เริงร่าไปเกาะนามิ
ฮ้าวววววว เช้านี้ตื่น 7 โมง ท่ามกลางฝนตกปรอยๆอีกแล้ววว
เนื่องจากเมื่อคืน แพ็คข้าวของ เตรียมตัวเช็คเอาท์ไว้ก่อน
เช้านี้เลยมีเวลาเหลือ วันก่อนเดินปากซอยเห็นมีผลไม้ขายหน้าตาน่ากิน
ทั้งเชอรี่ แตงสีเหลืองๆ องุ่นไร้เมล็ด ฯลฯ ซึ่งถูกมั่กๆถ้าเทียบกับที่ขายบ้านเรา
เลยว่าจะซื้อซักลังนึงหิ้วกลับบ้าน
จากวันที่ไปซอรัค ได้ประสบการณ์มาแล้ว เรื่องของการถือร่มเที่ยวว่ามันไม่สะดวกเลยซักกะติ๊ด
วันนี้เลยได้ฤกษ์ คว้าเสื้อกันฝนใส่ออกมาเดินเตร่
เดินมาถึงปากซอย เอ่า.. ฝนตก เค้าไม่มาขายอีก
เลยข้ามฟากไปนัมแดมุน มีร้านป้ามาเปิดอยู่ร้านเดียว
ของก็น้อยๆ ผลไม้มีหร๋อมแหร๋ม เลยเปลี่ยนใจกลับโรงแรม
เช็คเอาท์เลยดีกว่า เอาของฝากไว้ที่โรงแรม
โทรกลับบ้านนัดให้มารับคืนนี้ จัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็นั่งแท็กซี่(อีกละ) ไป Lotte ชองยางงิ 5555+
คราวนี้ไม่พลาดแล้ว เพราะไปสำรวจมาแล้วทีนึง
พอถึงห้าง Lotte ปึ๊บให้เดินไปซ้ายมือจนสุดห้าง
แล้วเดินเข้าไป สถานีรถไฟจะอยู่เลยมาร์ทเล็กๆ ซื้อตั๋วขึ้นไปเลยชั้น 2
ได้มาแล้ว ตั๋วไปกลับ ชองยางงิ - Gapyeong
ราคาทั้งหมด 7600 วอน ขาไปเราซื้อรอบ 8.40 ขากลับ 15.30
ตามแผนต้องกลับมาเอากระเป๋าที่ SB แล้วต่อรถไป incheon
กลับไฟลท์ 3 ทุ่ม เวลาท้องถิ่น
เป็นไฟลท์ direct มาลงเชียงใหม่ ถึงเชียงใหม่ตอนเที่ยงคืนครึ่ง พอได้ตั๋วมาก็แว้บเข้าห้องน้ำห้องท่าอีกทีให้เรียบร้อย แล้วก็ซื้อโกโก้ร้อนขึ้นไปกิน
เดินจาก จนท.เช็คตั๋วลงไปด้านล่าง จะเจอรถไฟจอดรอเหมือนหัวลำโพงเลยค่ะ
รถไฟเค้าใหม่กว่าบ้านเรา ที่นั่งสะดวกสบาย หน้าต่างเป็นกระจกกว้าง เบิกเนตรชมวิวได้ใจจริงๆ รถไฟออกตรงเวลาเป๊ะ รถจอดหลายสถานีเหมือนกัน
ก่อนจะถึง Gapyeong เค้าจะมีภาษาอังกฤษบอกก่อนจะจอดป้ายทุกครั้งค่ะ
ไม่ต้องห่วง รถไฟผ่านฉลุยในข้อนี้
ยกให้เป็นพาหนะที่โดยสารง่าย สะดวก สบาย สะอาดที่สุด
ที่เห็นในรูปคือ อาคารของ Korail เหมือนการรถไฟเกาหลีค่ะ ฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ทำให้วิวสองข้างทางชุ่มไปด้วยน้ำ เขียวขจี
แถมมีหมอกลอยอยู่ประปราย บรรยากาศเย็นสบายที่สุด
แต่ให้ตกเฉพาะตอนนั่งรถไฟได้มั้ย เจอฝนตกที่นามิอีก ก็กร่อยอีกแล้วอะเสะ
นั่งไปพลาง คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปเรื่อย
งงกับตัว e ที่นี่จริงๆเลย ไม่รู้จะสะกดเข้ามาให้งงทำไมฟระ
Seoul อ่านว่า โซล Deoksugung อ่านว่า ถ็อกซูกุง
Seoraksan อ่านว่า ซอรัคซาน Gapyeong อ่านว่า คัพยอง
แล้วตัว e ??? มีค่าอันใด งง??? นั่งมาได้ ชั่วโมง 20 นาที รถไฟก็มาถึงยังสถานี Gapyeong
เป็นสถานีเล็กๆน่ารัก เดินออกมาก็จะจเอกับแท็กซี่จอดเรียงราย
เรารีบวิ่งขึ้นแล้วบอกอย่างมั่นใจ "นามิซอม คาจูเซโย"
กร๊ากกก สะใจ ท่องมาหลายอาทิตย์ ได้ใช้ซะที
แท็กซี่แล่นปรื๊ดตรงไปยังท่าเรือไปเกาะนามิ วิ่งไปซื้อตั๋ว เสร็จแล้วก็วิ่งขึ้นเรือที่จอดอยู่
วันนี้คล่องตัวมาก เพราะใส่เสื้อกันฝนสีเหลืองสะท้อนแสง 555+
ภายในเรือ มีทั้งห้องทึบ แบบไม่อยากเปียกฝน แต่ก็ไม่ได้เห็นวิว
กับโซนโล่งๆด้านนอก เห็นวิวโดยรอบ แต่ก็เปียก
เราใส่เสื้อกันฝนมาแล้ว จะกลัวอะไร นั่งชมวิวข้างนอกดีกว่า นั่งไปตูดยังไม่ทันจะได้ซึมซาบความอบอุ่นจากเก้าอี้
เรือก็พร้อมจะเทียบท่าแล้ว จะเรียกว่าเรือข้ามฟากก็ได้นะงี้
วิ่งแป๊บเดียว เห็นทางเข้าของเกาะนามิละ ก็อย่างที่รู้ๆกัน คือ เกาะนามิเป็นเกาะโรแมนติกที่เค้าใช้ตามรอยซีรี่เรื่อง Winter Sonata
ไอ้เราก็ไม่เคยดูซะด้วย แอบเชย เลยไม่ได้อินไปกับมุมต่างๆที่เค้าให้ถ่ายรูป
เช่นจุดที่ first kiss จุดที่บอกรักครั้งแรก จุดที่เล็มขนจมูกกัน ฯลฯ
เน้นมาชมทิวทัศน์ที่สวยงามของเกาะนี้ ซึ่งก็สวยจริงๆนะ
ถ้าได้ขี่จักรยานไปรอบๆเกาะ คงถือเป็นสวรรค์ของเราเลยทีเดียว
แต่ฟ้าฝนก็ไม่เป็นใจให้เราได้ขึ้นสวรรค์ ไปถึงเลยได้แต่เดินลุยฝน ลุยโคลน
เฉาะแฉะ เฉาะแฉะ จะควักกล้องออกมาถ่ายรูปทีก็ต้องเอามือบังๆกันฝนเข้า in trend มาก มีนิทรรศการรำลึกถึงราชาเพลงป๊อบผู้ล่วงลับ Micheal Jackson ด้วย แล้วก็เดินเรื่อยมาจนถึงมุมบังคับของเกาะนามิ
ใครมาถึงเกาะนามิ ไม่ได้รูปแนวสนแบบนี้กลับบ้านถือว่ามาไม่ถึงนะจ๊ะ
ไม่อยากจะคิดเลยว่าหน้าหนาว หิมะตกโปรยปรายจะสวยขนาดไหน
เรามาผิดฤดูก็ได้แต่ดูรูปข้างกล่องช็อคโกแลตไปก่อน
สวยซะไม่มี เลิศฤดีไม่มีที่ติ เสียดายจัง อยากมาหน้าหนาว ว่าละก็เดินเฉาะแฉะๆต่อไป ถ่ายใบเมเปิ้ลที่พื้นเพราะเชียงใหม่ไม่มี
ใจอยากเก็บมาคั่นหนังสือมาก แต่มันเปียกแบบนี้ก็จนใจ
ได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้เพราะองค์ประกอบของใบมันสวยดี เดินไปเดินมา แล้วก็มานั่งพักจิบชาหอมๆ ที่เค้าแจกฟรีในร้ายขายของที่ระลึก
ว้าววว ชาของ Ricola นะ หอมสุดๆ อยากซื้อกลับบ้าน
แต่ เอ่า.. มันมาจากสวิสนี่ ไม่ใช่ของฝากเกาหลี เลยไม่เอา นั่งจิบชาไป ชมวิวสวนหลังบ้านไป อิ่มเอิบใจก่อนจะเดินลุยต่อ เฉาะแฉะๆ สระน้ำด้านหลัง กิ่งไม้ตกระเนระนาด ใครมีภาพที่สภาพดีกว่านี้เอามาช่วยแปะ ไม่รังเกียจนะคะ
ตอนเราไปฝนตกหนัก เล่นเอาเป็ดไก่เหงาไปตามๆกัน
นี่ถ้าใครอกหักมา เจอสภาพแบบนี้ มีโดดสระแก้ซึมแน่ๆ แต่อีกมุมนึง ก็ยังสวย ประทับใจอยู่ เห็นได้ว่าน้ำเอ่อจนจะล้นขึ้นฝั่งละค่ะ
ถ้าฝนยังไม่ยอมหยุด ตกเรื่อยๆอีกซักวันนึง น้ำท่วมเกาะแน่
ชมธรรมชาติไป แวะไปกินข้าวที่ร้านหมูเกาหลีหนึ่งเดียวบนเกาะนามิ
คราวนี้สั่งเป็นเนื้อวัวกับไก่ ปรากฏเนื้อหมดอีก เลยกินหมูกับไก่ละกัน
เป็นอาหารอย่างเดียวในเกาหลีที่ไม่ทำให้เราผิดหวังเลย
อร่อยมากกกก อิ่มจนพุงกางแล้วก็เตรียมตัวกลับฝั่งดีกว่า
ถึงแม้ตอนนั้นจะเป็นเวลาแค่เที่ยงวันกว่าๆก็ตาม เดินไปจนถึงเรือ ก็เห็นว่ามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์อยู่ไม่น้อย
ฝนตกหนักซะขนาดนี้ คงไม่มีกะจิตกะใจเที่ยงต่อกันแล้วค่ะ เลยพร้อมใจกันกลับลงเรือขึ้นฝั่ง
เราตัดสินใจไปสถานีรถไฟเลยดีกว่า แล้วหาอะไรทำแถวนั้นเอา
พอไปถึง อู้หู คนมารอขึ้นรถกลับเพียบเลยแฮะ ส่วนมากเป็นวัยรุ่นเกาหลีทั้งน้านนนเลย
มาเป็นคู่ๆ สาวๆที่นี่เค้าแต่งตัวกันจัดมาก แต่งตัวกรุยกรายแบบเดินในห้าง
ใส่ส้นสูงปรี๊ด ทั้งที่ไปเกาะนามิ ขึ้น N Seoul Tower เข้าวัด เข้าวัง เราคนดูก็เพลินนะ
แต่ถ้าคิดถึงสภาพตัวเองให้แต่งแบบนี้ขึ้นดอยสุเทพคงขอบาย
ขอสวยทางราบละกัน ไม่มีไรทำ เดินข้ามฟากไปซื้อไอติม หวาววว ได้ไอติมเป็นเม็ดๆแบบนี้
น่ารักน่ากิน รสชาติก็โอเค มีหลายรสให้เลือก
ของเราโลภมากขอลองทุกรส เลยสั่ง Rainbow มากิน เสร็จแล้วก็กลับไปรอรถไฟต่อ รอบตั้งบ่าย 3 โหววว ไม่ไหวม้างงง
เลยลองถามกับ เคาน์เตอร์ขายตั๋วดู อ๋า.. เค้าเลื่อนให้ได้เป็น บ่ายโมง 15 เรากีซซซเลย
ขอเปลี่ยนทันที เอาเวลาไปตระเวนหาซื้อผลไม้ในโซลต่อดีกว่า
ว่าละก็นั่งรถไฟกลับมาถึงชองยางงิแบบชิวๆ
พอถึงแล้ว ขอเลี้ยวเข้าห้าง Lotte ไปซื้อผลไม้หน่อยเหอะ
ว่าแล้วเราก็ได้ผลไม้มาฝากที่บ้านสมใจ มีเชอรี่ องุ่นไร้เมล็ด กีวี่สีทอง แล้วก็แตงสีเหลืองๆ
เค้ามีบริการแพ็คขึ้นเครื่องให้ด้วย
ทั้งแผนกพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งคนนึง โอ้ว เป็นโชคดีของเราจริงๆ
เสร็จแล้วก็หอบกล่องผลไม้กลับมาแพ็คที่โรงแรม
นั่งแท็กซี่ต่อไปอินชอน ฝนตกมืดฟ้ามัวดิน หูดับตับไหม้
ลุงคนขับบ่นๆล้งเล้งๆเป็นภาษาเกาหลีตลอดเวลาเพราะมองไม่เห็นทาง
ใจเราเต้นตุ๊มๆต่อมๆ ไม่ได้กลัวอุบัติเหตุ
เพราะลุงขับช้าๆ น่าจะปลอดภัย
แต่กลัวว่าเครื่องจะ take off ไม่ได้มากกว่าถ้าฟ้าฝนยังเป็นแบบนี้
ยิ่งลุ้น ยิ่งเครียด คิดถึงบ้านเต็มแก่ อยากกินน้ำพริกน้ำเงี้ยว ข้าวซอย
พอเข้ามาในอินชอนได้ รีบวิ่งไปเช็คอิน อืมมม เครื่องบินตามปกติ ค่อยโล่งใจหน่อยแฮะ
สำหรับใครที่ไม่อยากเสียเวลาต่อคิวยาวๆเช็คอินกับเจ้าหน้าที่นะคะ
สามารถใช้เครื่อง self check in ได้
โดยจะมีพนักงานของ Korean Air คอยยืนให้ความช่วยเหลืออยู่ด้วยค่ะ
ง่ายมาก เร็วมาก พอได้ boarding pass ปั๊บ ก็ค่อยเอากระเป๋าไปโหลด
แล้วเดินตัวปลิวเข้าไปรอเวลาขึ้นเครื่องตาม gate ของตัวเองได้เลยค่ะ
เราก็ลั้ลลาไปนั่งรอ ไม่วายแวะละลายเงินวอนก้อนสุดท้ายในสนามบิน
เข้าร้านช็อคโกแลตนี่แหละ กินได้ทั้งบ้าน ในใจแอบคิดอยู่ เกาหลีนี่ชีวิต คือ กิมจิ
จะมีใครอุตริเอากิมจิมาทำช็อคโกแลตรึเปล่านะ
แล้วก็ต้องหัวเราะกร๊ากกกออกมาเพราะมันมีจริงๆด้วย
มีช็อคโกแลต รสกิมจิ สาหร่าย พริก ฯลฯ พิลึกกึกกือ 555+
เราเลือกที่เป็น Best Seller มาลองดีกว่า white chocolate เคลือบสตรอเบอร์รี่ทั้งลูกแบบนี้
ขอบอกว่าอร่อยมากค่ะ หวานซ่อนเปรี้ยว แล้วสตรอเบอร์รี่จริงๆทั้งลูกเลย ไปนั่งรอขึ้นเครื่องไปเชียงใหม่ บรรยากาศเหมือนถึงเมืองไทยแล้ว 40%
รอบตัวเรามีแต่คนพูดภาษาเหนือ น้ำตาแทบจะรื้นขึ้นมาด้วยความปีติ
แอบถ่ายป้าคนนี้ เกาหลี๊ เกาหลี หลับในท่าซารางแฮโย และแล้วภารกิจก็ลุล่วง ขากลับนั่งเครื่องลำเล็กเพราะปลายทางเป็นบ้านนอกไม่ใช่เมืองหลวง
ผ่านอากาศแปรปรวนที่ เครื่องก็สั่นวูบวาบ วูบวาบ
คนกลัวความสูงอย่างเราจริงๆต้องผวากว่านี้ แต่เพราะความเหนื่อยสะสมที่มีมาตลอด 4 วัน
ทำเอา 5 ชั่วโมงบนเครื่องเป็นเวลานอนที่แสนสุข
หลับจนเค้ามาแจกข้าวยังไม่รู้เรื่องเลยคิดดู
โดยรวมถึงจะโหด มันส์ ฮาไปบ้าง แต่เราก็ประทับใจทริปนี้มาก
ซะจนเก็บความทรงจำมาได้แทบทั้งหมด
ไว้ถ้ามีโอกาส backpack คนเดียวแบบนี้อีก จะเก็บมาเล่าให้ฟังอีกแน่นอนค่ะ
ข้างล่างนี้เป็นภาคผนวก เป็นไกด์ไลน์ของฝากน่าซื้อจากเกาหลี
ใครจะไป หรือใครจะฝากใครหิ้วก็ลองเล็งๆไว้นะคะ
อย่างแรก คือ เครื่องสำอางค์ Skin food
ที่การันตีว่าถูกมากกกกกกกกที่สุด เมื่อไปซื้อถึงที่
รูปที่เราให้เป็นแค่ตัวอย่างค่ะ เพราะจริงๆกวาดมาเยอะจนกลัวจะไม่ผ่านศุลกากร ต่อไปซองใส่พาสปอร์ต หรือนามบัตรหลายลายกุ๊กกิ๊กน่ารักจากเมียงดงค่ะ แล้วก็ ร่มเกาหลีลายกุ๊กกิ๊ก ไหนจะถุงเท้าหลากสีแบบเกร๋ๆที่ได้จากเมียงดงอีกเช่นกัน แล้วก็ของที่ระลึกจิปาถะต่างๆ ทั้งที่ห้อยโทรศัพท์ พวงกุญแจ
กรรไกรตัดเล็บ ตัวดูดกระจก งานเนี้ยบใช้ได้ค่ะ สุดท้ายแล้ว นอกจากนมกล้วย สาหร่าย (กำเนิดของสาหร่ายเถ้าแก่น้อย)
ก็มีช็อกโกแลตไส้สตรอเบอร์รี่นี่ละค่ะ ประทับใจทั้งคนให้ คนรับแน่นอน
จบแล้วค่า ..
Free TextEditor
Create Date : 29 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 29 สิงหาคม 2552 11:58:14 น. |
|
16 comments
|
Counter : 1463 Pageviews. |
|
|