Lilypie 2nd Birthday Ticker
Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
12 กันยายน 2552
 
All Blogs
 

คุณลูกสองภาษา ขอพักก่อนน๊า

หลังจากเริ่มปฏิบัติภารกิจคุณลูกสองภาษามาได้สักพัก ตอนนี้เริ่มรู้ตัวเองแล้วค่ะ ว่าคงต้องเปลี่ยนวิธีการ มาดูกันสิว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงล้มเลิกความตั้งใจ

เริ่มแรกที่อยากให้น้องปอเป็นเด็กสองภาษา ขอออกตัวก่อนว่าไม่ได้ตามกระแสใดๆทั้งสิ้น แต่เริ่มจากเห็นหนังสือน่าสนใจที่มี๊บัวแนะนำไว้ในบล็อก บวกกับความชอบภาษาอังกฤษโดยส่วนตัวอยู่แล้ว เลยสนใจซื้อหนังสือ เด็กสองภาษาพ่อแม่สร้างได้ มาอ่านบ้าง จากนั้นก็พยายามที่จะทำให้ได้อย่างคุณพ่อของน้องเพ่ยเพ่ยที่เขียนหนังสือเล่มนี้
เริ่มด้วยการพยายามพูดภาษาอังกฤษกับลูกให้มากเท่าที่จะมากได้ นึกคำไม่ออกจริงๆ ถึงจะพูดภาษาไทย ระยะเวลาผ่านไปได้สัก 2 สัปดาห์ เริ่มรู้ตัวว่าเวลาที่ได้พูดภาษาไทยกับลูกมันมีความสุขมากๆ ก็สงสัยในความรู้สึกของตัวเอง ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้นะ บางครั้งก็แอบกดดันตัวเองว่าทำไมแค่คุยกับลูกง่ายๆ เราถึงทำไม่ได้นะ
จนกระทั่งวันนึง ได้แวะเข้าไปอ่านกระทู้เกี่ยวกับความแรงของกระแสเด็กสองภาษา อ่านหลายๆความคิดเห็น จึงได้เข้าใจว่า ทำไมเราถึงรู้สึกว่ามีความสุขเวลาที่พูดภาษาไทยกับลูก

เหตุผลง่ายๆ นั่นก็คือ เวลาพูดภาษาอังกฤษกับลูก เราพยายามที่จะพูดในประโยคที่เราพูดได้ และคิดว่าถูกต้องตามหลักไวยกรณ์ ซึ่งภาษาอังกฤษที่เราเรียนมาและใช้สือสารกับฝรั่งในทุกวันนี้ คือเรื่องไกลตัว คุยกันเรื่องงาน แต่ไม่ได้มีความรู้สึกต่างๆร่วมอยู่ด้วย แต่กับลูก บางทีแม้เวลาบอกรักเป็นภาษาอังกฤษก็รู้สึกว่ามันไม่ซึ้งเท่าไหร่ แปลกๆมากกว่า
อีกเหตุผลนึงก็คือ มันทำให้เราเล่นกับลูกได้น้อยลง เพราะไม่สามารถเล่นและสื่อสารกับลูกเป็นภาษาอังกฤษได้ มันไม่สนุก หรือเราไม่สามารถหาศัพท์มาคุยกับเขาได้ เช่น จักจี้ จ๊ะเอ๊ หรือ โอ๊ย น้องปออึ๊เหม็นโฉ่วโฉ่ว หรือแม้แต่บางคำหาศัพท์มาพูดได้ แต่มันไม่ได้อารมณ์ร่วม ทำให้รู้สึกว่าห่างเหินกับลูกมาก นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมเวลาที่ได้พูดได้เล่นกับลูกแล้วใช้ภาษาไทยถึงได้รู้สึกมีความสุขมากๆ

ด้วยสาเหตุนี้ทำให้ตัดสินใจว่า ช่วงเวลาแห่งความสุข ความผูกพันธ์กับลูกนั้นสำคัญกว่า ภาษาถ้าทำได้อย่างน้องเพ่ยเพ่ยก็ดี แต่ถ้ามันขัดกับความรู้สึกของตัวเองก็ขอหยุดไว้ก่อนดีกว่า แล้วหาทางเสริมให้ลูกด้วยวิธีอื่นน่าจะดีกว่า ตอนนี้ที่ทำได้คงสอนน้องปอด้วยคำศัพท์ใกล้ตัวง่ายๆไปก่อน แล้วเสริมด้วยประโยคง่ายๆเบื้องต้นก็พอ มากกว่านี้ค่อยหาทางไปเสริมให้เขาตอนโตกว่านี้

ไม่ทราบว่าแม่ๆท่านอื่นเป็นอย่างไรบ้าง แต่ถ้าใครพอจะทำได้ ภาษาดีกว่ามี๊โอ๋ก็ขอสนับสนุนค่ะ แต่สำหรับตัวเองคิดว่าเลือกหนทางที่น่าจะดีกับทั้งแม่และลูกแล้ว เสียดายเหมือนกันค่ะที่ทำไม่ได้ แต่ก็คิดว่าความรักความผูกพันธ์น่าจะสำคัญกว่าภาษาค่ะ แต่ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆท่านอื่นด้วยนะคะ สู้ๆค่ะ




 

Create Date : 12 กันยายน 2552
3 comments
Last Update : 12 กันยายน 2552 22:19:24 น.
Counter : 1077 Pageviews.

 

หุหุจะบอกว่าธรรมดา ดีดีก็ไม่ค่อยติดกิ่งอยู่แล้วเวลาพูดภาษาอังกฤษกับเค้า เค้าจะทำหน้างง แล้วก็เดินหนี ประมาณว่าแม่พูดไรอะ
แต่เรื่องน่ารักก็มี เวลาอยากได้อะไรดีดีจะแบมือแล้วบอก pleaseจ้า ขำดี
และศัพท์บางคำที่พูดๆ ใส่หูทุกวัน เวลาไปไหนแล้วเห็นก็จะชี้ๆ บอกเราเป็นภาษาอังกฤษ บ้าง แต่ก็เป็นคำๆ นะไม่เป็นประโยค

ว่าแต่ไม่เห็นหน้าสาวปอเลยอะ อยากเห็นๆ

 

โดย: OneDeeK 14 กันยายน 2552 13:18:32 น.  

 

อรก็คิดคล้ายๆกันค่ะ หลังจากพิจารณาองค์ประกอบหลายๆอย่างแล้ว จึงคิดว่าจะทำเท่าที่เราทำได้ดีกว่า

เคยคุยกับพ่อน้องเอม ให้เค้าเป็นฝ่ายพูด เพราะเรายังต้องใช้ภาษาไทยในการสอนและอบรมเลี้ยงดูเค้าอยู่ (จริงๆเคยลองแล้วค่ะ แต่บางจังหวะ มันต้องใช้ภาษาไทยด้วย เพราะเราเองก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษแบบคล่องปรื๋อขนาดนั้น) แต่พ่อเค้าเองก็อยากใกล้ชิดกับลูก เค้าเองก็งานยุ่งมาก มีเวลาอยู่กับลูกน้อยอยู่แล้ว ก็ยังอยากสื่อสารด้วยภาษาไทยเป็นหลักเหมือนกัน

จึงสรุปกันว่า เราเดินสายกลางดีกว่า ถ้าเราไม่ได้คุยกับลูกเป็นภาษาอังกฤษ ก็ไม่ได้หมายความว่าเรารักเค้าน้อยลง หรือให้เค้าได้ไม่มากพอ เพราะคิดอย่างนี้มีแต่ทำให้เราเครียดเปล่าๆ คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้วเพื่อลูก

ตอนนี้อรสอนเป็นคำศัพท์ แล้วก็ประโยคง่ายๆค่ะ ก็สอนปนๆกันไป ถือว่าเป็นการปูพื้นฐานให้ลูก ในอนาคตเค้ายังมีโอกาศเรียนรู้อีกมาก

เป็นกำลังใจให้มี๊โอ๋นะค๊า อรเข้าใจค่ะว่ามี๊โอ๋รู้สึกอย่างไร

 

โดย: Gdnzz 15 กันยายน 2552 11:54:15 น.  

 

เลือกทำ...แบบมีความสุขดีกว่าค่ะ

เด็กวัยนี้ ต้องการพ่อแม่ เป็นเพื่อนเล่น...

ตอนนี้ก้อเปิดเพลงให้ฟัง ให้เค้าคุ้นเคยไปก่อน...

เพราะแต่ละบ้าน ไม่เหมือนกัน ปรับวิธีให้เหมาะสมกับเรามากที่สุดดีกว่าค่ะ

 

โดย: ปลายดินสอ 18 กันยายน 2552 13:39:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


So Confuse
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add So Confuse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.