เท่าไหร่ก็ขาย ถ้าไม่ขาดทุน...
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 

ขั้นตอนการขอวีซ่าไปอเมริกา ( ตอนที่ 3 )

ภารกิจสุดท้าย…วันนัดสัมภาษณ์….

ก่อนวันนัด แนะนำว่า ตอนกลางคืน ก็มานั่งอ่านเอกสาร ds ที่คุณกรอกไปทบทวนดูสักรอบ จะได้ไม่พลาด

คุณจะไปที่ไหน ไปพักกับใคร กลับเมื่อไหร่ ข้อมูลทุกอย่าง แต่มันจะไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ถ้าทุกอย่างคือเรื่องจริง ให้เค้าถามคุณกี่รอบ คุณก็ตอบได้เหมือนเดิมถ้ามันคือเรื่องจริง

แต่ถ้าพวกที่แอบอ้างเรื่องโน้น เรื่องนี้ ระวังให้ดีหล่ะกันครับ เพราะคนที่จะไปคุยด้วย เค้าฝีกมากับ CIA และ FBI ถ้าคุณคิดว่าจะโกหกเค้าได้ก็ลองดูครับ

ไปถึงสถานฑูตล่วงหน้าอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ในใบเค้าก็จะบอกไว้ อย่าได้สายเชียวนะครับ นัดรอบไหนก็ไปก่อนครึ่งชั่วโมง เพราะไม่มีทางที่เค้าจะรอคุณแน่นอน

เมื่อไปถึง ก็ไม่ต้องรอฟ้าฝนหรือคนมาช่วยครับ เดินเข้าไปเลย ตามป้าย ไม่ต้องถามหรือปรึกษาใครแถวนั้น เพราะถ้าโชดี คุณจะเจอพวกที่เค้าบอกว่า รู้จักโน่นนี่นั่น ช่วยได้ อย่างโน้นอย่างนี้

แต่เชื่อเถอะว่าเสียเงินเปล่า อย่าสนอะไรเดินเข้าประตูไปเลย เพื่อเข้าสู่ด่านที่ 1 คุณจะพบกับยาม สี่ห้าคน พร้อมกับคำสั่งให้ปลดอาวุธ เอ้ย วางเอกสารเข้าเครื่อง scan และให้นำมือถือปิดเครื่องและฝากไว้ พร้อมกับบัตรฝากของ เดินเข้าเครื่องตรวจระเบิด เดินต่อไป จะเจอด่านสุดท้าย พร้อมกับคำสั่ง อ้าขาออก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเอาไม้ตรวจอาวุธ มาลูบไล้ไปทั่วเลือนร่าง

ให้ความร่วมมือเค้าด้วยครับ เรื่องซีเรียส เดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทาง จะเจอน้องๆหน้าตาหน้ารักน่าชังนั่งอยู่ ด่านที่ 2 เค้าจะขอดูใบนัด ซึ่งก็คือใบนัดเวลาที่คุณ print มานั่นเอง

เมื่อตรวจดูมีชื่อตรงกัน เค้าก็จะเปิดให้ผ่านเข้าไปยังด่านที่ 3 ด่านนี้คุณจะเจอกับ สาว 2 คน ยืนช่วยกันตรวจความถูกต้องของเอกสารที่คุณเตรียมมา

ทีนี้คุณ ก็จะรู้ว่า ทำไมผมถึงบอกว่า เอกสาร ds คือหัวใจ ไม่ว่าคุณจะเอกสารพร้อมแค่ไหน แต่ถ้า ds กรอกไม่เรียบร้อย คุณก็ผ่านด่านนี้ไปไม่ได้

เอกสารที่เตรียมมาทั้งหมด จะถูกคัดเลือกโดย เจ้าหน้าที่สองคนนี้ ทำงานหรือเรียนอยู่ เค้าก็จะเลือกให้เราเอง ไม่ต้องช่วยแนะนำเค้าเชียวนะครับ

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เค้าจะจัดเอกสารที่สำคัญใส่แฟ้มแยกไว้ให้คุณ พร้อมกับบอกว่า เอกสารที่เหลือให้จัดไว้ให้ดี ถ้าอยู่ในซอง เอาออกจากซองให้หมด หลังจากนั้น เค้าจะให้คุณผ่านไปยัง



ด่านที่ 4 ด่านนี้ง่ายสุดครับ เพราะมันคือการซื้อซองจดหมายถึงตัวคุณเอง ราคา 65 บาทมั้ง อันนี้ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ แต่ไม่ถึง 100 ครับ จ่ายเงิน รับซองมา แล้วเขียนจ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง

เป็นภาษาอะไรก็ได้ครับ ระหว่างยืนกรอกเอกสารอยู่ มีเด็กวัยรุ่นคนนึงหันมาถามแฟนผมว่า พี่ครับ ตรงนี้ต้องเขียนว่าอะไรครับ แฟนผมทำหน้างงงง แล้วบอกว่า

เค้าให้ใส่ชื่อพ่อแม่ของคุณค่ะ เด็กคนนั้นอาจจะตื่นเต้นจัด รีบตอบกลับแฟนผมมาว่า ไม่มีครับ ผมและแฟนก็ได้แต่ยืนอึ้ง นึกในใจว่า อ้าว ชื่อพ่อแม่ไม่มีแล้ว เกิดมาได้ไงวะเนี่ย

แล้วเดินตามทางต่อไปถึงด่านที่ 5 ด่านนี้ เค้าจะตรวจเอกสารเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับออกบัตรคิวให้คุณ พร้อมกับการยื่นข้อเสนอว่า คุณ ต้องการสัมภาษณ์ ภาษาอะไร

ไทยหรืออังกฤษ เมื่อคุณเลือกแล้ว เค้าจะออกบัตรคิวมาให้ พร้อมกับชี้ทางให้คุณเดินทางผ่านไปยัง… ด่านสุดท้าย



ภารกิจสุดท้าย ด่านที่ 6

ประตูไม้สักสองบาน ตั้งตระหง่านปิดทางเดิน ทางเข้าออกสลับกันในบานเดียว เสียงเปิดดังเอี๊ยดอ๊าดเข้าสู่โสดประสาทหู เมื่อการการเคลื่อนไหว

มันช่างทำให้ดูมีมนตร์ขลัง สะกดจิตใจให้สันหลังเสียวว๊าบบ ขึ้นมา

เมื่อขาสองข้างกของผมก้าวย่างผ่านพ้นประตูเข้าไป อากาศที่เย็นเฉียบปานจะแช่หัวใจให้แข็งจนหยุดนิ่งประหนึ่งดัง น่ำแข็งแห้งที่ใส่มากับกล่องไอติมฮาเก้นดาส

วิ่งทะลุเข้าสู่ทั่วร่างกาย และตรงดิ่งไปสู่ขั้วหัวใจแบบฉับพลัน ทันใดนั้นเอง …

บ้าแล้ว !!! นี่มันขอวีซ่านะโว้ย ไม่ใช่ นิยายปัญญาอ่อน

โอเคครับ พอเข้าไปก็จะเป็นห้องกว้างงงงขวางงง มีที่นั่งเยอะแยะมากมาย แต่ก็ไม่เพียงพอกับจำนวนคนที่รออยู่ในนั้น ที่ยืนมีครับไม่ต้องห่วง มีทีวีให้ดูแก้เซ็งระหว่างรอคิว

พร้อมกับห้องน้ำเอาไว้ คลายความตื่นเต้น บางคนอาจจะหาว่าเวอร์นะครับ แค่ไปขอวีซ่าจะอะไรมากมาย โอเคครับ ถ้าคุณเป็นลูกท่านหลานเธอ หลานอาเสี่ย น้องอาเฮีย ที่เกิดมาบนกองทอง

และไปเมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆ โดยพ่อแม่จัดการให้ทั้งหมด เป็นพวกลูกแหง่แบบนั้น รับรองว่าคุณไม่มีทางได้เข้าถึงความรู้สึกแบบชนชั้นกลางอย่างผมที่ต้อง ดิ้นรนทุกอย่างด้วยตัวเอง

ความรู้สึกตอนประกาศผลสอบต่างๆ หรือความรู้สึกตอนลุ้นบอลนัดชิง ปริมาณความกดดันและตื่นเต้น มีการพุ่งตัวขึ้นสูงขึ้นในระดับที่เท่ากันเลย

ป้ายสัญญาณอีเล็คทรอนิค พร้อมกับเสียงประกาศจากเครื่องคอมพิวเตอร์ พูดภาษาไทยสลับอังกฤษ ดังแบบต่อเนื่อง แต่ไม่เป็นจังหวะ ทิ้งระยะห่างบ้าง สั้นบ้าง

หมายเลขต่อไป ห้า ห้า ห้า เชิญที่ช่องหมายเลข 11 แฟนผมได้เข้ามาในด่านที่ 6 ก่อน จึงล่วงหน้ามาสำรองที่นั่งไว้ได้ เมื่อผมผ่านประตูเข้ามาจึงมองตรงไปที่เธอ และเข้าไปนั่งข้าง

โดยที่สมาธิทั้งหมด เพ่งไปที่หมายเลขคิว และเจ้าหน้าที่ประจำช่องหมายเลขต่างๆ ลักษณะห้องทำงาน ถ้าใครยังเข้าใจว่า เป็นการนั่งสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัว นี่คิดผิดเลยครับ

การสัมภาษณ์ คือ การยืนคุยกันผ่านกระจกกั้น และมีไมค์และเครื่อง scan ลายนิ้วมือเป็นตัวกั้นกลาง นึกภาพไม่ออกก็นึกถึง เวลาไปเยี่ยมคนที่ติดคุกไว้ครับจะเห็นภาพ



สายตาผมพยายามมองหา ป้าช่องแปด ในตำนาน หลายคนคงเคยได้ยินกิติศัพท์ของเธอมาอย่างเหลือล้น ทั้งในอินเตอร์เนต หนังสือบางเล่ม ต่างได้กล่าวถึงสรรพคุณ

ในการอนุมัตวิซ่าของเธอในรูปแบบของเสียงส่วนใหญ่ว่า คุณป้ามหาภัย ไร้ซึ่งเหตุผล สัมภาษณ์ 100 คนจะได้สั๊ก 2 คน

บางคนถึงกับบอกว่า ถ้ารู้ว่าได้สัมภาษณ์กับเธอคนนี้ก็เดินตัวเปล่ากลับออกมาเลยดีกว่า

ในใจผมก็รู้สึกหวั่นไหวกับคำล่ำลือพวกนั้น แต่ลึกๆในใจก็ยังคิดว่า นี่สถานฑูตอเมริกานะ ใครจะจ้างคนไร้สาระแบบนั้นมาทำงาน ก็พยายามคิดเข้าข้างตัวเองให้มากที่สุด



เสียงคิวดังต่อเนื่องเป็นระยะๆ จะมีบางจังหวะที่เค้าเรียกเป็นชุดแบบ non stop เลยก็มี เพราะคิดว่าบางคนก็มาขอกันเป็นกลุ่มคณะ แฟนผมก็พยายามเดินไปดูว่า ป้าช่องแปด

อยู่ไหนนะ หน้าตาเป็นยังไง จะเหมือนกับคำล่ำลือมั้ย เพราะข้อมูลส่วนใหญ่บอกว่า เธอมีผู้หญิงไทยแก่ เอ้ย ผู้หญิงไทยหน้าตาค่อนข้างดูมีอายุ ใส่แว่น สายตาแข็ง มองใครจ้องเขม็ง

ไม่ค่อยกระพริบตา ดูโหดร้าน เย็นชา ไร้ความปราณี ผมก็พยายามช่วยหา แต่ก็ไม่พบ เพราะทุกช่องเป็นฝรั่งหมดเลย ก็ยังแอบโล่งใจไปอีกเปราะ ระหว่างนั่งรอคิวอยู่

ทาทายัง เดินเข้ามา แฟนเรียกให้มอง พอหันไป เห็นแต่คุณพ่อทาทาเดินบังเต็มจอ ได้เห็นแค่ก้นทาทา แล้วเธอก็เดินจากไปอีกห้อง สงสัยจะ VIP จัดๆ แต่ก้นใหญ่ๆจริงๆครับ

ยิ่งเจอตอนที่มีกระแสว่าตอนนี้เธอป่องซะแล้ว ยิ่งดูน่าเชื่อยังไงไม่รู้ แค่คิดว่าคงยังไม่ท้องหรอกครับ เพราะทาทาเป็นคนจริง เป็นคนตรงๆ ไม่โง่แบบและชอบโกหกแบบใครบางคน

แน่นอน นอกเรื่องอีกจนได้ กลับเข้าสู่ช่วงลุ้นระทึกที่สุดที่กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อทาทายัง หายไปได้ไม่นาน เสียงเรียกคิวของแฟนและน้องสาวแฟนของผม

( ลืมบอกไปว่ามีน้องสาวแฟนไปขอด้วย แต่บังเอิญเธอไม่ค่อยมีบทบาทเท่าไหร่นัก เพราะตัวเดินเรื่องทั้งหมดคือผมและแฟน หรือพูดง่ายๆว่า เธอได้ apply

จากพี่สาวตามที่ผมบอกไว้ในข้างต้นแต่ค่าธรรเนียม 3600 ต้องแยกจ่าย แต่ความตื่นเต้นหรือการเตรียมตัวทุกอย่างทำเท่ากันหมดครับ )

ทั้งคู่ถูกเรียกไปพร้อมกันทั้งคู่ ในกรณีที่คุณมาเป็นครอบครัว ความตื่นเต้นน่าจะลดลงได้บ้าง เพราะเค้าให้เข้าไปคุยพร้อมกันหมดเลย พยายามเลือกคนที่พูดจารู้เรื่องดีที่สุด เป็นตัวหลัก

และพยายามบอกให้คนที่พูดจาไม่รู้เรื่องสงบปากสงบคำไว้ อย่าตอบเยอะ หรือไม่ตรงคำถามนะครับ เมื่อแฟนผมไปสัมภาษณ์ ผมก็ไม่วายที่จะต้องลุกตามไปดูแบบตามติดประชิดตัว

เธอได้สัมภาษณ์กับผู้ชายฝรั่ง หน้าตาท่าทางใจดี ที่ช่องหมายเลข 11 ใช้เวลาประมาณ 2 นาทีครับ แฟนผมและน้องสาวเธอก็ยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าซาลาเปาวราภรณ์

เดินหัวเราะคิ๊กคักกันออกมา จากช่อง 11 เธอกอดกันดีใจใหญ่ สายคนคนเกือบทั้งห้องมองมากันหมด บ้างก็ยิ้มให้ บ้างก็ทำหน้าเครียดปนอิจฉา ด้วยความที่แฟนผมเสียงดังเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เลยเป็นเป้าสายตาเข้าไปใหญ่ ผมก็เข้าไปแสดงความยินดี แล้วก็เปลี่ยนที่นั่ง มานั่งอยุ่ข้างหน้าช่องที่สัมภาษณ์ทั้งหมด แบบประจันหน้ากันไปเลย



แฟนก็ยังตื่นเต้นและดีใจไม่หาย หลังจากที่เธอรวบรวมสติได้ ผมก็ค่อยๆถามเธอว่า เป็นยังไง ถามอะไรบ้าง เล่ามาให้หมด เพราะผมยังไม่ถูกเรียก

10 ปี เธอตอบ ได้สิบปีทั้งคู่ น้องสาวชั้นเลยสบายไปด้วยเลย ขอวีซ่าไปอเมริกาครั้งแรก ได้สิบปีเลย เธอเลือกสัมภาษณ์ภาษา eng เธอบอก เค้าถามว่า จะไปพักอยู่กับใคร

ไปกันกี่คน ทำงานที่ไหน ถามน้องสาวเธอว่า เรียนจบธรรมศาสตร์มาใช่มั้ย และต่อไปนี้คือ คำถามจิตวิทยา ฝรั่งถามว่า แล้วเรื่องค่าใช้จ่าย ใครดูแล

เธอตอบว่า ญาติที่อยู่ที่นั่น เพราะเค้าจะพาไปเที่ยวเป็นของขวัญวันคริสมาส แต่ค่าตั๋วเครื่องบิน หรือการซื้อของ จ่ายเอง เจ้าหน้าที่ถามต่อว่า แล้วพ่อแม่ทำงานอะไร

เธอก็ตอบไปตามความจริง ว่ารับราชการ แต่พ่อแม่ก็สามารถช่วยเรื่องเงินได้ รวมถึงบอกว่า เดี๋ยวก่อนจะไปก็ต้องขอเงินพ่อแม่ติดไปด้วย

ตรงนี้หล่ะครับ ที่สำคัญ อย่าได้บอกว่า ญาติที่นั่นจะดูแลเราทุกอย่าง เราไม่เสียอะไรเลยแม้แต่บาทเดียว เค้าจะดูว่าคุณไม่มีความรับผิดชอบพอที่จะไปได้

แต่ถ้าคุณบอกว่า คุณก็หาเงินด้วยตัวเองได้จากประเทศของเรา และมีค่าใช้จ่ายที่เตรียมไปด้วยตัวเอง เค้าก็จะมองว่าคุณมีความรับผิดชอบ และสามารถหารายได้ในประเทศของตัวเองได้จริง

ไม่ต้องไปพึ่งประเทศเค้า ซึ่งก่อนหน้านี้ เธอเคยไปเรียนที่อเมริกามาแล้วด้วย ข้อสรุปทุกอย่างจึงจบลงที่ 10 ปี ให้กับเธอและน้องสาวในเวลาอันรวดเร็ว

เอกสารทุกอย่างที่เตรียมมาเป็นอย่างดี ไม่ได้ถูกใช้งานแม้กระทั่งจะชายตามอง เอกสารของเธอถูกดูเพียงแค่เอกสาร DS และใบรับรองการทำงานพร้อมวันลา



เนื่องจากช่วงเวลาที่ผมนั่งรออยู่หน้าช่องสัมภาษณ์เลยนั้น ด้วยความที่ระยะมันใกล้กันมากจนได้ยินเสียงคนที่เดินเข้าไปให่มและคุยกับ เจ้าหน้าที่เกือบทุกช่อง แบบชัดเจนมาก

คิดถูกมากที่ตัดสินใจย้ายที่ออกมาจากบริเวณที่ดูทีวี เพราะสิ่งที่ผมกับแฟนกำลังจะได้พบต่อไปนี้ คือแรงบันดาลใจสูงสุดที่อยากจะเขียนบทความนี้ขึ้นมา

เพราะช่วงเวลาที่ผมต้องรอสัมภาษณ์นั้น กินเวลาเกินกว่า 1 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลานั้นเอง ที่ทำให้ผมได้เห็นผู้คนมากมาย จากหลากหลายสถานะ หลากหลายอาชีพ

กว่า 30 ชีวิต ที่มาเป็นตัวอย่างจริงๆ ให้ผมดูสดสดแบบ Reality คนแล้วคนเล่าที่ได้ผ่านเข้าไป บ้างก็ออกมาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ บ้างก็ออกมาพร้อมคำสบด สีหน้าเกรี้ยวกราด

ผมจะขอเลือกเฉพาะตัวอย่างที่สำคัญๆ มานำเสนอ เพราะพูดตรงๆ ถ้าให้ผมเล่าทั้ง 30 กว่าคนที่ผมนั่งดูอยู่ ผมว่าผมจำได้ไม่ไหมดหมดหรอก ว่าใครเจออะไรยังไง

สงสารผมเถอะนะ เงินก็ไม่ได้ เมื่อยก็เมื่อย ระหว่างอ่านก็ลองทายไปเรื่อยๆก็ได้นะครับ ว่าใครได้หรือไม่ได้



ข้าราชการ แต่งเครื่องแบบทหาร สัมภาษณ์ประมาณ 2 นาที ผลคือ ได้แบบไม่ต้องสงสัย



ผู้หญิงมีอายุ แต่งตัวเหมือนคุณหญิงหลุยส์ สัมภาษณ์ประมาณ 2 นาที ผลคือ ได้แบบไม่ต้องสงสัย



เด็กนักโรงเรียนโรงเรีนยนานาชาติ สัมภาษณ์ประมาณ 2 นาที ผลคือ ได้แบบไม่ต้องสงสัย



แม่ลูกคู่นึง คุณแม่เคยไปมาบ่อยแล้ว พาลูกสาววัยรุ่น แต่งตัวไฮโซ หน้าตาดี สัมภาษณ์ประมาณ 5 นาที

ลูกสาวคุณไม่เคยไปเลยใช่มั้ย ? คุณจะไปพักกับใคร ? ตอนนี้เรียนอะไรอยู่ ?

ผลคือไม่ผ่าน ได้ยินเค้าพูดว่า เอกสารคุณไม่เพียงพอ

หน้าตาลูกสาวเดินออกมาแบบหน้าตาเกลียงชังคนทั้งโลก



สาวทำงานแต่งตัวดูดี สัมภาษณ์ประมาณ 3 นาที สิ่งที่ได้ยินคือ

คุณทำงานมานานเท่าไหร่

สองเดือนค่ะ

คุณทำงานอะไร

ขายประกันชีวิตค่ะ อยู่บริษัท…

ชั้นไม่ได้อยากรู้ว่าคุณทำงานกับบริษัทอะไร ชั้นไม่สนใจคุณอยู่บริษัทอะไร แต่คุณทำงานมาแค่ 2 เดือน ที่ทำงานคุณจะอนุญาติให้คุณลาพักร้อนได้อย่างงั้นหรือ

ขอโทษด้วย ชั้นไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้



ชายหนุ่มแต่งตัวภูมิฐาน วัยทำงาน

คุณจะไปเรียนอะไรที่นั่น ? เอกสารจากที่เรียนคุณมีแค่นี้หรือ ? ตอนนี้ทำงานอะไร ?

ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



หญิงสาวผิวคล้ำมาก พูดตรงๆว่าดูก็รู้ว่า คือหญิงบริการ

คุณจะไปทำอะไร ? คุณไปอยู่กับใคร ? คุณมีเอกสารอะไรติดมาอีกบ้าง ? ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้ม พูดตรงๆว่าดูก็รู้ว่า คือชายบริการ มาพร้อมหนุ่มแก่ฝรั่ง

เด็กคนนั้นเดินเข้าไปพร้อมชายแก่ฝรั่งที่มาเป็น backup

เจ้าหน้าที่บอกกับชายแก่คนนั้นว่า คุณออกไปรอตรงที่นั่ง ไม่มีธุระอะไรไม่ต้องเข้ามา

ไปทำอะไร ? ไปอยู่กับใคร ? มีหลักฐานอะไรมาบ้าง ?

เด็กคนนั้นพยายามจะเรียกชายแก่ฝรั่งเข้ามาช่วยพูดอยู่ตลอด สุดท้าย ชายแก่ได้เดินเข้าไปช่วยอีกรอบ

คุยกันอีกประมาณสองนาที อันนี้เสียงเบามากไม่ร็กระซิบกระซาบอะไรกัน

หลังจากนั้น ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



คุณป้าหน้าตาท่าทางใจดี เดินเข้าสู่ช่องหมายเลข 10 เจ้าหน้าที่เป็นหญิงสาวฝรั่งหน้าตาสวยดูใจดี

คุยกันประมาณ 3 นาที จากห้องที่เงียบสงบ เสียงของ เจ้าหน้าที่เป็นหญิงสาวฝรั่ง ก็เสียงดังฟังชัดโวยวายรอดไมค์ออกมา

เอกสาร ds คุณขาดไป 1 แผ่น

คุณป้า บอกว่า เอาอย่างนี้ได้มั้ย เดี๋ยวชั้นรีบไป print มาใหม่ให้คุณเดี๋ยวนี้

ไม่ได้ มีคิวรออีกมากมาย ขอโทษครับ ชั้นออกวีซ่าให้คุณไม่ได้ คุณต้องมาใหม่อีกครั้ง

คุณป้าพยายามยืนตื้อ เข้าใจเลยครับ ว่าเสียดายเงิน 3600 บาท เพราะท่าทางเรื่องอื่นผ่านหมด

แต่ดัน print ds มาไม่ครบ ขาดไป 1 แผ่น ระวังให้ดีเลยนะครับ ต้องเอามาให้ครบทุกแผ่น

คำตอบสุดท้ายที่ได้มาพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นของเจ้าหน้าที่คือ ขอโทษนะ ขอเชิญคุณกลับไปได้แล้ว และมาใหม่ในครั้งต่อไป

คุณป้าทำหน้าเซ็งที่ต้องเสียเงินและเวลาพิ่มอีก 3600 เพราะกระดาษแผ่นเดียว



ชายวัยกลางคน มาพร้อมครอบครัวอีก 4 คน สัมภาษณ์ประมาณ 3 นาที

โดยที่คนอื่นๆที่ไปด้วยไม่ได้ช่วยพูดอะไรเลย

ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้ และทั้งหมดก็ทำหน้าเซ็งเดินออกมาทั้งครอบครัว



เด็กชายวัยรุ่น คนที่ลืมชื่อพ่อแม่ตัวเองเมื่อตอนเช้า ตอนนี้เค้าจำได้และกำลังเดินเข้าสู่ช่อง 12

ไม่ถึง 1 นาที ขอโทษครับ ผมออกวีซ่าให้คุณไม่ได้ ผมคาดเดาว่า น้องเค้าอาจจะลืมไปก็ได้ว่าตอนนี้เค้าอยู่ที่สถานฑูตอะไร

เค้าอาจจะมาขอไปญี่ปุ่น แต่ลืมว่าอยู่ที่ไหน เพราะดูจากการแต่งตัวแล้ว แนวฮาราจูกุมากกกกก



พนักงานแบงค์ ใส่ยูนิฟรอม์สีน่ำเงินเข้มมาเต็มรูปแบบ

ประมาณ 2 นาที ยินดีด้วยค่ะ เราออกวีซ่าให้คุณได้



เด็กแนววันรุ่น ทำผม กลอฟ์ ไมค์ ใส่กางเกงรัดติ้ว แต่งตัวแรงสุดๆ ดูรู้ว่าลูกคนมีเงิน จะไปเรียนต่อ

ถูกเรียกเข้าไปช่อง 11 ไม่ได้พูดอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว เจ้าหน้าที่ยื่นซองกลับมาให้ใส่มือ

แล้วน้องเค้าก็เดินหน้าเอ๋อๆออกไปเลย ถ้ายื่นซองกลับมานี่ คืออดนะครับ อย่าดีใจ ถ้าเค้ายึดซองไปเลย คือเราผ่านแน่นอนครับ เดี๋ยวเค้าจะส่งคืนให้ที่บ้านเอง



หญิงสาวสิงคนเป็นพี่น้องกัน ดูแล้วยังเรียนมหาลัยอยู่ เพราะแอบเห็น transcript ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที เดินยิ้มแก้มปริออกมาทั้งคู่



ระหว่างที่น้องสองคนเดินยิ้มออกมานั่นเอง เสียงของแฟนผมก็ดังขึ้นพร้อมกับการเขย่าแขนเรียกให้ผมหลุดออกจากผวัง ว่า

เฮ้ย นี่มัน ป้าช่องแปดรึเปล่า เพราะระหว่างนั้นเกือบจะ 11:40 แล้ว มีการพลัดเปลี่ยนเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เป็นระยะๆ คุณป้าคนนั้น ดูเป็นหญิงไทยคนเดียวใน office นั้นแน่นอน

ลักษณะเธอดูมีอายุแล้ว ใส่แว่ง สายดุ คุณสมบัติครบตามที่ทุกคนกล่าวมาแน่นอน ไม่ผิดแน่ คุณป้าช่องแปดในตำนานสถานฑูตอเมริกาประจำประเทศไทย

แต่คราวนี้เธอเข้ามาอยู่ในช่อง 9 ไม่ผิดแน่ๆ เธอตัวเป็นๆเลย เจอกับตัวเองแล้ว ในใจผมก็เกิดวิตกจริตขึ้นมาทันที่ว่า ฉิบหายแล้วกู โดนป้าคนนี้แน่ๆ สังหรณ์ยังไงพิกล

รู้อย่างนี้เลือก สัมภาษณ์ eng ไปก็เสร็จตั้งนานแล้ว ผมเลือกภาษาไทย เลยต้องรอนานมาก เพราะส่วนมากก็เลือกไทยกันหมด เพราะฝรั่งพูดไทยได้ ถ้าไม่ได้ก็มีล่ามให้



และแล้วเหยื่อคนแรกของป้าช่องแปด ไม่สิ คราวนี้ช่องเก้า คือผู้ชายที่นั่งถัดจากผมไปสองคน แล้วเค้าก็ถูกเรียกตัวไป ผู้ชายวัยทำงานเดินเข้าไปเดี่ยวๆ เลย

ไม่ผิดแน่ครับ เห็นกับตาเลย ถามแค่ คุณทำงานที่ไหน แต่ผมไม่ได้ยินเสียงผู้ชายตอบนะครับ เค้าพูดค่อยมาก หลังจากจบคำถามนั้น ชายคนนั้นก็ได้รับซองจากคุณป้า

แล้วคุณป้าก็บอกว่า เสียใจด้วย เราออกวีซ่าให้คุณไม่ได้



หลังจากนั้นเหยื่อรายที่สอง ก็ถูกเรียกเข้าช่องพิจารณา คราวนี้เป็นญาติกัน ผู้ชายสองคน พูดตรงๆ ดูลักษณะท่าทางต่างจังหวัดมากๆ

สิ่งที่ได้ยินคือ คุณจะไปพักกับใคร ไปกันทั้งหมดกี่คน ขอดูเอกสารการเงิน ญาติคนนี้อยู่บ้านเดียวกันใช่มั้ย

คุณป้าขอดูเอกสาร และใช้เวลาดูอยู่พอสมควร แล้วพูดว่า

เราออกวีซ่าให้คุณได้



คนต่อไปคุณหนูไฮโซ แต่งตัวแบรน์เนมหัวจรดเท้า กระเป๋าหลุยส์วิคตองใบเบ้อเริ่ม

เลือกสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษ เข้าใจว่าจะไปหาแฟนที่นั่น คุยอยู่เกือบ 10 นาทีใช้เวลานานมาก



หญิงสาวอายุประมาณเกือบสี่สิบ สัมภาษณ์กับป้าเป็นคนต่อไป

เสียงคุณป้า รอดไมค์ออกมาเลยว่า จะไปเยี่ยมลูก ไปพักบ้านลูก ลูกจะพาไปเที่ยว

ป้าตรวจเอกสารอย่างละเอียด และให้คำตอบว่า เราออกวีซ่าให้คุณได้



มาถึงตอนนี้ มีคนออกไปแล้วกว่ายี่สิบคน ผู้คนเหลือน้อยลงและโหลงเหลงลงเรื่อย เหลือไม่ถึงเจ็ดคน รวมทั้งแฟนผมที่ได้วีซ่าแล้ว

จากที่นั่งดูอยู่ตลอด ผมประเมินสถานการณ์ได้เลยว่า อัตราส่วนการได้หรือไม่ได้นั้น คิดเป็น % ในวันนั้นคือ ได้ 35% ไม่ได้ 65%



แต่การที่หลายๆกระแสให้ข้อมูลต่างๆนาๆในทางลบที่ว่า เจ้าหน้าที่พวกนี้ทำงานตามอำเภอใจ ไม่มีมาตรฐานอะไรมาเป็นตัวกำหนด

ชอบหน้าก็ให้ ไม่ชอบขี้หน้าก็ไม่ให้ หรือทำงานตามอารมณ์นั้น จากที่ผมได้มีโอกาสนั่งสังเกตุการณ์อยู่ร่วมชั่วโมง

ผมว่าเรื่องพวกนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด พนักงานทุกคนทำงานกันละเอียดและรอบคอบมาก ใช้เหตุผลกับทุกเอกสารและข้อมุลที่คุณให้มา

ก่อนที่พวกเค้าจะเรียกคุณไปสัมภาษณ์ เค้าจะนำเอกสาร ds ของคุณมานั่งอ่านก่อนแบบละเอียดยิบ เห็นบางคนอ่านจนปวดตา ต้องพักนวดตาก็มี

เค้าจะคุยกับคุณด้วยเหตุด้วยผลทุกอย่าง ไม่มีการทำงานตามอารมณ์ แต่อย่างใด และใช้บรรทัดฐานในการตัดสินใจจากข้อมูลทุกอย่างที่คุณนำเสนอต่อเค้าเอง เชื่อได้เลย

เพราะคนที่ไม่ได้แต่ละคนนั้น ล้วนแล้วแต่ไม่มีความพร้อมทางด้านเอกสาร หรือ ไม่พูดความจริง และหน้าที่การงานไม่มั่นคงพอที่จะทำให้เค้าเชื่อได้ว่า

คุณจะไม่ไปทำมาหากินอยู่ที่นั่น คุณต้องทำให้เค้าเชื่อได้เลยว่า คุณหาเงินจากที่นี่ได้ และไม่สร้างภาระให้กับประเทศเค้าแน่นอน แค่นั้นเองหัวใจสำคัญ



บรรยากาศในห้องตอนนี้ อ้างว้างสุดๆ เหลือแค่ 4 คนแล้ว รวมทั้งแฟนผมด้วย เท่ากับเหลือคนรอสัมภาษณ์อีก 3 คนเท่านั้น และหนึ่งในนั้นมีนักร้องลูกทุ่ง

ที่ชื่อ ดาวมยุรี อยู่ด้วย ส่วนตัวผมไม่รู้ว่าใคร ไม่ได่สังเกตุ เพราะมองแต่คนที่สัมภาษณ์อยู่ มารู้จากแฟนทีหลัง แต่ข่าวดีคือ ตอนนี้คุณป้าช่องแปดแกไปพักแล้ว

ก็ยังรู้สึกโล่งขึ้มาอีกนิ๊ดดด..



หนุ่มวัยทำงานหน้าตาดี แต่งตัวสุภาพเรียบร้อย ดูดีมาชาติตระกูล ถูกเรียกเป็นคนต่อไป เพื่อเข้าสู่ช่อง 11

คราวนี้เสียงดังฟังชัดมาก เพราะคนจะหมดแล้ว ไม่ต้องแอบฟังแล้ว เพราะมันคือตัวผมเอง

เจ้าหน้าที่ผู้ชายหน้าตาใจดียิ้มแย้มแจ่มใสทักทายทันที

คุณชื่อ…. ใช่มั้ย

ครับผมชื่อ …. ครับ

สบายดีมั้ยครับ ?

สบายดีครับ

ญาติที่อยู่อเมริกาคนนี้เป็นอะไรกับคุณ ?

เป็นคุณน้าของแฟนครับ

บริษัทคุณทำงานเกี่ยวกับอะไร ?

ผมอธิบายโดยละเอียด เพราะมันเกี่ยวกับด้าน IT ล้วนๆ

แล้วต่ำแหน่งคุณต้องทำอะไรบ้าง ?

ต่ำแหน่งผมคือ PROJECT DIRECTOR แต่ก็ไม่ใช่บริษัทที่ใหญ่โตอะไร

ทำหน้าที่ส่วนใหญ่จะเน้นไปทางด้านของการออกแบบเว็บไซต์ให้กับโรงแรมชื่อดังต่างๆ

แล้วเวลาคุณทำงาน คุณใช้โปรแกรมอะไรบ้าง ?

Flash , dreamweaver , java , action script ต่างๆนาๆ

แล้วโปรแกรม dreamweaver คุณใช้เทคโนโลยีอะไรทำงาน ?( เจอคำถามนี้ผมถึงกับอึ้งเลยครับ อะไรจะรู้ลึกขนาดนี้ )

ใช้ภาษา html , php , flash ทั่วๆไป

คุณไปกับใครบ้าง ?

ไปกับแฟนครับ พร้อมกับรีบชี้นิ้วหันกลับไปที่เธอ ให้เจ้าหน้าที่ดู แฟนผมก็ยกมือทักทายให้เจ้าหน้าที่เค้าก็ยิ้มให้ตอบ ผมก็แอบหึงเล็กน้อย

แฟนคุณทำงานอะไร ?

ผมก็บอกไปว่าเป็น manager อยู่โรงแรมห้าดาวโรงแรมหนึ่ง

แล้วแฟนคุณได้วีซ่าแล้วเหรอ ?

ได้แล้วครับ เมื่อสักครู่นี้เอง ได้มาสิบปี น้องสาวแฟนก็ได้เช่นกัน พร้อมกับชี้ชื่อให้เจ้าหน้าที่ดูในเอกสาร ds

เจ้าหน้าที่บอกว่า ขอเวลาสักครู่ และเค้าก็ตรวจชื่อแฟนผมในคอมพิวเตอร์ ประมาณ 20 วินาที

ยินดีด้วยครับ เราอนุญาติให้คุณเดินทางไปอเมริกาได้

เหมือนยกภูเขาออกจากอก ผมยิ้มแก้มปริ เพราะเก็บอาการไม่อยู่ ใบหน้าใกล้เคียงซาลาเปาที่เพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เพราะเดิมใบหน้าก็บานจะแย่อยู่แล้ว

ผมจึงถามเค้าต่อว่า แล้วผมได้ระยะเวลาเท่าไหร่ครับ ?

ผมให้คุณได้ 10 ปีครับ



เอกสารต่างๆที่เตรียมไป ไม่ได้ถูกเปิดดูเลย เค้าวัดจากตัวคุณเองเป็นหลัก และถ้าเค้าเกิดสงสัยในตัวคุณจริงๆ เค้าถึงจะขอดูเอกสารยืนยัน

ผมว่ามันเป็นการทำงานที่มีมาตรฐานสูงมาก ไม่ใช่ว่าผมได้แล้วดีใจเลยมองทุกอย่างในแง่ดีนะครับ

แต่จากที่นั่งอยู่ตรงนั้น คนที่ไม่ได้ เค้าก็ไม่มีความพร้อมจริงๆ ถามอะไรก็อ้ำๆอึ้งๆ ซึ่งต่างจากผมและแฟน ที่ตอบให้ตรงคำถาม

และไม่พูดอะไรไปมากกว่าที่เค้าถาม ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรเลย ถ้าเกิดคุณต้องการจะไปทำเรื่องขอวีซ่าอเมริกา

ขอเพียงแต่คุณบริสุทธิ์ใจ พูดความจริง นำเอกสารมาประกอบความจริงให้ครบ เตรียมตัวให้ดีเรื่องเอกสาร DS ทำทุกอย่างตามขั้นตอนทั้งหมด



การได้วีซ่า 10 ปีภายในครั้งแรกก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล จริงอยู่ที่บางคนมีเงินในบัญชีถึงขั้นหลักสิบล้าน แต่วีซ่าไม่ผ่าน

ถ้าคุณมีเงินสิบล้าน แต่คุณไม่มีปัญญาหาเอกสารมาบอกได้ว่า เงินนั้นคุณได้มายังไง เค้าอาจมองว่า คุณน่ะตัวอันตรายเลยก็เป็นได้



โอเคมาถึงตรงนี้ หวังว่าการถ่ายทอดประสบการณ์ล่าสุดที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือน 8 ปี 2007 นี้ จะเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทุกๆคนที่กำลังจะทำเรื่องได้บ้าง

ไม่มากก็น้อยนะครับขอให้ทุกคนที่กำลังจะไปขอวีซ่าอเมริกาโชคดี ขอพระเจ้าคุ้มครอง



ส่วนตัวผม ธันวาคม 2008 นี้ เจอกันแน่ LASVEGAS อิอิอิ

ข้อมูลจาก //webboard.mthai.com/10/2007-08-09/339212.html




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2554
0 comments
Last Update : 11 มิถุนายน 2554 12:25:51 น.
Counter : 2413 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


vitoon2007
Location :
พิษณุโลก Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




อยู่แบบพอเพียง และ เพียงพอ
Friends' blogs
[Add vitoon2007's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.