ทุกครั้งที่เรามองเรื่องราวของโลก ผ่านทางความคิด ..
ดี.พบว่า .. มีทั้งมองผ่านมุมมองของตัวเอง และผู้อื่น
เรื่องบางเรื่อง .. เหตุการณ์บางเหตุการณ์ ..
หรือแม้กระทั้ง ฝนตก แดดออก นกร้องเพลง ..
มุมที่เรามอง .. มุมที่ผู้อื่นมอง .. ล้วนแล้วแต่แตกต่าง
และนั่นก็คือความสนุกที่ได้เรียนรู้ .. ทั้งจากการอ่าน และการฟัง ..
ต่ า ง ต่ า ง มุ ม ม อ ง
.. มองมุม ไ ห น ไ ห น ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจในบล็อกแกงค์แห่งนี้
และ 1 ในหลายหลายมุมที่เราได้มอง ..
มองแล้วก็ยิ้มบ้าง เครียดตามไปบ้าง .. และที่สุด อดจะขำไม่ได้
กับ .. วิธี " คิ ด" ที่ถ่ายทอดเป็น "เ ขี ย น"อยางมีสไตล์
ดี.เชื่อว่าบล็อก"เป็ดสวรรค์"ให้สิ่งเหล่านี้กับเราครบครัน
เรารู้จักเจ้าของบล็อกในนาม .. คุณเป็ด
แต่ตัวตนของเขาคือ .. คุณโต้ง .. ที่น่ารู้จักเสียยิ่งกระไร
บอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า .. อ่านบทสัมภาษณ์ครั้งนี้ จะไม่รู้สึกอิ่มกับทุกเรื่อง ..
เพราะแต่ละเรื่องราวที่คุณโต้งเล่า .. พอจบลง .. ต่างต่างใจก็น่าจะอยากรู้ต่อกันไปอีก
ฟังเรื่องราวคุณโต้ง .. ไปพร้อมกับดี.
และถ้ารู้สึกไม่อิ่มกับตรงไหน .. ถามคุณโต้งเองเลยนะคะ
เพราะดี.ก็อยากฟังต่อเช่นกัน .. ไปคุยกับคุณโต้งกันเลยดีกว่า :)
วันแรกของการทำป้อก
Q : คุณโต้งทำบล็อกมากี่ปีแล้วคะ .. เพราะอะไรถึงเลือกมาทำบล็อกที่บล็อกแก๊งค์ ..
A :วันแรกที่เริ่มเขียนบล็อก คือวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 3:34:17 น.ครับ นี่คือเอนทรี่แรก ..
ครั้งนู้น เขียนในนามล็อกอิน "อสัญแดหวา" ซึ่งภายหลังได้ถูกวิสามัญฆาตกรรมดับสูญไปพักใหญ่โดยคณะคุณวรพจน์ จากนั้นเป็นปีจึงได้คืน แต่ก็ไม่ได้เข้าไปเขียนแล้ว ก็มีบางวัน แอบใช้ล็อกอินนั้น มาทวงหนี้ตัวเองให้ตกอกตกใจเล่นบ้างตามประสา
หลังจากถูกปิดบล็อกไปสิบกว่าวัน ก็สมัครล็อกอินใหม่ ในชื่อ เป็ดสวรรค์ โดยที่ยังไม่ได้บล็อกเก่าคืน เป็ดสวรรค์ เปิดบล็อกเมื่อ11 ธันวาคม 2552 เวลา 0:00:07 น.ครับ นี่คือบล็อกแรก
บล็อกเปิดบ้าน
แรงบันดาลใจในการเขียนบล็อกมาจากไหนก็ไม่รู้นะครับ แต่ว่ามีอยู่วันหนึ่ง ก่อนหน้าป้าข้างบ้านจะคลอดลูกไม่นานนัก ผมได้อ่านหนังสือของคุณหมอฟันท่านหนึ่งชื่อ ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็นซึ่งหลายคนคงรู้จักกันดี หนังสือเล่มนี้ดังมาก เนื้อหาเรียกว่า ปฏิวัติความเชื่อเก่าๆในการมองโลก และศาสนาของเราไปเลย
แต่ผมก็ไปได้ยินข่าวมาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้แห่งหนึ่งว่า ทษฎีต่างๆที่คุณหมอแกอ้างในหนังสือนั้น คุณหมอแกเข้าใจมั่วมากๆ (ซึ่งจริงเท็จแค่ไหน คนตกเลขอย่างผมก็สุดจะคาดเดาได้) นั่นเป็นสาเหตุ ที่ทำให้ผมเข้ามาหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วก็ได้มาอ่านการถกเถียงกันอย่างดุเดือด ในห้อง หว้ากอ" ของพันทิป อ่านแล้วตื่นตาตื่นใจ เป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับเว็บไซต์นี้ เลยคิดจะเป็นสมาชิกกับเขาบ้าง จากนั้น โดยที่ทางบ้านก็ไม่ทราบเรื่อง ผมก็ สมัครเป็นสมาชิกพันทิปดอทคอม
หลังจากนั้น ถึงได้รู้ว่า พันทิป มีบล็อก ชื่อ บล็อกแก๊งค์ ด้วย
ก็เลยได้ใจใหญ่ อยากจะเขียนอะไรกับเขามั่ง ธรรมดาผมก็เป็นมนุษย์เพศชายที่ชอบขีดๆเขียนๆอยู่แล้ว ปกติก็ชอบเขียนไดอารี่ เขียนผนังห้องน้ำ เขียนนั่น เขียนนี่
สุดท้าย ก็เลยได้มาเขียนเป็นกิจลักษณะ เป็นที่เป็นทางที่บล็อกแห่งนี้
แรกเริ่มเดิมที ตั้งใจจะเขียนบล็อกที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับกลอนเปล่า (Blank Verse) เพราะชื่นชอบงานของคุณ วารี วายุ (วินัย อุกฤษณ์) เป็นพิเศษ อ่านซ้ำไปซ้ำมา จนคิดว่าตัวเองเขียนได้แล้ว ก็เริ่มเขียนลงบล็อกบ้าง นิดๆหน่อยๆ
หลังจากนั้น ก็พบว่า มีเพื่อนๆ เขียนแนวกลอนกันเยอะอย่างคุณไฮกุ อาลีอา ญามี่ ฯลฯ และกลอนเปล่าที่ตัวเองเขียน ก็ดูจะเคร่งเครียดไปซักนิด ก็เลยเขียนแนวที่ตัวเองถนัดมาตั้งแต่ปางบรรพ์ ซึ่งก็คือแนวประสบการณ์ชีวิต เขียนเรื่องราวธรรมดาๆ ผ่านมุมมองของตัวเอง ที่ไม่ค่อยจะเหมือนราษฎรไทยคนอื่น จนมาเป็นธีมหลักของบล็อกเป็ดสวรรค์ อย่างทุกวันนี้ครับ
ส่วนที่ว่า ทำไมถึงเลือกมาเขียนบล็อกที่นี่ก็อย่างที่เล่าให้ฟัง มาเจอโดยบังเอิญ จะเรียกว่า เป็นบล็อกลิขิต ก็ไม่น่าจะผิด
เ ป็ ด ส ว ร ร ค์ . . อิ น ร ะ ย อ ง ฮิ
Q : คุณโต้ง มีใครเป็นต้นแบบหรือแรงบันดาลใจในงานเขียนหรือเปล่าคะ
A : ผมชื่นชอบ งานเขียนของคุณพิง ลำพระเพลิง และคุณโน๊ส อุดมครับ ที่ชอบเป็นพิเศษ เวลาเขียนไดอารี่ คือมุมมองแบบอุดม แต่ถ้าเขียนเรื่องสั้น เป็นเรื่องเป็นราว ผมจะชื่นชอบพิง ลำพระเพลิง พยายามเขียนตามแบบเขาสองคน ในช่วงแรกๆ พยายามฉีกแนวออกมาให้เป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดซึ่งตอนนี้ ก็ยังพยายามอยู่นะครับ
ถ้าจะให้พูดถึงอุดม แต้พานิช ก็คือ เขาเป็นรุ่นน้องพ่อผม 4 ปีครับ อุดมเกิดเมื่อพ.ศ 2511 เขามีชีวิตที่ประหลาด ถ้าเป็นเพลงก็ เป็นเพลงที่มีเมโลดี้ประหลาดๆ แหวกแนว แต่ฟังแล้ว ขนลุก โดนใจ เหมือนกับงานเขียนของอุดมนั่นแหละครับ ผมชอบอุดมในฐานะนักเขียน มากกว่านักแสดงเดี่ยวไมโครโฟนนะครับ ยกเว้นในเดี่ยว 8 นี่แหละ ที่เรียกว่า อุดมสามารถพูดเป็นภาษาเขียนของตัวเองได้
คนที่พูดเป็นภาษาเขียนนี่หายากยิ่งกว่าแย้เผือกอีกนะครับ เท่าที่รู้จัก มีอยู่สองคน อุดมนี่หนึ่งคน(ซึ่งเพิ่งจะเจอในเดี่ยว 8) ส่วนอีกคนคือ พี่เช็ค สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิแห่งทีวีบูรพาครับ
ส่วนพิงนี่ เขาเป็นคนที่หลุดโลกมาก ในด้านจินตนาการ คนที่มีความคิดทำนองเขานี่ ทราบว่ามีก่อนหน้านี้บ้างแล้ว แต่ผมยังไม่มีโอกาสไปอ่านงานของพวกเขาเหล่านั้น ส่วนตัวแล้วชอบพิง เพราะได้อ่าน หนังสือ ตอแหลลงตับ ของเขา สมัยมอปลาย ซึ่งตอนนี้ มันเอามาพิมพ์ใหม่ แต่แยกเป็นสามเล่ม คือ แกงไก่ล้างโลก ตื่นเถอะชาวไทย กับ ยอดมนุษย์ สุจริตชน หาซื้อได้ตามเซเว่นทั่วไป ข่าวว่ามีขายในบ่อนแถวปอยเปตด้วยนะ ไม่รู้ข่าวมั่วรึเปล่า?
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ทั้งสองคนนี้ ไม่เขียนหนังสืออีกแล้ว เท่าที่ผมทราบนะครับพิงนั้น พอแก่ตัวเข้า ไฟก็ดับ จิตใจฟุ้งน้อยลง เลยจินตนาการไม่ได้เท่าเดิม ส่วนอุดม ไม่แน่ใจว่าเขาเลิกเขียนบันทึกหรือยัง?
Q : ชื่อล็อกอินของคุณโต้ง สื่ออะไรถึงตัวเองหรือในเนื้อหาของบล็อกบ้างคะ
A :เป็ดสวรรค์ เป็นคำที่ผุดขึ้นมาในมโนสำนึกขณะเดินทางไปทำสมุดบัญชีใหม่ ที่ธนาคารกสิกรไทย ย่านสุขุมวิท 24ครับ
ผมชอบ เพราะมันเป็นชื่อที่ดูหลุดโลกดี ความหมายก็ดี เพราะมันคือเป็ด เป็ดเป็นสัตว์ที่ทำอะไรได้หลายอย่าง ว่ายน้ำก็ได้ บินก็ได้ แต่ไม่สวยงามไม่สง่างามซักอย่าง
แถมเวลาเดินก็ส่ายตูดดุ๊กดิ๊กผมว่ามันตลกดีนะ เวลาเป็ดเดินต่อตูดกันเป็นแถวน่ะ สงสัยมันระแวงว่าตัวข้างหลังจะจ้องตูดมัน มันเลยต้องส่ายตูดอย่างนั้น แต่เป็นเป็ดธรรมดาคงจะธรรมดาไป เลยคิดว่า ถึงจะเป็นเป็ด ก็ขอเป็นเป็ดสวรรค์ละกัน (หัวเราะหุๆแต่พองาม) ผมไม่รู้ว่าบนสวรรค์มีเป็ดไหมนะครับ เทวดาอาจจะไม่ชอบกินเป็ดกันก็ได้
ผมว่า มันเป็นชื่อล็อกอินที่เข้ากับตัวเองและบล็อกมากทีเดียว มันฟังดูตลกดี แต่เป็นตลกร้ายส่วนตัวผมก็ชอบตลกร้าย มันขัดแย้งในตัวเองดีครับความขัดแย้งที่ดูไม่ปกติ ความสุขของผมคือการทำตัวเองให้ ไม่ปกติแต่ไม่ถึงกับบ้า
Q : บล็อก เป็ดสวรรค์ กับ บล็อก อสัญแดหวา บล็อกใดที่สื่อถึงความเป็นตัวตนของคุณโต้งได้มากกว่ากันคะ
A : ผมว่า สองบล็อกนี้ คือตัวแทนของตัวตน ของความคิด ของสิ่งที่ผ่านเข้ามาในช่วงชีวิต ช่วงเวลานั้นๆ
ผ่านการสังเคราะห์จากสมอง ออกมาเป็นการสื่อสารผ่านงานเขียน มันคือตัวตน ของผมทั้งนั้นแหละครับ
แต่บล็อกเป็ดสวรรค์ จะมีเรื่องการวาดเข้ามาเกี่ยวด้วย ที่ผมเรียกว่ากระแดะศิลป์นั่นแหละครับ เนื้อหาโดยรวมแล้ว
บล็อกอสัญแดหวา จะออกไปทางพิงค์มากกว่า ส่วนเป็ดสวรรค์ จะออกไปทางไดอารี่ เลยออกจะคล้ายๆอุดม
แต่ที่ต่างกันกับสองคนนั้น คือ ผมเขียนได้ไม่ดีเท่าเขาทั้งคู่ครับ ยังห่างไกลนัก
อันนี้คือที่ต่างกัน แต่ยังไม่หยุดเขียนนะครับ
ผมยึดคติที่ว่า การเขียนมีไว้พุ่งชน บ็อบ มาร์เลย์ กล่าวไว้ นานแล้ว
เ ป็ ด ส ว ร ร ค์ . . อิ น อั ม พ ว า
Q : จากที่ติดตามอ่านบล็อกกันมา ทำให้ทราบว่าคุณโต้ง เรียนธรรมมะด้วยนะคะ
A : ผมเป็นมหาเปรียญ ชาวแปดริ้วครับ การได้ใกล้ชิดกับธรรมะ มันทำให้เรา ไม่ตกเป็นทาสของสำนักเจ้าพ่อเจ้าแม่ต่างๆ ที่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดในบ้านเราตอนนี้ครับ ทำให้เรารู้ ว่าอะไรคือเปลือก อันไหนคือแก่น อันไหนคือมิจฉาทิฎฐิ อันไหนถูกต้อง นับว่ามีประโยชน์สำหรับชีวิตมากมายมหาศาลทีเดียวครับ
และบางโอกาสพอเรารู้แล้ว เอาสิ่งที่เรารู้มาบอกต่อ มาเผยแพร่ต่อ สำหรับผู้ที่อยากรู้ ก็เป็นการสร้างธรรมทานอย่างหนึ่งครับ ได้บุญด้วย แต่ไม่ค่อยจะมีคนถามคนทักหรอกครับ มาดคงจะไม่ให้
ใครสนใจสนทนาธรรมกับผม ก็ยินดีนะครับ
Q : ในเรื่องของการทำงาน คุณโต้งเคยเป็นทหาร ไปคลุกคลีในพื้นที่ภาคใต้ 1 ปี อยากให้เล่าถึงที่ไปที่มา และความรู้สึกน่ะค่ะ
A : พอจบมอปลายมา ก็มาเรียนต่อครับ ด้วยอะไรซักอย่างตอนนั้น มันทำให้ต้องไปจับใบดำใบแดง
ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องผ่อนผันอะไรกับเค้าซึ่งไม่ดีเลย โชคก็ดันเข้าข้าง ราหูเข้าอมพอดี ก็จับได้ใบแดง ตอนนั้น ถึงกับเข่าทรุด พ่อแม่สับสน ผู้คนฮือฮา ชีวิตถึงกับทรุดไปเลยช่วงนั้น ก็ถือว่าเป็นบทเรียนครับ
กำหนดไปเป็นทหารคือ สองปี เต็มๆ ต้องย้ายที่เรียน ต้องดรอปบางเทอมไว้ เพราะไปอยู่ไกล ไม่มีเวลามาสอบ
ฝึกอยู่ในค่าย สองเดือน ก็ขึ้นประจำการกองร้อย วันๆ ก็ไม่มีอะไรทำ
อันนี้คือเรื่องจริง เคยสงสัยไหมครับ วันๆทหารในค่ายเขาทำอะไรกัน?
คำตอบคือ ไม่ค่อยได้ทำไรกันหรอกครับ ฮ่าๆ เดินง็อกๆแง็กๆไปมา ทำเอกสารนั่นนิดนี่หน่อยถ้าเป็นประทวน สัญญาบัตรก็นั่งอยู่ใน บก. เซ็นนั่นนี่ รอคำสั่งนาย
มันก็เบื่อครับ ผมเป็นมนุษย์ที่ไม่ค่อยชอบกฎข้อบังคับอะไรมากมาย แต่ชีวิต ก็ต้องมาเจอกฎระเบียบตลอด
ตอนฝึกนี่ ฝึกหนัก ออกแนวทรมานจิต ต้องกินกระทั่งอาเจียนของคนอื่น พอฝึกเสร็จแล้ว มันก็เบื่ออย่างที่บอก เลยขอออกฝึกกับเค้าต่อ แต่ฝึกประจำปี ประจำรอบ ก็ว่าไป
พอเข้าหกเดือนที่สอง ก็มีข่าวว่า มีการรับสมัครทหาร ที่จะลงไปประจำการ สามจังหวัดชายแดนใต้
ค่ายที่ผมอยู่ คือ อยู่จังหวัด สระบุรี เป็นหนึ่งในหน่วยรบหลักของกองทัพบก ก็เลยไปสมัครลงไปประจำการด้วย
ทีแรก ตั้งใจจะลงไปประจำการ แค่หกเดือน พอลงไปพื้นที่จริงๆ หกเดือนมันยังไม่รู้รสชาติ ก็เลยอยู่ต่ออีกหกเดือน ก็ปลดประจำการ นับเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ แบบไม่รู้ลืมครับ
น่าแปลกที่เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆหลายคนที่ลงพื้นที่ด้วยกัน ก็ทำเรื่องขอไปประจำการต่อ จนทุกวันนี้ หลายคนไปสมัครเป็นทหารพราน หลายคนก็ไป ตามความสามารถของตัว
ฟังข่าวทุกวัน ก็นึกอยู่ ว่าอย่าให้รายชื่อทหารที่ตายในแต่ละวัน เป็นคนที่เรารู้จัก เป็นพี่น้องของเราเลย
ความจริง มันไม่ควรมีใครตายทั้งนั้นแหละครับ
เพราะปัญหาที่แท้จริง เรื่องการแบ่งแยกดินแดน มันเป็นเพียงเรื่องสิวๆ ต้นเหตุของปัญหาจริงๆ คือ เรื่องงบประมาณ ที่ลงไปในพื้นที่ มากมายมหาศาล เวลาที่ภาคใต้ไม่สงบ เรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น
มันไม่สงบ เพราะมีบางคน บางพวก จงใจให้มันเป็นอย่างนั้นครับ
ผมและเพื่อนๆลงไปต่อสู้ ไม่ได้สู้กับใครที่ไหน แต่สู้กับพวกเดียวกัน สู้กับอำนาจ สู้ความความโลภของทหารบางคน สู้เพื่อป้องกันชีวิตผู้บริสุทธิ์ จากคนพวกนี้
มันน่าเจ็บปวดนะครับ ว่าไหม
ปัญหาอย่างหนึ่งของประเทศไทยคือ กองทัพ มีอำนาจมากเกินไป อย่างไร้การตรวจสอบ
อำนาจอะไร ที่ไร้การตรวจสอบ อันตรายทั้งนั้นแหละครับ
ทั้งหมด เป็นความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆนะครับ
ควันไฟ......ที่ปลายด้ามขวาน
Q : หลายบล็อกเป็นแนวเล่าข่าวในสไตล์ของคุณโต้ง เช่น อ็อดนี่ อยู่บางรัก(เป็ดสวรรค์ ฟักนิวส์)คุณโต้งมีแนวทางคิดยังไง กับการเลือกข่าวมาอัพบล็อก และเลือกวิธีเขียนในสไตล์ของตัวเองยังไงคะ
A : ฟักนิวส์ คือการยำข่าว เข้ากับมุกฮาๆ แต่จุดอ่อนของมันคือบางครั้ง เรากะสัดส่วนของสาระ กับความฮา และแบ่งวรรคตอนให้มัน ไม่ได้ดั่งใจ การเขียนข่าวฟักนิวส์ ใช้เวลามากครับ เพราะต้องหาข้อมูลข่าว แม้จะเป็นข่าวเดียวกัน แต่ก็ต้องอ่าน หลายๆสำนัก หลังๆก็เลย ไม่ค่อยมีเวลาเขียนซักเท่าไหร่ครับ
หลักการเลือกข่าว คือเอาข่าวที่มันเป็นกระแส หรือที่มัน น่าจะมีผลกระทบต่อชีวิตเรา หรือจะเป็นประวัติศาสตร์ต่อไปเป็นหลัก
แต่หลักจริงๆ ก็เอาข่าวที่ผมสนใจเป็นหลักล่ะครับ เพราะวันๆ ผมอ่านข่าว ค่อนข้างเยอะ
ถ้าออกจากงานประจำตอนนี้แล้ว ก็กะว่า จะไปขายหนังสือพิมพ์นี่แหละครับ ท่าทางจะรุ่ง
Q : คิดว่าตัวเองเป็นคนเครียด .. จริงจังกับชีวิต .. หรือมองโลกแบบไหนคะ?
A : ผมมองหามุมที่คนอื่นมองข้ามครับ แบบ อยากค้นพบอะไรใหม่ๆ จากมุมนั้นบ้าง จะได้แปลกๆกว่าคนอื่น เป็นพวก อัตถิภาวนิยม (Existentia) ก็ว่าได้ เราไม่ควรมองอะไรตามๆกัน ว่าไหมครับ มันออกจะน่าเบื่อไปหน่อย
ถามว่าจริงจังไหม ? ก็ไม่จริงจังตลอดเวลา จริงเฉพาะเวลาที่ควรจะจริงบ้าง แต่ตอนออกลาดตระเวน ผมก็ชอบฮัมเพลงนะครับ ฮ่าๆ
ชอบนึกเมโลดี้ดีๆออกตอนนั้นซะด้วย
คนชอบมองว่า ตลก คือ ไร้สาระ นับเป็นความเจ็บปวดอย่างหนึ่งนะครับ
นี่อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่โลกเราขาดเสียงหัวเราะก็ได้นะ เราควรจะสร้างทัศนคติให้กับเรื่องชวนหัวเสียใหม่นะครับ ( ชายหนุ่มกล่าวน้ำเสียงจริงจัง)
Q : ย้อนกลับมาที่เรื่องการทำบล็อกนะคะ คุณโต้งคิดว่า ตัวเองได้รับอะไรจากการทำบล็อกบ้าง
A : สิ่งที่ได้รับนอกจากปลาเค็มจากคล้ายดาว คุ๊กกี้จากดาวจ๋าและการ์ดอวยพรจากเพื่อนๆแล้ว ก็คือความสุขใจ ที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบครับ ได้เผยแพร่ความคิดของตัวเองให้คนอื่นรับรู้ ได้รับการยอมรับตามทฤษฎีปีรามิดห้าขั้น ได้เพื่อนต่างจังหวัดด้วยนะครับ เวลาไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ ก็อุ่นใจได้อาศัยพึ่งพิงพบปะกันไปในตัว ได้เจอคนมีของเหมือนๆกันจะเรียกว่าเผ่าเดียวกัน ก็คงไม่ผิด เจอหลายคนเลยล่ะ ได้พบได้เจออะไรหลายอย่างไปหมด
มันทำให้เราใส่ใจรายละเอียดของสิ่งต่างๆมากขึ้นด้วย ความคิดเรานิ่งขึ้น เพราะเราอยู่กับสิ่งที่เราจะเขียนมากขึ้น อยู่กับความคิดตัวเองมากขึ้น รู้จักตัวเองมากขึ้น
Q : คิดว่าสิ่งที่ทำอยู่ในบล็อก คุณโต้ง แบ่งปันให้กับคนในชุมชนบล็อกในด้านใดบ้างคะ
A : ส่วนมากที่คนที่เข้ามาอ่านบล็อกของผม ก็คงได้รอยยิ้มกลับไป คนละหน่อยสองหน่อย หลายคนอาจจะได้เสียงหัวเราะ ซึ่งก็แล้วแต่ว่า จะเข้าใจกับเรื่องราวที่ผมเขียนมากแค่ไหน
ผมเองเพิ่งมาค้นพบ "จังหวะของงานเขียน" ของตัวเองเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมพบว่า
เอนทรี่ขนาด 500 คำที่ผมเขียน(ซึ่งเป็นขนาดเอนทรี่ส่วนใหญ่ที่ผมเขียน) มันควรจะใช้เวลาอ่าน ราวๆ 4- 5 นาที ในที่ซึ่งเงียบพอสมควร เพราะผมจะใส่ความคิดสะกิดติ่งไว้ในแต่ละเอนทรี่ ซึ่งถ้าคุณอ่านเร็วกว่านั้น คุณก็จะไม่ทันได้เห็นมัน อาจจะอ่านข้ามมันไป
ที่สุดแล้ว เรื่องราวในงานเขียนของผม ผมอยากจะบอกว่า นี่เป็นความคิด มุมมองของชายไทยวัยยี่สิบกว่าคนหนึ่งเท่านั้น ผมไม่ทราบว่าใครได้อะไรกลับไปจากบล็อกผมบ้าง อาจจะได้คำใบ้หวยงวดต่อไปโดยบังเอิญ หรืออาจจะไม่ได้อะไรเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องไม่แปลกแต่ความตั้งใจของผมก็คือ อยากให้ได้อะไรไปบ้าง ไม่มากก็น้อย เหมือนคุณมาเยี่ยมบ้านเพื่อนคนหนึ่ง อย่างน้อยก็เด็ดตำลึงกลับไปทำต้มยำหัวปลาที่บ้าน ก็ยังดีว่าไหมล่ะครับ
Q มีหลายคนที่อยากทำบล็อก แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร คุณโต้งจะแนะนำยังไงดีคะ
A : เริ่มต้นทำบล็อกจากสิ่งที่เราถนัดที่สุดครับ เริ่มต้นอาจจะสับสน ผมเองก็เคย
แต่ซักพัก จะจับทางได้เอง เทคนิคแต่งบล็อก ก็มีสอนกันหลายบล็อกอยู่ เขียนช่วงแรกๆ อาจจะตื่นเต้นและคาดหวังไว้เยอะ มีเพื่อนมาคอมเม้นต์สามสี่คนก็ดีใจ วันไหนไม่มีเพื่อนมาคอมเม้นต์บ้างเลย ก็ชักจะถอดใจ
อยากบอกว่า อย่าเพิ่งท้อครับช่วงสองสามเดือนแรก เพื่อนๆอาจะยังไม่ค่อยรู้จัก
หมั่นไปทักทายบล็อกที่เราชอบ ก็จะได้รับมิตรภาพตอบมานะครับ แบบทักจริงๆ แนะว่าอย่าเอาเอากริตเตอร์ไปแปะเฉยๆ ไม่มีคำทักทายอะไร ที่แสดงว่าเราใส่ใจ เจ้าของบล็อกนั้นๆเลย เพราะธรรมดาของคนเขียนบล็อก ก็อยากให้คนรับรู้ อยากให้คนสนใจสิ่งที่เขียนล่ะครับ
พอสี่ห้าเดือน เราก็จะเริ่มจับทางตัวเองได้แล้วล่ะครับ
อัพบล็อกสม่ำเสมอ สามสี่วันครั้ง กำลังดีนะครับสำหรับผมที่เห็นเขียนแทบทุกวัน
ก็เพราะเขียนในสิ่งที่ตัวเองถนัด อย่างที่บอกไป อย่างพี่ก๋าจอมพลัง เขาก็เขียนในสิ่งที่ตัวเองถนัด
มันเลยไม่ต้องไปหาข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมากมาย ทุกอย่างมันอยู่ในหัวอยู่แล้ว
พอถึงเวลาเขียน ก็แค่หยิบมันออกมา พิมพ์เป็นตัวหนังสือเท่านั้น
ทริปอีกอย่างคือ พยายามอย่าแต่งบล็อกมากจนโหลดยาก บางทีโหลดกันจนเหนียงยาน
ยังไม่ถึงกล่องเม้นต์ เอาแต่พอดี เพราะหลายพื้นที่ในประเทศเรา
ความเร็วอินเตอร์เน็ตยังไม่แรงมากเนาะ
Q : เคยเบื่อและอยากเลิกทำบล็อกบ้างไหม เพราะอะไร
A : มันก็มีบ้าง เป็นอารมณ์ชั่ววูบนะครับ สาเหตุก็มาจากคอมเม้นต์บางคอมเม้นต์
ที่สะเทือนซางมากๆ แต่มาคิดอีกที เดี๋ยวเราเลิกไป เขาก็จะสมหวัง เลยไม่ยอมเลิกซักทีครับ
แฮ่ๆ
กะว่าก๋า . . ห มื่ น ต า . .....แ ล ะ ลิ ง ท ะ โ ม น
Q : ในหนึ่งเดือนอัพประมาณกี่บล็อก เหนื่อยไหมคะกับการหาข้อมูลมาทำบล็อก
A : เดี๋ยวนี้ผมอัพบล็อกแทบจะทุกวันครับ อัพเป็นเวลา ไม่เกินตีสาม แต่ส่วนมาก จะอยู่ที่หลังเที่ยงคืนนิดๆ เป็นที่ซึ่งเพื่อนๆ จะมองหาได้ไม่ยาก มองไปช่วงเวลานั้น ก็จะเจอเลยเมื่อก่อนตอนเขียนบล็อกใหม่ๆ จะอัพบล็อกประมาณ สามวันต่อหนึ่งเอนทรี่ งานเขียนเมื่อก่อน จะค่อนข้างแตกต่างจากตอนนี้ สมัยนั้น จะเขียนออกแนวปรัชญาฮาเฮนิดๆ แต่หลังๆ ปรัชญาชักหมดสต็อค ก็เลยมาคิดว่า จะทำยังไงดี
ทางออกตอนนั้นคือ หาอะไรที่เขียนได้ตลอด และสม่ำเสมอ การเขียนไดอารี่ ก็เลยผุดขึ้นมาในความคิด จากนั้น ก็เขียนไดอารี่เรื่อยมา แทรกมุมมองความคิดของตัวเอง กับสิ่งที่พบเจอในชีวิตประจำวัน เรามีชีวิตทุกวัน เราก็มีเรื่องเขียนได้ทุกวัน หนึ่งเดือน จะหยุดแค่สองสามวัน
คือวันที่ง่วงมาก ป่วย หรืออยากให้เวลากับอย่างอื่นบ้าง ส่วนมากก็จะเป็นวันที่คนเข้าบล็อกน้อยๆอย่างศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ครับ อันนี้ผมเดาเอา จากจำนวนคอมเม้นต์นะครับ
ถามว่าเหนื่อยไหม กับการหาข้อมูล ต้องบอกว่า การหาข้อมูลสำหรับผม คือการใช้ชีวิตธรรมดาๆเพียงแต่ใส่ใจในสิ่งที่ตัวเองพบเจอให้มากขึ้น ซึ่งก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรมาก ทำนาเหนื่อยกว่าเยอะครับ
Q : นอกจากบล็อกแก๊งค์แล้ว สนใจเว็บใดเป็นพิเศษอีกไหมคะ เช่น facebook หรือ บล็อกอื่นๆ
A : หลังจากที่เขียนบล็อกที่บล็อกแก๊งได้พักหนึ่งก็ลองไปสมัครที่ Exteen อยู่เหมือนกันครับ สมัครได้แล้วใช้ชื่อ ห่านอวกาศ แต่ดันลืมรหัสผ่าน หลังๆนี่ ทะเลาะกับคุณแชมป์ เว็บมาสเตอร์ของที่นั่นตอนงานประกวดไทยแลนด์บล็อกอวอร์ดนั่นแหละครับ ก็เลยเลิกล้มความตั้งใจ ที่จะไปเขียนบล็อกพระนครนู้นไปแล้ว
ผมมีเฟซบุ๊คด้วย มีเพจเล็กๆสำหรับเพื่อนบล็อก ชื่อ เป็ ด ส ว ร ร ค์ Blog. ครับ ตอนนี้มีแฟนเพจทั้งสิ้น 39 ชีวิตถ้วนๆ
Q : คุณโต้งอยากให้คนจดจำ ในฐานะบล็อกเกอร์ที่มีความโดดเด่นด้านไหนคะ
A : อยากให้คนจำได้ ว่าครั้งหนึ่ง เคยมีบล็อกเกอร์ฮาๆคนหนึ่ง ผมยาวๆ
แต่งตัวคล้ายศาลพระภูมิ เขียนบล็อกที่บล็อกแก๊งครับ
Q : ถ้าต้องเปลี่ยนชื่อบล็อกใหม่ คิดว่าจะใช้ล็อกอินว่าอะไรคะ
A :อยากได้ชื่อจีนๆบ้างเหมือนกันครับ น่าจะเป็นชื่อ ถันเหี่ยว ไม่มีความหมายนะครับ แต่ชอบ
นี่ถ้าเพื่อนๆเรียกสั้นๆว่าเหี่ยว คงแย่เลยนะครับ
Q : ในบล็อกแกงค์ คุณโต้งเป็นผู้ริเริ่มทำโครงการถนนสายนี้มีตะพาบ ซึ่งนับว่าประสบความสำเร็จมาก เพราะมีพี่ๆ เพื่อนๆในบล็อกมาร่วมเขียนงานด้วยเป็นจำนวนมาก
อยากให้เล่าหน่อยค่ะว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร รูปแบบโจทย์ และการร่วมสนุกทำได้อย่างไรบ้าง
A : ถนนสายนี้ มีตะพาบ มาจากการที่ ถนนสายนี้ มีมิตรภาพ ของคุณอ้อน คุณแจง และน้องปอย
ได้หยุดพักตัวเองไป ซึ่งตอนนี้ ก็ได้ปีกว่าๆแล้ว ระหว่างนั้น เราก็เลยคิดโครงการขึ้นมาแก้ขัด ก็คือ โครงการนี้แหละครับ
รูปแบบโจทย์ก็คือ จะมีคนตั้งโจทย์ขึ้นมา กำหนดให้เพื่อนบล็อกเขียนเอนทรี่ ซึ่งมีเนื้อหา ตามที่โจทย์กำหนดไว้ โจทย์ไม่จำกัดรูปแบบ งานเขียนก็ไม่จำกัดรูปแบบการเขียนเช่นกันครับ
สำหรับการเข้าร่วม ก็ง่ายๆครับ แค่มาบอกว่า จะเขียนด้วยนะ เขียนเสร็จแล้ว ถึงวันที่อัพ ก็มาบอกว่า อัพแล้วนะ เท่านั้นล่ะครับ เดี๋ยวจะทำลิ้งก์ไปหาบล็อกที่เขียนให้ครับ
Q : ในความคิดของคุณโต้ง .. มิตรภาพในบล็อกมีจริงมั้ยคะ .. และจะวางมิตรภาพนี้ไว้ตรงไหนคะ
A : ผมว่า มีแน่ๆครับ ไปเที่ยวด้วยกันมาหลายหน ไปเลี้ยงข้าวเลี้ยงปลา ฮาเฮตุ้มเป๊ะกันมา ก็หลายทีแล้ว
ถ้ามิตรภาพของเราหมายความว่าอย่างนั้น ก็นี่แหละครับ ได้รู้จักกันทางบล็อกนี่แหละ
ถูกอกถูกใจ ก็นัดเจอกัน แล้วพบกัน ในชีวิตจริง ได้เพื่อนได้พ้องกันไปครับ
มิตรภาพวางไว้ในหัวใจนี่แหละครับ แต่ทำใจไว้นิดนึง ตอนเจอกันใหม่ๆ ความจริงที่เจอ อาจจะไม่เหมือนในโลกออนไลน์ โลกออนไลน์นี่ จินตนาการสำคัญกว่าความจริงนะครับ แต่ในโลกของความเป็นจริง ความจริงย่อมเป็นใหญ่ครับ ใครเจอผม หน้าเหี่ยวกว่าที่เคยเห็นในบล็อก ห้ามทักท้วงเด็ดขาดนะเด้อ ไม่งั้นโกรธยันทะเลแห้ง ฮ่าๆ ล้อเล่นนะครับ ทักได้ๆ แต่ทักเบาๆหน่อยละกัน
Q : บล็อกคุณโต้ง พูดถึงการเมืองอยู่บ่อยครั้ง อยากให้คุณโต้งแนะนำเพื่อนบล็อกว่าควรเขียนบล็อกการเมืองอย่างไร จึงจะปลอดภัยจากการโดนยึดล้อกอิน
A : อันนี้จนปัญญานะครับ แฮ่ๆ เพราะผมเคยโดนยึดล็อกอินมาแล้ว อันที่จริงก็ เขียนตามกฏนั่นแหละครับ อย่าไปหมิ่นประมาทพาดพิงใคร อย่าเอาสถาบันมาเกี่ยว อย่าเขียนเรื่องการเมือง สลับกับฉากอีโรติค ระหว่างที่เขียน ก็สั่งบะหมี่เกี๊ยวมาทานด้วยได้นะครับ อันนี้ไม่ผิดกฎ
ประเทศเรา อยู่ในโซนที่สิทธิเสรีภาพถูกปิดกั้นนะครับ อันนี้คือความจริง ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่า เราไม่รู้จักมันอย่างแท้จริง ไม่รู้จักขอบเขตของมัน เหตุนั้น เราจึงถูกปิดกั้น หากเรารู้จักมันอย่างแท้จริง เราจะไม่ยอมให้ใครมาปิดกั้น ด้วยข้ออ้างที่ว่า นั่นคือขอบเขตของสิทธิเสรีภาพของเรา
จริงไหมครับ?
Q ช่วงนี้ทราบว่าคุณโต้งสนใจการถ่ายภาพอีกอย่างหนึ่ง อยากทราบว่าชอบแนวทางการถ่ายภาพแบบไหนคะ
A : ผมมีนิสัยส่วนตัวอยู่อย่างหนึ่ง คือ มีส่วนที่เป็นคนแก่ในตัว ค่อนข้างเยอะในบางเวลา ชอบนึกถึงความหลัง ตอนนั้น ตอนนี้ และพอเรามองผ่านความทรงจำของเรา จินตนาการของเราจะเติมแต่งลงไปในเรื่องราวนั้นๆ ทำให้เรื่องราว ดูดี ดูสวยงามกว่าความเป็นจริงเสมอๆ
ผมเลยซื้อกล้องถ่ายภาพมาไว้ด้วยเหตุผลนี้ ต้องถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน ว่าจริงๆแล้ว เรื่องราววันนั้น เป็นอย่างไรกันแน่ เรียกว่า เป็นเครื่องยืนยันความทรงจำ ไม่ให้จินตนาการแต้มแต่งลงไป ให้มันโอเวอร์เกินจริง
ภาพที่ชอบถ่าย ตอนนี้ เอาตอนนี้ก่อนนะครับ คือแคนติด ชอบถ่ายภาพที่มันไม่เสแสร้ง ดูเป็นธรรมชาติ
ตอนนี้ยังถ่ายภาพตามกฎอยู่ พยายมจะแหกกฎ หามุมที่เป็นของตัวเอง คาดว่า ไม่นาน คงได้เจอมุมที่ว่าครับ
บล็อกถ่ายภาพที่ชอบ แน่นอนว่า บล็อกคุณพู่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากนั้น ผมชอบเข้าไปดูภาพสวยๆ ที่นี่ครับ
boston.com เว็บนี้ จะมีภาพเหตุการณ์สำคัญๆ ไว้ให้ดูกัน ภาพใหญ่ มุมสวยดีด้วยครับ
Q : จากทริปที่ไปท่องเที่ยวจากสถานที่ต่างๆ คุณโต้งชื่นชอบกับการถ่ายภาพที่ไหนบ้างคะ
A : อันที่จริง ผมเพิ่งเริ่มออกเที่ยว ประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมานี่เองครับ ชีวิตก่อนหน้านั้น ก็ทำงาน วันหยุดก็ไม่ได้ไปไหน จนหลังๆมา รู้สึกว่า ตัวเองก็ใกล้จะตายเต็มทีแล้ว ควรจะออกท่องเที่ยว เปิดหูเปิดตา ออกไปสูดดมสิ่งแวดล้อมแบบใหม่ๆบ้าง
ก็เลยเริ่มออกไปเที่ยว ที่นั่นที่นี่ ที่ประทับใจก็ต้องเป็นทริปเชียงใหม่นี่แหละครับ ไปคนเดียว เที่ยวคนเดียว เดินลงดอยคนเดียว ขาลากคนเดียว ได้รับรอยยิ้มจากคนแปลกหน้า รู้สึกซาบซ่าในอารมณ์ ระหว่างเดินลงมากๆ
เชียงใหม่ตอนแห้งๆสำหรับผมนี่ เป็นอะไรที่น่าอยู่มากๆนะครับ ผมไม่ค่อยชอบหน้าฝน อากาศชื้นๆ
เพราะชาติก่อน ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นลามะจากธิเบต เป็นอะไรตายไม่รู้ ชาตินี้เลยได้มาตกฟากที่เมืองไทย โตเป็นหนุ่มตอนมีม็อบเหลืองแดง ตอนมีการรบที่ชายแดนพอดี
หลังๆมา เริ่มรู้จักกับพี่หนุ่ย(โจนบ้ากับป้าแก่ๆ)และพวกพ้อง ก็รู้สึกว่า เราได้เจอชนเผ่าเดียวกันแล้ว ตั้งสองสามคน หลังๆ ก็เลยออกทริปออกทัวร์กันตามประสาคนที่เจียดเวลาไปเที่ยวครับ เที่ยวกันใกล้ๆเมืองหลวง ไปไกลไม่ได้
ที่ชอบไปก็แถวชะอำ หัวหิน ย่านนี้ล่ะครับ เขาชอบมีงานดนตรีบ่อยๆ ก็อาศัยไปปล่อยผีปล่อยสางกับเค้า อีกที่ก็เขาวังครับ ก็ไปอยู่ประมาณนี่ เขาวังนี่ไปบ่อยหน่อย ชอบบรรยากาศของตัวเมืองเพชรบุรี ถ้ามีโอกาสไปที่อื่นอีก ผมก็คงชอบที่อื่นอีกล่ะครับ
ผมคนใจง่าย แฮ่ๆ
Q : พื้นที่ในบล็อกแกงค์ ที่ให้เรา ตรงนี้ยังไม่ได้หมดลง แต่ดี.รบกวนเวลาคุณโต้งมาเยอะแล้ว .. สุดท้ายอยากให้คุณโต้งฝากถึงเพื่อนๆบล็อกของเรา ก่อนที่จะจบการสัมภาษณ์ครั้งนี้ค่ะ ^^ฮ
A :ท้ายที่สุดแล้ว ที่อยากจะฝากไว้ในซอกหลืบใจของทุกคนก็คือ ไม่ว่าในโลกของความเป็นจริง คุณจะเป็นใคร คุณจะต่ำต้อย หรือสูงส่งเพียงไหน ผมเชื่อว่า คุณๆมีเหตุผลบางอย่าง ในการสร้างตัวตนอีกตัว ขึ้นมาในโลกไซเบอร์แห่งนี้ และพยายามรักษามันเอาไว้
ผม ในนามของหนึ่งในจำนวนคนเหล่านั้น ผมขอให้ทุกคน มีความสุข กับตัวตนที่พวกคุณสร้างขึ้นมาครับ
ผมอาจจะเป็นร้อยตำรวจเอกโทตรีเป็ดสวรรค์ในโลกของความจริง แล้วสั่งลูกน้องไปออกทริปกับพวกพี่หนุ่ยแทนตัวเอง ใครจะไปรู้ ผมอาจจะเป็นเฉินหลงปลอมตัวมา หรืออาจจะเป็นไข่นกเค้าแมวปลอมตัวมา ก็ได้
ตัวตนในโลกจำลองแกนนำพันธมิตรแห่งนี้ อาจจะช่วยปลอบประโลมเราจากโลกแห่งความจริงอันโหดร้าย อาจจะช่วยให้เรามีพลังในการดำเนินชีวิต ทำให้เราทานข้าวอร่อยขึ้น ทำให้ได้กินปลาเค็ม ได้กินคุกกี้อร่อยๆ
มีความสุขกับมันเถอะครับ ไม่ผิดกฎหมายอะไร เป็นอะไร ที่เราอยากเป็น แต่เป็นไปไม่ได้ ในโลกของความจริง โลกออนไลน์ ก็ดีอย่างนี้ล่ะครับ
นอกจากนี้ ก็ขอฝากเรื่องสถานการณ์โลกร้อน เรื่องผู้หิวโหยในแอฟฟริกา เรื่องปัญหาขยะบนเกาะภูเก็ต ปะการังฟอกขาวในทะเล และก็ เรื่องเซ็กซ์เอ็นเซนด้วยนะครับ หนังดี ส่งเสริมจินตนาการ แบบสามมิติซะด้วย
ขอให้โลกสงบสุข ขอให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล และขอให้มีกุ้งในทะเลเยอะๆนะครับ ขอบพระคุณ
อย่างที่บอกมาตั้งแต่ต้นนะคะ .. คุยกันมาเพลินเพลิน
เหมือนกับได้ทานอาหารหลายอย่าง อย่างละนิด อย่างละหน่อย
แล้วความรู้สึกก็บอกว่า .. ยังไม่ค่อยอิ่มสักเท่าไหร่ ..
ถ้าพี่พี่ เพื่อนเพื่อนอยากคุยเรื่องไหนเพิ่มเติม ..
คุยกับคุณโต้งต่อไ้ด้เลยค่ะ .. ดี.จะเป็นผู้ฟังบ้างแล้ว
สุดท้ายนี้ .. ดี.ขอบคุณ คุณโต้งมากค่ะ ที่ให้เวลาได้ทำความรู้จักกัน
ขอบคุณค่ะ