ตะเกียกตะกาย ไขว่คว้าหาอำนาจ แต่ไม่อาจเอื้อมถึง จึงหมดสิ้น ไร้ศักดิ์ ไร้ศรี อาจไร้ซึ่งแผ่นดิน มีมลทิน ถึงคราวสิ้นศักดิ์ที่มี
สิ้นชื่อ สิ้นเสียง ที่ใฝ่หามา เพราะเข่นฆ่า ไล่ล่าและย่ำยี ใครขวางทาง ก็จะคอยต่อยและตี คอยราวี ห้ำหั่นจนบรรลัย
สนใจแต่พวกพี่น้อง ผองพวกข้า คอยปกปักษ์รักษา ถ้าอยากได้ จงบอกมา ว่าอยากได้ในสิ่งใด ก็จะให้ ถึงจะผิดไม่หวั่นเกรง
เพราะไม่คิดว่าจะมีใครใหญ่กว่ากัน ตัวกูนั้นยิ่งใหญ่ หรือใครกล้ามาข่มเหง พวกกูมีมากมาย พวกมึงจงยำเกรง กูจะเบ่ง รึมึงกล้ามาต่อกร
วันนี้พวกมึงได้เห็นดี กูส่งคนมีสี มาสั่งสอน ไม่เกรงกริ่ง แก๊สน้ำตา เลิกเว้าวอน กูจะสอน ด้วยปืนยาง และปืนจริง
ความเลวกูยังมีอีกหลายสิ่ง โง่ และหยิ่ง คิดแบบควาย กัดแบบหมา กูจะสู้ กูจะทำ เพื่อให้จะได้มา แค่กูบ้า แค่กูบอ แค่เป็นอันธพาล
โอ้อนิจจา กูมิรู้ตัวเลยว่า... ตระกูลแค่ขี้ข้า ที่เขาเล่ากล่าวขาน กูแค่มักใหญ่ใฝ่สูง จนเกินการ ทะเยอทะยาน อยากเป็นใหญ่ในพารา
กูคงตกนรก หมกไหม้ทรมาน ไฟนรกเผาผลาญ ในวันหน้า เพราะกูสะสมความชั่วไว้นานา ไม่นานช้า กูคงต้องรับกรรมเวร...
อยากบอกใครบางคนและหลายๆ คนว่า "หยุดทำร้ายประชาชนและประเทศไทย" ได้แล้วค่ะ...คนบางคนหนาเกินที่คนดีๆ ประชาชนที่ซื่อไม่ทันเกม จะเอาชีวิตและตัวเข้าไปแรกกับวงจรอุบาศก์ ที่ทำทุกอย่างเพื่อให้อำนาจคงอยู่
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทุกวันนี้พี่น้องไทยแม้แต่ตัวเองเป็นอะไรไป..ถึงมีความคิดแตกแยกได้มากเพียงนี้..แค่นึกออกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มเกิดเมื่อเดือนกันยายน ปี 2549 ที่มีการรัฐประหารโดยทหาร มีการยกเลิกรัฐธรรมนูญ สั่งยุบสภา สั่งห้ามการประท้วงและกิจกรรมทางการเมือง ยับยั้งและเซ็นเซอร์สื่อ ประกาศใช้กฎอัยการศึก และจับกุมสมาชิกคณะรัฐมนตรีหลายคน โดยพลเอก สนธิ บุญยรัตกลินเป็นหัวหน้าผู้ก่อการรัฐประหารในสมัยนายก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐบาล และได้จัดตั้งรัฐบาลชั่วคราว โดยมี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้พลเอก สนธิ บุญยรัตกลินเคยรับประกันว่าจะไม่มีการยึดอำนาจของฝ่ายทหาร เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2549 (แต่ก็ทำจนได้)...
และได้เปิดเผยว่าได้ใช้เวลาประมาณ 7 เดือนในการเตรียมการก่อรัฐประหาร ซึ่งหมายความว่าเริ่มวางแผนในราวเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 (แต่เดือน พ.ค ยังมีหน้ามารับประกันว่าไม่มีการยึดอำนาจ) ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่มีการเปิดตัวพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย...ได้ทำการรัฐประหารก่อนการเลือกตั้งครั้งที่สองในวันที่ 15 ตุลาคม 2549 ที่เกิดจากการคว่ำบาตรการเลือกตั้งครั้งแรกโดยไม่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งลงแข่งขันโดยพรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย และพรรคมหาชน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 เพราะรู้ตัวกันว่าเลือกตั้งอย่างไรก็แพ้พรรคพลังประชาชนอยู่ดี
ในปี พ.ศ. 2550 พรรคประชาธิปัตย์ได้ถูกกล่าวหาว่ารับสินบนจากพรรคอื่น ๆ ให้คว่ำบาตรการเลือกตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2549 ศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินว่านายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความผิด และตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทยในข้อหาเดียวกัน อภิสิทธิ์สนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 โดยกล่าวว่าเป็นการปรับปรุงจากรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2540[5] พรรคประชาธิปัตย์แพ้การเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2550 ให้แก่พรรคพลังประชาชนและต่อมาปี พ.ศ.2551 ศาลได้วินิจฉัยให้ยุบพรรคการเมือง 3 พรรค คือ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย กรณีทุจริตการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2550
ในเหตุการณ์การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย สมาชิกประชาธิปัตย์บางคนกลายเป็นแกนนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งยึดทำเนียบรัฐบาล, ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขณะที่มีการปะทะกันระหว่าง พธม. กับตำรวจและกลุ่มต่อต้านอย่างรุนแรง นายอภิสิทธิ์แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้ การปิดล้อมดังกล่าวได้ยุติลงภายหลังคำวินิจฉัยคดียุบพรรคพลังประชาชนและพรรคร่วมรัฐบาลอีก 2 พรรค ผู้บัญชาการทหารบกและหนึ่งในคณะก่อการรัฐประหาร พ.ศ. 2549 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ถูกกล่าวหาว่าได้บีบบังคับให้สมาชิกพรรคพลังประชาชนหลายคน รวมทั้งกลุ่มเพื่อนเนวิน ให้มาสนับสนุนอภิสิทธิ์ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ระหว่างเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2552 กลุ่มผู้ประท้วง แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เข้าขัดขวางการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียตะวันออกครั้งที่ 4 รวมทั้งเกิดการประท้วงอย่างรุนแรงในครั้งนี้มีผู้คนหายไปไม่มีใครรู้ว่าเป็นหรือตาย และมีผู้บาดเจ็บจากการประท้วงในกรุงเทพมหานคร นายอภิสิทธิ์ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เซ็นเซอร์สื่อ และสั่งการให้ทหารสลายการชุมนุมของผู้ประท้วง
การทุจริตเกิดขึ้นในรัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์หลายกรณี เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา แก้วภราดัย ลาออก หลังจากการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เกินราคาอย่างมากในโครงการไทยเข้มแข็ง นอกจากนี้ยังมีกรณีอดีตเลขารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้รับสินบนจากผู้ให้สัมปทานรถพยาบาล การซื้อพัดลมยูวีในราคาสูงกว่าราคาต้นทุนกว่า 10-20 เท่า งบประมาณในการก่อสร้างอาคารสูงเกินความจำเป็น
หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมที่จังหวัดพัทลุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ใช้ทุนของรัฐบาลและเงินบริจาครวมกัน ไปซื้อสินค้าช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านที่ประสบภัย ปลากระป๋องที่แจกจ่ายออกไปต่อมาถูกพบว่าเน่าเสีย นำไปสู่ข้อกล่าวหาในการทุจริตจัดซื้อปลากระป๋อง วิฑูรย์ นามบุตร รมว.พม.ออกมาปฏิเสธว่าการทุจริตได้เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ให้ข้อมูลว่าปลากระป๋องถูกซื้อโดยใช้เงินบริจาคค่อนข้างมากกว่าเงินทุนของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ต่อมาเขาลาออกจากตำแหน่งภายใต้สภาวะที่กดดัน และถูกแทนที่ด้วยสมาชิกพรรคคนอื่น
ข้อกล่าวหาที่ว่า โครงการชุมชนพอเพียงมูลค่า 26 พันล้านบาทเป็นโครงการที่ปนเปื้อนไปด้วยการทุจริต โครงการนี้เป็นนโยบายประชานิยมต่อต้านโครงการยุคทักษิณที่ทำในชนบทของเมืองไทย อภิสิทธิ์ชี้แจงข้อกล่าวหาว่า สิ่งที่กล่าวหาว่าบกพร่องต่อหน้าที่นั้นอาจเริ่มมาจากโครงการอุตสาหกรรมขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ (SML)... โครงการเอสเอ็มแอลนี้กำเนิดมาจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน และน้องชายของเขา ประพจน์ สภาวสุ เป็นรองผู้อำนวยการ เรื่องอื้อฉาวนี้ขยายออกไปเป็นวงกว้าง เป็นสาเหตุให้กอร์ปศักดิ์ลาออกจากตำแหน่ง แต่ยังคงเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ขึ้นมา คณะกรรมการพบว่าทั้งกอร์ปศักดิ์และน้องชายของเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต ต่อมากอร์ปศักดิ์ถูกเลื่อนตำแหน่งเป็นเลขาของอภิสิทธิ์
กับกรณีการสั่งฟ้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายอภิสิทธิ์ให้สัญญาว่าจะใช้หลักนิติรัฐและสั่งฟ้องแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 21 คน ที่ต้องรับผิดชอบจากการยึดท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ซึ่งยังไม่ได้มีการออกหมายจับคดียึดสนามบิน
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2553 รัฐบาลซึ่งเป็นโจทย์ยังคงเลื่อนการตัดสินใจออกไปเป็นครั้งที่ 8 ว่าจะสั่งฟ้องแกนนำพันธมิตรทั้ง 9 คนหรือไม่ หลังจากที่ยึดทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลากว่า 7 เดือน ทางรัฐบาลอ้างว่ายังตัดสินใจไม่ได้เพราะว่าแกนนำพันธมิตร "งานยุ่งอยู่ที่ต่างจังหวัด" ในเวลานั้น (...หึ หึ หึ...)
กับกรณีสถานการณ์ 3 จังหวัดทางชายแดนภาคใต้ เมื่อกรกฎาคม 2552 นายอภิสิทธิ์ยืนยันว่าสถานการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยลดลงตั้งแต่รัฐบาลของเขาเข้ามามีอำนาจเมื่อเดือนธันวาคม แต่คำยืนยันของเขาถูกโต้แย้งโดย ศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรุนแรง แท้ที่จริงแล้วเพิ่มขึ้นต่างหาก ตั้งแต่ต้นปี 2552 ที่ผ่านมา
นายอภิสิทธิ์แต่งตั้งนายกษิต ภิรมย์ แนวร่วมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำให้เพิ่มความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนายกษิต ภิรมย์ เป็นคนกระตุ้นและต่อต้านกรณีที่นายกฮุนเซน นายกรัฐมนตรีประเทศกัมพูชาได้แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลกัมพูชา ทำให้เกิดมีการปะทะตามแนวชายแดนบริเวณเขาพระวิหารเกิดขึ้น
(จากการค้นหาที่วิกิพีเดีย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 สารานุกรมเสรี )
จากเหตุนี้กระมังที่ทำให้ จขบ. ไม่ชอบการทำงานของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ และอยากให้ยุบสภาเพื่อลบล้างภาพพจน์ต่างๆ เหล่านี้ แล้วกลับไปสู่การเลือกตั้ง เพื่อตัดวงจรอุบาศก์ที่อาจเกิดจากน้ำมือผู้ไม่หวังดีต่อประชาชนทุกสีทุกเหล่า ต่อประเทศ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่ดีแบบ เม.ย ปี 2552 และแบบวันที่ 10 , 22 เมษายน 2553 ที่ผ่านมานี้อีกเลย การยุบสภานำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ เป็นการวัดใจประชาชนให้เห็นๆ กันไปเลยว่าต้องการให้พรรคใดเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ อย่างน้อยก็เชื่อว่าแก้ปัญหาด้วยการยุบสภานี้ แก้วิกฤติตอนนี้ที่คนไทยห้ำหั่นกันเองได้บ้าง...ส่วนในวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องดูและแก้กันต่อไป แต่ตอนนี้ขอแก้ไขสถานการณ์ตอนนี้ให้ผ่านลุล่วงไปก่อน...ด้วยการยุบสภาน่าจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดในเวลานี้ และอีกอย่าง นปช. ก็เลื่อนจาก 15 วัน เป็น 30 วันให้แล้ว รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ก็น่าจะพิจารณาทบทวนให้ดีถึงผลดีและผลเสีย ก่อนที่จะตอบปฏิเสธเหมือนไม่ได้คิดอะไรให้รอบคอบ ดูแล้วเหมือนต้องการให้ประเทศลุกเป็นไฟ และต้องการให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...นี่หรือคนที่มีหลักการ นี่หรือการบริหารงานที่ดี นี่หรือภาวะการเป็นผู้นำประเทศที่ดีอย่างที่ใครๆ พูดกัน...ตัดสินปัญหากันง่ายๆ แบบนี้เองหรือ...สงสารประชาชน สงสารประเทศบ้างเหอะค่ะ...
และขอเป็นกำลังใจให้นักข่าวช่อง 3 คุณฐานปนี ข่าว 3 มิติ ที่ตอนนี้ถูกผู้ใหญ่ผู้บริหารช่อง 3 แบนจากการเสนอความจริงในการทวิตเตอร์ของเธอ ซึ่งต่อมาเธอได้กล่าวว่า "ดิฉันไม่เคยรายงานข่าวว่าทหารเป็นผู้สร้างสถานการณ์ให้เกิดระเบิดเอ็ม 79 บริเวณย่านสีลมเมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. และไม่เคยรายงานกล่าวหาประชาชนชาวสีลม หรือประชาชนกลุ่มเสื้อหลากสีว่ายั่วยุให้เกิดความรุนแรงโดยใช้ระเบิดขวด สิ่งเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้จากข้อความในทวิตเตอร์ของดิฉัน ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นความเข้าใจผิดในการส่งต่อข้อความจากทวิตเตอร์ไปในแหล่งอื่นๆ ทางอินเตอร์เน็ตจนเกิดความเข้าใจต่อสถานการณ์คลาดเคลื่อน และการรายงานข่าวในทวิตเตอร์เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับการทำหน้าที่เสนอข่าวของช่อง 3 เป็นการรายงานสถานการณ์สดผ่านมือถือส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้ดำเนินการเป็นธุรกิจหรือเพื่อประโยชน์ของใคร.....ยืนยันว่าด้วยเกียรติของการทำหน้าที่สื่อมวล ชนมา 10 ปี ไม่เคยคิดร้ายกับประเทศชาติ และเป็นคนไทยคนหนึ่งที่ห่วงใยต่อสถานการณ์บ้านเมือง ไม่เคยคิดยั่วยุให้เกิดความรุนแรงหรือซ้ำเติมสถานการณ์ของประเทศ ทำงานโดยยึดหลักของความรับผิดชอบ และจรรยาบรรณในวิชาชีพสื่อ มวลชนอย่างดีที่สุด ทั้งการให้ความสำคัญกับการตรวจสอบข้อเท็จจริง การเสนอข่าวอย่างรอบด้าน เป็นกลาง และไม่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน หากข้อความใดทำให้ผู้อื่นเสียหายก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี่ แต่ยืนยันว่าทุกคำพูดผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอไปสู่สาธารณะ โดยทุกคนที่กล่าวอ้างมีตัวตนเอง ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดผ่านสื่อสิ่งพิมพ์หลายสำนักและผู้สื่อข่าวที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วย รวมทั้งได้รายงานไปตามสถานการณ์ที่เห็นจริง ไม่ได้แต่งเติมข้อความใดๆ จึงขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการติดตามข้อมูลให้ครบถ้วน โดยเฉพาะกรณีข่าวระหว่างตำรวจกับทหารเป็นข้อเท็จจริงที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ซึ่งดิฉันเองก็พร้อมรับผิดชอบกับการทำหน้าที่ครั้งนี้"
และนี่คือข้อความเจ้าปัญหาที่ทำให้นักข่าวหญิงโดนแบนซะแล้ว
ซึ่งในความเห็นของ จขบ. แล้ว การทวิตเตอร์ เป็นสิทธิส่วนบุคคลของเจ้าของที่เสนอความคิดเห็นเชิงบันทึกเป็นการระบายความรู้สึก ก็ไม่น่าจะเข้าข่ายความผิดแต่อย่างใดในพื้นที่ส่วนตัว และคำพูดที่เธอลงก็ไม่เห็นตรงไหนที่ไปด่าทอใครเป็นแค่เชิงปรารภกับตัวเอง...คนที่เข้าไปอ่านเองต่างหากที่ผิดเข้าไปอ่านแล้วไปหาเรื่องให้กับเจ้าของเอง...ไม่ว่าสิ่งที่เขียนจะจริงหรือเท็จก็ตาม แต่จากคำพูดของคุณฐาปนีย์ จขบ. ก็เลือกที่จะเชื่ออย่างนั้น และก็มีคนไม่เชื่อ...ก็เช่นกันเป็นความรู้สึกและความเห็นแต่ละบุคคลจะนำไปพิจารณาว่าควรจะเชื่อหรือไม่ ไม่น่าเป็นเหตุให้โดนแบนในหน้าที่การงาน เพราะการรายงานข่าวของเธอทำให้คนดูประทับใจในหลายๆ เรื่อง เช่นเธอกล้าไปทำข่าวใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ตอนนี้มีแต่การตายด้วยการยิงและระเบิด เธอเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ช่างอาจหาญกว่าผู้ชายบางคน หรือแม้แต่ผู้ชายในคณะรัฐบาลนี้บางคนที่ยังไม่กล้าแม้แต่จะเหยียบไปทั้งๆ ที่บางคนเป็นคนที่เกิดในภาคใต้ด้วยซ้ำไป และการเสนอข่าวของเธอครั้งนั้นก็ทำให้คนทั่วไปได้รู้ได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่น้อง 3 จ.ชายแดนภาคใต้เกิดอะไรขึ้นกับทหารและตำรวจที่นั่น...เฮ้อ...ขอร้องผู้บริหารช่อง 3 เหอะค่ะอย่าแบนเธอด้วยข้อหานี้เลยค่ะ ให้เธอทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวที่รายงานข่าวด้วยข้อเท็จจริงให้ประชาชนไม่ต้องตกเป็นเครื่องมือให้กับใครอีกค่ะ...
หลักฐาน - คลิปเหตุการณ์ทหารขัดขวางตำรวจจับกุม กลุ่มสร้างสถานการณ์บริเวณสีลม ซึ่งวิ่งหนีเข้าไปในเขตแนวทหาร เมื่อคืนวันที่ 22 เม.ย. เว็บยูทูบเผยแพร่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้
(จากที่นี่ดอทคอม.)
โปรดช่วยกันดูแลคนดี ตั๊กแตน ชลดา กว่าจะมีคนที่ดีดี สักคน ยอมอุทิศตน เพื่อคนส่วนใหญ่ กว่าจะเจอคนที่เราเห็น ว่าเป็นคนใช่ ต้องรอนานเท่าใด จึงได้มา
แต่คนดีก็อยู่กับเรา ไม่นาน โดนแรงเสียดทาน โถมจนพ่ายล้า ใครโง่ไม่เป็น ใครเด่นเกินไป ต้องโดนคนว่า ทำถูกใจช้า ยังด่าทอ
ใช้คนดีเปลือง ฝืดเคืองคำชม โยนเรื่องทับถม ถึงทนก็ท้อ เมื่อทำดียาก ใครอยากจะทำดีต่อ ก่อนที่คนดีจะท้อ จึงร้องขอแรงส่งมา
โปรดช่วยรักษาคนดี เชิดชูคนที่เสียสละ ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา อย่าด่วนกล่าวหา จนถอดใจ โปรดช่วยดูแลคนดี ให้มีศักดิ์ศรีและยิ่งใหญ่ ปกป้องคนดีให้มีชัย เพื่อให้ใครใคร อยากทำความดี
อยากให้มีคนที่ทำดี มากมาย ยืนหยัดสู้ไหว แรงใจมากมี กว่าจะเจอก็ยากนักหนา ควรรักษาให้ดี ใช้เพชรที่เรามี อย่างรู้ค่า
โปรดช่วยรักษาคนดี เชิดชูคนที่เสียสละ ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา อย่าด่วนกล่าวหาจนถอดใจ โปรดช่วยดูแลคนดี ให้มีศักดิ์ศรี และยิ่งใหญ่ ปกป้องคนดีให้มีชัย เพื่อให้ใครใคร อยากทำดี
โปรดช่วยรักษาคนดี เชิดชูคนที่เสียสละ ไม่ถูกใจบ้างบางเวลา อย่าด่วนกล่าวหาจนถอดใจ โปรดช่วยดูแลคนดี ให้มีศักดิ์ศรี และยิ่งใหญ่ ปกป้องคนดีให้มีชัย เพื่อให้ใครใคร อยากทำความดี
|
เดินผ่านพรมผ้าใบอย่างหรูแค่2นาที
ผลานงบไทยไปแล้ว100กว่าล้านบาท
ฉกฉวยความเชื่อแบบ “เทวดา”เหอ เหอ