Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
20 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 

ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์ ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 14



ทศชาติชาดก เรื่อง พระเตมีย์
ผู้ยิ่งด้วยเนกขัมมบารมี ตอนที่ 14



จากตอนที่แล้ว พระนางเจ้าจันทาเทวี ได้ทรงดำเนินการอภิเษกพระโพธิสัตว์ให้เป็นกษัตริย์แล้ว ก็ยังทรงทุกข์ระทมเพราะทรงเป็นห่วงเป็นใยในชีวิตของพระโอรส จนไม่เป็นอันที่จะเสวยพระกระยาหาร ได้ทรงเฝ้าวนเวียนอยู่กับพระโพธิสัตว์ ตรัสวิงวอนอยู่ตลอดทั้งคืนทั้งวัน ด้วยพระดำรัสซ้ำๆ ว่า พ่อเตมิยกุมาร ตลอดสิบหกปีที่ล่วงมา แม่ไม่เป็นอันหลับนอน หัวใจของแม่แทบจะแตกสลายด้วยความโศก แม่รู้อยู่เต็มอกว่า ลูกของแม่มิใช่คนง่อยเปลี้ย มิใช่คนใบ้ มิใช่คนหูหนวก ลูกจงกล่าวอะไรๆ บ้างเถิด อย่าปล่อยให้แม่ต้องทุกข์ระทมมากกว่านี้เลย

ส่วนพระโพธิสัตว์ ทรงนึกขอพระราชทานอภัยโทษต่อพระมารดา แล้วทรงนึกถึงปณิธานที่ได้ตั้งสัจจาธิษฐานไว้แต่เดิม ได้แต่บรรทมนิ่งนึกถึงความปรารถนาที่จะผนวชเพื่อบำเพ็ญเนกขัมมบารมีที่จะสำเร็จในวันรุ่งขึ้น ระงับความโศกเศร้าในพระหฤทัยอันเกิดจากความสงสารพระมารดานั้นเสีย

ฝ่ายพระเจ้ากาสิกราชนั้น ครั้นถึงวันที่หกก็มีรับสั่งให้สุนันทสารถีมาเข้าเฝ้ารับแล้วรับสั่งว่า เจ้าจงกลับไปเตรียมรถเทียมม้าอัปมงคลคู่หนึ่ง รุ่งเช้าพรุ่งนี้จงมารับเตมิยกุมารบนปราสาท แล้วจงนำออกไปทางประตูทางด้านทิศตะวันตก จากนั้นเจ้าจงจัดการฝังพระกุมารเสียที่ป่าช้านอกพระนคร

ฝ่ายสุนันทสารถี ครั้นได้ฟังพระดำรัสนั้นแล้ว ก็ตกใจสุดขีด ใบหน้าซีดเผือดลงทันที ได้แต่ฝืนรับพระบรมราชโองการ แล้วก็กลับมาเตรียมการทุกอย่างตามพระกระแสรับสั่ง แต่ในคืนนั้นเขาก็ไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ เพราะนึกอยู่ตลอดเวลาว่าตนจะต้องปลงพระชนม์พระราชกุมาร เกิดความหวั่นวิตกร้อนรน นอนกระสับกระส่ายพลิกไปพลิกมาจนตลอดคืนยันรุ่ง

ครั้นราตรีนั้นล่วงไปแล้ว พระนางจันทาเทวีสรงสนานให้พระโพธิสัตว์แต่เช้าตรู่ ตกแต่งองค์เสร็จแล้ว ให้พระโพธิสัตว์ประทับนั่งบนพระเพลาสวมกอดพระองค์ไว้

ส่วนนายสุนันทสารถีนั้น เที่ยวเดินเลือกรถอยู่แต่เช้าเช่นกัน แต่ไม่พบรถคนไหนที่ตนพอใจเลย เทวดาจึงดลใจให้เลือกรถมงคล แล้วก็ให้เทียมด้วยม้าที่เป็นมงคล ด้วยอานุภาพของพระโพธิสัตว์



เมื่อเทียมรถเสร็จแล้วจึงขับเข้าสู่ถนนด้านหน้าพระราชวัง หยุดรถนั้นไว้แทบพระราชทวาร แล้วขึ้นสู่พระราชนิเวศน์อันเป็นที่ประทับของพระนางจันทาเทวี และพระราชกุมาร สุนันทสารถีนั้น แม้เขาจะจงรักภักดีต่อพระนางเจ้าและพระโอรสเพียงใด ก็จำต้องอดกลั้นความสงสารและเห็นใจนั้นไว้แต่เพียงภายในใจ เดินผ่านประตูเข้าสู่ห้องบรรทมอันมีสิริ

เข้าไปนั่งคุกเข่าถวายบังคมพระเทวีแล้วกราบทูลว่า “ข้าแต่พระเทวี ขอพระแม่เจ้าอย่าได้กริ้วข้าพระบาทเลย ข้าพระบาทรับพระราชบัญชามา จำเป็นต้องทำตามรับสั่ง ขอพระนางเจ้าจงถอยออกไปก่อนเถิด อย่าได้ห้ามข้าพระบาทเลย”

กราบทูลดังนี้แล้ว ก็เอาหลังมือกันพระเทวีซึ่งนั่งสวมกอดพระโอรสอยู่ให้พ้นออกไป แล้วอุ้มเอาพระราชกุมารผู้บริสุทธิ์ดุจกำดอกไม้ที่งดงาม หันหลังกลับเพื่อเดินลงจากปราสาท

ส่วนพระนางจันทาเทวี เมื่อถูกแย่งเอาพระโอรสออกจากอ้อมอกไป ก็ไม่อาจอดกลั้นความเศร้าโศกอันเกิดจากความพลัดพรากจากพระราชกุมารผู้เป็นที่รักได้ จึงสยายพระเกศา ทรงปริเทวนาการดังสนั่นอยู่กับหมู่นางสนมในปราสาทนั้น

ลำดับนั้น พระโพธิสัตว์เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระมารดากรรแสง ก็เป็นเหมือนพระหฤทัยจะแตกสลายด้วยความรักและสงสารพระมารดา ทรงดำริว่า เมื่อเราไม่พูดกับพระชนนี พระองค์ก็จะมีพระหฤทัยแตกสลายวายพระชนม์ จึงทรงใคร่ที่จะพูดด้วย แต่เมื่อทรงนึกถึงความปรารถนาที่จะสำเร็จในเวลาอันใกล้ ก็ทรงอัดอั้นตันพระหฤทัยดำริต่อไปว่า ถ้าเราจะพูดกับพระมารดา ความพยายามที่เราทำมาถึง 16 ปี ก็จะไร้ประโยชน์ แต่เมื่อเราไม่พูดนั่นแหละ ก็จะเกิดประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง แก่พระชนกพระชนนี และแก่มหาชน

ดำริดังนี้แล้ว จึงทรงอดกลั้นความโศกาอาดูรนั้นเสีย ไม่ตรัสอะไรกับพระชนนี ทรงหลับพระเนตรนึกถึงศีลที่พระองค์ทรงรักษาด้วยดีมาตลอด แล้วทรงตั้งจิตอธิษฐานว่า “ขออานุภาพแห่งศีลที่เรารักษามาดีแล้วนี้ จงคุ้มครองพระชนนีให้ทรงปลอดภัยด้วยเถิด”




ส่วนนายสารถีนั้น อุ้มพระโพธิสัตว์ให้ขึ้นประทับบนรถแล้ว ก็ขับรถมุ่งตรงออกสู่ถนนหน้าพระราชทวารด้านทิศตะวันออก แม้คิดว่าเราจะขับรถออกจากประตูด้านทิศตะวันตกตามพระราชบัญชา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะถูกเทวดาดลใจให้ขับมุ่งตรงไปสู่ประตูด้านทิศตะวันออกนั้น

เมื่อรถแล่นถึงประตูด้านหน้าพระราชวัง พระโพธิสัตว์ทรงสดับเสียงล้อรถกระทบธรณีประตู ก็ทรงดำริว่า บัดนี้ ความพากเพียรที่เราทำมาถึง 16 ปีได้ประสบผลสำเร็จแล้ว ก็ทรงมีพระหฤทัยแช่มชื่นอย่างยิ่ง

รถได้แล่นไกลออกจากพระนครไปเรื่อยๆ สิ้นระยะทางประมาณสามโยชน์ ถึงชายป่าอันร่มรื่นน่ารื่นรมย์ใจแห่งหนึ่ง หากแต่ทว่าป่าแห่งนั้นได้ปรากฏแก่สายตาของนายสารถีประดุจป่าช้าผีดิบ นายสารถีจึงคิดว่า ตรงนี้แหละเหมาะสมจะเป็นสถานที่ฝังพระราชกุมาร จึงชะลอรถแวะลงจอดที่ข้างทาง

เขาคิดว่า จะมีประโยชน์อะไรที่จะฝังพระองค์ไปพร้อมกับเครื่องทรงอันมีค่านี้ จึงเปลื้องเครื่องทรงของพระโพธิสัตว์ออกแล้วห่อไว้ เสร็จแล้วก็ลงจากรถถือจอบเดินออกไป แล้วเริ่มลงมือขุดหลุมสี่เหลี่ยมในที่ไม่ไกลจากรถนัก

ส่วนพระโพธิสัตว์ทรงดำริว่า ขณะนี้เป็นเวลาที่เราจะต้องเคลื่อนไหวแล้ว ก็เราทำความพยายามมาถึง 16 ปีโดยไม่เคลื่อนไหวมือและเท้าเลย ก็บัดนี้กำลังของเรายังมีอยู่หรือไม่หนอ จึงค่อยๆ เอาพระหัตถ์ข้างซ้ายลูบพระหัตถ์ข้างขวา เอาพระหัตถ์ข้างขวาลูบพระหัตถ์ข้างซ้าย แล้วนวดพระบาททั้งสอง

จากนั้นจึงเสด็จลุกขึ้น ทรงดำริที่จะลงจากรถ ขณะนั้น แผ่นดินตรงที่จะประดิษฐานพระบาทของพระโพธิสัตว์ได้นูนสูงขึ้นเพื่อรองรับพระบาทของพระองค์

พระโพธิสัตว์จึงเสด็จลงจากรถ ณ สถานที่นั้น ทรงดำเนินกลับไปกลับมาสิ้นเวลาเล็กน้อย ก็ทรงทราบโดยอนุมานว่า เรามีกำลังพอที่จะเดินทางไกลได้ถึง 100 โยชน์ภายในวันเดียว



เมื่อทรงพิจารณาดูกำลังว่า ถ้าหากนายสารถีคิดจะทำร้ายเรา เราจะมีกำลังพอที่จะต่อสู้กับนายสารถีหรือไม่หนอ จึงทรงทดลองจับท้ายรถยกขึ้น ก็ปรากฏว่าสามารถยกขึ้นได้อย่างสบายๆ เหมือนกับยกรถของเล่นของพวกเด็กๆ จึงทรงทราบว่าเรามีกำลังพอที่จะต่อสู้กับนายสารถี เพื่อที่จะไม่ให้เขาทำอันตรายเราได้

เมื่อทรงทราบดังนี้แล้ว ก็ทรงดำริต่อไปว่า ก่อนที่จะออกบวช เราควรที่จะได้แต่งเครื่องประดับใหม่ที่เหมาะสม

ในขณะนั้นเอง วิมานของท้าวสักกเทวราช ผู้ครองสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ได้เกิดร้อนขึ้นมาด้วยเดชแห่งพระโพธิสัตว์ ท้าวเธอจึงทรงตรวจดูว่า เพราะเหตุอะไรหนอ

เมื่อทรงสอดส่องลงมายังโลกมนุษย์ ก็ทรงเห็นเหตุความเป็นมาทั้งหมด จึงทรงดำริว่า “ความปรารถนาของพระเตมิยราชกุมารถึงที่สุดแล้ว ขณะนี้เธอต้องการเครื่องประดับองค์ ก็เครื่องประดับของมนุษย์ไม่คู่ควรแก่เธอ เราจะให้เตมิยราชกุมารประดับด้วยเครื่องประดับทิพย์"

ทรงดำริดังนี้แล้ว จึงตรัสเรียกพระวิสสุกรรมเทพบุตรมามอบเครื่องประดับทิพย์ให้ แล้วมีรับสั่งว่า “วิสสุกรรม ท่านจงไปประดับพระเตมิยราชกุมาร ผู้เป็นราชโอรสของพระเจ้ากาสิกราช ด้วยเครื่องประดับทิพย์นี้” ส่วนพระเตมิยราชกุมาร เมื่อประดับเครื่องประดับทิพย์นั้นแล้วจะสง่างามเพียงไหน เหตุการณ์จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป

โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

from dmc.tv




 

Create Date : 20 พฤศจิกายน 2550
0 comments
Last Update : 20 พฤศจิกายน 2550 20:40:59 น.
Counter : 946 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมืองทะเลทราย
Location :
Dubai United Arab Emirates

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ว้า...ดูไบเนี่ยทำไม มันร้อนจริง ๆ เลย



Friends' blogs
[Add เมืองทะเลทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.