใส่ฮาร์ดดิสค์เคลื่อนที่กลับมาบ้านแล้วละ
วันศุกร์ที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓ (วันเกิดลูกชายเราพอดี) ก็จะได้อยู่ทำงานที่บ้านไปพลางๆ

เขียนบล็อกว่าด้วยอมก๋อยมาหลายบล็อก
จริงๆ แล้วยังมีเมืองอื่นๆ ที่น่ารักไม่แพ้อมก๋อยอีกตั้งมากมาย
วันนี้เลยนึกถึงเมืองน่านที่เราชื่นชอบในความเป็นเมืองที่ไม่มีมลพิษอย่างเมืองใหญ่ทั่วๆไป
เราเคยเขียนบล็อกเมืองน่านไว้นิดเดียวเมื่อปลายปีก่อน
คราวนี้เลยมาขยายความเสียหน่อย

...คลิกที่รูป เพื่อชมบล็อก "น่านที่น่าฮัก"...

ไว้ตอนหน้าคงได้เขียนถึงอำเภอบ่อเกลือ อำเภอเล็กๆ ในขุนเขาเมืองน่านมั่ง

..สุขสันต์วันสีฟ้าค่ะ..



: : บันทึกใกล้เที่ยงวัน : :
..13 มีนาคม 2553.. 11.45 น...


เมื่อวานนี้ (ศุกร์ 12 มี.ค.53) ตื่นสายโด่งเกือบเจ็ดโมงครึ่ง (เพราะตั้งใจอยู่แล้วว่าจะทำงานที่บ้าน) ด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือ ปรากฎว่าเพื่อนที่ทำงานโทร.มาถามว่ามาถึง (ที่ทำงาน) หรือยัง จะถามว่ารถติดไหม เขามาโล่งตลอดรถไม่มีเลย เราก็บอกว่า เราอยู่บ้าน (ไม่ได้บอกว่ายังหลับอยู่ ตื่นเพราะคุณโทร.มาเนี่ย) ว่าจะไปทำงานอยู่เหมือนกัน แต่ยัยลูกสาวมีกิจต้องให้พาไปหาหมอ ก็เลยไม่ไปละ ต้องขับรถไปๆ มาๆ ไม่ไหว เพราะไม่รู้ว่าจะเจอรถติดละเปล่า

ออกจากบ้านราวแปดโมงครึ่ง พาลูกไปหาหมอ ฉีดวัคซีนสองเข็ม แถมด้วยหาหมอสิว หมดไปห้าพันกว่าบาท ... เอื๊อก... แวะขึ้นไปกินข้าวเที่ยงที่โรง'บาล แล้วกลับมาทำงานที่บ้านช่วงบ่าย ... ก็ได้งานเนื้อๆ ได้เรื่องได้ราวดีเหมือนกัน อยู่ที่เราละเนอะว่าจะมีวินัยในการทำงานแค่ไหน ... ระหว่างนั้นก็ส่ง MSN คุย (เรื่องงาน) กับเพื่อนร่วมงานเป็นระยะๆ ช่วงบ่ายๆ ได้ยินเสียงโห่ร้อง กับโทรโข่งจากถนนใหญ่ โผล่หน้าออกไปดู ก็เห็นขบวนรถมอเตอร์ไซค์ รถกระบะ รถแท็กซี่ผ่านเข้าไป มีการโบกธงชาติด้วย ... เออ .. ตามสบายเหอะ ... เมื่อวานนี้เป็นวันเกิดลูกชายด้วย ตอนเย็นเลยไปกินกันที่ "ปัน ปัน" ซอย 33 กลับมาดูข่าวนิดหน่อย ไม่อยากดูเยอะ ดูแล้วมึนหัว สองทุ่มดู Midsomer Murders แล้วเราก็ปิดคอมฯ ละ จ้องหน้าจอคอมฯ นานๆ ไม่ค่อยไหว

วันนี้ตื่นเช้ามา บรรยากาศทั่วไปก็ดูเงียบสงบดี กิจวัตรวันเสาร์ของเราก็เรียบง่ายตามสไตล์ ... ลงมาชั้นล่าง เอาหนังสือสามเล่มจากห้องนอนมาเก็บใส่ตู้ คนข้างๆ ลงมาชงกาแฟ เราก็เอาครัวซองต์มาเข้าเตาอบ ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว แปดโมงครึ่ง พาลูกอีกสองคนไปโรง'บาล (อีกแล้ว) มีรายการฉีดวัคซีน กระตุ้นภูมิคุ้มกัน คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก อีสุกอีใส สองคนๆ ละ สองเข็ม เป็นเงินห้าพันเจ็ดร้อยกว่าบาท ... เฮ้อ .. นี่ถ้าหาตังค์ไม่ได้ทำไงกันเนี่ย

..สุขสันต์วันสีม่วงค่ะ..


: : บันทึกวันสีแดง : :
..14 มีนาคม 2553 .. 17.55 น.


ช่วงเวลานี้ ไม่ว่าใครในเมืองไทยก็คงรู้สึกแย่ๆ เหมือนกันหมด อะไรต่ออะไรมันช่างไกลเกินกู่กลับ
การเจรจาไม่น่าจะช่วยอะไร ตราบใดที่แต่ละคนก็มีแต่ความยึดมั่น ถือมั่นในความคิดของตัวเป็นหลัก
แม้จะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าทางใด เราเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ อนาถใจไปกับชะตากรรมของประเทศไทยในวันนี้
วิธีเดียวที่จะทำให้หายเซ็ง ก็คือต้อง "ทำใจ" ให้ได้ว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะไป ใครจะมา มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบถึงเราโดยตรงอยู่แล้ว
เราก็ยังมีหน้าที่ความรับผิดชอบในการงานเหมือนเดิม ไม่ต้องไปสนใจว่าใครจะมาครองเมือง
เอาจิตใจจดจ่อกับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย และปฏิบัติงานของเราต่อไปให้ดีที่สุด
เราไม่เคยคิดว่า "ความเปลี่ยนแปลง" ใดๆ จะสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนธรรมดาๆ อย่างเราทั้งหลาย ได้อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ
เพราะ "อำนาจ" , "เงินตรา". "เกียรติยศ" และ​"ศักดิ์ศรี" ล้วนแต่เป็นเปลือกนอก และเป็นภาพลวงตาให้เราเป็นปลื้มยามได้รับ เป็นกังวลยามสูญเสีย
อยู่กับตัวตนที่แท้จริงของตัวเราเอง ... จะมิมีสุขมากกว่าอยู่กับ "เปลือก" ประดามีเหล่านั้นหรอกหรือ




Create Date : 12 มีนาคม 2553
Last Update : 14 มีนาคม 2553 17:58:54 น. 23 comments
Counter : 3130 Pageviews.

 


อรุณสวัสดิ์ค่ะ อย่าลืมยิ้มหวานต้อนรับวันใหม่นะ เพราะจะทำให้วันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวันที่มีแต่สิ่งดีๆ.....

วันนี้มีเซ็ตธีมน่ารักหวานๆมาฝากกันค่ะ คลิ๊กเลยจ้า


โดย: meku วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:4:34:04 น.  

 



สังเวียนคน

ตอน 14. ธนูมือ



อะไรคือธนูมือ ? มีความสำคัญกับวงการหมัดมวยอยางไร?

แล้วมันเกี่ยวอะไรกับไอ้ตงด้วย

คงต้องไปติดตามเสียแล้ว...




โดย: ลุงแว่น วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:7:07:19 น.  

 
ยอดเยี่ยมมากครับ รายละเอียดเยอะดี อ่านไปก็ได้ความรู้ไป
แปลกใจกับคำว่า" ฐานซุกชี "นะครับทำไมน๊าเค้าถึงตั้งชื่อแบบนั้น ฟังดูเหมือนเอาแม่ชีไปซ่อนไว้ในโบสถ์เลย

รถรางนั่นดีจัง น่าใช้บริการ ได้ชมเมืองน่านทั่ว ๆ โดยไม่ต้องเหนื่อย แต่เอ มันไม่ได้วิ่งบนรางใช่มั๊ยครับ

ถ่ายภาพได้สวยครับ มือนิ่งดีขนาดไม่ใช้แฟลชภาพยังชัดแจ๋ว ชอบที่เล่าเรื่องประกอบภาพฝาผนังนั่น ไม่อย่างงั้นคงดูไปเพลิน ๆ แต่พอมีคำอธิบายเพิ่มมาทำให้ภาพน่าชมขึ้นอีกเยอะเลย


โดย: น้ำ-ฟ้า-ป่า-เขา วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:8:25:13 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:9:40:00 น.  

 
ถ้าให้จัดอันดับ เมืองที่ประทับใจ ป้าวรรณยกให้เมืองน่านเป็นอันดับ 1 ค่ะ
เคยไป เมื่อหลายปีที่แล้วค่ะ แล้วจะหาโอกาสไปอีกให้ได้อีกครั้งค่ะ
ยิ่งได้ฟังเพลง "น่านน่ะสิ" ของพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ยิ่ง อิน เข้าไปใหญ่ค่ะ ขอบคุณที่นำภาพประทับใจมากฝากค่ะ


โดย: ป้าวรรณ (a_jwan ) วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:9:42:22 น.  

 
เมืองน่านดูสงบน่าอยู่จังค่ะ
อ่านแล้วอยากไปเที่ยวซักครั้ง


โดย: ฟินนี่ วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:9:43:36 น.  

 
ธรรมจักร... จักร คือ ธรรม, วงล้อธรรม หรือ อาณาจักรธรรม
หมายถึง เทศนากัณฑ์แรกที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่พระปัญจวัคคีย์
ปฐมเทศนานั้นมีนามว่า ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร

ขอให้ทุกท่านมีความสุขในการดำเนินชีวิต ท่ามกลางวงล้อแห่งธรรม
คิด-ปรารถนาทำการสิ่งใดอันสุจริต จงสำเร็จสมความปรารถนาทุกประการ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:10:46:46 น.  

 
เมืองน่านน่าเที่ยวจังครับ

ชอบรูปวาดผนังน่ะ สวยมาก

ยังไม่เคยผ่านไปจริงๆจังๆสักที


โดย: Dingtech วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:14:33:54 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ขอตามมาเที่ยวชมเมืองน่านด้วยคนค่ะ
เห็นภาพแล้วยิ่งทำให้อยากไปเยือนสักครั้งค่ะ


โดย: mamminnie วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:17:15:01 น.  

 
เคยไปนานมากโข ไปขันหมากเพื่อนไปแต่งภรรยาที่โน้น จำได้ว่าเป็นหมู่บ้านเชิงเขา ทำไร่ยาสูบด้วย

น่าน .. บรรยากาศยามเช้า สุดยอดเลยแหละ


โดย: tiensongsang วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:20:38:57 น.  

 

เคยไปทำงานที่จ.น่าน
แล้วชอบวิถีชีวิตที่เมืองน่านมากๆ
ชอบการวางผังเมืองที่เป็นระเบียบแบบแผน
ดูเรียบง่ายแค่สงบดีค่ะ
เคยไปไหว้งาช้างที่วัดนี้
ยังติดใจบันไดนาคที่หน้าโบสถ์
แวะมาบอกว่าหลับฝันดีนะคะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 12 มีนาคม 2553 เวลา:21:57:39 น.  

 
กำลังจะกลับบ้านค่ะพี่แดง
แวะมาอรุณสวัสดิ์พี่ก่อน

เมืองน่านนี้ดูน่ารักนะคะ
พักหลังเห็นคนพูดถึงกันมากขึ้น
อีกหน่อยจะฮิตเหมือนปายและเชียงคานหรือเปล่านะ


เมืองแบบเมืองน่านนี่น่าอยู่นะคะ
ชีวิตเดินช้าและสงบดี
ดูเมืองเขาสะอาด น่าสบายใจค่ะ



โดย: SevenDaffodils IP: 65.160.41.6 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:6:37:53 น.  

 
เคยไปน่าน แค่ 2 ครั้งเองครับ แต่ชอบมากๆเลย สงบดี ผมชอบวัฒนธรรมทางศาสนาของภาคเหนือมากเลยครับ
เอามาลงเรือยๆนะครับจะรอดูอีก


โดย: aodbu วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:8:16:44 น.  

 

มาเยี่ยมชม มาทักทายครับ

มาตามเที่ยวเมืองน่านด้วยคนครับ

โรงแรมที่พักชื่อเพราะมาก ๆ เลยครับ วัดที่พาไปชมก็น่าสนใจดีครับ ผมยังไม่เคยไปเที่ยวที่น่านเลยครับ

วันนี้แถวบ้านผมที่อยู่ชานเมืองกรุงเทพฯ เงียบเหงามาก ๆ เลยครับ

อิอิ


โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:14:54:28 น.  

 
ดูเป็นอีกสถานที่ที่น่าไปเยือนนะคะ กำลังสด ๆ อยู่ก่อนที่จะกลายเป็นปาย

(ว่าไปแล้ว ปายก็ยังไม่เคยไปเลยค่ะ)

ลำปาง ลำพูน น่าน เป็นจังหวัดที่น่าสนใจเหมือนกันนะคะ


โดย: รัชชี่ (รัชชี่ ) วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:15:23:10 น.  

 
สวัสดี...ค่ะ

อากาศร้อน...บรรยากาศร้อน...แต่เราไม่ร้อนตาม..นะคะ

สุข หรือ ทุกข์ ล้วนอยู่ที่ใจของเรา ไม่มีใครบังคับเราได้
อยู่ที่ตัวเรา ว่าจะเลือกรับเอาความสุข หรือความทุกข์ ไว้กับตัวเอง

โชคดี มีความสุข...ค่ะ




โดย: พรหมญาณี วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:17:07:15 น.  

 
แวะมาอ่านบันทึกของพี่แดงค่ะ
โอ้โหค่ายาแพงจริงๆค่ะ นึกถึงเงินเดือนตัวเองตอนสมัยอยู่เมืองไทยเมื่อสิบปีที่แล้ว (ถึงอยู่ต่อก็คงไม่เพิ่มเท่าไหร่หรอก) ป่วยทีไรสงสัยจะต้องกินหญ้าแบบน้องแมวค่ะ

ที่นี่ค่าใช้จ่ายใหญ่ที่สุดก็เป็นเรื่องค่าเช่าบ้านนี่ล่ะค่ะ ครึ่งหนึ่งของเงินเดือนพอดิบพอดี เฮ้อ

เช้าวันเสาร์ทางนี้ค่ะ เมื่อคืนฝนตกลมแรงเป็นพายุเช้านี้ยังอึมครึมอยู่ค่ะ

ลงไปหารูปสไลด์มาทำแท็กมัธยมหลายทีแล้ว หารูปสมัยเรียนไม่ได้เลยค่ะ ต้องไปคิดใหม่ว่าจะเขียนออกมาเป็นยังไงดีค่ะ

พอลงไปดูรูปเก่าๆ เห็นรูปสมัยเก่าๆที่พี่หมีถ่ายไว้ สวยๆทั้งนั้นเลยค่ะ แหม น่ารื้อกรุมาอวดจริงๆ 7


โดย: SevenDaffodils IP: 68.48.3.234 วันที่: 13 มีนาคม 2553 เวลา:22:26:47 น.  

 

สังเวียนคน

ตอน 15 ขุนเข่าไร้น้ำใจ




งานนี้ไอ้ตงเจอศึกหนักที่สุดในชีวิต

ดูแล้วท่าจะแย่ ยังไงก็ช่วยไปเชียร์กันหน่อยครับ...


โดย: ลุงแว่น วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:7:25:52 น.  

 
ได้อ่านบล็อกของพี่แดงแล้วบอกได้เลยค่ะว่าพู่สบายใจ
มากมายเลยค่ะ และคิดอยากจะหาทางเหมือนกัน
ในการไปพักผ่อนแบบเน้นๆ เรื่องความเงียบ สงบ
และการได้อยู่กับตัวเอง...และคิดว่าการได้อยู่กับตัวเองแบบนี้
มันทำให้เราได้อะไรหลายๆ อย่าง อย่างน้อยๆ ก็ได้ความคิด
กลับมาว่า .. เราอยู่คนเดียวแต่ว่าเราไม่เหงาเพราะว่าเรามี
ความคิดดีๆ เป็นเพื่อนค่ะ

หนก่อนอัพบล็อกปายและหลายคนก็คิดถึงน่าน
เพราะว่าน่านยังคงเป็นเมืองเล็กๆ เงียบๆ และยังคงความ
เป็นเมืองน่านอยู่ พู่อยากไปน่านอีกหลังจากที่ไม่ได้ไป
มากว่า 15 ปี เพราะหนก่อนโน้นตอนไปก็ยังสมัยเป็น
ละอ่อนต่อนแต๋น เพราะตามพ่อเค้าไปทำธุระเกี่ยวกับศาลทาง
เมืองโน้น หนนี้อยากไปอีกจังเลยค่ะ อยากหาที่เงียบ
สงบพักผ่อนมากมาย ... คิดแล้วต้องหาทางไปบ้างดีกว่า
เผื่อจะได้ไอเดียมาทำมาหากินค่ะ

พี่แดงค่ะ มีหลังไมค์ด้วยนะค่ะ ...


โดย: JewNid วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:18:36:51 น.  

 
ซาหวัดดีตอนค่ำวันอาิทิตย์ค่ะพี่แดง

เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่น่าไปเที่ยวจังเลยค่ะ ชอบเมืองที่ไม่วุ่นวายแบบนี้อ่ะ

ภาพจิตรกรรมฝาผนังก็สวยมาก ๆ ส่วนองค์พระพุทธรูปก็งดงามมาก ๆ เช่นกันค่ะ

ช่วงนี้อากาศกลับมาร้อนอีกแล้ว (แต่ดีที่ที่นี่ร้อนเฉพาะกลางวัน เช้ากะเย็นอากาศก็ยังเย็นสบายดีเหมือนเดิมค่ะ) และหวังว่ามันคงไม่เพิ่มอุณหภูมิความร้อนในใจของคนให้มากขึ้นกว่าเดิมเนอะ


ปล.ค่าฉีดวัคซีนแพงมากจริง ๆ ด้วยค่ะ แต่บ๋อมว่ามันก็คุ้มมาก ๆ ดีกว่ามันเกิดขึ้นแล้วต้องมารักษาทีหลังเนอะ แต่ว่าเค้าให้ผู้ใหญ่ฉีดได้ด้วยรึเปล่าค่ะพี่แดง ไม่รู้อ่ะ วันหาหมอใกล้จะถึงแล้ว คงต้องถามหลายอย่างเลยหละค่ะพี่แดง เพราะว่าบ๋อมมีผื่นขึ้นตามตัวด้วย ไม่รู้ว่าแพ้อากาศหรือว่าอะไร

มีความสุขมาก ๆ และหลับฝันดีดีค่ะพี่แดง


โดย: minporee วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:22:09:48 น.  

 
แม้ลำปางจะไม่ไกลจากน่าน แต่ว่าเราไม่เคยไปน่านเลยค่ะ ถ้าได้กลับเมืองไทย เราเองก็ว่าจะลองหาโอกาสชวนแม่กับพ่อขับรถเล่นชมจังหวัดรอบๆซะหน่อย แต่เท่าที่อ่านที่คุณ devonshire เขียนเล่าในนี้ เราว่าเมืองเค้าน่าอยู่มากเลย สงสัยจะน่าอยู่กว่าลำปางอีกนะเนี่ย เพราะลำปางเอกลักษณ์อะไรนี่แทบจะไม่เหลือแล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวเราจะรออ่านเรื่องอำเภอบ่อเกลือนะคะ อยากรู้จังว่าที่นั่นมีอะไรพิเศษน้าาา

อ่านตรงบันทึกท้ายๆ เราเองก็อ่อนใจ เห็นข่าวจากเมืองไทยทีไรก็ไม่มีเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่องที่ว่า จริงๆนะคะ พี่ชายเราที่อยู่กรุงเทพก็เบื่อๆบ่นๆให้ฟังเหมือนกัน แม้เรื่องที่ว่าจะไม่มีผลกระทบโดยตรงกับตัวเราเอง แต่เห็นสภาพแล้วมันก็อดหดหู่ตามไม่ได้จริงๆ

จะว่าไปเราเห็นคุณ devonshire บ่อยๆในบ้านคุณพรุน ที่คุณพรุนมักจะเรียกว่าพี่แดงมารูนใช่มั้ยคะ แต่เราไม่เคยทักทายกันเลยเนอะ เห็นกันผ่านกันไปผ่านกันมา แต่คราวนี้ได้คุยกันแล้ว ดีใจและขอบคุณที่แวะไปทักทายที่บล็อกนะคะ :-)


โดย: ~ Cerulean Blue ~ วันที่: 14 มีนาคม 2553 เวลา:22:27:39 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่แดง

เล็งๆไว้หลายรอบแล้วล่ะครับสำหรับจังหวัดน่าน
แต่ยังไม่มีโอกาสไปสักทีครับ








โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 มีนาคม 2553 เวลา:7:48:43 น.  

 
ไม่เคยไปแอ่วเมืองนานแบบนั่งรถรางมาก่อนเลยค่ะปี้มารูน น่านหนสุดท้ายที่เคยไปก็นานมากแล้วเหมือนกันสำหรับคนเหนือ(แถวบ้านหนู) ถ้าพูดถึงน่านนี่ก็จะคิดถึงตำนานท้องถิ่นเมืองลับแล เมืองเล็กในหุบเขาอะไรเทือกนี้

ก็ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่นี่หนูก็มี เหนือฝาโต๊ะทำงานที่บ้าน อิอิอิ เป็นภาพที่ถ่ายเองจากวัดพระแก้วค่ะ :))


โดย: prunelle la belle femme วันที่: 22 มีนาคม 2553 เวลา:13:07:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Devonshire
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Friends' blogs
[Add Devonshire's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.