ใดใดในโลกล้วน รุงรัง จู่จู่ทำบล็อคพัง ง่าวแท้..
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
29 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
ช็อปเมียงดงกระจาย สบายใจได้เดินชองเกชอน

Smiley ฮ้าาาาา... วันนี้ตื่นสายสมใจ กว่าจะออกจากโรงแรมมาก็ 10 โมงกว่า Smiley


ฝนหยุดแล้ว ค่อยน่ารักหน่อย


ถามเส้นทางไปเมียงดงกับคลองชองเกชอนจากที่โรงแรมเรียบร้อย


ก็เริ่มออกเดิน จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้ขึ้น subway เกาหลี


แต่ก็ลงไปดูลาดเลามาหลายครั้งละล่ะ (เพื่ออะไร?)


โปรแกรมแรกวันนี้เลย คือไปลั้ลลาช็อปปิ้งที่เมียงดง


เล็งๆไว้ทั้ง skin food อยากกินไอติมยาวเป็นฟุตนั่น


แล้วก็ krispy cream ด้วย จากลายแทงที่ได้มา เดินง่ายมาก ไม่ไกลเท่าไหร่




Smiley ไปเมียงดงนะคะ จากปากซอย SB เลี้ยวขวา เดินตรงไปเรื่อยๆ Smiley


ผ่านสี่แยกไฟแดง สุดทางจะมีทางลง subway ใช้ข้ามถนนไปออกฝั่งตรงข้าม ให้ลอดไปค่ะ


ด้านล่างจะเป็นทางเข้าห้างสรรพสินค้าใต้ดิน ทะลุห้างไป


ถ้าจะหลงก็ถามชาวบ้านเค้า โผล่ขึ้นมาบนดินแล้ว ให้เดินตรงไปอีกนิดหน่อย


จนกระทั่งเห็นห้าง Migliore ฝั่งตรงข้ามถนน ให้เดินข้ามถนนไปหาห้างเลยค่ะ


ซอยหลักเข้าเมียงดงจะอยู่ข้างห้าง มีเวทีอยู่ข้างหน้าไว้จัด event เล็กๆ


เดินไปจนถึงสี่แยก ถ้าโชคดีเหมือนเรา จะมีเจ้าหน้าที่ i information ใส่เสื้อคลุมสีแดงยืนอยู่


คอยแจกแผนที่ แล้วก็บอกทางร้านที่เราต้องการเจาะจงเป็นพิเศษ แผนที่ละเอียดมากค่ะ


พอเราบอกว่า skin food เค้าวงมาให้ 3 วงเลย


เฉพาะที่เมียงดง skin food มี 3 ช็อปไว้ดักนักท่องเที่ยวไทยโดยเฉพาะ


Etude ก็เยอะพอๆกัน


ตอนที่เราไป ร้านรวงยังไม่เปิดดี ก็เลยเดินวนหาไรรองท้องก่อน


ตามลายแทงหา Krispy Cream ได้ไม่ยาก


เดินเข้าไปข้างในเห็น เคาน์เตอร์ i อยู่ด้านในอีก 1 จุด


เอกสารเพียบ แล้วก็จะมีจุดนัดพบ มีเก้าอี้ให้นั่งพัก เหมือนสยามบ้านเราเดี๊ยะ


เราสั่งโดนัทไป นั่งกินชิวๆพลางคิดว่า เมียงดงเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวจริงๆ


เพราะตอบโจทย์ได้ทั้งชายและหญิง ผู้หญิงเราสามารถลั้ลลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวัน


เพราะร้านขายเครื่องสำอางค์ และของกุ๊กกิ๊กเยอะมาก


ส่วนผู้ชายสามารถนั่งชิว พร้อมกับชมวิวสวยๆได้ทั้งวันเช่นกัน


วิวสวยๆ ณ ที่นี้ คือ สาวเกาหลี ขาว อวบ


ที่แต่งองค์ทรงเครื่องกันสุดฤทธิ์ และควงเพื่อนๆมาเดินเฉิดฉายช็อปปิ้งกันย่านนี้


เรียกว่าอิ่มอกอิ่มใจแน่นอน ที่นี่เป็นแหล่งเหล่หญิงชั้นดี การันตี..




Smiley นั่งดูอะไรเรื่อยเปื่อยหนำใจแล้ว เราก็เริ่มออกล่า skin food Smiley


ซึ่งเปรียบเหมือนกับสถานทูตไทยในเกาหลีจริงๆ


หลายคนจากบ้านมานาน ถ้าอยากเจอคนไทย อยากฟังภาษาไทยให้มาที่นี่ ไม่ผิดหวังแน่นอน


skin food แต่ละสาขา ทำเราเซอร์ไพรส์ได้ต่างกัน


เมียงดง 1 คนไทยทั้งร้าน มีพนักงานขายเป็นคนเกาหลีแปลกปลอมมาคนเดียวเท่านั้น 555+


เมียงดง 2 เปิดเพลง "ตัวอิจฉา" ของพี่เอ็ม ต่อด้วยเพลงพี่ปั๊บ พี่บอย ฯลฯ


จนเรากรี๊ดออกมาดูป้ายอีกทีว่าที่นี่เกาหลีแน่นอนใช่มั้ย


หลงเข้าไป skin food ที่ทงแดมุนอีกที พนักงานพอรู้ว่าเราเป็นคนไทยปึ๊บ


ขายทันที "หน้าขาว หน้าใส หน้าเด้งๆ" !!! ทำเอาเรากร๊ากกกออกมา พนักงานก็ก๊ากตาม


แต่ละสาขา มีผลิตภัณฑ์ไม่เหมือนกันนะ ลองดูดีๆ


ที่สำคัญ กระหน่ำแจก tester กันแบบไม่หวงเครื่อง


eye cream ที่เราได้มา เอามาบีบรวมๆกัน


คงได้กระปุกนึงที่เค้าขายพอดี ของฟรีแบบนี้ มิน่า กินใจสาวๆนักแล..


พอกวาดมาจนหนำใจแล้ว โอ๊ย.. หนักอึ้งมาก


แรดต่อไม่ได้แน่นอน เลยต้องนั่งแท็กซี่กลับไปโรงแรมก่อน


เอาของไปเก็บแล้วค่อยตั้งต้นเดินใหม่


คราวนี้เลยเมียงดงไปเลย เพราะจุดหมายคือ คลองชองเกชอน




Smiley ที่โรงแรมบอกเรามาว่า ชองเกชอนวันนี้ไม่สวยนะ Smiley


เพราะน้ำท่วมจากฝนตกหนักเมื่อวาน เค้ากำลังซ่อมแซมกันอยู่


อ๊อย.. เล่นเอาเราใจแป้วเลย แต่ถ้าอ่านจากรีวิวตอนก่อนๆ

ของเรา


จะเห็นว่า แค่ประโยคนี้ ห้ามชั้นไม่อยู่หรอก ว่าแล้วก็เดินไปให้เห็นกับตา


อากาศสบายๆ ไม่ร้อน ไม่หนาว ที่สำคัญไม่มีฝน


ทำให้โซลเป็นเมืองที่น่ารัก และเหมาะแก่การเดินเที่ยวชมเมืองแบบสบายๆ


เราลัดเลาะไปตามทาง ถามชาวบ้านไปเรื่อย เจอหน้าใครก็ "ชองเกชอน?"


พร้อมกับชี้ๆไปข้างหน้า


เท่าที่ได้ยินมา ชองเกชอนยาวมาก ไม่ว่าเดินไปโผล่ตรงไหน ไงๆต้องเจอ ไม่หลงแน่นอน


แต่เดินๆไป ท้องเริ่มร้อง เตือนให้แวะหาไรกินก่อน


ประกอบกับตั้งแต่มาที่นี่ ยังไม่ได้กินหมูเกาหลีที่ร่ำลือเลย


ว่าละก็มาจอดอยู่หน้าร้านพอดี เลยขอเข้าไปลองซะหน่อย


เอานิ้วจิ้มเมนูเหมือนเดิม จิ้มไปที่สามชั้น อ้วนมาก แต่ก็โปรดมากเช่นเดียวกัน


ซักพักเครื่องเคียงก็มา อลังการณ์เหมือนเคย


จากนั้น พนักงานก็แบกถาดหมูที่ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นๆไว้เรียบร้อยแล้ว


ใช้ไม้คีบแล้วปิ้งให้เรา พร้อมสาธิตการกิน


เค้าให้เอาผักสลัด หรือใบเมี่ยงที่ฉีกมาขนาดเท่าฝ่ามือ วางแผ่ลงบนมือ


แล้วคีบหมูที่ปิ้งสุกแล้ว จิ้มน้ำจิ้มแล้วเอามาวาง


จากนั้นใส่พริกสด หอม หรืออะไรแล้วแต่ แล้วก็ห่อๆ


ใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆๆ อู๊ยยยย อร่อยแฮะ


โซ้ยข้าวร้อนๆตามไป สุดยอด.. งี้ค่อยกู้หน้าให้เกาหลีหน่อย



Smiley หลังจากเอร็ดอร่อยกับมื้อนั้น เราก็เดินทางต่อ Smiley


ไม่นานก็เจอแล้ว ชองเกชอน


เค้าซ่อมแซมทางเท้าข้างบนตะหาก


ด้านล่างที่เป็นทางเดินยาวหลายกิโลนั่นยังคงสภาพดี แล้วก็ร่มรื่น น่าเดินที่ซู้ดดดด


ว่าแต่มาโผล่ซะกลางคลอง จะเดินไปซ้าย หรือขวาดี


แต่เห็นส่วนมากเค้ามุ่งซ้ายกันนะ ว่าละก็ตามไป



Smiley เค้าจะมีจุดไฮไลท์เป็นพักๆ แล้วก็มีก้อนหินเล็กๆ ให้เดินข้ามคลองไปๆมาๆ เป็นระยะด้วย Smiley


ว่าแล้วก็ข้ามฟากไปดูจิตรกรรมฝาผนัง


เล่าเรื่องราวของจักรพรรดิเกาหลีสมัยก่อน



Smiley นอกจากนี้ก็ยังเป็น gallery ของภาพเขียนที่ได้รางวัล Smiley


ของน้องๆนักเรียนเกาหลีจากทั่วประเทศ ในหัวข้อรณรงค์เรื่องต่างๆ



Smiley แล้วยังเป็นที่หลบมุมพลอดรักจั๊กกะดึ๊ยของหนุ่มสาวเกาหลีอีกหลายคู่ Smiley


แหม่.. กล้ากันจริงๆ ถึงมันจะอยู่ใต้สะพาน แต่ก็กลางวันแสกๆนะคู๊นนน


ละไปยุ่งไรกะค้าววว หยอกเย้า



Smiley มีหินสลักเป็นลวดลายต่างๆ ไม่มีป้ายอธิบายที่มาที่ไป ใช้ทำอะไรมาก่อน Smiley



Smiley แล้วในที่สุด ก็เดินมาจนสุดคลอง หน้าห้างชองเก Smiley


จุดนี้ คนเยอะมาก เราเองถ้าเป็นคนเกาหลีก็คงมานั่งแถวนี้บ่อยๆ


บรรยากาศเหมือนมีน้ำตกอยู่กลางเมือง


สงบ ร่มรื่น เล่นน้ำได้ด้วย น้ำงี้ใสจนเห็นฝูงปลาเลยทีเดียว


แปลกใจเลยว่าทำไมอัตราการฆ่าตัวตายของคนที่นี่สูงนัก


ในเมื่อเค้าหาความสุขได้ออกจะง่ายขนาดนี้



Smiley มีคนโยนเหรียญเอาเคล็ดด้วย Smiley


ว่าแล้วก็โยนเหรียญ 5 บาทไทยลงไปประกาศศักดามั่ง 555+



Smiley สรุปแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลในเกาหลี สำหรับเรา เทใจให้ชองเกชอน Smiley


เรียบ ง่าย แต่ได้ใจที่สุด จนต้องย้อนกลับมาอีกครั้งในตอนกลางคืน


เพราะได้ยินว่ามีการแสดงแสงสีด้วย


แต่ตอนนี้ ขอตัวไปตามล่ารองเท้าที่ทงแดมุนก่อนเหอะ



Smiley ว่าแล้วก็เดินลุยคลองย้อนกลับมา Smiley


เอาแผนที่มาดู ปรากฏว่าต้องเดินไปเรื่อยๆ ก็เดินต่อไป


โอย.. ไกลจริงค่ะ แนะนำให้ขึ้นรถมาเอา เก็บแรงไว้เดินช็อปดีกว่า


2 ข้างทางก็ไม่มีไรน่าดูเลย เดินเลียบชองเกชอนมาเรื่อยๆ


แต่จุดไฮไลท์ไม่มีแล้ว เป็นแค่ทางเดินริมน้ำเฉยๆ


แอบดีใจ เมื่อกี้คิดถูกที่เลี้ยวซ้ายตามชาวบ้าน


ถ้าเลี้ยวขวาคงได้เบ้ปากให้ชองเกชอนแน่นอน


ว่ามีแค่นี้เองหรอ? บลา บลา บลา..


ทงแดมุนจะคล้ายๆคลองถม มีร้านเรียงๆๆๆกันยาว แยกหมวดหมู่ไว้ชัดเจน


นี่โซนสิ่งก่อสร้าง นี่ไฟฟ้า นั่นอุปกรณ์ตัดเย็บ


ถ้าไม่ได้ตั้งใจมาดูของพวกนี้ ให้มุ่งหน้าไปตลาดเสื้อผ้าสุดถนนเลยค่ะ


ตรงนั้น หน้าตาจะคล้ายๆเมียงดง มีห้างเหมือนกันด้วย


กว่าจะได้รองเท้าคู่นี้สมใจก็เย็นแล้ว



Smiley เลยนั่งแท็กซี่กลับมานัมแดมุน ตลาดหน้าบ้านซึ่งยังไม่เคยมีโอกาสได้เดิน Smiley


ฝนเริ่มตกอีกแล้ว เป้าหมายของเราคือร้าน gift shop


เพราะอยากได้ซองใส่พาสปอร์ตน่ารักๆสไตล์เกาหลีที่ร่ำลือ


เดินไปจนรอบ เห็นแต่อาเฮียคนเนี้ย ทุ่มทุนสร้างมาก


โชว์ขาอ่อน เรียกอาม่าซื้อของ เวิร์คนะ เพราะคนมุงตรึม



Smiley ร้านรวงเริ่มปิดแล้ว อีกข้อสรุปที่ได้จากนัมแดมุน คือ Smiley


ที่นี่เหมือนกับสำเพ็งบ้านเรานี่เอง ของส่วนมากขายยกโหล


ใจเลยหวนกลับไปคิดถึงเมียงดง ที่นั่นข้าวของถูกจริตเราที่สุดแล้ว


เลยเดินกลับไปอีกรอบ ขาลากกว่าจะได้ passport case สมใจ ฮิ้วววว


ผู้หญิงเราก็แบบนี้แหละเนอะ จะเป็นจะตายกับของกุ๊กกิ๊ก อิอิ อ้อ..


ไม่วายซื้อถุงใบเท่าบ้านมาเตรียมใส่ของฝากกลับบ้านวันพรุ่งนี้ด้วย


แล้วก็ดีใจมาก คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่ซื้อ...



Smiley ว่าละก็ถึงเวลากินข้าว อืมมมม มืดแล้ว ฝนก็ตก หาร้านกินแถวเมียงดงละกันนิ Smiley


เหลียวซ้าย แลขวาก็มีร้านนี้แหละ คนคึกคักเชียว อาหารหน้าตาประหลาดๆอีกละ


แต่แหม.. ใจกลางเมืองใหญ่ คนก็เยอะ มันต้องอร่อยมั่งล่ะน่า


ว่าละก็ยังไม่เข็ด เดินมึนๆเข้าร้านไปแบบหมูไม่กลัวน้ำร้อน


พนักงานไล่เราขึ้นชั้น 3 เพราะข้างล่างเต็มหมด


อืม.. ถ้ามันอร่อยก็คุ้มเดินอะฟระ ได้ที่นั่งปึ๊บ เมนูมาอีกแล้ว


เหมือนเดิม อ่านไม่ออก แต่คราวนี้ไม่ง้อย่ะ เพื่อนฝูงโต๊ะข้างๆเต็มไปหมด


เลยใช้วิชากะเหรี่ยงคอยาวเหมือนตอนเรียนหนังสือ ลอกเมนูโต๊ะข้างๆเอา


เห็นอะไรสีสดๆ น่ากินก็ชี้ๆ เอาแบบเนียะๆ


พนักงานพยักหน้าหงึกๆแล้วเดินจากไป


นึกครึ้มอกครึ้มใจไงไม่รู้ เห็นเค้ามากินข้าวกับเพื่อนฝูงกันเลยอยากจะมึนมีเฮกับเค้าบ้างละมั้ง


ประกอบกับเคยได้ยินว่าเหล้าเกาหลีอร่อย โชจูหรืออะไรนี่แหละ


เลยถือวิสาสะ เดินเข้าไปในครัวที่อยู่ข้างหน้า เปิดตู้แช่


เห็นอันนึงขวดสวยดี ไม่รู้ว่ามันคือเหล้า หรือน้ำเก๊กฮวย เลยลองถามพนักงาน


แม่ค้าที่เมียงดงที่ผ่านๆมา ภาษาอังกฤษสื่อสารใช้ได้


ไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรค่ะ แต่พอมาเจอร้านนี้ แหง่ว..


ถามเค้าว่า Hop? ไม่รู้เรื่อง แอลกอฮอล์? ไม่รู้เรื่อง เลยต้องเล่นมาตามนัดอีกแล้ว


ทำท่าดื่มให้เค้าดู เสร็จแล้วก็จับหัวทำท่ามึนๆ พนักงานหัวเราะคิก


แต่ได้เรื่องมั้ย? ก็ไม่ ช่างมันเหอะ เอามาลองละกัน เหล้าหรือน้ำเก๊กฮวยก็กินหมดละ อารมณ์นั้น


พอได้แก้วมาก็เริ่มจิบ ว้าวววว ไม่เสียแรงแฮะ


รสชาติคล้ายๆ Spy อะค่ะ แต่หอม แล้วก็หวานกว่า อร่อยใช้ได้ๆ



Smiley อ๊ะ.. อาหารอย่างแรกมาแล้ว เป็นต้มซุปไก่ Smiley


อืมมมม หน้าตาประมาณเดียวกับซุปปลาหมึกที่กินวันแรกเลย


แล้วก็คิดไว้ไม่ผิด จืดดดดสนิท ไก่ที่ตุ๋นมาก็นุ่มดีหรอก


แต่ถ้ามันมีรสมีชาติหน่อยก็ดีนะ เฮ้อ..



Smiley แล้วหม้อไฟอย่างที่ 2 ก็มา ประกอบด้วยผัก และอาหารทะเล ต้มเดือดๆอยู่ในน้ำสีแดงๆ Smiley


หน้าตาน่ากินมากเลยล่ะ แต่รสชาติ เอ่อ.... ฮี้....


เหมือนแกงเลียงต้มชีส พิลึกพิลั่นที่สุด


เห็นเจ๊โต๊ะข้างๆ โซ้ยเอ๊า โซ้ยเอา เหมือนกินอาหารเหลาฮ่องเต้


พยายามจะกินให้อร่อยมั่ง เลยต้องซดเหล้าย้อมใจก่อนทุกคำ 555+


แต่ไม่ไหวค่ะ กินเหลืออีกมื้อนึงแล้ว อาหารเกาหลีกับเรา ไปกันไม่ได้จริงๆ



Smiley พอจบสมบูรณ์ที่เมียงดงแล้ว เราเลยทำตามที่ตั้งใจไว้ Smiley


นั่งแท็กซี่ไปชองเกชอนต่อ แท็กซี่ถามว่า จะไปโซนไหน มันมี 1 - 8 โซน


เพราะยาวมาก อ๋ายยย ทำการบ้านมาน้อย


เลยไม่รู้ว่ามะเช้ามันคืออะไร เลยบอกเค้าไปว่า ชองเกพลาซ่า


เค้าก็พาเราไปจุดเมื่อเช้าเด๊ะ อ่อ.. จุดห้างชองเกถือว่าเป็นจุดที่ 1 หรือจุดเริ่มต้นนะคะ


ตรงนี้จะมีจอทัชสกรีนไว้รองรับนักท่องเที่ยว และให้ข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับชองเกชอน


ทั้ง 8 จุดมีไฮไลท์อะไรบ้าง กลางคืนมีอะไร


เริ่มการแสดงกี่โมงถึงกี่โมง เราหาข้อมูลได้ทั้งหมดตรงนี้ค่ะ



Smiley เวลาตอนนั้นเกือบ 4 ทุ่มแล้ว จะมีการแสดงแสงสีในรอบสุดท้ายตอน 4 ทุ่ม Smiley


เราเดินกินลมชมวิวอยู่แถวนั้น ทันได้เห็นตรงสะพานเล็กพอดี เป็นจุดที่ 2 ของชองเกชอนค่ะ


light & sound ของเค้าน่ารักมาก ทำเป็นรูปคนเต้นระบำมั่ง หัวใจมั่ง ฯลฯ


ถ่ายรูปเก็บด้วยความประทับใจ


ตอนนั้นฝนตกหนักอีกแล้ว พอดูเสร็จปึ๊บก็ได้เวลากลับโรงแรม



Smiley ข้างๆชองเกชอน มีร้านเค้กน่ารักอยู่ ชื่อ 2someplace Smiley


เราเข้าไปหาไอเดีย เผื่อมีไรน่ากินๆเก็บไว้พรุ่งนี้เช้า


เค้กเค้าหน้าตาน่ากินดีนะคะ แต่อร่อยรึเปล่านี่ ไม่อยากจะคาดเดา


ว่าแล้วก็ซื้อแค่มินท์มาอมเล่นเพราะ packaging สวยดี


แล้วก็นั่งรถกลับโรงแรมแพ็คข้าวของ เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นไปเกาะนามิแต่เช้า


ฝนตกแบบนี้ จะมีอะไรไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกมั้ยเนี่ย


แต่นามิไม่ไกลเท่าซอรัคนะ คิดว่ายังไงก็ต้องไปให้ได้


เก็บทุกอย่างที่ต้องการในโซลไปแล้ว ถ้าให้อยู่ต่ออีกวัน คงน่าเบื่อแล้วล่ะ


ว่าละก็จัดการ เอาของแตกได้ทุกอย่างแพ็คเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า


แล้วของกินกับเสื้อผ้าที่ซื้อมา เอาใส่รวมไว้ในถุงใหญ่ที่ซื้อจากเมียงดง


ย่อทั้งหมดเหลือแค่ 2 กระเป๋า กับเป้ 1 ใบที่จะสะพายไปนามิวันพรุ่งนี้


ของที่เหลือจะฝากที่ Seoul Backpacker ให้หมด ละค่อยกลับมาเอา


เรียบร้อยทุกอย่าง หัวถึงหมอน ก็หลับเป็นตายเลยค่ะ


ต่อตอนสุดท้ายนะคะ พาไปฝ่าฝนที่เกาะนามิ แล้วก็เตรียมตัวกลับค่ะ




Free TextEditor


Create Date : 29 สิงหาคม 2552
Last Update : 29 สิงหาคม 2552 11:39:32 น. 1 comments
Counter : 4266 Pageviews.

 


โดย: passthip056 วันที่: 19 พฤษภาคม 2555 เวลา:21:07:53 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ด.ญ.รุงรัง
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




: Users Online
Friends' blogs
[Add ด.ญ.รุงรัง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.