ช่วงตั้งแต่วันที่ 26 กันยายนถึง 5 ตุลาคม 2554 เป็นช่วงเทศกาลกินเจ ไม่ว่าไปไหนต่อไหนจะเห็นผู้คนกินเจกันมากมายซึ่งผิดกับเมื่อก่อนที่คนกินเจจะบางตา อาหารที่ขายก็ไม่ค่อยมี จขบ. กินเจมาสิบกว่าปีกินตั้งแต่ไม่มีอาหารขายกันดาดดื่นแบบทุกวันนี้ ต้องไปหาซื้อตามแหล่งที่เค้าทำขายมาตุนเก็บไว้ในตู้เย็น ถ้าขี้เกียจนักก็ต้องทำเอง ทำง่ายๆ เป็นพวกผัดผัก เช่นผักบุ้ง ผักกาดขาว คะน้า กวางตุ้ง หรือเห็ดหอม ทานกันง่ายๆ ไม่เรื่องมากเพราะตั้งใจทานแล้วจะเรื่องมากไปทำไมจนไม่นานการกินเจเริ่มนิยมกินกันมากมายก็เกิดพ่อค้าแม่ค้าหัวใสมากมายเห็นหนทางทำมาหากินทำอาหารเจขาย เคยสัมภาษณ์บางคนขายเพราะกินเจเองเลยกินด้วยทำขายด้วยซะเลยก็เลยเป็นอานิสงค์ให้ชาวกินเจทั้งหลายได้สะดวกในการหาอาหารเจรับประทาน

ดังนั้นในปัจจุบันจึงมีอาหารให้เราเลือกซื้อมากมาย จึงต้องเลือกซื้อกันหน่อยว่าอาหารที่เค้าทำขายมีคุณภาพสมราคาหรือไม่ มีสาระของอาหารครบถ้วนในการกินเจหรือไม่ ยิ่งเมื่อเช้าและในทุกปีจะได้ดูภาพข่าวว่าโรงงานที่ผลิตอาหารเจจะนำอาหารพวกเนื้อสัตว์ผสมลงไปในอาหารเจ ดูแล้วน่ากลัวและบาปกรรมจริงๆ คนที่กินไม่มีวันรู้ว่าอาหารไหนผสมหรือไม่ แต่ถ้าใครหลงกินเข้าไปเพราะไม่รู้ก็ไม่เป็นไรเพราะการไม่รู้ไม่ถือว่าผิด คนที่ผิดคือคนที่ทำให้คนอื่นหลงเชื่อต่างหาก แต่ทางที่ดีก่อนจะซื้ออาหารเจทานก็ดูๆ กันหน่อยและกันค่ะ ตอนนี้อาหารเจก็มีราคาถุงละ 25 บาทขึ้นไปอย่างแถวบ้านถุงละ 30 บาทรวดที่ทำงานถุงละ 25 ได้อาหารเท่ากันบางทีถุงละ 30 ยังดูน้อยและอร่อยไม่เท่าถุงละ 25 บาทด้วยซ้ำไปแต่วิถีชีวิตคนกรุงเทพอย่างเราๆ ด้วยความรีบเร่งเวลาน้อยก็ต้องทนรับทุกอย่างแบบนี้ล่ะ

การกินเจที่ดีควรกินอาหารให้ครบทุกหมวดหมู่ในประมาณที่พอเหมาะพอควรไม่กินจนเกินอิ่มหรืออดจนร่างกายรับไม่ไหว เมนูอาหารที่ทำจากเห็ดจึงเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งที่มักถูกนำเสนอให้ชาวกินเจรับประทาน เพราะอาหารจากเห็ดให้คุณค่าอาหารที่สูง และยังมีให้เลือกมากมายให้นำมาปรุงอาหารและประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูแทนเนื้อสัตว์ได้ เนื่องจากเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีนจากอาหารพืช และยังสามารถนำมาต้ม ผัด แกง ทอด ย่าง หรือยำได้หมด เห็ดยังอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรต โปรตีน เส้นใยอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ เห็ดที่มีกลุ่มวิตามินบีสูง เช่น ไรโบฟลาวิน ไนอะซิน และกรดแพนโทธีนิก มีวิตามินซี ฟอสฟอรัส โพ แทสเซียม อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่ดีของแคลเซียมและวิตามินดีในอาหารที่สำคัญเห็ดช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน

เห็ดมีเพียงไม่กี่ชนิดที่รับประทานได้และมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าคุณค่าทางโภชนาการ เช่น "เห็ดทางการแพทย์" หรือ Medicinal Mushrooms ปัจจุบันพบว่ามีอยู่ไม่กี่ชนิดที่สำคัญต่อการส่งเสริมสุขภาพ ได้แก่ เห็ดยามาบูชิตาเกะ (เห็ดปุยฝ้าย) เห็ดหลินจือ เห็ดไมตาเกะ ถั่งเฉ้า เห็ดหอม และ เห็ดเทอร์กี้เทล เป็นต้น ซึ่งนำมาใช้เป็นสารแอนติออกซิแดนต์ เพิ่มภูมิต้านทาน ส่งเสริมสุขภาพหัวใจ ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง ป้องกันไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ลดการอักเสบ ต้านการแพ้ ควบคุมสมดุลของระดับน้ำตาล ส่งเสริมระบบการขับพิษจากร่างกาย

เห็ดยามาบูชิตาเกะ (เห็ดปุยฝ้าย)

เห็ดชนิดนี้ได้ถูกขนานนามในภาษาญี่ปุ่นซึ่งมีความหมายว่า ผู้ที่หลับใหลอยู่ในภูเขา อันสืบเนื่องมาจากตำนานญี่ปุ่นโบราณที่กล่าวถึงพระญี่ปุ่นในนิกายชูเกนโด ที่ธุดงค์ไปในป่าตามหุบเขา(นิกายทางพุทธศาสนาโบราณในประเทศญี่ปุ่น)จะมี เครื่องประดับที่เรียกว่า “ซูซูกาเคะ” ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเห็ดชนิดนี้เป็นอย่างมาก จึงเป็นที่มาของการเรียกชื่อเห็ดชนิดนี้ว่า “ยามาบูชิ” และ ในภาษาญี่ปุ่น คำว่า “ตาเกะ” หมายถึง “เห็ด” ในสมัยโบราณเห็ดยามาบูชิตาเกะนี้ถูกนำไปเข้าตำรับยาในการรักษาโรคของระบบ ทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหารเป็นต้น แต่สำหรับงานวิจัยทางการแพทย์ที่ได้ตีพิมพ์ลงใน International Journal of Medicinal Mushrooms ซึ่งทำโดย ดร.ทาคาชิแห่งมหาวิทยาลัยชิซูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น พบว่า เห็ดชนิดนี้ให้ผลต่อการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง กระเพาะอาหาร หลอดอาหาร และผิวหนัง


เห็ดหลินจือ

เป็นที่ยอมรับของวงการแพทย์ทั่วโลกว่า โรคที่ตัวยาในเห็ดหลินจือสามารถรักษาได้ คือ โรคความดันโลหิตสูง-ต่ำ ทำให้เลือดไปเลี้ยงเซลล์สมองได้ดี โรคเบาหวาน โรคผิวหนัง โรคตับอักเสบ ทำให้ตับ ไต ทำงานเป็นปกติ โรคภูมิแพ้ โรคไซนัส โรคไขข้ออักเสบ โรคไขมันในเลือดสูง กำจัดโลหะหนักในหลอดเลือด ป้องกันโรคหัวใจ หยุดปัญหาผมร่วง สร้างผมใหม่ ทำให้ผมดกดำขึ้น ต่อต้านอนุมูลอิสระ แก้โรคมะเร็งต่างๆ โรคซีด เลือดน้อย ทำให้ร่างกายแข็งแรง แก้ไขปัญหาวัยทอง ควบคุมระบบไหลเวียนโลหิต แก้โรคมือ-เท้า ชา ป้องกันการแก่ชรา บำรุงผิวหน้า ช่วยให้ผิวพรรณดี ปรับปรุงประสิทธิภาพลำไส้และกระเพาะอาหาร ล้างพิษในร่างกาย ปรับสมดุลทำให้ฮอร์โมนในต่อมไทรอยด์เป็นปกติ โรคสะเก็ดเงิน โรคหอบหืด โรคริดสีดวงทวาร โรคปอดอักเสบ โรคหลอดลมอักเสบ โรคนอนไม่หลับ โรคประสาทอ่อนๆ ขจัดฝ้า กระ รักษาสิวที่หน้า สิวที่หลัง และสิวเสี้ยนที่จมูก โรคต่อมลูกหมากโต ทำให้ประจำเดือนมาปกติ โรคนิ้วล็อค หนังด้านตามนิ้วมือ ตามข้อศอก ช่วยให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น แก้อาการท้องผูก ท้องเฟ้อ แก้ร้อนใน แก้ปวดเอว ปวดหลัง ทำให้สดชื่น สามารถแก้ไขโรคเบื่ออาหาร ทานอาหารไม่ลง หรือทานอาหารแล้วอาเจียนได้ โรคภาวะกรดไหลย้อน โรคเครียด


เห็ดไมตาเกะ

ต้นกำเนิดของเห็ดไมตาเกะอยู่ที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีประวัติการใช้เป็นยารักษาโรคในตำราการแพทย์แผนจีนและญี่ปุ่นมาเป็น เวลาช้านานในแง่ของการเป็นตำรับยาช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ให้กับร่างกาย นอกจากนี้นักวิจัยในปัจจุบัน ยังได้มีการค้นพบอีกว่าการรับประทานเห็ดไมตาเกะเป็นประจำจะช่วยปรับสมดุลของ ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลและฮอร์โมนอินซูลินในกระแส อีกทั้งยังช่วยควบคุมระดับคลอเรสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในกระแสเลือดได้อีกด้วย เมื่อวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมี พบว่าเห็ดไมตาเกะอุดมไปด้วยแร่ธาตุและวิตามินที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลาย ชนิด เช่น โปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม วิตามิน บี2 บี3 (ไนอาซิน) และ ดี 2 อีกทั้งยังมีไฟเบอร์ และ กรดอะมิโนหลายชนิด


ถั่งเฉ้า

มีสรรพคุณเป็นยาช่วยบำรุงร่างกาย บำรุงปอดและบำรุงไต บำรุงกำลังแก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงได้ทั้งธาตุหยินและหยาง เสริมสมรรถภาพทางเพศสำหรับเพศชาย ถังเฉ้าเป็นพืชที่หายาก ที่มีสรรพคุณในการบำรุงไต เสริมสมรรถภาพ เสริมสร้างฮอร์โมน บำรุงหัวใจ บำรุงปอด หลอดลม กล่องเสียง เสริมอายุวัฒนะ ป้องกันเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจ


เห็ดหอม

สรรพคุณทางยา: คนจีนใช้เห็ดหอมเป็นอายุวัฒนะ รักษาหวัดทำให้เลือดลมดี แกโรคหัวใจ ป้องกันการเติบโตของเนื้อร้าย ต้านพิษงู ป้องกันโรคเลือดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคมะเร็ง โรคร้ายจากเชื้อไวรัส เห็ดหอมมีกรดอะมิโนชื่อ eritadenine ช่วยให้ไตย่อยโคเลสเตอรอล ได้ดี มีสารเลนติแนน (Lentinan)ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ ในระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ ในการต่อสู้กับเซลล์เนื้องอก


เห็ดเทอร์กี้เทล

เห็ดชนิดนี้มีประวัติการใช้เป็นยาพื้นบ้านในญี่ปุ่นมาช้านาน ซึ่งถูกนำไปเข้าตำรับยารักษาโรคมะเร็ง ขณะเดียวกันทางการแพทย์แผนจีนก็พบว่า มีการนำไปใช้เข้าตำรับในการรักษาโรคปอดติดเชื้อ กำจัดเสมหะ และโรคตับอักเสบ นอกจากนี้ตามความเชื่อของนักพรตลัทธิเต๋าของจีน ยังมีความเชื่อกันว่า เห็ดชนิดนี้ได้ดูดซึมธาตุ “หยาง” ซึ่งเป็นพลังงานจากธรรมชาติที่สามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยที่ขาดพลังธาตุชนิด นี้ได้

สำหรับงานวิจัยทางการแพทย์ในปัจจุบันพบว่า เห็ดชนิดนี้ มีสารประกอบกลุ่มโพลีแซ็คคาไรด์ ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ต่อต้านมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งปอด ลดไขมันไม่ดีชนิด LDL รวมไปถึงการต้านเชื้อไวรัสบางจำพวก

เห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะ

ในปี ค.ศ. 1965 ชาวนาในบราซิลซึ่งมีเชื้อสายญี่ปุ่นได้ค้นพบเห็ดฮิเมะมัตสึทาเกะในภูเขาซึ่ง อยู่นอกเมือง Piedade ที่ตนเองอาศัยอยู่ และได้ทำการส่งตัวอย่างเห็ดชนิดนี้ไปยังสถาบันวิจัยทีญี่ปุ่นซึ่งมีชื่อว่า Iwade Research Institute of Mycology เพื่อค้นหาวิธีในการปลูกเห็ดชนิดนี้ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งผลการทดลองกินเวลา ร่วม 10 ปี

ขณะเดียวกันนั้น คณะนักวิทยาศาสตร์ภายใต้การนำของ ดร. W.J Cinden แห่งมหาวิทยาลัยประจำรัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พาคณะ ไปตรวจสอบเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับเห็ดชนิดนี้เช่นเดียวกันที่เมือง Piedade ประเทศบราซิลและพบว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้มีอุบัติการณ์ของโรคผู้สูง อายุที่ต่ำในขณะที่ประชากรส่วนใหญ่ต่างมีอายุยืนยาวกว่าปกติ ซึ่งภายหลังการสำรวจนั้นทางคณะผู้สำรวจต่างลงความเห็นกันว่า ประชากรในท้องถิ่นมีอายุยืนและร่างกายที่แข็งแรงสืบเนื่องมาจากการรับประทาน เห็ดพื้นเมืองชนิดนี้ และทางดร. W.J Cinden ได้ทำการนำเสนอข้อสุปนี้ในงานประชุมวิชาการระดับโลกหลายแห่ง จนทำให้เห็ดชนิดนี้เริ่มเป็นที่รู้จักแพร่หลายออกไป

และจากการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์พบว่าเห็ดชนิดนี้อุดมไปด้วยสารเบต้ากลู แคน ซึ่งมีส่วนช่วยให้ร่างกายผลิตสารที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการต่อต้านสิ่งแปลก ปลอม เช่น interferon และ interleukins ได้มากขึ้นด้วย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการควบคุมความดันโลหิต ลดระดับน้ำตาลและคลอเลสเตอรอลในกระแสเลือดอีกด้วย

เห็ดชิตาเกะ

เชื่อกันมาแต่โบราณแล้วว่าเห็ดชิตาเกะเป็นยาอายุวัฒนะทำให้ร่างกายแข็งแรงช่วยชะลอความชราได้ คนจีนและคนญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานกันมาก
ย้อนไปในศตวรรษที่ 14 มีบันทึกไว้ว่าแพทย์จีนใช้เห็ดชิตาเกะปรุงเป็นยาอายุวัฒนะทำให้เลือดลมดี รักษาโรคหวัด โรคหัวใจ แก้พิษงู และต้านการเติบโตของเนื้อร้าย
ต่อมาในค.ศ.1970 มีงานวิจัยหลายชิ้นในญี่ปุ่นพบว่า เห็ดชิตาเกะมีสารสำคัญที่มีชื่อว่า อิริตาดีนีน (eritadenine) ซึ่งทำให้ระดับโคเลสเตอรอลในเลือดลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์และมีสารเลนติแนน (lentinan) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ ยับยั้งหรือป้องกันการเติบโตของเซลล์เนื้องอกต่าง ๆ ได้ดีอีกด้วย
ปัจจุบัน นักวิจัยสมัยใหม่ซึ่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดชิตาเกะ ก็พบว่า เห็ดชิตาเกะมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้านโรคมะเร็งและโรคร้ายต่าง ๆ จากเชื้อไวรัส

เป็นไงคะเห็นสรรพคุณทางยาของเห็ดแต่ละชนิดแล้วคิดจะลองหาเห็ดทางการแพทย์กินกันบ้างไหมเอ่ย....สองอาทิตย์เต็มๆ ที่ จขบ. หายหน้าหายตาไปจากบล๊อกและเนท ด้วยติดภาระกิจในเสาร์อาทิตย์แรกก่อนเทศกาลกินเจได้ไปเลี้ยงส่งหัวหน้าของ จขบ.ที่ค่ายพระรามหก จ.เพชรบุรี เลยมีภาพการเดินทางครั้งนี้มาฝาก หรือพูดง่ายๆ มาเก็บไว้ในบล๊อกตัวเองเหมือนการบันทึกเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา เสาร์อาทิตย์ต่อมาติดภาระกิจพาเจ้าตัวน้อยไปเดินแบบที่สยามพารากอน งานอะไรไม่รู้เดินชุดไหนก็ไม่รู้อีก แบบว่าไปแบบ งงๆ ก็ได้รูปมาแบบ งงๆ อีกนั่นล่ะหนำซ้ำกลับจากสยามพารากอนมีคนพาไปดูคาร์สองตอนสี่ทุ่มครึ่งหนังเลิกเที่ยงคืนกว่ากว่าจะกลับถึงบ้านและนอนก็ตีหนึ่งกว่าได้แล้ว เป็นสองอาทิตย์ที่เหนื่อยแบบโครตๆ กลับบ้านมาปุ๊บหลับปั๊บไม่อาบน้ำอาบท่าล่ะ....55555....(แนวซกม๊ก)

สองอาทิตย์นี้จึงเป็นอาทิตย์ที่ควรจดจำ การทำงานมีเริ่มก็มีวันจบ อย่าประมาทต้องทำทุกวันที่ทำงานให้ดีไม่ว่าจะกับคนหรือกับงาน เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องจากลากันจะได้เหลือความรู้สึกดีๆ มีให้กันตลอดไป ไม่ค่อยเข้าใจกับใครบางคนที่ไม่มีความผูกพันกันแม้วันสุดท้าย ไม่มีการร่ำลา ไม่มีเยื่อใย ไม่มีความรู้สึกดีๆ มีให้เพื่อนร่วมงานกันหรืออย่างไร บอกกับตัวเองว่าเมื่อถึงคราวตัวเองต้องไปจากงานจะไม่เป็นและทำแบบนี้เด็ดขาด ส่วนงานที่ไปมีทั้งความประทับใจและไม่ประทับใจ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความรู้สึกตัวเองว่าคิดอย่างไร ถ้าไม่คิดก็ไม่แคร์ไม่เกิดความรู้สึก คนเราถ้าจะคิดก็ควรคิดแบบบวกๆ แล้วสิ่งที่ได้ก็คือ ความสุข...มีหลากหลายเรื่องราวที่อยากจะพูด อยากจะทำ แต่ก็พูดและทำไม่ได้ เหมือนเราเป็นแค่มดน้อยๆ ตัวหนึ่งที่อยากตะโกนบนโลกกว้าง ตะโกนให้ตายก็ไม่มีใครได้ยิน แต่คงได้แค่บ่นกะตัวเอง ทุกวันนี้คนทำมาหากินกันแบบแปลกๆ หากินบนความเชื่อของคน หากินบนความโลภของคน หากินบนความอยากดีอยากเด่นอยากดังของคน และอีกมากมาย ทุกอย่างนี้มีให้เห็นการดาดดื่นมากมาย การหากินแบบแปลกๆ พวกนี้นับวันยิ่งมาก หัวใจผู้คนเหล่านี้ทำด้วยอะไรที่ชอบหลอกลวงบนความรู้สึกของมนุษย์ด้วยกัน พวกเค้าจะรู้บ้างไหมว่าคนที่ต้องตกเป็นเหยื่อรู้สึกผิดหวังชอกช้ำใจเพียงใดที่ต้องตกเป็นเหยื่อคนหากินแบบนี้ นับวันจะมีมากมายบาปกรรมจริงๆ...ทางที่ดีพวกเราทุกคนอย่างตกเป็เหยื่อ จะตกลงปลงใจอะไรกับคนแปลกหน้าคิดให้ดีให้รอบคอบก่อนตัดสินใจนะคะ...