Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2549
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
16 มิถุนายน 2549
 
All Blogs
 
วันที่ 5 (2/3) PARIS: Notre-Dame de Paris

11 May 2006

พอเอาของไปเก็บแล้ว (ได้ที่พักชั้นเก้าค่ะ สูงดี วิวดีด้วยน้า) เราก็เดินกลับมาที่สถานีเมโทรเหมือนเดิม เตรียมตัวไป Notre-Dame ต่อ โดยนั่งเมโทรไปลงที่สถานี St-Michel ต่อเดียวไม่ต้องเปลี่ยนสายเลย

ลงจากรถไฟก็เดินหาทางออกที่ใกล้ที่สุด มันมีทางออกหลายทาง และมีป้ายเขียนบอกว่าแต่ละทางนั้นเมื่อออกไปแล้วจะเจออะไรบ้าง




นี่เป็นอะไรสักอย่าง (ฮา) ที่อยู่ใกล้ๆ ทางออกที่โผล่ออกไป คนเยอะมาก เหมือนว่ามีแต่ละคนมาแสดงดนตรีอะไรอย่างนี้ให้ดูฟรีอ่ะน้า

จากนั้นเราก็เดินไปตามป้าย คนค่อนข้างเยอะ เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั่นล่ะ เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแซน ก็มองเห็นโบสถ์ใหญ่โตสวยงามแต่ไกล




ในแม่น้ำแซนจะมีเรือทัวร์ด้วย ก็คล้ายๆ กับบัสทัวร์ล่ะค่ะ แต่เปลี่ยนจากถนนเป็นแม่น้ำ และเปลี่ยนจากบัสเป็นเรือเท่านั้นเอง น่าสนใจเหมือนกันนะ เพราะจะได้เห็นมหาวิหารนอเตรอดามอีกมุมหนึ่ง แต่อย่างที่บอก เวลาไม่มีก็เลยอาศัยขาตัวเองเอา

คาดว่าหลายคนน่าจะรู้จักนอเตรอดามจากเรื่อง “ชายหลังค่อมแห่งนอเตรอดาม” กันนะคะ เรื่องนี้เคยอ่านเป็นหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษสมัยเรียนมัธยม อ่านแล้วเศร้า สงสารทั้งชายหลังค่อม และนางเอก แถมอีตาพระเอกก็น่าสาปส่งมาก แต่พอดีสนีย์ฯ มาทำเป็นการ์ตูนก็นะ...เปลี่ยนซะแฮปปี้เอนฯ เหมือนเจ้าหญิงเงือกเลย (จะซาดิสต์ไปมั้ย ที่ชอบเจ้าหญิงเงือกแบบนิทานมากกว่าการ์ตูน)

ก็ขอเล่าประวัตินอเตรอดามย่อๆ นะคะ (อ้างอิงจากหนังสือคู่มือฯ เล่มเดิม) มหาวิหารนอเตรอดามสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เป็นเสมือนวัดคู่บ้านคู่เมืองของปารีสเลยก็ว่าได้ค่ะ สิ่งก่อสร้างของทางยุโรปสร้างด้วยหินเป็นส่วนใหญ่นะคะ ก็เลยทำให้คงอยู่ได้นานเป็นหลายร้อยปี เรามาเทียบกับปราสาทของญี่ปุ่นแล้ว พบว่าอายุไม่มากเท่ากับปราสาทของทางยุโรป เพราะปราสาทญี่ปุ่นโบราณสร้างด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ จึงผุพังไปตามกาลเวลา และต้องมีการซ่อมแซมทะนุบำรุงอยู่เสมอ เห็นแล้วก็นึกถึงบ้านเรานะคะ อยากให้จัดการดูแลโบราณสถานพวกนี้ให้ดีจริงๆ เลย อ้อ ที่นี่ค่าเข้าชมฟรีนะคะ

มาชมภาพกันเลยก็แล้วกัน

เริ่มด้วยที่หน้าประตู ยิ่งใหญ่มากค่ะ คนเยอะมากด้วย แต่เสียดายติดรถเหลืองมาอ่ะน้า





เดินเข้าไปถ่ายใกล้ๆ ฟ้าใสสวยมากเลย




ตรงโค้งประตูจะมีรูปแกะสลักอย่างสวยงาม เราไม่มีความรู้ทางด้านศิลปะ แต่ก็ขอเดาว่าน่าจะเป็นรูปนักบุญต่างๆ นะคะ แต่ละรูปจะมีรายละเอียดที่แตกต่างกันออกไป













(แอบหลอนนะคะ ตรงส่วนนี้ ถือหัวเอาไว้ซะด้วย )


ส่วนนี่คือบานประตูค่ะ สวยมาก




หลังจากเก็บภาพบานประตูจนพอใจ เราก็เดินเข้าไปข้างใน คนเยอะมากๆ เลย ตรงส่วนที่วางเก้าอี้ไว้ให้นั่งสวดมนต์มีคนนั่งอยู่เยอะมาก แต่เพราะมหาวิหารกว้างใหญ่ จึงบางมีมุมที่ไม่มีคน เช่นมุมนี้





ภาพโคมไฟบนเพดาน และกระจกสีสเตนกลาสที่มีความสวยงามมาก




จริงๆ ถ่ายรูปไว้เยอะมากๆ แต่คัดมาให้ดูบางรูปที่ถ่ายออกมาแล้วฝีมือพอดูได้นะคะ ^^’’ เดินชมมหาวิหารรอบๆ อย่างช้าๆ ตรงข้างทางจะมีบริเวณจุดเทียนบูชาค่ะ ราคาก็ค่อนข้างแพงกว่าโบสถ์เล็กๆ ที่เคยไปชมมา แต่มันก็เป็นธรรมดาของโลกล่ะนะ เพราะทุกประเทศเหมือนกันหมดเลย

ภาพเทียนบูชาค่ะ



ซูมใกล้ๆ สีสวยดี แสงของเทียนทำให้ความมืดสลัวของโบสถ์สว่างขึ้น และให้ความรู้สึกเมลืองมลังดีค่ะ ต่างจากแสงของหลอดฟลูออเรสเซนเยอะเลยนะ ^^




ต่อมาก็ขอนำเสนอภาพกระจกสีสเตนกลาสที่เป็นจุดเด่นของมหาวิหารนอเตรอดามนะคะ ตรงจุดนี้ถ้ามองจากด้านนอกมหาวิหารก็จะเห็นเป็นรูปวงกลมน่ะค่ะ แต่ถ้ามองจากด้านในก็จะเป็นจุดที่กรุกระจกสวยงาม คนถ่ายรูปกันเยอะมากๆ




ตามด้วยกระจกสีข้างๆ ทางเดิน เห็นทีไรก็อดถ่ายรูปไม่ได้ทุกที แม้ว่าจะถ่ายมาเยอะมากๆ แล้วก็ตาม




กระจกสีจะมีภาพนักบุญประดับอยู่ด้วย ดูสวยดีค่ะ เสียดายที่เราไม่มีความรู้ทางนี้เลย -_-‘ ทำให้อธิบายประกอบภาพอะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าดูภาพกันเพลินๆ ล่ะกันเนอะ ^^




เราชอบเสาที่ตั้งสูงขึ้นไปจรดเพดานโค้งมากเลย ลวดลายและสีสรรงดงามยิ่งใหญ่มาก




อีกรูปนะคะ ตรงมุมมหาวิหาร จะมีรูปปั้นของนักบุญต่างๆ ประดับอยู่ แตกต่างกันออกไปตามแต่ละมุมค่ะ




ส่วนนี่คือตู้แสดง อืม ไม่มีความรู้...อีกแล้วอ่ะ T-T เอาเป็นว่าสมบัติของคริสตศาสนาก็แล้วกันเนอะ (หมวกสีทองน่าจะเป็นหมอกของพระระดับสูงนะคะ) เป็นส่วนหนึ่งที่นำมาแสดงนะคะ




และตรงมุมหนึ่งของมหาวิหาร จะมีจุดแสดงโมเดลของมหาวิหารนอเตรอดามด้วยค่ะ

ด้านหน้าตัวโบสถ์




ภาพด้านข้าง มุมนี้ถ้าอยากจะเห็นต้องล่องเรือในแม่น้ำนะคะ จะเห็นได้ชัดและสวยงามมาก เห็นตรงกลางตัวมหาวิหารมั้ยคะ วงกลมนั้นคือสวยกระจุกสีที่ถูกกรุอย่างสวยงามนั่นเอง



ถ้าใครได้ดูหนังเรื่อง The Da Vinci code ก็น่าจะพอคุ้นภาพนี้นะคะ ที่ตัวผู้ร้ายไปยืนคุยโทรศัพท์ริมแม่น้ำแซน แล้วภาพข้างหลังจะเป็นมหาวิหารนอเตรอดามในมุมนี้

อีกรูปหนึ่ง




ภายในมหาวิหารจะมีห้องแสดงสิ่งของต่างๆ เสียค่าเข้าสองยูโร ไม่สามารถใช้ museum pass ได้





คือถ้าสถานที่ไหนใช้พาสได้เขาจะเขียนบอกน่ะค่ะ ถ้าใช้ไม่ได้ ก็เขียนบอกเช่นกัน ที่นี่เขาจะจำกัดจำนวนคนเข้าค่ะ ถ้าคนเยอะก็ต้องรอ ให้คนบางส่วนออกมาก่อน คนใหม่ถึงจะเข้าไปได้ เราก็ยืนรออยู่สักประมาณห้านาทีถึงได้เข้าไปชมค่ะ ไม่ได้ถ่ายภาพมาเท่าไหร่ เพราะถ่ายแล้วไม่สวย (ฝีมือไม่มี ฮา) คือโดยมากตู้แสดงจะเป็นกระจกค่ะ เวลาถ่ายภาพก็เลยสะท้อนอ่ะน้า ของที่นำมาแสดงก็มีไบเบิ้ลด้วยนะคะ เป็นลายมือเขียนเลยล่ะ ดูเก่ามาก แล้วก็ชุดของสันตปาปาต่างๆ พวกเครื่องประดับยศอะไรแบบนี้ด้วยน่ะค่ะ


เราเดินดูในมหาวิหารนานมากๆ เดินวนไปเวียนมา ใช้เวลาไปเป็นชั่วโมงเลย ก่อนจะเดินออกมาข้างนอก และถ่ายรูปเหมือนเคย (เดินวนตามเข็มนาฬิกาค่ะ)





เห็นหัวคนมั้ยเอ่ย นั่นคือคนที่เขามาต่อคิวรอเดินขึ้นบันไดวนไปยังหอระฆังและสุสานข้างบนน่ะค่ะ ค่าชมประมาณ 3 ยูโร จำกัดจำนวนคนขึ้นเช่นกัน (เพราะคาดว่าข้างบนน่าจะแคบ) ก็เลยมีคนมาต่อแถวรอขึ้นยาวมาก จริงๆ เราอยากขึ้นไปข้างบนมากเลยนะ เพราะอยากไปดูหอระฆังที่ชายหลังค่อมแห่งนอเตรอดามปีนขึ้นไปตีระฆัง (บ้านิยายกับการ์ตูนอีกแล้ว ^^’’) แต่เห็นจำนวนคนแล้วก็เลยต้องโบกมือบ๊ายบาย เพราะเดี๋ยวจะไปเที่ยวที่อื่นไม่ทัน





เห็นรูปปั้น Gargoyle ที่หลังคาโบสถ์ทีไรก็อดนึกถึงการ์ตูนดีสนีย์ฯ ไม่ได้ทุกที อยากเห็นมันมีชีวิต ^^



เดินวนไปตามแนวมหาวิหาร ก็ไปเจอสวนทางด้านหลังวิหารค่ะ ก็เลยเข้าไปนั่งพัก แล้วก็เอาช็อกโกแลตสอดไส้คาราเมล ยี่ห้อ Twix ที่แสนชอบขึ้นมากินเป็นอาหารกลางวัน (ผ่านตู้กดขนมที่สถานีเมโทรเมื่อไหร่ เป็นต้องหยอดเหรียญหยอดเอาเจ้า Twix มาเก็บไว้เป็นเสบียงทุกที ก็มันอร่อยอ่ะ ติดใจตั้งกะตอนไปอังกฤษคราวโน้นนนนแล้ว ^^’’)

นั่งพักเหนื่อยเขียนโปสการ์ดส่งหาเพื่อนๆ และตัวเองแล้ว ก็ลงมือถ่ายภาพเหมือนเดิม





สังเกตที่ตรงใกล้ๆ ปลายยอดมหาวิหารนะคะ เอาภาพซูมไปดูอีกที



เห็นรูปปั้นนักบุญสีเขียมอมฟ้ามั้ยคะ กำลังเดินขึ้นไปยังหอระฆังแน่ๆ เลย (สังเกตว่าสูงมาก คนต่อคิวขึ้นไปชม คงต้องเดินขึ้นบันไดเป็นร้อยๆ ขั้นแน่ๆ)





ถ่ายรูปจนพอใจแล้ว เราก็เดินออกจากสวน (ซึ่งมีรั้วเหล็กเตี้ยๆ กันเป็นอาณาเขต) แล้วเดินลัดเลาะไปข้างๆ มหาวิหารเหมือนเดิม และแน่นอน ถ่ายรูปด้วย

ด้านข้างของมหาวิหารนอเตรอดาม




อีกภาพนะคะ ฟ้าสวยและแดดดีมากๆ เลย





ระหว่างเดินกลับไปยังสถานีเมโทร สองข้างทางริมถนนจะมีร้านขายภาพเขียนตั้งอยู่เป็นระยะๆ ค่ะ มาฝรั่งเศสคราวนี้ไม่ได้หวังมาช็อปปิ้ง ก็เลยได้แต่ดูและเก็บบรรยากาศมาฝากกันแค่นั้นเอง ^^

ปิดท้ายตอนนี้ด้วยภาพถนน รถรา ร้านค้า และมหาวิหารที่ยิ่งใหญ่แห่งกรุงปารีสนะคะ




*** การเขียนทับศัพท์ชื่อสถานที่ อ้างอิงจากหนังสือคู่มือนักเดินทาง “ฝรั่งเศส” ของหนังสือในเครือเที่ยวรอบโลกค่ะ

แล้วพบกันใหม่สำหรับตอนสุดท้ายของวันนะคะ


เด็กทะเล
06.6.17



Create Date : 16 มิถุนายน 2549
Last Update : 16 มิถุนายน 2549 23:51:34 น. 5 comments
Counter : 1827 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะน้องอ้อม พักนี้ไม่มีเวลาเลย พึ่งจะได้แวะเข้ามาทักทาย สบายดีรึเปล่าค่ะ
ตอนนี้เมืองไทยอากาศร้อนมากเลย
เห็นงานฉลองครองราชย์ครบ 60 ปีในหลวงบ้างรึเปล่าค่ะ
ที่ญี่ปุ่นเขาทำข่าวมากน้อยแค่ไหนค่ะ
แต่ที่เมืองไทยมีทั้งวันทั้งคืนติดกันหลายวันเลยหล่ะค่ะ
ได้เห็นพลังศรัทธา ทึ่งมากค่ะ
แล้วจะแวะเข้ามาใหม่นะค่ะ
take care.


โดย: oa IP: 202.28.9.87 วันที่: 17 มิถุนายน 2549 เวลา:15:58:43 น.  

 
ขอโทษค่า กดเอ็นเตอร์ไปโดยที่ยังไม่ได้เขียนอะไรเลย

หา !! คนค่อมแห่งนอเตรอดาม ในหนังสือจบเศร้าหรือคะ ไม่เคยอ่านเลย ต้องรีบไปหามาอ่านบ้างแล้ว จบอะไรที่มันจบเศร้า ๆ (แอบซาดิสต์เหมือนกันเลย) แล้วก็ชอบเงือกน้อยในนิทานด้วย ฮา เงือกน้อยตาย ชอบจัง

รูปนักบุญตรงโค้งประตูน่ากลัวจังเลยอ่ะ ดูแล้วหลอน ๆ พิกล ภายในโบสถ์ก็น่ากลัวจัง เหมือนมีปีศาจร้ายแอบแฝงอยู่เบื้องหลังพระเจ้า (ทำไมฉันช่างคิดอะไรในแง่ร้ายขนาดนี้เนี่ย) แง้ ตรงมุมวิหารที่รูปนักบวชยืนลอยตัวอยู่ก็น่ากลัว เหมือนปีศาจลอยอยู่เลย (คนบาปอย่างเรามองเห็นนักบุญเป็นปีศาจไปได้) แต่กระจกสี สวยมาก ๆ สวยจริง ๆ

วิหารนอเตรอดามนี่สวยจริง ๆ เลยเนอะ ดูศักดิ์สิทธิ์และหลอนปนสยองดีแท้ เห็นแล้วขนลุกซู่ (ซู่ นะไม่ใช่ สู้)


โดย: arshura IP: 124.121.126.13 วันที่: 17 มิถุนายน 2549 เวลา:20:05:06 น.  

 
ไปปารีสครั้งก่อน สมัยกล้องฟิล์ม
ตอนนี้มีกล้องดิจิตอลแล้ว อยากไปแต่ไม่มีตังค์อ่ะค่ะ


โดย: nurin (Nontagorn ) วันที่: 17 มิถุนายน 2549 เวลา:20:12:55 น.  

 
สวยจังคะ พี่อ้อม


โดย: น้องไก่ IP: 124.120.2.196 วันที่: 17 มิถุนายน 2549 เวลา:21:28:56 น.  

 
เข้าแล้วค่ะ
ภาพสวยมากเลยคะ
(จำได้ไหมค่ะใครเอย)


โดย: rinko IP: 124.120.236.250 วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:14:33:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลิปิการ์
Location :
ตอนใต้ Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2537

ห้ามผู้ใดละเมิดลิขสิทธิ์ โดยการนำรูปภาพ และบทความงานเขียน รวมทั้งข้อความต่างๆ ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมดในบล็อกแห่งนี้ไปใช้ โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add ลิปิการ์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.