OUR LIFE IS SIMPLY A REFLECTION OF OUR ACTIONS. IF YOU WANT MORE LOVE IN THE WORLD, CREATE MORE LOVE IN YOUR HEART!!
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
2 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
แสบซ่าส์วาสนา “แจ๋ว”! ตอนที่ 9…นอกเรื่อง:จากการเกษียณสู่การถูกเนรเทศของ “เลขาฯ ตัวแสบ!”




…..เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่แล้ว
ฉันรู้สึกใจหายแว๊บที่อยู่ ๆ CEO เรียกฉันเข้าพบพร้อมกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล
พอเข้าไปถึงห้องเห็นนายมีสีหน้าเครียดยิ่งทำให้ฉันรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี

นายบอกว่าเดือนหน้าจะมีผู้บริหารระดับสูงสุดรองจากนาย
ซึ่งประจำอยู่โรงงานในจังหวัดทางใต้กำลังจะเกษียณอายุงาน
ซึ่งตามนโยบายของบริษัทจะต้องลาออกในเดือนที่เกิดเพราะมีอายุครบ 55 ปี
ที่จริงถึงแม้นโยบายจะกำหนดไว้ชัดเจนแต่ที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างพนักงานที่จะต้องเกษียณตามอายุ
แต่เนื่องจากเป็นผู้ที่มีผลงานดีและยังมีไฟแรงที่จะสามารถทำงานต่อได้อีก
บริษัทฯ ก็จะต่ออายุงานให้โดยการทำสัญญาปีต่อปี

เมื่อต้นปีที่ผ่านมาจึงมีพนักงานหญิงคนหนึ่งระดับผู้จัดการทำงานทางด้าน Logistics
เพิ่งลาออกไปด้วยวัย 57 ปีโดยที่เธอได้ต่ออายุสัญญาหลังเกษียณและทำงานต่ออีกถึง 2 ปี
ที่จริงถึงแม้จะมีอายุ 57 ปีแล้วก็ตามเธอยังมีความกระตือรือร้นในการทำงาน
และสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดี..

แต่โดยนโยบายแล้วบริษัทมีความจำเป็นต้องหยุดการต่อสัญญาเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่
หลังจากเธอผู้นี้ออกจากบริษัทฯ ไปแล้วเธอก็ได้เข้าไปทำงานในอีกบริษัทฯ หนึ่งซึ่งเป็นนายเก่า
ที่เธอเคยทำงานมาก่อนเมื่อสิบกว่ายี่สิบปีก่อนอีกครั้งหนึ่ง

ตัวอย่างนี้น่าจะตอบคำถามเพื่อน ๆ และท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่านที่อาจจะเคยถามว่า
อายุเท่านั้นเท่านี้ยังสามารถจะเปลี่ยนงานหรือหางานใหม่ได้หรือไม่
หรือควรจะกลับไปทำงานที่เก่าที่เคยลาออกมาแล้วหรือไม่
แต่ไม่ว่าคำถามหรือคำตอบจะเป็นอย่างไรทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวท่านเองทั้งสิ้น
ว่าท่านเป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริงใจทุ่มเทและมีทัศนคติต่อตัวเองต่อผู้อื่นและต่อองค์กรอย่างไร

ขอกลับมาที่ผู้บริหารคนที่กำลังจะเกษียณที่กล่าวถึงข้างต้น
ท่านผู้นี้ได้ร่วมหัวจมท้ายและช่วยสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับองค์กรมาตลอด 30 ปี
ได้ทุ่มเทและอุทิศตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตจงรักภักดีและรับผิดชอบต่อหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างดีเยี่ยม
และเป็นที่รักของพนักงานทุกคนในองค์กรเป็นอย่างยิ่ง..

ถึงแม้นายอยากจะให้มีการต่ออายุงานหลังเกษียณ
แต่ดูเหมือนผู้บริหารท่านนี้จะได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ไปแล้วว่าจะไม่ต่อ
ฉันคิดว่าท่านคงจะอยากเปิดโอกาสให้คลื่นลูกใหม่เข้ามาแทนที่
และที่สำคัญคงจะมีความฝันส่วนตัวที่อยากจะมีเวลาทำฝันนั้นให้เป็นจริงก็เป็นได้

แต่หลังจากการเจรจาระหว่างนายและผู้บริหารท่านนี้แล้ว
ปรากฏว่าท่านยินดีจะรับหน้าที่เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ให้กับองค์กรต่อไป
โดยอาจจะลดเวลาเข้าบริษัทลงจากเวลาปกติ
ข้อตกลงนี้น่าจะได้ประโยชน์แบบ Win:Win กับทั้งองค์กรและผู้บริหารท่านนี้

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตัวฉันที่จะถูกเนรเทศตามหัวข้อกระทู้หรือ?

นายบอกว่าหลังจากการเกษียณอายุการทำงานของผู้บริหารท่านนี้แล้ว
เป็นโอกาสอันดีที่นายจะเข้าไปพิจารณาการปรับปรุงผังองค์กรใหม่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยปกติบริษัทฯ จะให้พนักงานทำ HR Test ปีละครั้งเพื่อประเมินทัศนคติของพนักงาน
เพื่อการปรับปรุงพัฒนาและจัดการฝึกอบรมเพิ่มความรู้และเติมเต็มจุดอ่อนของพนักงานในส่วนที่ยังขาดอยู่

ทุกปีนายจะร่วมกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลพูดคุยกับผู้บริหารระดับผู้จัดการส่วนขึ้นไป
โดยการใช้ผลการประเมินจากการทำ HR Test ประกอบในการพูดคุย
ส่วนบุคลากรระดับผู้จัดการส่วนลงมาเป็นหน้าที่ของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเพียงผู้เดียว

แต่สืบเนื่องจากการเกษียณของผู้บริหารระดับสูงท่านนี้
นายมีโครงการจะให้พนักงานระดับหัวหน้าแผนกหรือผู้จัดการส่วนขึ้นไป
ทำแบบทดสอบ HR Test เป็นวาระพิเศษเพื่อรองรับการปรับปรุงองค์ใหม่ในครั้งนี้
โดยนายจะลงไปทำงานประจำที่สำนักงานใหญ่ทางใต้ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงานพร้อมกับทีมงานอีกหลายคน
หนึ่งในทีมงานของนายจะมีฉันเป็นสมาชิกด้วยอีกหนึ่งคน..

วันที่นายเรียกฉันเข้าไปคุยพร้อมกับผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและแจ้งเรื่องนี้
ฉันรู้สึกช๊อคที่จะต้องติดตามนายไปปฏิบัติภาระกิจนี้เป็นเวลา 3 เดือน
นายกล่าวเรื่องนี้ต่อหน้าผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลโดยที่ฉันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
จึงเท่ากับว่าเรื่องนี้มีคนรู้เพียง 3 คนคือ CEO, ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลและตัวฉัน

เนื่องจากนายยังไม่ได้ประกาศเรื่องนี้ให้ทราบอย่างเป็นทางการ
ฉันจึงไม่ได้ปริปากพูดเรื่องนี้กับใครเลยยกเว้นทางบ้านที่ไม่ค่อยสนับสนุนในเรื่องนี้สักเท่าไร

ต่อมานายเรียกประชุมผู้จัดการฝ่ายและจัดทีมปฏิบัติการพิเศษในเรื่องนี้อีกรอบ
โดยการประชุมในครั้งนี้ไม่มีฉันและผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลเข้าด้วย
ผู้บริหารที่เข้าประชุมพูดเป็นนัย ๆ ที่ทำให้ฉันเดาว่าเรื่องที่ประชุมเป็นเรื่องทีมปฏิบัติการพิเศษนี้แน่นอน
จากนั้นฉันทราบมาว่าทีมงานชุดนี้ได้เตรียมตัวและจะออกเดินทางพร้อมกับนายในเดือนหน้า

แต่แปลกแฮะ..ในทีมไม่มีฉันและไม่มีใครพูดถึงฉันและฉันก็ไม่ได้ถามใครเกี่ยวกับเรื่องนี้
โดยเฉพาะตัวนายที่ไม่ได้ถามฉันถึงเรื่องนี้อีกเลย
ฉันไม่รู้เหตุผลแต่ก็ไม่อยากถามเพราะฉันรู้จักนายดีว่าถ้าถามแล้วนายก็จะพูดว่า
“ผมมีคำสั่งชัดเจนแล้วว่าคุณจะต้องลงไปช่วยงานในครั้งนี้ 3 เดือน” (ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง?)

ต่อมานายมีการประกาศเรื่องนี้ในที่ประชุมผู้บริหารซึ่งทีมงานชุดพิเศษนี้ก็ไม่มีชื่อของฉันเช่นกัน
วันหนึ่งฉันได้ยินนายถามสมาชิกหลายคนในทีมต่อหน้าฉันว่าเตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางกันหรือยัง?
แต่นายไม่มีคำถามแบบเดียวกันกับฉันจึงทำให้ฉันคิดว่านายคงรู้ว่าฉันไม่อยากไป
เพราะตั้งแต่วันที่นายมีคำสั่งฉันไม่ได้ถามหรือพูดถึงเรื่องนี้กับนายหรือเพื่อนร่วมงานอีกเลย….

เหตุเกิดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในระหว่างการไปสัมมนาที่หัวหิน
นายเรียกประชุมผู้บริหารเป็นกรณีพิเศษหลังอาหารเย็น
และหารือเกี่ยวกับแผนการและกำหนดหน้าที่ของทีมงานที่จะไปปฏิบัติภาระกิจในครั้งนี้

ในระหว่างการประชุมหารืออยู่ ๆ คุณนีน่าหรือนายหญิงของฉันก็เสนอในที่ประชุมว่า
ให้ฉันลงไปช่วยนายปฏิบัติภาระกิจในครั้งนี้ด้วย
CEO ของฉันได้ทีก็เลยกล่าวว่า “นั่นนะซิ…คุณจะไปช่วยผมได้ไหมล่ะ?”
ฉันไม่ได้ตอบคำถามนายแต่เลี่ยงไปแสดงความคิดเห็นในเรื่องอื่น ๆ แทน

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉันรู้ว่าที่จริงแล้วนายต้องการให้ฉันลงไปช่วยงาน
แต่นายก็รู้ว่าฉันมีภาระเรื่องลูกถึงแม้ว่าฉันจะมีน้อง ๆ ช่วยดูแลให้ความอบอุ่นได้เต็มที่
แต่ฉันก็ไม่อยากอยู่ห่างลูก ๆ และพี่น้องเป็นเวลานาน ๆ เช่นนี้..

หากเป็นในอดีตที่ฉันไม่มีภาระฉันสู้ตายอยู่แล้วและคิดว่างานต้องมาก่อนเรื่องส่วนตัว
ในครั้งนี้ถึงแม้ใจจะไม่อยากไปแต่ลึก ๆ ในใจฉันรู้สึกเหมือนตัวเองขาดจิตสำนึกของความรับผิดชอบต่อหน้าที่
นี่เป็นจุดอ่อนหรือข้อเสียของคนไทยรวมทั้งตัวฉันที่ทำให้ประเทศของเราต้องตามหลังคนอื่นตลอดเวลา

หากเป็นคนญี่ปุ่นจะมีจิตสำนึกในเรื่องนี้สูงมากซึ่งฉันก็อยากจะทำและเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
สำหรับนายจ้างที่เป็นญี่ปุ่นก็เช่นกันคำสั่งจะต้องเป็นประกาศิตที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม

ตอนนี้ฉันจึงเหมือนกับคนที่กำลังสับสนไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกที่ควรที่ฉันจะต้องรีบตัดสินดำเนินการ
ใจหนึ่งฉันรู้สึกขอบคุณนายที่ไม่ได้บังคับฝืนใจฉันในเรื่องนี้จึงไม่ได้กดดันฉันในช่วงที่ผ่านมา
ใจหนึ่งฉันรู้สึกตำหนินายที่ขาดความเหี้ยมและเด็ดขาด
ฉันคิดว่านายใจดีและอ่อนแอเกินไปที่จะทำให้องค์กรอาจจะเกิดปัญหาได้ตลอดเวลา

หากนายเป็นคนเด็ดขาดและคิดว่าฉันสามารถทำประโยชน์ให้กับทีมปฏิบัติการในครั้งนี้ได้จริง
นายควรจะต้องฟันธงและสั่งการโดยไม่ลังเลหรือเห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น
และหากฉันหรือใครก็ตามไม่สามารถปฏิบัติตามคำสั่งที่นายคิดว่าจะเป็นอุปสรรคต่อการบริหารแล้ว
พนักงานผู้นั้นต้องพิจารณาตัวเองและตัดสินใจเลือกว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งหรือ “ลาออก”

ฉันควรจะฉวยโอกาสจากความใจดีและความอ่อนแอของนายในเรื่องนี้โดยการขัดคำสั่ง
และปฏิบัติตนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่?

หรือว่าฉันควรจะมีจิตสำนึกของความรับผิดชอบในหน้าที่ด้วยการรับคำสั่งแต่โดยดี
และลงไปปฏิบัติภาระกิจพิเศษในครั้งนี้พร้อมนายและทีมงานโดยการอุทิศและทุ่มเทให้กับงานเต็มร้อย
ซึ่งการรับภาระกิจในครั้งนี้จะเป็นตัวชี้วัดชะตากรรมและอนาคตการทำงานของฉันด้วย
เพราะถ้าภาระกิจในครั้งนี้ประสบผลสำเร็จฉันก็พลอยได้ความดีความชอบไปด้วย

แต่ถ้าภาระกิจล้มเหลวฉันอาจจะต้องเป็นคนแรกที่ต้องพิจารณาตัวเอง
เพราะฉันรู้ดีว่าภาระกิจในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดของบริษัทเลยทีเดียว
ฉันกลัวความล้มเหลวและความผิดพลาด..ฉันกลัวว่าฉันจะทำไม่ได้อย่างที่นายหรือทีมงานคาดหวัง..
ฉันกลัวทุกอย่างที่เป็นการเปลี่ยนแปลง!

สัปดาห์หน้านี้แล้วซินะที่ฉันจะต้องมีคำตอบให้กับนาย..ให้กับตัวเอง
หากคำตอบสุดท้ายคือเป็น “คำสั่ง” ที่ฉันปฏิเสธไม่ได้
และฉันจะต้องถูกเนรเทศไปอยู่ในโรงงานทางใต้ของประเทศจริง ๆ
วิถีชีวิตของฉันจากนี้ต่อไปจะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงและเปลี่ยนไป..

กระทู้นี้จะเป็นกระทู้สุดท้ายที่ฉันจะโพสสำหรับเพื่อน ๆ และท่านผู้อ่าน
ในระหว่างที่ถูกเนรเทศฉันคงไม่มีเวลามาเขียนเรื่องราวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีก
เพราะฉันจะต้องทุ่มเทให้กับงานวันละ 24 ชม. ตลอดระยะเวลา 3 เดือนที่ลงไปประจำการ
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเรื่องเล่าของฉันและเป็นกำลังใจมาให้โดยตลอด

หากภาระกิจนี้ประสบความสำเร็จ..
ฉันคงจะได้กลับมาพร้อมกับเรื่องเล่าที่มีประโยชน์นำมาเล่าสู่เพื่อน ๆ ในห้องสีลมนี้อีกครั้งหนึ่ง
สำหรับวันนี้ขอลาทุกท่านไปก่อน…จนกว่าจะมีโอกาสกลับมาพบกันใหม่!


Till We Meet Again!!
//usersface.ca/~dstephen/tillmeet.htm





Create Date : 02 มิถุนายน 2551
Last Update : 2 มิถุนายน 2551 0:16:57 น. 4 comments
Counter : 1207 Pageviews.

 
สู้ๆ นะคะ


โดย: mon IP: 125.25.26.149 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:9:18:15 น.  

 
ขอบคุณคุณ mon สำหรับกำลังใจ...


โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" IP: 58.8.23.98 วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:22:31:33 น.  

 
คุณพี่เลขาฯ หนูเคยอ่านหนังสือของคุณหนูดี เรื่องอัจฉริยะสร้างได้ คือหนังสือครึ่งนึง ออกแนววิชาการ แต่ทั้งเล่มพออ่านจบ หนูจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากประโยคที่ว่า

"ให้ถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้ทำ วันหน้าจะเสียดายไหม"

แค่นี้อ่ะ หนูจำได้แค่นี้ เลยอยากมาบอกต่อพี่เลขาค่ะ

จริง ๆ ไม่ค่อยชอบเขียนอะไรยาว ๆ เหมือนเขียนแล้ววกวนคนอ่านจะเข้าใจไหมน้า แต่อยากบอกพี่ว่า 3 เดือนแปบเดียวเองค่ะ หลับตาแปบเดียว

อ่านแล้วเหมือนไม่ใช่ว่านายพี่ไม่เด็ดขาด แต่เหมือนนายกำลังใช้พระคุณกับพี่อยู่

เป็นหนู หนูจะคิดว่า ที่ทำก้อเพื่อนน้อง ๆ 3 คนไม่ใช่เพื่อนายนะคะ

สู้ ๆ ค่ะ



โดย: snof IP: 117.47.210.220 วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:14:10:26 น.  

 
"ให้ถามตัวเองว่า ถ้าวันนี้ไม่ได้ทำ วันหน้าจะเสียดายไหม"

จำได้แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวก็อาจจะเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิตของเราได้
แถมยังนำมาฝากกันให้ได้สติอีกต่างหาก

ขอบคุณคุณ snof มาก ๆ เลยนะที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้ข้อคิด
ข้อวิเคราะห์ของคุณเกี่ยวกับนายนั้น "ใช่เลย"!
เพราะนายคงรู้ว่าไม่อยากจะอยู่ห่างลูก ๆ ไปนาน ๆ จึงไม่ได้บังคับฝืนใจ

จึงทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
ก็ได้แต่ให้กาลเวลาช่วยเยียวยาและแก้ปัญหาด้วยตัวของมันเอง

หวังว่าจะมีโอกาสได้กลับมาเขียนเรื่องราวต่าง ๆ ให้อ่านกันอีกนะ..


โดย: "เลขาฯ ตัวแสบ!" (Destinyhurtsme ) วันที่: 10 มิถุนายน 2551 เวลา:21:28:17 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Destinyhurtsme
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Friends' blogs
[Add Destinyhurtsme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.