ทำงานมาหลายปี...จะไม่ชอบพูดเรื่องของใคร นอกจากเรื่องของตัวเอง เพราะรู้ว่าเราพูดเรื่องตัวเองแล้วปลอดภัย ถึงแม้จะมีใครนำไปพูดต่อ แต่ในเมื่อเราตัดสินใจที่จะพูดจะเล่าเรื่องของตัวเองแล้วเราต้องยอมรับให้ได้ว่า เรื่องนั้นจะไม่ใช่เรื่องของเราอีกต่อไปแล้ว จะกลายเป็นเรื่องสาธารณะที่ใครๆ ก็สามารถหยิบยกไปพูดได้เสมอถ้าไม่อยากให้ใครนำไปพูดหรือเล่าต่อ เราก็ควรหยุดที่เรา คนส่วนมากจึงเลือกที่จะไม่พูดเรื่องตัวเอง ((ผิดกับเรา)) เพราะการพูดเรื่องตัวเองในทุกเรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดไป บางเรื่องพูดแล้วนอกจากไม่เกิดประโยชน์กับตัวเองแล้ว ยังทำให้เกิดโทษด้วยซ้ำไป แต่สำหรับตัวเองแล้วเลือกที่จะพูดเรื่องของตัวเอง เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวประสบการณ์ของตัวเอง สิ่งที่ตัวเองได้รับไม่ว่าดีหรือเลว เพื่อให้คนอื่นได้รับรู้ว่ามีแบบนี้ในโลกด้วย ถึงแม้บางเรื่องจะเป็นเรื่องที่ไม่ดี ไม่ควรพูด
สำหรับตัวเองแล้ว ถึงแม้เมื่อพูดไปแล้วจะทำให้คนมองภาพเราบิดเบี้ยวไป แต่เราก็เลือกที่จะทำดีกว่าไปพูดเรื่องของคนอื่น ซึ่งเราไม่รู้ข้อเท็จจริง ว่าจริงหรือไม่จริง ทั้งที่เป็นเรื่องของคนนั้นที่ออกจากปากคนนั้นก็ตาม ถ้าหากเป็นสิ่งเสียหายเราเลือกที่จะไม่พูดต่อ ฟังอย่างเดียว หรือไม่ฟังเลย เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรกับใครเลย ยกเว้นว่าเค้าต้องการระบายให้ฟัง
แต่ในชีวิตมีครั้งหนึ่งที่ตัวเองเสียใจ...ทั้งที่พูดไปแล้วก็คือเรื่องจริงทั้งหมด...แต่เมื่อพูดออกไปแล้วทั้งที่เป็นเรื่องจริง แต่ตัวเองกลับไม่สบายใจ นั่นเพราะแคร์คนอื่น แคร์คนที่เราพูดถึง แคร์สังคมคนรอบข้าง..
ให้มานั่งนึกเสียใจว่าตัวเองไม่ควรพูดเลย ถึงแม้ว่าคนๆ นั้นจะทำร้ายเราก่อนก็ตามนั่นเป็นเพราะอารมณ์ตอนนั้นพาไปจุดชนวนให้ตัวเองต้องพูดแบบหมดเปลือก จนลืมคติประจำใจที่จะไม่พูดเรื่องใคร พูดถึงใครในทางที่ไม่ดีถึงแม้เรื่องราวที่พูดออกไปนั้นจะเป็นเรื่องที่จริงก็ตาม
หันมองไปรอบตัวเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่โต๊ะทำงานที่แปะไว้สำหรับเตือนตัวเองเรื่อง "คำพูด" ก็ยิ่งเสียใจและเห็นด้วยกับข้อความในกระดาษแผ่นนี้จริงๆ ด้วย อยากเอาข้อความในกระดาษแผ่นนั้นมาเผยแพร่ เป็นข้อความที่เซฟจากเวปไว้นานแล้ว ต้องขอบคุณผู้เขียนข้อความนี้มากๆ ชอบมากค่ะ แปะมาหลายปีได้แล้วแปะไว้เพื่อเตื่อนใจตัวเองและคนที่มาเห็นข้อความ ดังนี้ค่ะ
....คุณเคยใช้คำพูดที่พูดออกไปด้วยอารมณ์ ความคะนอง แต่แล้วคำพูดที่พูดออกไป ทำร้ายความรู้สึกดีๆ ของอีกฝ่าย ผู้ฟังฟังแล้วเสียความรู้สึกดีๆ ไป....
....จะเป็นด้วยความตั้งใจที่จะพูดออกไปหรือไม่ก็ตาม แต่สุดท้ายคนที่รับฟังประโยคเหล่านั้นรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินอย่างนั้น....
....คุณอาจจะรู้สึกดีที่ได้พูดอย่างนั้นออกไป ได้ระบายความรู้สึกแต่ภายหลัง...คุณกลับมานั่งขบคิดในสิ่งที่คุณทำลงไป คุณกำลังทำลายความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันลงไป คุณเริ่มรู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่ทำลงไป....
....คำพูดที่หลุดออกจากปากไปแล้ว มันคือ อดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้เลย มีแต่สติเท่านั้นที่ควบคุมคำพูดที่จะออกจากปากไม่ให้พลั้งเผลอพูดในสิ่งไม่สมควร เพียงแต่เราขาดสติควบคุม คำพูดที่หลุดออกไปก็จะกลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่งทันที....
....บางครั้งคุณอยากจะเป็นฝ่ายกล่าวขอโทษในสิ่งที่คุณกล่าวซึ่งทำร้ายความรู้สึกดีๆ ของอีกฝ่าย เพียงแต่คุณไม่กล้า คุณมีทิฐิ คุณเป็นฝ่ายลังเลที่จะกล่าว อยากให้อีกฝ่ายยกโทษให้คุณ แต่ในใจคุณความมีทิฐิ กลัวเสียหน้า ข่มความกล้าที่่จะทำให้คุณเป็นฝ่ายเริ่มต้นดังกล่าวก่อน คุณกลับรอเวลาให้ผ่านไปด้วยหวังว่าเวลาที่ผ่านไป...ทุกอย่างก็จะดีเอง....
....คุณเคยคิดบ้างไหมว่า เวลาที่ผ่านไปยิ่งทำให้ทุกอย่างไม่ดีขึ้นเลย อีกฝ่ายที่รับฟังคำพูดของคุณ ถึงแม้ว่าคำพูดที่ผ่านไปมันกลายเป็นอดีต แต่ความรู้สึกมันยังคงค้างอยู่ในใจ....
....ถ้าทิฐิมันทำลายความรู้สึกที่ดีระหว่างกัน มีประโยชน์อะไรที่คุณจะถือทิฐิเอาไว้กับตัว คุณควรจะปล่อยทิฐิตรงนั้นไป....
....การกล่าวคำขอโทษ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่และยากในยามที่ความรู้สึกดีๆ ระหว่างกันเกิดรอยร้าวขึ้น ความรู้สึกดีๆ จะกลับมาก็เพียงแต่คุณกล้าที่จะเริ่มต้นกล่าวคำขอโทษออกไป....
....ถามใจตัวคุณเองว่า คุณยังให้ความสำคัญกับคนๆ นั้นอยู่ไหม ไม่ต้องกลัวเสียหน้า ถ้าคุณจะเป็นฝ่ายเริ่มต้นกล่าวก่อน....
....หลังจากกล่าวออกไป คุณจะรู้สึกว่าจิตใจคุณบางเบา อีกฝ่ายคงรู้สึกดีที่ได้ยินอย่างนั้นและยินดีจะให้อภัยคุณ....
....สำหรับคนที่เคยมีทิฐิและไม่ยอมที่จะลดละความมีทิฐิ สุดท้ายจะรู้ว่าสิ่งนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลยแต่ยิ่งทำให้เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป....
....ถ้าความรักหมายถึง การไม่โกรธและให้อภัย คนที่คุณรักเขาคงยินดีและไม่โกรธเมื่อได้ยินคำขอโทษจากคุณและเขาก็ยินดีที่จะให้อภัยคุณตราบเท่าที่เขายังรักคุณอยู่....
คนเราเกิดมาเป็นคนนั้นแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไปแต่ละคนก็ต้องมีแนวทาง และ แบบอย่างเป็นของตนเองแต่การใช้ชีวิต ทุกวันนี้ เราต้องพบปะผู้คนมากมายทั้งคนใกล้ตัว อย่าง พ่อแม่พี่น้องและคนทั่วๆไป อย่างเช่นเพื่อนๆของเราเองคุณเคยคิดใหม่ว่า บางสิ่งที่เราทำหรือพูดไปมันอาจจะไปทำร้ายคนที่เรารัก หรือคนที่เรารู้จักเขาเหล่านั้น มีความรู้สึกอย่างไร...เขาเหล่านั้นเป็นคน เช่นเดียวกับเราใช่ไหม!...แล้วเขาคนนั้นก็ต้องมีความรู้สึกแบบคนทั่วไปเช่นกัน....แล้วคุณเคยสนใจ หรือใส่ใจในความรู้สึกของเขาเหล่านั้นบ้างไหม....เรามาเปลี่ยนแปลงตัวเองพร้อมกัน ดีไหม
หันมาสนใจ และใส่ใจ คนรอบข้างเรา...สนใจว่า เขาทุกข์สุขยังไงหรือเขามีความรู้สึกยังไงกับคุณ ถ้าคุณทุกคน ใส่ใจและสนใจ กันแล้วคิดว่าทุกคนก็จะเข้าใจกันแล้วปัญหาการฆ่าตัวตาย การทำร้ายกันก็จะลดน้อยลงบ้างไม่มากก็น้อยอย่าให้เขา ตาย หรือ เสียความรู้สึกไปเสียก่อนแล้วคุณมานั่งร้องไห้ ค่ำครวญในสิ่งที่คุณได้ทำไม่ดีต่อเขา มันไม่มีประโยชน์เลย
เริ่มเสียแต่วันนี้ มันยังไม่สายถ้าเขายังอยู่รอบๆ ตัวคุณอยากให้ทุกคน มีความสุขและขอให้ทุกคนมีความสุขในสิ่งที่ทำดีกับคนรอบข้าง
เพลง : คำมักง่าย
ศิลปิน : บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ (Groove Riders)
คำเดียวที่เธอคงเคยใช้บ่อยเกินไป
เธอคงพูดไปทั้งๆ ไม่เคยรู้สึก
เป็นคำง่ายดาย ที่เธอ ไม่เคยคิดนึก
ใจความของคำ นั้นมันยิ่งใหญ่ เพียงใด
อยากบอกกับใคร
บอกไปตามใจอย่างนั้น
กี่หมื่นกี่พันไม่เคยเสียดาย
เอ่ยคำว่ารัก ไม่ยากเท่าไหร่
เพียงเธอไม่มีหัวใจ ปากคอยพูดไป
ไม่ต้องใส่ใจถ้อยคำ
ว่าทำลายใจใคร ที่มัว งมงายว่าจริง
เอ่ยคำว่ารัก ไม่ยากเท่าไหร่
ใครๆก็พูดกันได้ หากใครเชื่อใจ
ก็ปล่อยให้ทนช้ำใจ..ไปเอง
เธอเป็นคนเอ่ย เคยรู้บ้างไหม
ว่าคำบางคำง่ายดาย แต่ทำให้ใครต้องเจ็บ
เจ็บกับคำมักง่าย..คำเดียว
อยากบอกกับใคร
บอกไปตามใจอย่างนั้น
กี่หมื่นกี่พันไม่เคยเสียดาย
เอ่ยคำว่ารัก ไม่ยากเท่าไหร่
เพียงเธอไม่มีหัวใจ ปากคอยพูดไป
ไม่ต้องใส่ใจถ้อยคำ
ว่าทำลายใจใคร ที่มัว งมงายว่าจริง
เอ่ยคำว่ารัก ไม่ยากเท่าไหร่
ใครๆก็พูดกันได้ หากใครเชื่อใจ
ก็ปล่อยให้ทนช้ำใจ..ไปเอง
ทนเจ็บกับคำมักง่าย..คำเดียว