Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 

ทศชาติชาดก เรื่อง พระมหาชนก ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 14




ทศชาติชาดก
เรื่อง พระมหาชนก
ผู้ยิ่งด้วยวิริยบารมี ตอนที่ 14


จากตอนที่แล้ว พระมหาชนกโพธิสัตว์ครั้นได้รับการอภิเษกให้เป็นพระราชาแล้ว ก็ทรงโปรดให้เสนามหาอำมาตย์ และพราหมณ์ผู้เฒ่าไปอัญเชิญพระมารดาและมหาพราหมณ์มาจากกาลจัมปากนคร ทรงทำพิธีต้อนรับด้วยสักการะอย่างสมพระเกียรติ

จากนั้นมาก็มิได้ทรงประมาทในการดำเนินชีวิต ทรงให้สร้างโรงทานขึ้น ๖ แห่ง คือที่ท่ามกลางพระนคร ๑ แห่ง ที่ประตูพระนครทั้ง ๔ และที่ประตูพระราชนิเวศน์ แล้วก็ได้ขวนขวายในทานเป็นนิตย์ และทรงสมาทานอุโบสถศีลทุกวันอุโบสถ ทั้ง ๗ คํ่า ๘ คํ่า ๑๔ คํ่า และ ๑๕ คํ่า

พระมหาชนกโพธิสัตว์ได้ทรงครองราชย์เรื่อยมา จนกระทั่งวันหนึ่ง พระองค์ได้เสด็จประทับบนพระราชอาสน์ภายใต้มหาเศวตฉัตร ทอดพระเนตรพระราชสมบัติอันยิ่งใหญ่ เพียงดังสิริสมบัติของท้าวสักกเทวราช
ก็ทรงคำนึงถึงความพยายาม ที่พระองค์ได้ทรงทำในมหาสมุทร ทรงเกิดพระปีติโสมนัสเปล่งอุทานว่า “บุรุษผู้เป็นบัณฑิตพึงหวังเข้าไว้ ไม่พึงเบื่อหน่าย เราเห็นว่าการที่เราได้เป็นพระราชาสมปรารถนานั้น ก็เพราะความเพียรพยายามอย่างเดียวโดยแท้”

จากนั้นมา ก็ได้ทรงดำรงพระองค์อยู่ในทศพิธราชธรรมอย่างครบถ้วน และนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามาฉันภัตตาหารอยู่เป็นประจำ และทำการสงเคราะห์พสกนิกรที่ตกทุกข์ได้ยาก ทำให้กรุงมิถิลาเจริญรุ่งเรืองและมั่นคง

ครั้นต่อมา พระนางสีวลีเทวีได้ประสูติพระราชโอรสผู้ถึงพร้อมด้วยลักษณะของผู้มีบุญ หมู่พระประยูรญาติได้ขนานพระนามว่า ทีฆาวุราชกุมาร
พอเจริญวัยขึ้น พระมหาชนกโพธิสัตว์ก็ทรงให้ดำรงตำแหน่งมหาอุปราช แล้วได้ทรงครองสิริราชสมบัติอย่างมีความสุขอยู่เรื่อยมาจนเวลาผ่านไปถึง ๗,๐๐๐ ปี



วันหนึ่ง ได้เกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของพระราชา เป็นเรื่องของต้นไม้ต้นเดียว ที่กลายมาเป็นครูสอนธรรมะ และเป็นเหตุให้พระองค์ได้ทรงตัดสินพระราชหฤทัยออกผนวชเพื่อแสวงหาหนทางพระนิพพาน

เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อคนเฝ้าอุทยานได้นำผลไม้น้อยใหญ่ต่างๆ ที่มีโอชารส และดอกไม้นานาพรรณมาถวาย พระมหาชนกทอดพระเนตรแล้ว ก็ทรงชื่นชมนายอุทยาน และทรงปรารภว่า อยากจะเสด็จประพาสอุทยาน เพื่อทรงเยี่ยมชมผลไม้และดอกไม้ที่นายอุทยานได้เพาะปลูกไว้

นายอุทยานได้สดับแล้ว ก็รู้สึกหัวใจพองโต ดีใจว่า “โอ พระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปเยี่ยมชมสวนผลไม้และดอกไม้ของเราแล้ว” จึงรีบกลับไปตกแต่งราชอุทยานให้เป็นประดุจอุทยานสวรรค์

เมื่อถึงเวลา พระมหาชนกก็ทรงประทับบนมงคลหัตถี ได้เสด็จออกจากพระนครพร้อมด้วยข้าราชบริพารเป็นจำนวนมาก



เนื่องจากที่ใกล้ประตูพระราชอุทยานนั้น มีต้นมะม่วงสองต้นมีใบเขียวชอุ่ม ต้นหนึ่งไม่มีผล ต้นหนึ่งมีผลดกมีกลิ่นหอมรสหวานเป็นที่รู้จักของทุกคน แต่ยังไม่มีใครกล้าปลิดหรือสอยลงมากิน เพราะต้องรอให้พระราชาได้เสวยเสียก่อน จึงจะมีโอกาสได้ลิ้มรส

พระราชาประทับบนช้างทรงตามลำพัง ทรงเก็บเอามะม่วงผลหนึ่งมาเสวย พอสัมผัสปลายพระชิวหาของพระองค์ ก็เป็นประดุจโอชาทิพย์ จึงดำริที่จะกลับมาเก็บเสวยอีก แต่ก็จำต้องเสด็จเข้าสู่พระราชอุทยานเสียก่อน

คนอื่นๆ มีมหาอุปราชเป็นต้น จนถึงคนดูแลช้าง ดูแลม้า รู้ว่าพระราชาเสวยผลมีรสเลิศแล้ว ก็เก็บเอาผลมะม่วงมากินกันอย่างเอร็ดอร่อย

ฝ่ายราชบริวารที่ตามมาภายหลัง ก็พากันสอยมะม่วงนั้นตามความพอใจ กระทั่งได้ปีนขึ้นไปบนต้นหักรานกิ่งเพื่อเก็บเอาผลมะม่วง ทำต้นมะม่วงนั้นเสียหาย

แต่มะม่วงอีกต้นหนึ่งซึ่งไม่มีผล กลับยืนต้นตระหง่านดูงดงามอยู่เหมือนเดิม



เมื่อพระราชาเสด็จชมราชอุทยานจนพอพระหฤทัยแล้ว ก็เสด็จกลับออกมา เพื่อจะเสวยผลมะม่วงต้นเดิมอีก ครั้นทอดพระเนตรเห็นต้นมะม่วงถูกหักกิ่งรานใบย่อยยับลงเช่นนั้น จึงเกิดความฉงนพระหฤทัย ตรัสถามเหล่าอำมาตย์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด


ครั้นได้สดับเหตุที่ชัดเจนแล้ว ก็ไม่ได้พิโรธหรือรับสั่งหาคนที่ทำลายต้นมะม่วงเพื่อลงโทษแต่อย่างใด กลับเกิดความสลดสังเวชว่า “มะม่วงอีกต้นยังคงความสดเขียวเหมือนเดิม ไม่มีใครมารุกราน เพราะไม่มีผล แต่ต้นนี้ถูกหักกิ่งรานใบ เพราะอาศัยผลเป็นเหตุ แม้ราชสมบัตินี้ก็เช่นกับต้นไม้มีผล ส่วนบรรพชาเป็นเช่นกับต้นไม้ที่ไร้ผล ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของใคร ภัยย่อมมีแก่ผู้มีความกังวล แต่ไม่มีแก่ผู้ไม่มีความกังวล ตัวเรานี่แหละ จะเป็นเหมือนต้นไม้ที่ไร้ผล เราจักสละราชสมบัติออกบวช”

ครั้นทรงพิจารณาธรรมเห็นความแตกต่างกันระหว่างต้นมะม่วงที่มีผลดก และต้นมะม่วงที่ไม่มีผลแล้ว ก็ทรงอธิษฐานจิตมั่นในอันที่จะทรงออกผนวช ได้เสด็จกลับเข้าสู่พระนคร


ครั้นเสด็จถึงปราสาทแล้ว ทรงให้เรียกเสนาบดีมารับสั่งว่า “ท่านเสนาบดี ตั้งแต่วันนี้ไป คนอื่นอย่ามาหาเราเลย นอกจากผู้อุปัฏฐากที่คอยส่งข้าวส่งน้ำเท่านั้น หากมีราชกิจอันใดเกิดขึ้นท่านทั้งหลายจงปฏิบัติตามคำของมหาอำมาตย์ผู้วินิจฉัยเถิด ตั้งแต่วันนี้ไป เราจะเจริญสมณธรรมในตำหนักชั้นบน”

ครั้นรับสั่งฉะนี้แล้ว ก็เสด็จขึ้นสู่ปราสาทชั้นบน ทรงปลีกวิเวกเจริญธรรมเพียงลำพัง โดยปราศจากเหล่าสนมนารีนักฟ้อนทั้งหลาย แม้พระนางสีวลีอัครมเหสีก็มิได้ทรงให้เข้าเฝ้า



เมื่อเป็นเช่นนี้หลายวันเข้า มหาชนก็มาประชุมปรึกษากันว่า “พระราชา ไม่เหมือนแต่ก่อนเลย เพราะบัดนี้ ไม่ทรงตรวจตราราชกิจ ไม่ทรงใส่พระราชหฤทัยในอาณาประชาราษฎร์ ทั้งไม่ประพาสพระราชอุทยาน พระราชาของเราไม่ทรงยินดีในเหล่านักฟ้อน ไม่ยินดีในการขับกล่อม ไม่ทอดพระเนตรหมู่หงส์ในสระโบกขรณีในพระราชอุทยาน พระองค์เป็นประหนึ่งคนใบ้ ประทับนิ่งเฉย ไม่ทรงว่าราชกิจใดๆ เลย”


เมื่อก่อน องค์เหนือหัวของเราทรงเล่นกีฬาในพระราชอุทยาน ทอดพระเนตรช้างชนกัน แพะขวิดกัน มาวันนี้ พระองค์ไม่ทอดพระเนตรสัตว์เหล่านั้นเลย พวกเราทั้งหลายจะแก้ไขอย่างไรดี เมื่อปรึกษาปรับทุกข์กันดังนี้แล้ว ต่างก็แยกย้ายกันไปเพราะไม่รู้จะทำประการใด



ฝ่ายพระราชาทรงมีพระราชหฤทัยน้อมไปในวิเวก ทรงระลึกถึงพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้คุ้นเคย ได้เสด็จลุกจากบัลลังก์ทรงเปิดสีหบัญชรด้านทิศอุดร ทอดพระเนตรไปสู่ทิศที่พระปัจเจกพุทธเจ้าเคยเหาะมา ประคองอัญชลีขึ้นไหว้ด้วยความนอบน้อม ส่วนว่า พระมหาชนกราชจะมีดำริอย่างไรต่ออีกนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป

โดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)

from dmc.tv




 

Create Date : 11 ตุลาคม 2550
0 comments
Last Update : 11 ตุลาคม 2550 22:48:53 น.
Counter : 743 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


เมืองทะเลทราย
Location :
Dubai United Arab Emirates

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ว้า...ดูไบเนี่ยทำไม มันร้อนจริง ๆ เลย



Friends' blogs
[Add เมืองทะเลทราย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.