สองวันนี้..ไม่ใช่วันดีของ จขบ. เมื่อวานแม่ต้องเข้า รพ. วันนี้เลยต้องหยุดงานไปดูแลแม่ อาจต้องผ่าตัดซึ่งมีแนวโน้มสูงมากแต่คงไม่ใช่ รพ. จุฬาแน่นอน..555555...เพราะเกรงใจและกลัวใจคุณหมอและคุณพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่นี่ให้พวกท่านได้พักผ่อนเพลางานหลังจากที่ผู้อำนวยการสั่งโน่น นี่ นู่น เกี่ยวกับการรับคนไข้และการรักษาคนไข้ และได้ทราบข่าว เสธ.แดง ถูกลอบยิงขณะให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างประเทศ ก็ให้สงสัยอีกว่า รพ. จุฬาก็อยู่ใกล้มาก ไฉนไม่รีบส่งไปที่นี่ล่ะ ก็เค้าบอกอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่หรือคะว่าเป็นกลาง เป็น รพ. ที่มีสภากาชาดไทย ที่รับรักษาโดยไม่แบ่งชนชั้นไม่เลือกสี ไม่เลือกวรรณะ แต่ไหงไปส่งที่ รพ.หัวเฉียว หรือว่าใกล้จนมองไม่เห็น หรือว่ากลัว หรือว่าไม่ไว้ใจ หรือเพราะอะไรคะอยากรู้จริงๆ.. เป็น งง ค่ะ... แต่พอตกตอนเย็นก็ได้ทราบข่าวว่าวันนี้ รบ.ส่งทหารไปสลายการชุมนุม ด้วยการอนุญาตให้ใช้อาวุธตั้งแต่เบาไปหาหนัก มีพลซุ่มยิงหรือที่เรียกว่าสไนเปอร์ เอ็ม 16 เอ็ม 79 อาร์พีจี รถถังหุ้มเกราะ และโฆษกทหารได้ออกมาแถลงด้วยเหตุผลร้อยแปดพันเก้าในการสลายการชุมนุมโดยคำสั่ง รบ. เหมือนขออนุญาตให้ฆ่าประชาชนได้โดยไม่ผิด ก.ม ถ้าหากมีการตายเกิดขึ้นแต่ภาพที่ฟ้องให้คนในประเทศและต่างประเทศต่างเห็นตรงกันว่า..การสลายการชุมนุมทุกครั้งไม่เคยใช้อาวุธเบามีแต่อาวุธหนักที่นำมาเล่นงานประชาชนที่มีแต่มือเปล่าๆ ออกมาต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย และการยุบสภาของ รบ. ชุดนี้ มีภาพคนถูกยิงคนแล้วคนเราล้มดุจดังใบไม้ร่วงบางคนก็เสียชีวิต บางคนก็บาดเจ็บสาหัส...

แบบนี้เรียกว่า การฆาตกรรมได้หรือไม่ เพราะดูเหมือนเป็นการตั้งใจให้เกิดการสูญเสียชีวิต นี่คือการออกคำสั่งให้ทหารใช้ปืนกระสุนยาง และกระสุนจริงที่ออกมาแถลงการณ์ว่าให้ยิงต่ำกว่าเข่าลงมา แต่ไหงโดนหัวบ้าง คอบ้าง หน้าอกบ้าง แขนบ้าง หน้าท้องลำตัวบ้าง หรือว่าคนพวกนี้เค้ายืนกลับหัวให้พวกคุณยิง เลยมองว่าเค้าใช้หัวแทนเท้าและส่วนอื่น คือส่วนที่ต่ำกว่าเข่าคะ...การออกมาสลายผู้ชุมนุมด้วยข้ออ้างว่าป้องกันการบาดเจ็บของทหาร ซึ่งมันสวนทางกับภาพที่เห็น ที่ทหารทุกคนใส่เสื้อเกราะอย่างดี ใส่หมวกกันน๊อคกันกระสุนที่หัว ใส่เสื้อเกราะตั้งแต่ตัว แขน และขา แทบจะไม่มีส่วนไหนเห็นเรือนร่างของทหารที่จะโผล่ให้ได้รับอันตรายได้ เวลาเดินก็ดูน่าสมเพชเวทนาเพราะต้องแบกน้ำหนักของเครื่องป้องกันหนักและพะรุงพะรัง

แล้วลองตัดมาดูภาพ นปช. บ้างมีแค่เสื้อผ้าธรรมดาๆ ไร้สิ่งป้องกันตั้งแต่หัวจดเท้า ขนาดการ์ดยังมีแค่เกราะอ่อน ที่การ์ดบางคนถูกยิงทะลุเกราะอ่อน จนมีภาพออกสื่อทีวีหามกันล่องแล่งเลือดอาบถูกนำส่ง รพ.ตายบ้างรอดบ้างแต่สาหัสทุกรายอย่างข่าวที่เห็นวันนี้….นี่คืออะไร...รบ.ปัดความรับผิดชอบในการสลายการขุมนุมได้หรือไม่ และทุกครั้งที่มีการสลายการชุมนุมจะมีการสูญเสียทุกๆ ครั้งไม่ว่าชีวิตมนุษย์ที่ถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญของโลกไป นอกจากนี้ยังสูญเสียทรัพย์สินของทางราชการโดยสิ้นเปลือง โดยเฉพาะกระสุนต่างๆ ที่ทหารนำออกมาใช้ในการสลาย รถที่บางคันต้องพังยับเยินเพราะพวกคุณไปยิงเค้าๆ โกรธก็มีการต่อสู้ทำลายล้างบ้าง..จบด้วยการกล่าวโทษว่าเค้าเป็นผู้ก่อการร้ายและทำลายทรัพย์สิน แต่พวกคุณไม่ได้ดูตัวเองเลยว่า ผู้ก่อการร้ายที่แท้จริง คือ รบ. และพวกคุณต่างหาก ที่ก่อการทุกอย่างให้เกิดสิ่งร้ายๆ ขึ้นใน กทม. และอาจลุกลามเป็นปัญหาประเทศในอนาคตก็ได้ สิ่งที่สูญเสียที่สุด คือ ความรู้สึกของคนไทย ...ทำไม...ไม่เลือกวิธีด้วยการให้คนพวกหนึ่งที่มีแค่หยิบมือออกไปจากการเป็น รบ. โดยเลิกฟังคำสั่งไม่ชอบธรรมเหล่านี้ในฐานะเป็นคนไทยด้วยกัน...หรือหน้าตาคนที่มาชุมนุมไม่ได้มีหน้าตาผิวพรรณเป็นคนไทยเลยสักคน...อ่อ..ผู้มาร่วมในม๊อบผิดเอง...ดั๊นไปโกรก ไปย้อม ไปทำไฮไลน์ ผมเปลี่ยนสีผมจน รบ. และทหารตาถั่วคิดว่าเป็นผู้ก่อการร้ายต่างชาติไปซะนี่....

ซึ่งถือได้ว่าที่ รบ.นี้ใช้วิธีการสลายการชุมนุมด้วยวิธีนี้ เป็นกลุ่มคนที่นอกจากเผด็จการ ทรราชย์ แล้วยังเป็นคนขี้ขลาดตาขาวที่นอกจากใช้อาวุธจะหนัก หรือเบาก็ตามมาเข่นฆ่าประชาชนที่มีเพียงมือเปล่าๆ มีเพียงบ้องไฟ หนังสะติ๊ก และไม้ไผ่เหลา เป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคนเป็นผู้นำต้องมีความยุติธรรม และเมตตา กรุณา แถมต้องมีอุเบกขา คือวางใจให้เป็นกลางในทุกๆ เรื่อง ไม่เอียงไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่ง นี่เป็นคุณสมบัติของผู้บริหารประเทศที่ดีพึงจำและพึงกระทำ หรือจะลองคิดอะไรง่ายๆ ก็ได้ว่าถ้าหากเกิดสิ่งร้ายๆ เหล่านี้กับตัวเองกับลูกเมียญาติพี่น้องพ่อแม่ตัวเอง แล้วคนเหล่านี้ต้องตายไปจะรู้สึกเช่นไร อย่าบอกนะว่าไม่เสียใจหรอกงั้นก็ต้องให้ตายตกไปตามกันอย่างที่ไปทำคนอื่นไว้ก็น่าจะดีจะได้รู้สึกเสียบ้าง...จงจำไว้ว่า กรรมตอนนี้เป็นกรรมติดจรวดเสียด้วยสิใครๆ ก็พูดกันสักวันกรรมนั้นจะตอบคืนสนองไปยังผู้ทำ...ใครทำกรรมดี คิดดี พูดดี และหวังดีต่อประเทศจริงๆ ก็จะได้รับผลดีไม่ว่าในชาตินี้หรือชาติหน้าถ้าหากได้เกิดเป็นมนุษย์อีกนะ...แต่ใจ จขบ. คิดว่าใครก็ตามที่ทำเลวๆ คิดเลวๆ ด้วยการสั่งการจนเกิดความสูญเสียข้างต้นไม่มีทางได้เกิดเป็นมนุษย์อีกแล้วต้องไปเกิดเป็นสัตว์ชั้นต่ำและถูกเค้าเหยียบย่ำตายแล้วเกิดๆ แล้วตายล้านชาติก็ยังไม่สาสม..แต่ในความเห็นของ จขบ. ขอให้ใครก็ตามที่ร่วมสั่งการจงได้เกิดมาเป็นคนหลายล้านชาติ เกิดๆ ดับๆ และให้อยู่ในฐานะไพร่ยากจนข้นแค้นคับข้องใจจนต้องกลั้นใจตาย หรือถูกคนอื่นฆ่าตายล้านชาติน่าจะสาสมค่ะ...ไม่กลัวบาปกรรมก็จงทำต่อไป...ไม่อยากเตือนแล้วเพราะคนบางคนเหมือนบัวใต้โคลนไปซะแล้ว...ว่าป่ะคะ....

นั่งมองภาพลูกเมียของคนที่ต้องเสียชีวิต...พร้อมเสียงสาปแช่งกร่นด่าผู้กระทำสั่งการให้ตายตกไปตามกันและมีคำถามว่า...ต้องให้ทุกคนตายหมดประเทศไหม....แย่งชิงอำนาจเพื่ออะไรกันหนอนี่ จขบ. เป็นคนร้องไห้ยากแต่วันนี้กลั้นน้ำตาไม่อยู่ สงสาร เห็นใจ และเห็นด้วยกับเมียคนตายขอให้คนสั่งการและคนฆ่าจงตายตกไปตามกันในสามวันเจ็ดวันอย่างที่เมียของผู้ตายสาปแช่งด้วยคนค่ะ...

จึงอยากขอวิงวอนทหาร เจ้าหน้าที่ที่รับคำสั่งการของผู้สั่งการโปรดขัดขืนและหยุดทำร้ายประชาชนเสียที และกลับไปยังกรมกองของพวกท่าน ถ้าหากท่านร่วมมือร่วมใจกันไม่ปฏิบัติคำสั่งที่มิชอบครั้งนี้บุญกุศลครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ถึงแม้กลับไปจะโดนลงโทษเพราะขัดขืนคำสั่ง...แต่ถ้าร่วมมือร่วมใจกันทั้งกองทัพที่ออกมาลุยและปราบปรามเยอะขนาดนี้ก็คงไม่มีใครเอาผิดได้เพราะเป็นความร่วมมือร่วมใจกันทำในสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม..เมื่อเป็นเช่นนี้คนสั่งการและ รบ. ก็ไม่มีเครื่องมือในการใช้อำนาจอีกต่อไป..

และ ACHR หรือที่เรียกว่า องค์การสิทธิ์มนุษยชนแห่งเชีย Asian Centre for Human Rights ได้เตือนว่านายกรัฐมนตรี “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” สามารถถูกกล่าวโทษว่าเป็น “ผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ภายใต้มาตราข้อที่ 25(3) ของสนธิสัญญาศาลอาชญากรระหว่างประเทศแห่งกรุงโรม ในข้อหาจงใจบงการการโจมตีต่อประชาชนผู้ประท้วงซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตี ตามมาตรา 8(2)(e)(i) ของสนธิสัญญากรุงโรมดังกล่าวองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชียขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีถอนกองกำลังทหารในทันที และกลับไปสู่การเจรจากับกลุ่มนปช.และรวมไปถึงการแสดงออกถึงประเด็นความยุติธรรมจากการฆ่าเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553อนึ่ง ก่อนหน้านี้องค์กรดังกล่าวได้ออกจดหมายถึง “นายอภิสิทธิ์” ให้หยุดการปราบปรามประชาชนในทันที โดยกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อ9 ในการห้ามใช้อาวุธและกระสุนจริงในการปราบปรามประชาชน” องค์การสิทธิ์มนุษยชนแห่งเชีย ได้ออกจดหมายเปิดผนึก หลังการยิง “เสธ.แดง” พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล และมีการใช้อาวุธทำให้ประชาชนจำนวนมากบาดเจ็บและเสียชีวิต

อ่อ..มีเสียงกระซิบจากเด็กๆ ที่ต้องเรียนหนังสือแถวนั้นบอกว่า "หนูยอมเป็นคนโง่ หนูไม่อยากเรียนหนังสือถ้าหากมีใครเอาพวกหนูไปอ้างว่าต้องสลายการชุมนุมเพื่อให้พวกหนูได้เปิดเทอมทันเวลา..หนูไม่อยากเปิดเทอมด้วยการแลกกับความตายของคนไทยด้วยกัน...

ขากลับจากไปดูแลแม่ ก็ต้องผ่านด่านเก็บเงินเพราะขึ้นทางด่วน มีทหาร ตำรวจเต็มไปหมด ทุกด่านชายแดน...เอ๊ย..ด่านนอกเมือง เจอตำรวจและทหารเอาไฟฉายส่องเข้ามามองในรถ...ไม่ได้เปิดกระจกรถให้ โดนเคาะกระจกรถพร้อมกับประโยคที่ว่า..ต้องเปิดกระจกรถทุกครั้งที่มีการตรวจนะครับ...อ๊าว..เวรกรรม..ทำไมพวกคุณไม่ทำป้ายติดไว้ก่อนถึงด่านล่ะว่า...กรุณาเปิดกระจกเตรียมให้ตรวจครับ...ไม่บอกใครจะไปรู้นึกว่ามายืนวางอำนาจเล่นๆ...555555....ส่องไฟแล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ...ตาถั่วจริงๆ เล๊ย ไม่เห็นเสื้อแดงหลบอยู่ในรถหรือยังไง...นี่ค่ะ นปช. ตัวเอ้ ใส่เสื้อลายแดงนอนหลบอยู่เนี่ย...5555555