หลายวันมานี้ยุ่ง ห่วง กังวล กับหลายๆ เรื่อง ตอนนี้สถานะการณ์เกือบจะปกติพอจะมีเวลานั่งหน้าคอมได้นานกว่าหลายวันก่อน...แต่ก็ยังยุ่งเหมือนเดิม...หลายวันมานี้เปิดคอมเข้ามาอย่างเคยชิน แต่ไม่ค่อยได้อยู่หน้าจอ...จนบางทีแอบอมยิ้มกับตัวเองที่ทำทุกอย่างเหมือนหุ่นยนต์ ที่ทำตามความเคยชินแบบอัตโนมัติ...จะได้เข้าไปเยี่ยมเยือนทักทายก็เฉพาะคนที่แวะมาและส่งกำลังใจให้กัน...ส่วนความคิดถึง ก็ยังคิดถึงทุกคนเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็น..เพียงแค่ไม่ค่อยมีเวลาไปทักทาย...วันนี้มีโอกาสได้อยู่หน้าคอมมากกว่าทุกวัน เพราะภาระกิจต่างๆ เริ่มผ่อนคลายบ้างเล็กน้อย มีเวลาอ่านโน่นอ่านนี่ไปตามเรื่องตามราว เมื่อบล๊อกที่แล้วได้เขียนถึงคนที่รักมากคนหนึ่ง..ที่ต้องเจ็บป่วยเพราะอุบัติเหตุทางถนน...ด้วยความประมาทเลินเล่อ...เกือบทำให้ใครหลายๆ คนเสียใจ..แต่แค่เสียน้ำตากันไปนิดหน่อย เสียเพราะความรัก ห่วงใย และผูกพัน...ตอนนี้สุขภาพเธอคนนั้นดีวันดีคืน และอยู่ในระหว่างพักฟื้นร่างกายด้วยคำรับรองจากหมอว่า...เธอปลอดภัยแล้ว...ปีนี้เข้าปีเสือ...มีคนบอกเสือไม่ดุ แต่สังเกตดู เสือตัวนี้ยังไม่ทิ้งสัญชาติเสือ...ดูข่าวต่างๆ แล้วสลดหดหู่ตั้งแต่ต้นปี..ยังไงก็ทำบุญกันเยอะๆ ปล่อยวางกันให้ได้ เมื่อมีทุกข์และเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตามให้ใช้สติในการแก้ไขปัญหาต่างๆ และพยายามอยู่นิ่งๆ ในทุกๆ เรื่อง...เพราะเสือตัวนี้ไม่ธรรมดาเลยล่ะ...เฮ้อ...เขียนถึงการเข้ามาอ่านโน่นนี่นู่นได้เจอกระทู้หนึ่ง ที่เขียนกระทู้ถามเกี่ยวกับแฟนสาวที่คิดจะแต่งงานด้วย มารู้ภายหลังว่าแฟนตัวเองเคยผ่านคนอื่นมาก่อน ทั้งที่คบกันมา 3 ปีและไม่เคยล่วงเกินแฟนเลย ตอนนี้ก็เก็บเงินเพื่อไปขอแฟนสาว...พอรู้เกิดอาการเครียด คิดหนัก ตอนนี้คิดไม่ออกว่าควรเลิก หรือควรคบกันต่อไป...เพราะมัวแต่คิดว่าเขาต้องทำงานเพื่อหาเงินค่าสินสอด แต่คนที่ผ่านมาของแฟนสาวไม่ต้องเหนื่อยไม่ต้องทำอะไรเลยกลับได้แฟนง่ายๆ...ตรงนี้ยังไม่ใช่สาระที่ จขบ. จะนำเสนอเพียงแค่เกริ่น..แต่ จขบ. ชอบคำตอบของคนที่มาตอบกระทู้อันนี้...ที่เค้าให้ความคิดเห็นว่า...ความคิดเห็นจากคนที่ตอบกระทู้ผมในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดี เพราะความรู้สึกแบบนี้ มันเคยเกิดขึ้นกับผมมาแล้ว ผมไม่ได้คาดหวังว่า คุณจะต้องผ่านมันไปให้ได้ และผมไม่ได้คาดหวังว่า คุณจะต้องเลือกทางเดินเหมือนผม แต่ผมอยากให้คุณใช้ ความคิด มากกว่า ความเครียด.... ถ้าคุณตัดสินใจคบเธอต่อ และแต่งงานในที่สุด ในสายตาของผู้ชายส่วนใหญ่ จะมองว่า คุณคือ คนโง่ คุณคือ ไอ้งั่ง หรือแม้แต่ความคิดของคุณเองก็เถอะ คุณก็จะคิดว่า คุณทำงานหนัก ทำทุกอย่าง เก็บเงิน เพื่อไปขอเธอแต่งงาน ทั้งเหนื่อย ทั้งลำบาก เพื่อที่จะได้ ฟันเธอ อย่างถูกต้องตามประเพณี แต่แล้ว ก็มีผู้ชายคนหนึ่ง หรืออีกหลายคน งานก็ไม่ต้องทำ เหนื่อยก็ไม่ต้องเหนื่อย เงินก็ไม่ต้องเก็บ แต่ได้ฟันเธอ ไปฟรี ๆ คุณก็จะคิดว่า คุณจะทนเหนื่อยทำไม ในเมื่อคนอื่น ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขาก็ได้ทำอะไรแฟนคุณไปหมดทุกอย่างแล้ว ในความคิดของคุณก็มัวแต่คิดและจินตนาการไปว่า แฟนคุณคงทำอะไรกับแฟนเก่า ท่านั้น ท่านี้ คงร้องครางอย่างมีความสุข และทำกันบ่อย ๆ ทุกวัน วันละหลายรอบ กอดจูบกัน สารพัด... ฯลฯ แน่นอนล่ะ ความคิดเหล่านี้ ผมก็เคยวนเวียนอยู่กับมัน พักใหญ่ ๆ ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ผิดหวัง ท้อแท้ มันก็เคยเกิดขึ้นกับผมเช่นกัน ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณคิดถึงสิ่งเหล่านี้ เพราะมันห้ามไม่ได้อยู่แล้ว ในฐานะผู้ชาย ที่เรื่องของศักดิ์ศรี ต้องมาเป็นที่หนึ่ง การที่เราต้องมาเป็นที่สอง ที่สาม ไม่ต้องให้มากกว่านี้ เอาเป็นว่า ถ้าไม่ได้ที่หนึ่ง หรือเป็นคนแรก นอกนั้น จะที่เท่าไหร่ ก็ไม่ต้องการ ผู้ชายบางคน หลอกฟันผู้หญิงไปเรื่อย หลอกเปิดบริสุทธิ์ไปเรื่อย และเก็บเป็นความภาคภูมิใจ เอาไว้คุยทับถมกันในวงเหล้า ว่ากรูคือผู้ยิ่งใหญ่ กรูคือผู้มีความสามารถ กรูคือชายเหนือชาย ในมุมมองของผม ผู้ชายที่คิดแบบนี้ เขาไม่เรียกผู้ชายหรอก เขาเรียกแค่เพศผู้ ที่มีอวัยวะเพศชี้ไปข้างหน้า เมื่อมีความต้องการเท่านั้น และบาปกรรมที่เขาได้กระทำกับผู้หญิงเอาไว้ คงจะตามสนองเขาไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า ผมอยากถามคุณว่า คุณอยากแต่งงานกับเธอ ด้วยเหตุผลอะไร อยากแต่ง เพราะเธอเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ หรืออยากแต่ง เพราะเธอเป็นคนดีและอยู่กับคุณได้ ถ้าอยากแต่งเพราะเธอเป็นสาวบริสุทธิ์ หลังจากจบพิธีงานแต่งแล้ว ก็เก็บเอาเธอไว้บนหิ้ง ไม่ต้องไปทำอะไรเธอ เพราะว่า ถ้าทำแล้ว เธอจะกลายเป็นคนไม่บริสุทธิ์ทันที คนเราเกิดมา ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน หญิงหรือชาย ไม่มีใครสามารถรู้ล่วงหน้าได้หรอกว่า ใครคือคู่แท้ที่จะอยู่กับเรา ถ้าเราสามารถรู้ล่วงหน้าได้ เราก็คงเก็บเอาความบริสุทธิ์ไว้ให้คู่ของเรา แต่ในโลกของความเป็นจริง เราไม่สามารถรู้ได้เลย.... คนที่เรากำลังคบอยู่ตอนนี้ ณ เวลานี้ เราอาจบอกว่า คนนี้แหละคือคนที่จะอยู่กับเรา เราจึงยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อเขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา... แต่เมื่อถึงเวลาหนึ่ง มันกลับไม่ใช่ขึ้นมา และต้องเลิกรากันไป ถามว่า ใครเป็นคนผิดหรือ หญิงหรือชายล่ะ ที่เป็นคนผิด ผู้หญิงถูกประณาม แต่ผู้ชาย กับถูกยกย่องว่าสามารถเปิดบริสุทธิ์ได้ แล้วทำไมเราต้องไปโทษฝ่ายหญิงว่า เธอนั่นแหละ คือคนผิด ผู้หญิงที่พลาดพลั้งมา เธอคือคนผิดหรือ เธอคือคนไม่ดีอย่างนั้นหรือ เธอต้องถูกประณามหยามเหยียดอย่างนั้นหรือ เธอต้องไม่สามารถคบผู้ชายคนไหนได้อีกต่อไปงั้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนั้น ผู้หญิงทั้งโลกนี้ คงตายไปกว่าครึ่ง ด้วยความผิดที่ว่ามาข้างต้น ผมรักแฟนของผมมาก และเธอก็รักผมมากเช่นกัน แฟนผมเสียตัวตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปีที่ 5 เธออยู่กับแฟนเก่าในบ้านโดยไม่ได้แต่งงาน ถึง 7 ปีกว่า ๆ เคยท้อง และเคยทำแท้งมาแล้ว..... หลายคนมองว่า ผมคือผู้ชายที่โง่ที่สุดในโลก ที่เลือกเธอ แต่ผมกลับมองว่า ผมเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ที่ได้อยู่กับเธอ อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว อนาคตเป็นสิ่งที่ยังมาไม่ถึง และปัจจุบันคือวันนี้ วันที่เรากำลังหายใจอยู่ตอนนี้ ผมไม่สามารถบอกได้ว่า ผมจะรักเธอตลอดไป เพราะมันเป็นอนาคต แต่ผมสามารถบอกได้ว่า ผมรักเธอวันนี้ ตอนนี้ และเวลานี้.... คุณเจ้าของกระทู้ครับ การให้อภัย ถือว่า เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ มนุษย์ทุกคน ต้องการได้รับการให้อภัยจากคนอื่นเสมอ แต่จะมีมนุษย์สักกี่คน ที่หยิบยื่นคำว่า ให้อภัย แก่คนอื่น มีใครอยากจะทำผิดพลาดมั้ย ไม่มีหรอกครับ คุณก็เช่นกัน ทำไมคุณไม่นึกถึงจุดนี้บ้างล่ะ อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ไปสำส่อนอะไร เธอก็ไม่ใช่โสเภณีที่ซ่องไหน ถึงแม้เธอจะเป็นโสเภณี แต่ถ้าเธอเป็นคนดีของสังคม จะเป็นภรรยา และแม่ที่ดีของลูก ถึงแม้จะต้องเสียค่าสินสอดเพื่อแต่งงานด้วย ผมว่า มันก็ยังคุ้มค่ากว่า ที่ไปแต่งงานกับสาวบริสุทธิ์ แต่สุดท้ายก็ไปด้วยกันไม่ได้ ต้องมาจบด้วยการหย่าร้างกันไป คุณเลิกความคิดที่ว่า ไม่ใช่คนแรกของเธอแล้ว จะต้องเสียหน้า เสียศักดิ์ศรี ต้องมาล้างจาน รับเศษเดน อย่างที่เขาว่ากัน คนที่พูดแบบนี้ คือเพศผู้ที่เห็นแก่ตัวบนโลกนี้.... คือชายหนุ่มวัยรุ่น ผู้ที่ยังไม่มีความคิด และมองโลกในมุมมองที่แคบ เพราะถ้าเป็นลูกผู้ชายแล้ว เขาจะไม่มีวันคิดแบบนี้แน่นอน ถ้าทุกคนสามารถย้อนกลับไปแก้ไขในอดีตอันเลวร้ายได้ โลกใบนี้ คงมีแต่ความสงบสุข และคุณก็คงไม่ต้องมานั่งตั้งกระทู้ถามแบบนี้แน่นอน ทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป มองให้เป็นสัจธรรมของชีวิต คุณก็จะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ อย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าคุณจะไม่สามารถเป็นชายคนแรกของเธอได้ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนดีที่หนึ่งของเธอ แต่คุณก็สามารถเป็นคนดีที่สุดสำหรับเธอได้ ไม่ใช่หรือ.... ใช้เหตุ และ ผล ในการตัดสินใจ อย่าใช้ความคิด อคติ อย่างผู้ชายทั่วไป คุณอยากเป็นแค่คำว่า ผู้ชาย หรืออยากเป็น ลูกผู้ชาย คุณเลือกเองได้.... โชคดีครับ เป็นไงบ้างคะ...จากกระทู้และการตอบกระทู้ที่กินใจใครๆ หลายๆ คน คิดอะไรกันได้บ้างมั๊ยเอ่ย...สำหรับ จขบ. ได้คำตอบว่า...เมื่อผ่านตรงนี้ไปได้ นั่นล่ะเรียกว่า "ความรักที่แท้จริง" เป็นรักที่ไม่เรียกร้อง ไม่ต้องการอะไรมากกว่าคำว่า ได้รักกัน ทุกข์และสุขอยู่ที่ใจเรา ไม่ใช่ใจคนอื่น คนสองคนจะอยู่กันก็เพราะ "รักและเข้าใจ" แค่นี้พอ...เรื่องราวแบบนี้กับสังคมยุคนี้ มีหลากหลายเรื่องราว...ไม่อยากโทษว่าเป็นเพราะสังคมที่เปลี่ยนไป ที่ทำให้การคบของผู้หญิงกับผู้ชายกลายเป็นเรื่องของเซ็กส์ เพราะความรักจะละเอียดอ่อนมากกว่าเอาความใคร่เข้ามาป่ะปน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ความรักกับความใครมักแยกจากกันไม่ค่อยออกซะด้วยสิ...ความคิด จขบ. คิดเสมอว่า อดีตของคนเราแก้ไขไม่ได้ แต่ปัจจุบันเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ส่วนอนาคตจะเป็นอย่างไรก็ต้องให้วันเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หากวันนี้มีความรักก็จงให้ความรักนำทางต่อไป ถ้าเมื่อใดเอาความใคร่เข้ามาความรักก็เป๋ไปได้เหมือนกัน...อ่านเรื่องราวดีๆ แล้วอย่าลืมย้อนดูตัวเองกันบ้างนะคะ...ขอให้ทุกคนที่มีรักจงมีรักที่ดีและมีความสุขตลอดไปค่ะ....สำหรับตัวเอง...โชคดีบนความโชคร้าย แต่เป็นความโชคร้ายที่ผ่านเรื่องร้ายๆ เหล่านั้นมาแล้ว ที่ได้เจอใครคนหนึ่งที่มอบความรักที่แท้จริง รักไม่มีข้อแม้ เมื่อเราทุกข์ก็ทุกข์กับเราด้วย เมื่อเราสุขเค้าคนนั้นดีใจที่เรามีความสุขไม่ว่าตอนนั้นเค้าจะสุขด้วยหรือไม่ก็ตาม...เป็นความรักที่มีแต่ให้และเสียสละ..ขอบคุณความรักที่ยิ่งใหญ่ของใครคนนั้นที่อยู่เคียงข้างเสมอและตลอดไปนะคะ... ส่วนเรื่องของหินวิเศษ กับความเคยชินเป็นของแถมอ่านกันเพลินๆ เพราะลึกๆ แล้วมีสิ่งดีๆ อยู่ในบทความ......นานมาแล้วได้ยินว่ามีหินวิเศษอยู่ชนิดหนึ่งถ้าผู้ใดที่ได้ครอบครอง จะสามารถนำไปแตะกับสิ่งของอะไรก็ได้ สิ่งนั้นจะกลายเป็นทองคำ ทำให้ชายผู้หนึ่งเกิดความสนใจ อยากจะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เป็นคนร่ำรวยขึ้นมา จึงตามหาหินก้อนนั้นเป็นการใหญ่เมื่อตามหาจนถึงชายหาดแห่งหนึ่ง ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินเขาตัดสินใจเก็บหินขึ้นมาดูทีละก้อน ถ้าก้อนไหนไม่ใช่ ก็จะขว้างมันลงทะเลไป เขาใช้ความพยายามอยู่นาน จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี ก้อนแล้วก้อนเล่าก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาค้นหาอยู่ดีและในที่สุดความ พยายามของเขาก็ประสบความสำเร็จจนได้ เขาได้พบกับหินวิเศษจริง ๆ แต่ไม่ทันที่เขาจะได้คิดอะไร เขาก็เผลอขว้างมันลงทะเลไป เหมือนก้อนหินที่ผ่าน ๆ มา เขาตกใจมากถึงกับรำพันออกมาว่า "ต้องเริ่มต้นใหม่อีกแล้วเหรอเนี่ย"ในชายหาดนั้นจะมีหินวิเศษชนิดนี้ซักกี่ก้อนกันเชียว เหตุผลที่ทำให้ชายคนนี้ละทิ้งสิ่งที่เขาค้นหามานานก็คือ "ความเคยชิน" นั่นเอง บ่อยครั้งที่เราพยายามค้นหาสิ่งที่ต้องการมาตลอดชีวิต จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่เรามีโอกาสพบมันแล้ว แต่ด้วยความเคยชินในชีวิตประจำวัน เราก็มองข้ามโอกาสนั้นไปโอกาสที่อาจจะไม่ปรากฏบ่อยนัก เราจึงต้องมาเริ่มต้นใหม่อยู่ร่ำไป อย่าคิดแต่จะเริ่มต้นใหม่ เพราะสิ่งที่มีอยู่คือโอกาส......
หวัดดีจ้าคุณภัทร กำลังคิดถึงอยู่เชียว