+++++ Devabutra's Ambrosia +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
กุมภาพันธ์ 2551
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
18 กุมภาพันธ์ 2551

Flight 975 ไปป่าหินงาม

++++++++++

ได้รับเทียบเชิญแผ่นเท่าฝาบ้านจาก อบจ.ชัยภูมิ ให้ไปชมหินสวยและดอกไม้งาม

ไม่ไปไม่ได้แล้ว



.........

เที่ยวนี้แบกน้องเน่าใบนี้ไป



.........

มารอขึ้นเครื่องตอนเช้าที่นี่

ท่าอัคนียานบางซื่อ.....อิ อิ



.........

และแล้ว Flight 975 ก็แท็กซี่มาเข้าหลุมจอด
เป็น Flight 975 BKK-BWT (กรุงเทพฯ - บ้านวะตะแบก) นำโดยฮิตาชิ (ถ้าจำไม่ผิด) หมายเลข 4510

รูปนี้ไม่ชัดมากเพราะ
(1) ถ่ายไม่เก่ง และ
(2) มีคนกำลังเดินแซงมาทางด้านขวาพอดี
เลยรีบกดวิญญาณซะ...แชะ



สังเกตฮิตาชิ 4510 ด้านหน้าไว้ให้ดี ขากลับตอนเป็น Flight 976 หน้าตาคุณพี่ก็เปลี่ยนไป (ไม่รู้แอบไปซุกซนที่ไหนมาตอนผู้โดยสารไม่อยู่)

.........

สักพักไฟล้ท์แอ็ทเท็นแด้นท์ (คิก ๆ ๆ ) ก็เอาของว่างมาแจก

ระหว่างทางตั้งแต่บางซื่อจนถึงป่าสักชลสิทธิ์ก็ไม่ได้ถ่ายรูปเลย

พอใกล้ๆถึงป่าสักชลสิทธิ์ ไฟล้ท์แอ็ทเท็นแด้นท์ก็ออกมาเอ็นเทอร์เทนผู้โดยสาร เล่านู่นเล่านี่ (จำไม่ได้แล้วเพราะความจำเท่าอายุขัยแมลงหวี่)



.........

แล้วกัปตันก็แวะที่นี่ให้พวกเราได้ชมทิวทัศน์เหนือป่าสักชลสิทธิ์

น้ำเยอะมากจนหญ้างอกเลย เห็นไหม ฮิ ๆ ๆ

กัปตันและผู้ช่วยกัปตันในชุดสีน้ำเงินเข้มก็เดินตรวจตราดูความเรียบร้อย



.........

หน้าตาหัวหน้าแก๊งไอติมแบบเต็ม ๆ บนรางเอียง ๆ
กัปตันและผู้ช่วยกัปตันยังคงตรวจเข้ม

ดูจากเสาทางขวาแล้ว ด้วยความเร็วเหนือแสงของเครื่อง เราอยู่ห่างจากหัวลำโพงราว 170 ปีแสงหรือเปล่า



.........

มองไปด้านหน้า
เฮ้อ...คนก็เพียบ เมฆก็มาก แดดก็ไม่มี น้ำก็น้อย
เซ็ง เครียด ถ่ายรูป



.........

มองไปด้านหลัง

น้ำเขื่อนน้อยย่อมแพ้รถไฟ



.........

มองไปด้านหน้าอีกที มุมกว้าง
ไฟล้ท์แอ็ทเท็นแด้นท์ในเสื้อสีส้ม (ลูกศรชี้) รอผู้โดยสารอยู่เป็นระยะๆ

ข้างล่างที่หาปลาอยู่อย่างเมามันไม่ใช่ผู้โดยสารเที่ยวบินนี้นะ เครื่องจอดครู่เดียว ลงไปไม่ทันหรอก



.........

พอออกจากทางรถไฟลอยน้ำ ไฟล้ท์แอ็ทเท็นแด้นท์ก็ออกมาจัดกลุ่มกินข้าวเที่ยง (กินที่เทพสถิต) ซึ่งจะจัดผู้โดยสารนั่งโต๊ะกลม โต๊ะละ 8 คน ใครมาเป็นกลุ่ม 8 คนก็ง่ายหน่อย เมื่อไปถึงก็ได้ครอง 1 โต๊ะไปเลย ส่วนใครมา 2 คนก็ต้องไปนั่งรวมกับกลุ่มอื่นๆอีก 6 คน ฯลฯ



........

แลนดิ้งที่นี่ .....
ท่าอัคนียานบ้านวะตะแบก (เทพสถิต)
อยู่ในตำบลวะตะแบก อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ 36230

เป็นป้ายสถานีที่รุงรังมาก ตัวอักษรก็แปลกตา ป้ายนี้อยู่ทางด้านใต้ของสถานี หันหน้าไปทาง กทม.
(มาถ่ายเก็บขากลับ แถมคนนั่งเล่นและเด็กน้อย )



.........

ลงจากเครื่องแล้วก็ไปขึ้นรถลีมูซีนสองแถวเพื่อไปกินข้าวเที่ยงที่ศาลาประชาคมเมืองเทพสถิตซึ่งอยู่ในดาวน์ทาวน์ (เรียกให้หรูเข้าไว้) ห่างจากสถานีบ้านวะตะแบกประมาณ 1-2 ก.ม.

อ้อ ตอนขึ้นรถสองแถวนี้ไม่ต้องใช้บัตรคิวใดๆ แต่ใช้ระบบคันไหนเต็มก่อนคันนั้นออกก่อน เป็นแบบนี้ตลอดเส้นทางจนกลับมาส่งเราขึ้นไฟล้ท์ 976 ตอนเย็น

ยินดีต้อนรับสู่ทุ่งดอกกระเจียว
ถ่ายที่สถานี




.........

นี่คือศาลาว่าการเมืองเทพสถิต เดาว่าเขากำลังสร้างหลังใหม่อยู่ทาง 3 นาฬิกา ส่วนศาลาประชาคมที่เป็นโรงเปิบ นั้นอยู่ประมาณ 1 นาฬิกา

รถเรามาถึงเป็นคันที่สอง ได้ยินคนกระซิบกันดังลั่นว่ากับข้าวของกลุ่มที่มาเมื่อสัปดาห์ก่อนบูด
ชะอุ๋ย สะดุ้งเป็นกุ้งเต้นเลย จะรอดไหมนี่

เท่าที่จำได้กับข้าวจะมี 4-5 อย่าง ประมาณไข่เจียวหมูสับ ผัดผักรวม แกงจืด ฯลฯ รีบตักข้าวและกับใส่จาน ช่วยกันดม ๆ แล้วรีบกิน ไม่ได้ถ่ายรูปอาหารไว้ ประทับใจกับกับข้าวเที่ยงวันนั้นมาก เพราะไม่อร่อยเลย

โปรดฟังอีกครั้ง ...... ไม่อร่อยเลย



.........

หลังจากนั้นก็ออกมารอขึ้นรถสองแถวเพื่อเดินทางไปทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งอยู่ห่างดาวน์ทาวน์เทพสถิตไปประมาณ 10 ก.ม. กว่า ๆ แต่ยังอยู่ในอำเภอเทพสถิต (เราไม่ได้แวะไปไทรทอง ซึ่งอยู่ไกลไปอีก หนองบัวระเหวมั้ง ที่นั่นมีดอกกระเจียวสีขาวด้วย)

ตอนรถออกแดดจ้ามาก แต่พอใกล้ ๆ จะถึงทุ่งดอกกระเจียว พระพิรุณก็ไซ้ด์เฮ้ดล็อคพระสุริยะ จนหลังแตะพื้น นับสาม พระอาทิตย์แพ้หลุดลุ่ย ฝนตกอย่างหนัก ผ้ายางกันฝนสาดก็เอาไม่อยู่ จนต้องกางร่มบนรถสองแถว คนที่ไม่มีร่มก็มายืนกอดกันกลมที่กลางรถเพื่อหลบฝนสาด (บางคู่ตกลงเป็นแฟนกันวันนั้น เพราะไหน ๆ ก็เบียดกันขนาดนั้นแล้ว)
แต่สุดท้ายลูกทัวร์บนรถคันของเราก็เปียกกันทุกคน



ที่เห็นกำลังสร้างข้างบน น่าจะเป็นที่ว่าการอำเภอเทพสถิตหลังใหม่
ลีมูซีนสองแถวที่เห็นนั้นมีอีกหลายคันมาก เพราะลูกทัวร์มากันตั้ง 7-8 โบกี้

.........

ถึงทุ่งกระเจียวปั้บ ฟังสรุปและเวลานัดแล้วรีบวิ่งมาที่มุมบังคับก่อน กลัวคนเยอะ

ไม่ทันแล้ว คนเพียบ ฝนยังตกอยู่
สุดแผ่นดินอิสานที่นี่ ตอนนี้ยืนอยู่ที่ชัยภูมิ ข้างล่างคงเป็นลพบุรี

เห็นไหมหมอกลงเพียบ รีบ ๆ ถ่ายรูป ไม่เห็นอะไรเลย




.........

รอถ่ายที่ป้ายสุดแผ่นดินนี้นานมาก คนตรึม กำลังกดแชะ คุณป้าคนนี้ก็เดินเข้ามาพอดี
เห็นป้ายคล้องคอคุณป้า (วงสีเหลือง) ไหม
ฮิ ๆ ๆ แสดงว่ามาไฟล้ท์เดียวกันกับเรา



.........

วกกลับมาดูดอกกระเจียว เดินบนทางที่อุทยานฯจัดไว้
หมอกจัดมาก



.........

ชมหมอกไปพลาง ๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวหาดอกกระเจียวก่อน ไม่รู้ไปหลบอยู่ที่ไหน
กรุ้กกรู้ ๆ ๆ



.........

จ้าก ๆ ๆ ๆ ดอกกระเจียวมันเหี่ยวหมดแล้ว
ดูแต่ซากไปก็แล้วกัน ก็ว่างมาตอนต้นสิงหานี่นา



.........

ดูทุ่งปลอดดอกกระเจียวแบบไม่มีคนบ้าง หมอกยังคงหนาอยู่

หลังจากนั้นก็ออกมาขึ้นรถลีมูซีนสีส้มคันเท่าบ้านเพื่อออกไปป่าหินงาม

คันไหนคนเยอะ กวักมือเรียกเรา ติ๊กเจษ ๆ ขึ้นคันนั้นเลย เพราะจะได้ออกไปก่อน



.........

มาถึงลานหินงาม

หินก้อนแรก แม่ไก่หรือลูกไดโนเสาร์ จินตนาการเอาเองแล้วกัน

คนเพียบ



.........

แม่ไก่หรือลูกไดโนเสาร์ อีกมุมหนึ่ง
หน้าคนเปลี่ยนไป แต่จำนวนคนดูเหมือนจะไม่ลดลงเลย
หาเวลาช่วงปลอดคนแทบจะไม่ได้ แดดไม่มีอีกต่างหาก



.........

แม่ไก่หรือลูกไดโนเสาร์ เยื้องๆมาด้านหน้า น่ารักดี เหมือนกำลังยิ้ม



.........

เหมือนอะไรละนี่ มืดจัง ขี้เกียจเดินเข้าไปใกล้ ๆ



.........

เอาใหม่ แต่ก็ยังขี้เกียจเดิน (แล้วจะมาเที่ยวทำไม)



.........

เสาศิลาแปดศอกตอกเป็นหลัก
ไปมาผลักบ่อยเข้าเสายังไหว



.........

เหมือนหน้าคนเลย



.........

หินก้อนนี้......กว่าจะปลอดคนในช่วงเวลาสั้นๆ จำได้ว่ารอนานมากตามระเบียบ
เพราะคนจะปีนขึ้นไปถ่ายรูปด้านบน (ลูกศรชี้)

กลุ่มที่มาก่อนเราถ่ายเดี่ยว ถ่ายคู่กับแฟน ถ่ายกับเพื่อน เปลี่ยนท่า เปลี่ยนมุม ถ่ายหมู่ ตากล้องขึ้นไปเป็นนายแบบ ฯลฯ

หยวนๆ ไม่ว่ากัน

รอจนเริ่มมีแดดนิดหน่อย แล้วก็ได้ถ้วยฟีฟ่ามา



.........

โห ลูกทัวร์อีกกลุ่มกำลังตรงมาทางนี้แล้ว

อ่ะ ถ้วยฟีฟ่ามุมกว้าง
แชะ



.........

ใช้เวลาเดินไปเดินมาที่ลานหินนานพอควร

เดินกลับจากลานหินไปที่ลีมูซีน สวนกับลูกทัวร์กลุ่มคุ้นเคย (มากับคนสนิทสามแสนคน) อีกแล้ว (ป้ายมันฟ้อง) เลยมั่นใจว่าไม่ตกรถแน่นอน



.........

ป้ายทางเข้าลานหินตอนเดินออกจากป่ามา การจราจรคับคั่ง

ชื่อภาพ "ความสับสนของสังคม"



.........

ขึ้นลีมูซีนเปิดประทุน(ด้านข้างและด้านหลัง)ไปหน้าที่ทำการอุทยานฯ
รูปย่อแล้วสีซีดไม่น้อย

อีกฝั่งหนึ่งของถนนมีร้านรวงขายสินค้ามากมาย แต่ไม่ได้ซื้ออะไรที่นี่ เดินดูเฉยๆ
(แล้วทำไมไม่ถ่ายรูปละจ้ะเจษ)

ขึ้นรถอีกครั้งใกล้ๆป้ายอุทยานฯ รถแวะกลางทาง เลยลงไปซื้อของฝาก ซื้อนู่นซื้อนี่ เกินความสามารถน้องเป้เน่า หอบพะรุงพะรัง ซื้อข้าวหลามข้าวเหนียวดำด้วย เอาไปฝากลูกสาวอายุ 7 ขวบ



.........

ซื้อของเสร็จขึ้นรถ ระหว่างทางไปท่าอัคนียานบ้านวะตะแบก ฝนก็เทลงมาอีกเหมือนฟ้ารั่ว

เห็นถนนยังแฉะ ๆ ไหม



.........

ถึงท่าอัคนียานราว ๆ บ่าย 4 โมง
ไฟล้ท์ 976 BWT-BKK ฮิตาชิ 4510 นำแสดง จอดรออยู่แล้วที่ประตูทางออกหมายเลข 1
ขึ้นไปล้างหน้าล้างตา

อ๋อย...เริ่มหิว ไม่อยากกินข้าวหลาม แต่อยากกินของแพงๆสัก 10 บาท เดินไปหน้าสถานี

ควันโขมง อูย....กลิ่นหอมยั่วพยาธิดีแท้.... เจอแล้วของแพง....


Sour Italian sausages
เอ๊ย Sour Isanian sausages



.........

ซื้อไส้กรอกมาไม่มาก เพราะรอกินข้าวเย็นบนเครื่อง
มานั่งจกไส้กรอกที่นี่

หมดกัน ลืมถ่ายรูปไส้กรอกไฮโซ(ซัดโซเซ)

อ้าว....ทำไมเค้าน์เต้อร์นี้เปิดเช็คอิน

อ้อ....เดี๋ยวจะมีไฟล้ท์ 138 จากหนองคาย (ไปกรุงเทพฯ) แลนดิ้ง



.........

ไส้กรอกหมด
เดินชมท่าอัคนียานบ้านวะตะแบกต่อดีกว่า คนยังไม่พลุกพล่าน

อ้าว...พี่ฮิ ไปให้ใครจูบมาละนี่
หลักฐานชัด ซอกคอแดงเชียว เมื่อเช้าตอนจอดที่เหนือเขื่อนยังไม่มีรอยนี้เลยนี่



.........

สำรวจสถานีต่อ....
ที่นี่สถานีบ้านวะตะแบก สถานีถัดไปทางด้านเหนือคือสถานีห้วยยายจิ๋ว ไม่บอกระยะห่างแฮะ
สถานีถัดไปทางด้านใต้ของสถานีบ้านวะตะแบกเป็นสถานีสุดท้ายของจังหวัดชัยภูมิ เมื่อลอดอุโมงค์เขาพังเหยแล้วก็จะเข้าเขตจังหวัดลพบุรี

ชื่อสถานีนั้นคือ....



.........

ผู้โดยสารเริ่มทยอยมาแล้ว

ผู้โดยสาร: ชั้นธุรกิจไปทางไหนครับ
พนักงาน: ตรงไปไกล ๆ ด้านโน้นเลยครับ

อ๊ะ ล้อเล่น

อ้าว... ทำไมป้ายไฟล้ท์ 976 ไม่เป็น บ้านวะตะแบก-กรุงเทพฯ หละ
("กรุงเทพ" ไม่มีสระเออีกต่างหาก)



..........

ด้านเหนือของสถานี แสงแดดเริ่มน้อยลง คนมากันเต็มสถานีแล้ว เตรียมออกเดินทาง



.........

ไฟล้ท์ 138 จากหนองคาย แลนดิ้ง และจอดที่ประตูทางออกหมายเลข 2 ด้านขวามือราว 1 นาที

ปล่อยให้เท้คอ้อฟไปก่อน เดี๋ยวเราค่อยไปแซง ให้รู้ซะมั่ง ของเราบินเร็วกว่าแสง



.........

ตอนขึ้นเครื่องแล้วก็ไม่ได้ถ่ายรูปเหมือนเดิม
เท้คอ้อฟมาได้สักพัก ไฟล้ท์แอ็ทเท็นแด้นท์เสื้อสีส้มก็แจกอาหารเย็น

อูย...เป็นข้าวเหนียวไก่ย่าง แซ่บ ดีกว่ามื้อเที่ยงมากมาย
(มัวแต่กิน จึงไม่ได้ถ่ายรูปกัน)



.........

ถึงบ้านโดยสวัสดิภาพราว 3-4 ทุ่ม

ลูกสาวรอกินของฝากแล้ว
มาถึงบ้านแทบเดินไปไหนไม่ได้ มานัวเนียไม่ยอมห่าง ทำเหมือนไม่เจอกันสัก 10 ปี

นี่ไง ลูกสาว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.





จบการเดินทางกับรถไฟนำเที่ยวเพียงเท่านี้จ้า

ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับเจ้านาย

++++++++++

เดิมบันทึกไว้ที่
//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E4904505/E4904505.html

++++++++++


Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2551 10:53:19 น. 8 comments
Counter : 4159 Pageviews.  

 
flight นี้น่าขึ้นจังค่ะ .. แต่ห้องน้ำใช้ได้มั้ยคะ? เมื่อไหร่มีโปรแล้วจะลองขึ้นบ้าง


โดย: มาเรีย ณ ไกลบ้าน วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:8:49:14 น.  

 
สำหรับผม ห้องน้ำำสอบผ่านครับ
(รฟท.ใช้โบกี้ปรับอากาศชั้นสองและชั้นหนึ่งในวันนั้น)

ขอบคุณที่แวะมาเยือนครับ


โดย: เทพบุตรจุติคงลงมาแบก วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:9:04:14 น.  

 
เที่ยวรถไฟคลาสสิกมากครับ ไปกี่ทีก้คุ้มค่าครับ


โดย: -*-Superbaker วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:21:48:50 น.  

 
น่าไปเที่ยวจังเลย...


โดย: kulchot61 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:19:04 น.  

 
ยินดีต้อนรับค่า

โดย: โสมรัศมี วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:57:22 น.  

 



อินเดียตอน สองปรากฏแล้วจ้า emo


โดย: โสมรัศมี วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:19:23:21 น.  

 
อยากไปทริปรถไฟทริปนี้จังคับ เคยนั่งไปแต่ทริปทุ่งทานตะวัน ดอกกระเจียวต้องไปให้จับจังหวะบานนะครับ ไปช้าหรือเร็วไปจะไม่บานหรือเหี่ยวไปเลยครับ

ส่วน อช.ขุนตานนี่เป็น อช.ที่ผมไปบ่อยที่สุดแล้วครับ ราว5ครั้งได้ ไปทั้งรถไฟ และขับรถไปเองครับ ได้บรรยากาศดีมากๆ


โดย: -*-Superbaker วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:07:15 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: พู่กันสีเงิน วันที่: 15 มีนาคม 2551 เวลา:13:23:03 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

เทพบุตรจุติคงลงมาแบก
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วาววาวเสียงรถไฟวิ่งไปฤทัยครื้นเครง
เรามันคนกันเองไม่ต้องเกรงใจใคร
(ชาตรี คงสุวรรณ)

สวัสดีทุกท่านที่หลงเข้ามาที่ Devabutra's Ambrosia
ยินดีต้อนรับคร้าบ
[Add เทพบุตรจุติคงลงมาแบก's blog to your web]