ตื่นมาแต่เช้าเหมือนทุกวันที่เคยตื่น...แต่วันนี้ตื่นมานั่งดูคนอื่นทะยอยออกไปทำงาน..เจ้าตัวน้อยตัวร้อนกลางดึก เมื่อวานคงสมบุกสมบันกะการเรียนว่ายน้ำ ตอนเย็นเพื่อนชนหกล้มได้แผลที่ข้อศอกกับเข่ามาอีกสองแผล...ตกลงที่ตัวร้อนเพราะหกล้มหรือเล่นน้ำเกินขนาดหนอเนี่ย...เมื่อไม่ได้ไปทำงานก็ต้องหันมาทำงานบ้านแทนเดินไปเดินมา..ด้วยความเคยชินเปิดคอมไปทำงานไป....555555....เข้าบล๊อกแบบที่เคยทำเป็นปกติเห็นคอมเมนท์คุณตุ้ย ณ ดอยสะเก็ด ก็เลยใจง่ายแอบตามกลับไปถึงบล๊อก วันนี้ล้วงลึกเข้่าไปถึงการตอบปัญหาสามีนอกใจ...ผู้คนที่โดนสามีนอกใจไหงเยอะแยะมากมาย...ตกลงผู้หญิงอ่อนแอ หรือมีผู้ชายเลวเพิ่มขึ้นกันแน่คะเนี่ย...เป็นปัญหาโลกแตกจริงๆ สำหรับเรื่องสามีนอกใจ ที่ครอบครัวไหนไม่เจอก็จะเชยมาก สรุปเป็นค่านิยมที่เอาตามอย่างกัน หรือกลายเป็นประเพณีของบรรดาสามีที่ถ้าใครไม่นอกใจไม่อินเทรนด์คะเนี่ย... ผู้หญิงเกิดมาพร้อมคำว่า "อดทน" โดยเฉพาะผู้หญิงไทยอดทนมากเกี่ยวกับเรื่องความรักและชีวิตคู่ สมัยโบราณถ้าใครได้อ่านหนังสือแนวโบราณๆ จะเห็นว่าผู้ชายจะเป็นใหญ่ต้องหาเลี้ยงครอบครัว จะมีคำเรียกกันว่า "ช้างเท้าหน้า" ผู้หญิงจะเป็นผู้ตามตลอด ผู้ชายสมัยก่อนส่วนมากจะมีเมียหลายคนและอาศัยร่วมบ้านเดียวกันผู้ชายปกครองได้โดยให้เกียรติเมียใหญ่ให้ปกครองเมียรอง แต่เมื่อสังคมเริ่มเปลียนไปผู้หญิงมีความรู้ได้ร่ำเรียนหนังสือได้เป็นใหญ่เป็นโต มีสังคมหูตากว้างขวางและกว้างไกลสามารถเลี้ยงตัวเองได้ไม่ง้อผู้ชาย ผู้หญิงเก่งขึ้น..ความอดทนเรื่องผู้ชายมีเมียมากเริ่มลดน้อยลงตาม เพราะมีความคิดเกิดขึ้นว่าผู้ชายทำได้ฉันก็ทำได้..เมื่อคิดกันแบบนี้ก็เลยเกิดประเพณีไม่สนใจศิลธรรม เมื่อก่อนเข้าใจว่าผู้ชายไม่สนใจศิลธรรมในข้อกาเม..ปัจจุบันผู้หญิงไม่สนใจด้วย การผิดลูก ผิดผัว ผิดเมียก็เลยเกิด สังคมเป็นตัวกำหนดให้คนสองคนมาเจอกันได้ง่ายขึ้น...โลกปัจจุบันผู้ชายมีน้อยกว่าผู้หญิง ก็เลยเกิดการแก่งแย่งผู้ชาย ผู้หญิงบางคนไม่สนใจว่าผู้ชายคนนั้นจะมีใคร หรือครอบครัวแล้วหรือไม่ ถ้าชอบ ถ้ารัก หลงแล้วล่ะก็ทำได้ทุกอย่างเอามาเป็นของตัวเอง....ถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถาบันครอบครัว ตอบได้ว่าเพราะสังคมเปลี่ยนไป...ผู้หญิงสมัยนี้ไม่ค่อยแคร์กับเรื่องการรักนวลสงวนตัว...จะเป็นส่วนมากหรือส่วนน้อยไม่รู้..แต่เท่าที่สัมผัสกับสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวจะเห็นสภาพสังคมฟอนเฟะ..ผู้หญิงและผู้ชายแค่รู้จักกันได้ไม่กี่ ช.ม ก็สามารถไปจบด้วยการมีเซ็กส์ด้วยกันได้ ..แปลกดีไหมล่ะคะ...ไม่ได้โทษผู้หญิงฝ่ายเดียว...เพราะผู้ชายผิดมาตั้งแต่แรกตั้งแต่สมัยโบราณ...มักเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว หมายถึงคนมีเมียมากนะคะ ส่วนคนไหนที่รักเดียวใจเดียวมีคนเดียวขอยกเว้นค่ะ..แก้ยาก และไม่มีใครคิดแก้ปล่อยเลยตามเลยมาตลอด ประกอบกับสมัยนี้ผู้หญิงใจง่ายขึ้น ทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่ดูว่าผิดศิลธรรม วัฒนธรรมประเพณี ไม่สนใจความรู้สึกใครนอกจากตัวเอง ไม่สนใจถึงความเสียหาย ความทุกข์ที่จะเกิด เรียกว่า"ความเห็นแก่ตัว" จึงมีผลทำให้คนอื่นต้องทนทุกข์เพราะคนแบบนี้...บางคนไม่ได้ตั้งใจจะทำจะเป็นจะให้เกิด แต่โดนผู้ชายหลอกลวงบ้าง ความเหงา ความคิด (แง่ตัวเอง) บ้าง สารพัดเหตุผลที่มากล่าวอ้างเพื่อลบล้างความผิดที่ทำให้คนอื่นเกิดความทุกข์ร้อนเพราะการกระทำของตัวเอง...ซึ่งความจริงแล้ว เมื่อรู้ก็สามารถทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ คือปรับปรุงตัวเองไม่ให้เป็นคนไม่ดีแบบนี้ได้ แต่ก็ไม่ทำส่วนมากทำแบบเลยตามเลย ทำตามใจอยาก ด้วยการอ้างคำว่า "รัก"สำหรับคนที่ต้องผิดหวังหรือถูกกระทำให้ทุกข์ เศร้า เสียใจ เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ต้องทำใจยอมรับ ด้วยความอดทน เวลาเท่านั้นที่จะบอกว่าควรเดินต่อไปหรือสิ้นสุด เพราะบางคนทนไปก็เท่านั้นไม่มีประโยชน์เหมือนรดน้ำบนตอไม้ที่ตายแล้วรดไปก็เท่านั้นไม่ได้ช่วยให้ต้นไม้งอกขึ้นมาใหม่ได้ บางคนบอกว่าทนเพื่อลูก..ใช่หนทางที่ควรเลือกหรือไม่ ไม่มีใครรู้เพราะบางทีการทนเพื่อลูกยิ่งสร้างปัญหามากกว่าไม่ทน เพราะลูกต้องมาทนแทนแล้วในที่สุดปัญหาก็ไปตกที่ลูก ลูกกลายเป็นเด็กมีปัญหาเพราะต้องเจอพ่อแม่ทะเลาะกัน มึนตึงใส่กัน หรือบางคนลงใครไม่ได้มาลงที่เด็ก...การตัดสินใจไปจากกัน..ดูเหมือนเจ็บปวด...แต่แค่ในระยะแรก ดีกว่าทนเจ็บปวดไปเรื่อยแบบอินฟินิตี้ อายุคนเราเป็นตัวกำหนดโดยเฉพาะอายุผู้หญิง ผ่านแล้วผ่านไปไม่หวนกลับ ผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชาย ผู้ชายยิ่งอายุเยอะยิ่งดูดีเพราะเริ่มมีหน้าที่การงานตำแหน่งสูงขึ้น เงินก็เยอะขึ้น เป็นที่หมายปองของผู้หญิงที่คิดอะไรง่ายๆ ถ้าเป็นผู้หญิงยิ่งอายุคนจะสนใจก็ลดน้อยตาม ยกเว้นเงินถุงเงินถัง แล้วแบบนี้คนที่มารักเพราะรักตัวหรือรักเงิน ความสะดวกสบายล่ะ...(อันนี้มองโลกแบบอคติ)อย่าเสียใจ อย่าโศกเศร้าเลยถ้าใครมีชีวิตแบบนี้ เวลาเท่านั้นจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แต่ต้องไม่ไปคิดถึงเรื่องราวความรักที่ร้ายๆ ผ่านมาปล่อยทิ้งให้เป็นอดีตไปเลย หรือถ้าใครให้โอกาสใครก็ทิ้งอดีตที่ขมขื่นแล้วให้โอกาสคนรักอีกสักครั้งแต่ต้องพูดจาให้อีกฝ่ายได้รู้ว่าเราให้โอกาสแต่จะไม่มีโอกาสอีกครั้งถ้าขืนยังคิดทำอีก และอย่าอยู่ด้วยความหวาดระแวงเป็นทุกข์ เอาเวลาที่หวาดระแวงมาบำรุง ดูแลตัวเองและคนในครอบครัวดีกว่า ปรับปรุงตัวเองหาจุดบกพร่องของตัวเองให้ได้ว่าเพราะอะไรอีกคนถึงนอกใจ..ข้อความข้างบนเขียนทิ้งไว้ที่บล๊อกคุณตุ้ย แรงบันดาลใจเขียน เพราะเห็นผู้หญิงโดนเอาเปรียบทางสังคม โดนท่านสุภาพบุรุษทั้งหลายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีสวมเขา หรือที่เรียกว่า นอกใจนั่นล่ะ ขอเรียกว่า สวมเขา เพราะไม่ชอบเหมือนกันที่ผู้ชายมักชอบเรียก ผู้หญิงที่มีสามีแล้วนอกใจว่า เป็นคนสวมเขาให้เค้า งั้น จขบ. ขอเรียกตอบแทนสำหรับสามีที่นอกใจภรรยาว่า เป็นคนชอบสวมเขาให้ภรรยา ถ้าเป็น จขบ.นะจะสลัดเขาออก เพราะไม่อยากมีเขาเพราะใครมาสวมให้ เพราะหัว จขบ. มีไว้สวมหมวกสวยๆ หรือโชว์ทรงผมเท่ห์ให้คนทั่วไปดูมากกว่า...555555....ประเทศสารขันธ์ ตอนที่ 7พรรค ปชป (ย่อมา ปดประชาชนเพื่อปิดบัง) แห่งประเทศสารขันธ์ ได้ส่งโฆษกพรรค นายปากหมา ตระกูลเลว ออกมาแถลงข่าวถึงคนในพรรคคู่กรณีที่พรรคอิจฉาและคอยกีดกัน คือ นายพันทักษิโด โดยพูดว่า "ทำตัวเป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสุนัข ที่ไปชอบเอาสุนัขมาเลี้ยง เลี้ยงอดๆ อยากๆ แค่กระดูกท่อนเดียวก็แย่งจนกัดกัน แต่ถ้าโยนเศษกระดูกทั่วก็หยุดกัดกันเสียงก็จะเงียบไป" เกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้สื่อข่าวได้จับกลุ่มคุยกันว่า "สิ่งที่นายปากหมา ตระกูลเลวพูดมาทั้งหมดนั้น คลับคล้ายคลับคลากับที่นายปากหมาและพรรคชอบทำ เพราะถ้าตัวเองไม่เคยทำจะรู้ได้อย่างไรว่าอาการหมากัดกันเป็นอย่างไร และเวลาที่คนโยนเศษกระดูกแล้วหมามักเงียบแบบนี้ " ผู้สื่อข่าวยังคงพูดต่อไปว่า " อาจเป็นเพราะเคยเป็นสุนัข ถึงรู้สันดานสุนัขดี" อยู่ๆ ก็มีเสียงมาจากผู้สื่อข่าวท้องถิ่นพูดขึ้นว่า "ใช่เลย ไม่ได้เป็นหมาธรรมดาด้วยนะ เป็นหมาขี้เรื้อนที่ไปไหนมาไหน ผู้คนรังเกียจ เวลาเห็นหมาขี้เรื้อนตัวนี้มีแต่คนเอาน้ำร้อนราดใส่ขนมัน มิน่าจนป่านนี้อาการขี้เรื้อนสังคมรังเกียจ รักษายังไงก็ไม่มีวันหายเพราะเหตุนี้เอง" ผู้คนแถวนั้นต่างพยักหน้าหงึกหงักๆ เห็นด้วย ว่าแล้วผู้คนแถวนั้นก็หาน้ำร้อนมาราด ผลมีเสียงร้อง..เอ๋งๆๆ..เหมือนหมาขี้เรื้อนไม่มีผิด....เป็นที่ขบขันของผู้สื่อข่าวยิ่งนัก..หลังจากหลบไปเลียแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกได้สักพัก นายปากหมา ก็ออกมาพูดต่อถึง สถานีวิทยุชนบท เพราะเพิ่งคิดได้ว่า สถานีวิทยุชนบทน่าจะเป็นกระบอกเสียงให้ฝ่ายตรงข้าม จึงพยายามหาเรื่องที่จะปิด....งานนี้ชาวบ้านตามชนบทออกมาโวย...ถ้าเอ็งคิดจะปิดสถานีวิทยุชนบท เอ็งก็ไปปิดสถานีวิทยุกระจายเสียงประเทศสารขันธ์ซะเลยสิ ชาวบ้านจะได้โง่ดักดานสมใจเอ็ง ไอ้ปากหมาจนเหม็นเอ๋ย....อ่อ..แล้วอย่าลืมปิดสถานีโทรทัศน์ทุกช่องด้วยนะ จะได้ไม่ต้องเห็นภาพอุจาดตาที่พวกข้าไม่อยากเห็น โดยเฉพาะพวกเอ็ง ที่แม่งงงงมาโกหก ตลบแตลงได้ทุกวี่ทุกวันจนพวกข้าเบื๊อ เบื่อแล้วนะ..ดีเหมือนกันปิดให้หมด ประเทศสารขันธ์จะได้เข้าสู่ยุคไดโนซอรัสซะเลย สมใจพวกเอ็งไง...เก่งจริงปิดเลยๆๆ อ้ายเบื๊อกปากหมา...รายงานจากผู้สื่อข่าวประจำกระทรวงดอกบัวประเทศสารขันธ์ได้ออกมารายงานว่า ขณะนี้ข้าราชการในกระทรวงระดับสูงระดับเลขานุการเอก ต่างระส่ำระสายเข้าคิวลาออกกันมากมาย เพราะทนระบบเส้นสายของพวกพันธมารไม่ได้ เนื่องจากพันธมารได้ส่ง นายกากสาด พัดลม เข้ามาสั่งการงานในกระทรวงทำให้วุ่นวายไปทั้งกระทรวง เกี่ยวกับกรณีที่เคยทำเอาไว้ตั้งแต่ครั้งเป็นผู้ร่วมก่อการพันธมารและร่วมทำการยึดสนามบินแห่งชาติสารขันธ์ เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยว่า นายกากสาด พัดลมได้ถูกทูตนานาประเทศถามในที่ประชุมที่ประชุมเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศสารขันธ์ และได้ถูกทูตประเทศหนึ่งได้ลุกขึ้นถามเกี่ยวกับการยึดสนามบินของพวกพันธมารว่าดำเนินการด้านคดีไปถึงไหนแล้ว..จากรายงานข่าวได้ทราบว่านายกากสาด พัดลม อึดอัดไม่สามารถตอบอะไรได้เพราะตัวเองเป็นหนึ่งในตัวการที่เข้าไปยึดสนามบินด้วย ก็เลยใช้วิธีลุกขึ้นเดินหนีหายไปแบบไร้มารยาททางสังคมหายไปเฉยๆ ต่อหน้าทูตนานาประเทศที่กำลังเข้าประชุม จึงทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักภายในกระทรวง เนื่องจากผู้นำกระทรวงมีวิสัยทัศน์น้อย และมีชนักติดหลัง และทำงานโดยมุ่งแต่เน้นเรื่องการเมือง โดยเฉพาะการไล่ล่านายพันทักษิโด ไม่คำนึงถึงธรรมเนียมทางการทูต มีผลทำให้หลายครั้งเกิดปัญหาในการทำงาน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกากสาด พัดลมก็ได้เชิญบรรดาทูตจากประเทศต่างๆ มารับทราบถึงสถานการณ์ของบ้านเมืองอีก โดยไม่เข็ดกับปฏิกริยาของบรรดาทูตนานาประเทศในครั้งก่อน ครั้งนี้ได้แนะนำ นายพลทหารท่านหนึ่งซึ่งทำงานเป็นผู้ช่วยของผู้บัญชาทหารวาสลีน จะเข้ามาเป็นผู้ดูแลสถานการณ์ต่างๆ ไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งผู้สื่อข่าวได้รายงานอีกว่าครั้งนั้นทูตจากนานาประเทศหลายคนบ่นว่าน่ารำคาญ ไร้สาระ ไม่มีข้อมูลอะไรใหม่ๆ เสียเวลา ไม่มีวิสัยทัศน์ที่ดีเอาเสียเลย (สมน้ำหน้า)....555555....เรื่องนี้ไปแอบได้ยินผู้สื่อข่าวสายนี้นินทาว่า...คนอะไรหน้าตาอีเดี๊ยด อีเดียด แล้วยังทำตัวอีเดียดอีก...สงสัยสมองบรรจุด้วยขี้แหงๆ... ส่วนข่าวใหม่ล่าสุดที่นายอภิสาด นายกประเทศสารขันธ์และนายแสนทุเรศ เทือกเขาและหนังสือพิมพ์บางฉบับ ที่ถูกผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านด่าแบบสาดเสียเทเสีย เป็นที่น่าอับอายของประชาชนในประเทศสาขันธ์ยิ่งนัก ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ประชาชนต้องการให้นายอภิสาด และนายแสนทุเรศ เอาปี๊บคลุมหัวคนละใบ เพราะในประวัติศาสตร์ของประเทศสารขันธ์ไม่เคยมีนายกคนใดถูกด่าว่าและดูถูกเท่านายกคนนี้อีกแล้ว ต่อการเสนอข่าวเรื่องนี้กรณีที่มีคนสมน้ำหน้านายกกับพรรคพวกที่กร่างและดื้อไม่เลิก ชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของนายก มีผลทำให้เกิดการแตกแยกอีกเรื่องเพราะมีบางคนหยิบยกเอาประเด็นนี้มาว่าคนที่สมน้ำหน้านายกว่าไม่รักชาติ...ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์คำชี้แจงของคนที่สมน้ำหน้าซึ่งเป็นประชาชนของประเทศสารขันธ์ส่วนใหญ่ว่า...สมน้ำหน้าที่ไปด่าเค้าก่อนเค้าจะแต่งชุดทหารก็เป็นเรื่องของเค้าเป็นเรื่องประเทศเค้า ไปส. ใส่เกือกอะไรกับเค้าจุ้นจ้านวุ่นวายไม่เลิก แค่เรื่องในประเทศที่วุ่นวายตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลมายังไม่พออีกหรือยังไปล้อเลียน กระแนะกระแหนเค้าทำไม สมน้ำหน้ามั๊ยล่ะที่ถูกตอกกลับว่า"ติดดาวลูกไก่" ซึ่งคงหมายถึงการที่นายกหนีการเกณฑ์ทหารไม่ยอมเข้ารับการตรวจเลือก เกณฑ์ทหารแล้วไม่มีความผิดโดยบางส่วนของคำแก้ตัวได้อ้างเหตุผลว่าเป็นอาจารย์ประจำโรงเรียนทหารพร้อมแนบหลักฐานเท็จซึ่งสามารถตรวจสอบได้ภายหลังว่ามีการทุจริต บกพร่องต่อหน้าที่ของผู้ใหญ่ทางการทหารของประเทศสารขันธ์ในสมัยนั้นที่ตอนนี้เกษียณอายุราชการไปแล้วโดนในข้อหาสมคบกันออก เอกสารทางราชการอันเป็นเท็จเพื่อให้นายอภิสาดหลีกเลี่ยงการเข้ารับการตรวจ และทำหลักฐานเท็จเพื่อบรรจุนายอภิสาด ซึ่ง เป็นบุคคลที่มีลักษณะขัดต่อหลักเกณฑ์ของกองทัพ ที่สามารถจะบรรจุเข้ารับราชการได้น่าอายมั๊ยที่โดนว่า.... "เค้าจะสวมชุดทหารแบบไหน ยังไงก็เป็นเรื่องของเค้า เค้าสวมชุดทหารแล้วมันไปหนักที่สวมหมวกใครตรงไหน โดยเฉพาะที่สวมหมวกของนายกประเทศสาขันธ์" ...โอ่ว...อายแทน...ต้องไปหาแผ่นดินมุดแทนซะแล้วสิ...น่าอายมั๊ยที่โดนว่า..."ในบรรดานายกประเทศสารขันธ์ทั้งหมด ไม่มีใครชั่วช้าเท่า" ...โอ่ว...ตะลึง...อายๆๆๆๆ จริงๆ....น่าอายมั๊ยที่โดนว่า... "ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นคนบ้าๆ บอๆ ไม่มีสกุลรุนชาติ" ...อายมาก...อายจริงๆ..นักข่าวในฐานะประชาชนของประเทศสารขันธ์ โดนถูกต่อว่าที่นำข้อความเหล่านี้ออกมาประจานนายกของประเทศสารขันธ์ นักข่าวโดนข้อกล่าวหาว่าไม่รักชาติ เพราะไปคบคิดกับนายพันทักษิโด...นักข่าวเลยถามกลับว่า "จริงเหรอ...ตรงไหนที่เรียกว่าไม่รักชาติ ไม่รักประเทศสารขันธ์ แค่การหัวเราะเยาะ สมน้ำหน้า การกระทำของผู้ใหญ่ที่ทำตัวเป็นเด็กปัญญาอ่อนเอาแต่ใจคนหนึ่ง ที่ชอบละลาน ใส่ความ ใส่ไคล้ ยุแยง ยุยง คนอื่นให้แตกแยก ถ้าเพราะทำแบบนี้แล้วเป็นการแสดงว่าไม่รักชาติ ก็ต้องยอมล่ะ เพราะชาติไม่ได้เป็นของอ้ายเด็กดื้อ นิสัยเลวหรือกลุ่มพวกเด็กดื้อเพียงพวกเดียวเสียเมื่อไร การแสดงออกความรักชาติมีหลายทาง การรักชาติไม่ได้ด้วยการแสดงว่า ต้องตะบี้ตะบันเข้าข้างคนที่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยไม่สำนึกว่าสิ่งที่ทำมาผิดตลอด ถามว่า...ใครกันแน่ไม่รักชาติ หรือ ใครกันแน่ที่รักชาติ ทนเห็นใครคนหนึ่งมาปู้ยี่ปู้ยำประเทศสารขันธ์ต่อไปไม่ไหวแล้วต่างหาก...จำไว้...พวกที่หลงตัวเองทั้งหลายเอ๋ย" ...โห...นักข่าวตอบและสวนคำต่อว่าได้ใจจริงๆ....5555555
แวะมาทักทายกันในช่วงเทศกาลแห่งความรักจ้าคุณภัทร