|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 4
ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 4
จากตอนที่แล้ว กองทัพของพระโปลชนก ออกเดินทางเข้าสู่มิถิลานคร ใช้เวลาในคืนวันรุ่งขึ้นอีกครึ่งคืนก็เข้าเขตพระนคร จึงทรงให้ตั้งค่ายพักแรมอยู่นอกพระนคร พอรุ่งสางก็ตรัสสั่งให้ล้อมพระนครเอาไว้ พร้อมทั้งได้ส่งสารไปถวายพระเชษฐาว่า เมื่อก่อนหม่อมฉันไม่เคยคิดเป็นศัตรูต่อเจ้าพี่เลย แต่บัดนี้ หม่อมฉันจะขอเป็นศัตรูหละ เจ้าพี่จะมอบราชสมบัติให้แก่หม่อมฉันหรือจะรบจงรีบตอบมา
พระราชาอริฏฐชนกทรงสดับสารของพระอนุชาแล้ว ก็ทรงเรียกพระอัครมเหสีมา ตรัสบอกพระนางว่า การรบครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะชนะหรือจะแพ้ ถ้าหากเราประสบภัยเธอพึงรักษาครรภ์ไว้ให้ดี แล้วก็ยกทัพออกจากพระนคร ทำการรบกับกองทัพของพระอนุชาของพระองค์เอง
ขณะที่รบกันอยู่อย่างสามารถ เพียงในวันแรกเท่านั้น ทหารของพระโปลชนกก็ได้ใช้ธนูยิงพระเจ้าอริฏฐชนกราชถึงสิ้นพระชนม์บนคอช้างท่ามกลางสนามรบนั้นเอง
เมื่อข้าราชบริพารของพระเจ้าอริฏฐชนกรู้ว่าพระราชาของตนสวรรคตแล้ว ก็ไม่มีใครคิดจะต่อสู้อีก จึงได้เปิดประตูเมืองให้กองทัพของพระโปลชนกเข้าสู่พระนครในวันนั้น แล้วก็ได้จัดการอภิเษกให้พระโปลชนกครองราชสมบัติแทนพระเชษฐาของพระองค์สืบไป
ฝ่ายอัครมเหสีของพระเจ้าอริฏฐชนกทรงรู้ว่าพระสวามีสิ้นพระชนม์แล้ว จึงทรงปลอมเป็นหญิงชาวบ้าน รีบเสด็จออกจากพระนคร ทรงได้รับการอนุเคราะห์จากท้าวสักกะ ซึ่งทรงเนรมิตเกวียนแล้วทรงจำแลง พระองค์เป็นชายแก่ ขับเกวียนมารับพระนางไปสู่นครกาลจำปากะ
ในเวลาเย็นวันนั้น ก็ลุถึงนครกาลจำปากะ พระเทวีทอดพระเนตรเห็นประตูหอรบและกำแพงพระนคร จึงตรัสถามท้าวสักกะว่า ท่านตา เมืองนี้ชื่ออะไร ท้าวสักกะตรัสตอบว่า นครกาลจัมปากะ แม่นาง
พระเทวีตรัสค้านว่า ท่านตา ท่านพูดอะไร นครกาลจำปากะอยู่ห่างจากนครของพวกเราถึง 60 โยชน์มิใช่หรือ ท้าวสักกะตรัสว่า ถูกแล้วแม่นาง แต่ตารู้จักหนทางลัด จึงมาถึงเร็ว
แล้วท้าวสักกเทวราชก็ให้พระเทวีลงจากเกวียน ณ ที่ใกล้ประตูด้านทิศทักษิณ ตรัสบอกว่า แม่นาง บ้านของตาอยู่ข้างหน้า แต่แม่นางจงเข้าไปสู่นครนี้เถิด ตรัสแล้วท้าวสักกะก็ขับเกวียนต่อไปเหมือนไปข้างหน้า แล้วหายพระองค์กลับไปสู่ที่ประทับยังภพดาวดึงส์
ส่วนพระเทวีก็เสด็จเข้าสู่ประตูพระนคร เนื่องจากไม่รู้ว่าจะเสด็จไปทางไหนดีเพราะไม่ทรงรู้จักใครเลย จึงประทับนั่งที่ศาลาพักร้อนแห่งหนึ่งตามลำพัง
ขณะนั้น มีพราหมณ์ชาวเมืองกาลจัมปากะผู้สอนมนต์คนหนึ่ง เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ มีลูกศิษย์เป็นชายหนุ่ม 500 คนแวดล้อม กำลังเดินไปเพื่ออาบน้ำที่ท่าน้ำผ่านมาที่ด้านหน้าศาลานั้น
พราหมณ์ท่านนี้ได้แลเห็นพระเทวี ผู้มีพระรูปกายสมบูรณ์ทุกส่วน ประทับนั่งอยู่ที่ศาลาพักร้อนเพียงคนเดียว เมื่อพินิจผิวกายก็ช่างละเอียดอ่อน ลักษณะของมือและเท้านั้นเรียวงาม ก็รู้ว่าหญิงผู้นี้เป็นผู้มีตระกูลสูงส่ง และเค้าหน้าอย่างนี้เธอคงไม่ใช่คนเมืองนี้แน่
ด้วยอานุภาพแห่งบุญของพระโพธิสัตว์ผู้บังเกิดในพระครรภ์ของพระเทวี เมื่อพราหมณ์มองเห็นพระเทวีเท่านั้น จึงเกิดเมตตาราวกับว่าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตน
ได้ให้มาณพทั้งหมด หยุดรออยู่ข้างนอกก่อน ส่วนตนก็เข้าไปในศาลาตามลำพัง ได้ไต่ถามการมาของพระนางว่า น้องหญิง แม่นางคงไม่ใช่คนถิ่นนี้ เธอมาจากเมืองไหนหรือ
พระเทวีได้ทอดพระเนตรพราหมณ์ซึ่งอยู่ในวัยกลางคนที่เข้ามาทักทายตนก็ดำริว่า พราหมณ์ผู้นี้ ท่าทางองอาจสง่าผ่าเผย ดูภูมิฐาน นัยน์ตาเฉียบคมปานดังเหยี่ยว คงจะเป็นอาจารย์ของพวกคนหนุ่มที่ยืนรออยู่ด้านหลังนั้น จึงตรัสตอบไปว่า ฉันเป็นชาวเมืองมิถิลา หนีภัยสงครามมาจ้ะ
แม่นาง ฉันเป็นมหาพราหมณ์ ผู้เป็นอาจารย์สอนศิลปะศาสตร์ให้แก่ศิษย์ที่อยู่เบื้องหลังนั้น กำลังจะไปอาบน้ำ ฉันดูลักษณะของเธอแล้ว เธอคงไม่ใช่หญิงชาวเมืองธรรมดาละกระมัง พอจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเธอให้เราทราบได้หรือไม่
พระเทวีดำริว่า ชายผู้มีสายตาเฉียบคมผู้นี้ ดูเป็นคนเปิดเผย มีฐานะเป็นอาจารย์ของคนทั้งหลาย พอที่จะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของเราได้ จึงตรัสเล่าเรื่องราวทั้งหมดไห้ฟังว่า ฉันเป็นอัครมเหสีของพระอริฏฐชนกราช ผู้เป็นพระราชาของกรุงมิถิลา ...เมื่อสองวันก่อน พระองค์ได้ทำสงครามกับกองทัพของพระอนุชาของพระองค์เอง แต่ทรงเสียทีแก่ข้าศึก ถูกทหารฝ่ายตรงข้ามยิงด้วยลูกธนูสิ้นพระชนม์ในสงคราม ฉันกลัวภัยที่จะมาถึงตน จึงหนีมายังเมืองนี้ เพื่อรักษาครรภ์ไว้ โอ จริงๆ ด้วย เธอเป็นถึงพระอัครมเหสี นี่พระนางทรงพระครรภ์ด้วยหรือนี่ หม่อมฉันขอพระราชทานอภัยด้วย ที่แสดงอาการไม่สุภาพ
ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ แล้วพระเทวีจะไปที่ไหนต่อ พระเทวีทรงมีพระประยูรญาติอยู่ในเมืองนี้บ้างหรือไม่ละ
ฉันไม่รู้จะไปทางไหนเหมือนกัน เพราะไม่รู้จักใครในเมืองนี้เลย
มหาพราหมณ์นึกสงสารพระเทวียิ่งนัก จึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้น พระเทวีอย่าทรงร้อนพระทัยไปเลย หม่อมฉันชื่ออุทิจจพราหมณ์ เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ หากไม่รังเกียจ ขอเชิญพระเทวีไปพักอาศัยอยู่กับหม่อมฉันก่อนเถิด
แล้วมหาพราหมณ์ก็ออกอุบายว่า ขอให้พระนางทำตามคำแนะนำของหม่อมฉัน โดยหม่อมฉันขอตั้งพระนางไว้ในตำแหน่งน้องสาว เพื่อปกปิดไม่ให้ใครรู้ฐานะที่แท้จริงของพระนางและพระโอรส
...หม่อมฉันจะให้บริวารคอยปฏิบัติดูแลพระนางเป็นอย่างดี ขอให้พระนางเรียกหม่อมฉันว่าพี่ชายก็แล้วกัน พระนางจงแสดงอาการร้องไห้ประดุจว่าได้มาพบพี่ชายที่จากกันมานานในบัดนี้เถิด
พระเทวีทรงเห็นว่าพราหมณ์อยู่ในฐานะที่พอจะเอาเป็นที่พึ่งได้ในยามยากเช่นนี้ จึงทรงปฏิบัติตามคำแนะนำของพราหมณ์ทุกอย่าง ทรงร้องไห้รำพรรณเรียกพราหมณ์ว่าพี่ แล้วทอดพระองค์ลงจับข้อเท้าของพราหมณ์ ทั้งสองต่างแสดงความรักและคิดถึงประดุจพี่น้องที่รักกันแต่ต้องจากกันไปเสียนาน
ฝ่ายเหล่าลูกศิษย์ได้ยินเสียงของพราหมณ์และพระเทวีร้องให้ จึงพากันเข้าไปในศาลา ถามว่า ท่านอาจารย์ นางเป็นใครหรือขอรับ
พราหมณ์กล่าวด้วยอาการตื้นตันใจว่า ท่านทั้งหลาย หญิงนี้เป็นน้องสาวของฉัน เราถูกพรากจากกันตั้งแต่ครั้งยังเล็ก เพิ่งจะมาพบกันในวันนี้แหละ ฉันดีใจเหลือเกิน
พวกลูกศิษย์จึงแสดงความยินดีต่ออาจารย์ และได้ปวารณาว่า ท่านอาจารย์โปรดวางใจเถิด พวกเราจะช่วยกันดูแลน้องสาวของท่านเป็นอย่างดี เสมือนกับเป็นมารดาของพวกเราเอง
พราหมณ์ได้ฟังคำปวารณาจากลูกศิษย์แล้ว ก็ปลื้มใจ จึงสั่งลูกศิษย์ให้บอกพราหมณีว่า หญิงนี้เป็นน้องสาวของเรา ให้ดูแลความสะดวกสบายด้วย ส่วนว่า เรื่องราวของพระเทวีจะเป็นอย่างไรโปรดติดตามในตอนต่อไป
โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
ขอบคุณ dmc.tv
Create Date : 06 กันยายน 2550 |
Last Update : 6 กันยายน 2550 20:23:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1354 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|