ภาพยนตร์ :: The GrandMaster:: ยอดปรมาจารย์ “ยิปมัน” The GrandMaster:: ยอดปรมาจารย์ “ยิปมัน” ผู้กำกับ : Wong Kar Wai (ว่องกาไว) อำนวยการสร้าง : Wong Kar Wai (ว่องกาไว) ภาพยนตร์แนว : แอ็คชั่น จากประเทศ : แคนนาดา-ฝรั่งเศส จัดจำหน่ายโดย : เอ็ม พิคเจอร์ส กำหนดฉาย : 7 มีนาคม 2556 ณ โรงภาพยนตร์ : ทุกโรงภาพยนตร์ นั ก แ ส ด ง Tony-Leung Chiu Wai (เหลี่ยงเฉาเหว่ย) จากภาพยนตร์เรื่อง Internal Affairs , Hero , Fa Yeung nin wa Zhang (จางซิยี่) จากภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger Hidden Dragon , Hero , Rush Hour 2 Chang Chen (จางเจิ้น) จากภาพยนตร์เรื่องCrouching Tiger Hidden Dragon,Chi Bi ,Chun Gwong Cha Sit Song-Hye kyo (ซองเฮเคียว) จากภาพยนตร์เรื่อง Pool Ha-Wou-Seu , Gaeul Donghwa , Fetish , O-Neul ในช่วง ปี 1930 การฝึกวิชากังฟูกำลังเป็นที่นิยมแพร่หลายโดยเฉพาะในมณฑลฟูชาน ทางตอนใต้ของประเทศจีน นับเป็นแหล่งสรรพวิชายุทธที่ผู้คนทุกสารทิศเดินทางมาร่ำเรียนการต่อสู้ เหล่าปรมาจารย์ต่างเปิดสำนักเป็นของตัวเอง และก็มักจะมีการทดสอบว่ากังฟูของใครเหนือกว่ากันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็จะเป็นเหมือนการวิวาทกันเสียมากกว่า จึงได้เกิดการประลองเพื่อแสวงหาสุดยอดเพลงยุทธ โดยมีกำหนดสถานที่ประลองชัดเจน กติกาเดียวที่ใช้ในเวทีแห่งนี้คือต่อสู้ 24 ชม. ต่อเนื่องห้ามหยุดพัก ห้ามแม้กระทั่งนอนหรือกินข้าวก็ไม่ละเว้น ที่สำคัญไม่ยินยอมให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องนอกจากคู่ประลองเท่านั้นจนกว่าจะได้รู้ผลว่าใครเป็นผู้ชนะ ยิปมัน เป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือที่มีทักษะกังฟูสูงส่งเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะเพลงมัดหย่งชุนที่ทำโด่งดัง แต่เขาเลือกที่จะไม่แสดงตัวโอ้อวดและรักสันโดด แต่มันก็ไม่อาจช่วยให้เขารอดพ้นจากเรื่องยุ่งยากครั้งนี้ เมื่อบางสำนักหวั่นเกรงว่าเขาจะเข้าร่วมประลองจึงดักซุ่มทำร้าย แต่ด้วยสุดยอดกังฟูในแบบฉบับของตัวเองทำให้ศัตรูที่แม้จะมีคนมากกว่าก็ต้องพ่ายศึกไป ทว่าในการต่อสู้ครั้งนี้ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น เมื่อนายทหารใหญ่จากมณฑลทางเหนือเดินทางอย่างลับมาพร้อมกับผู้ติดตามยอดฝีมือกลุ่มหนึ่ง โดยมีแผนงานบางอย่างไม่เป็นที่เป็นเผย แต่เขากลับถูกลอบสังหารโดยผู้ต้องสงสัยคือ อี้ เซียนเทียน เพราะเขาหายสาปสูญไปหลังจากเกิดเรื่อง ด้วยความภักดีต่อกองทัพ เจ้าสำนัก คุน ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดประลองจึงขอร้องให้อาจารย์ยิปมันช่วงเป็นธุระในการไล่ล่า อี้ เซียนเทียน เพื่อชำระแค้นในครั้งนี้ เรื่องราวของปรมาจารย์ “ยิปมัน” เพลงหมัดหย่งชุนที่เลื่องลือไปทั่วยุทธภพ ยิปมัน เป็นปรมาจารย์เพลงมัดหย่งชุนคนแรก ที่เปิดสอนให้กับสาธณารณะ จนหย่งชุนที่โด่งดังกระฉ่อนระดับโลกได้จนทุกวันนี้ ลูกศิษย์ของยิปมัน มีหลายคนที่เปิดสำนักของตนเอง รวมถึง บรูซ ลี ด้วย การถอดความใหม่ของผู้กำกับ “หว่องกาไว” ที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นของ “ดอนนี่ เยน” ด้วยความที่รายละเอียดและการใส่ใจในทุกรายละเอียด ผู้กำกับเริ่มคิดดำเนินสร้างที่กินเวลาทั้งสิ้นกว่า 10 ปี ในการทำออกมาให้สมบูรณ์แบบ ทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างสุดตัว สำหรับผลงานภาพยนตร์จีนแอ็คชั่นฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดของนักแสดงมากความ สามารถชื่อดังอย่าง Leung Chiu Wai (เหลียงเฉาเหว่ย) กับภาพยนตร์เรื่อง THE GRANDMASTER งานนี้นักแสดงฝีมือเก๋า เหลียงเฉาเหว่ย สวมวิญญาณเป็น “ยิปมัน” สุดยอดปรมาจารย์ของ บรูซ ลี โชว์เพลงหมัด หย่งชุน ศิลปะการต่อสู้ที่ถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดตำนานกังฟูชื่อก้องโลก แถมยังได้ครูดีอย่าง “ยิปชุน” ทายาทแท้ๆ ของ “ยิปมัน” มาสอนเพลงหมัดแบบตัวต่อตัว เหลียงเฉาเหว่ย นักแสดงมากความสามารถเปิดใจถึงผลงานเรื่องล่าสุดของเขาดู... “ .ในเรื่องผมรับบทเป็น ยิปมัน ปรมาจารย์ที่มีความชำนาญด้านเพลงหมัดหย่งชุน ยิปมันเป็นคนรักสงบ ไม่โอ้อวดตัวเอง ชอบใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายกับครอบครัว แต่มาวันหนึ่งชีวิตเขาต้องเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงหลังยุคสงคราม ทำให้ยิปมันและครอบครัวต้องย้ายไปอยู่ฮ่องกง เพื่อพิสูจน์ฝีมือเพลงหมัดหย่งชุนให้เป็นที่ยอมรับเพื่อให้เขาได้มีโอกาสกลับมาเปิดสำนักอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งยิปมันจะทำสำเร็จหรือไม่ต้องลองไปติดตามกันดู ภาพยนตร์เรื่องนี้สำหรับผมแล้วผมรู้สึกภูมิใจที่สุดในตลอดระยะเวลาที่ผมได้แสดงหนังบู๊มาหลายต่อหลายเรื่อง ผมกล้าการันตีว่าหนังเรื่องนี้เยี่ยมยอดจริงๆ เชื่อมั้ยตลอดการถ่ายทำผู้กำกับเน้นในรายละเอียดสุดละเมียดละมัยทุกขั้นตอนจริงๆ ภาพแต่ละเฟรมที่ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์ ถูกคัดสรรและดูและการผลิตให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด ยิ่งฉากในการต่อสู้ผมชื่นชมนะมีมุมกล้องรอบตัวผมที่เก็บทุกรายละเอียดแบบ 360 องศาเลยจริงๆ ต้องขอยกเครดิตให้ผู้กำกับ Wong Kar Wai (หว่องกาไว) ที่เสนอบทนี้ให้ผมได้แสดงแถมยังได้ครูสอนเพลงหมัดหย่งชุนที่เป็นทายาทแท้ๆ ของยิปมัน มาเป็นคนสอนทักษะทุกอย่างให้ มันช่วยให้ผมเข้าใจศาสตร์ของศิลปะการต่อสู้มากขึ้น ผมใช้เวลาในการฝึกฝนเพลงหมัดหย่งชุนอยู่ประมาณ 3 ปีเต็ม กว่าที่แฟนๆ จะได้เห็นลีลาเพลงหมัดและการต่อสู้ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันเป็นอะไรที่ทรหดอดทนและท้าทายมากๆ(หัวเราะ) ผมกระดูกแขนหักสองครั้ง แต่มันก็ไม่ได้ให้ผมท้อนะเพราะทีมงานทุกคนทุ่มเทกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ในเมื่อทีมงานไม่ถอยผมเองก็ต้องไม่ถอยเช่นกัน เราทำจนในที่สุดมันก็สำเร็จเป็น The Grandmaster (เดอะ แกรนด์มาสเตอร์) เป็นงานมาสเตอร์พีชอีกเรื่องสำหรับผม อีกเรื่องที่ผมรู้สึกภูมิใจคือการได้ร่วมงานกับสองนักแสดงอย่าง Zhang Ziyi (จางซิยี่) เธอเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมมาก ทุกๆ ครั้งก่อนการถ่ายทำเธอจะเตรียมพร้อมเสมอไม่ว่าจะเป็นร่างกายหรือไดอะล็อก เธอเป็นนักแสดงที่มีอนาคตไกลเลยทีเดียว Song-Hye kyo (ซองเฮเคียว) เป็นนักแสดงที่มีความสามารถรอบด้านมาก เป็นนักแสดงมืออาชีพมากๆ ส่วนผู้กำกับคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะทั้งผมและ Wong(หว่อง) เราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ(ยิ้ม) ตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาเราเป็นเหมือนเพื่อนเหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เราไว้ใจและเชื่อใจซึ่งกันและกันต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าเขาจะให้ผมทำอะไรผมก็จะทำ เพราะผมเชื่อว่าสิ่งที่เขาคิดมันจะช่วยให้หนังเรื่องนี้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดและมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ The Grandmaster (เดอะ แกรนด์มาสเตอร์) เป็นหนังดีที่สุดของผมอีกเรื่อง ชีวิตนี้ถ้าผมไม่ได้เล่นเรื่องนี้ ผมคงนอนตาไม่หลับ ผมอยากให้แฟนๆ มาลองติดตามชมภาพยนตร์เรื่องนี้ แฟนๆ จะได้เห็นฉากการต่อสู้ที่บู๊หนักแน่นแต่พริ้วไหวทุกกระบวนท่าตามสไตล์ของ Wong Kar Wai (หว่องกาไว) นอกจากนี้ยังได้รู้จักกับศิลปะการต่อสู้ของกังฟูที่หลากหลายแขนง และยังได้รู้จักกับเส้นทางชีวิตของยิปมัน ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าสุดยอดปรมาจารย์ของ บรูซ ลี มาเป็นกำลังใจให้กับผมด้วยนะครับ...” ผู้กำกับกำกับ หว่องกาไว หรือ หวังเจียเหว่ย (ออกเสียงภาษาจีนกลาง) เป็นทั้งผู้กำกับและมือเขียนบทชาวฮ่องกง ผู้สร้างชื่อเสียงก้องโลกด้วยผลงานเป็นที่ยอมรับจากผู้ชมทั่วโลกว่าเป็น “ผู้กำกับที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง” ด้วยงานที่โดดเด่นแบบ ดราม่า เปล่าเปลี่ยว หว่องกาไว กำกับภาพยนตร์เรื่องแรก เมื่อปี1988 เรื่อง As Tears Go By (ทะลุกลางอก) เริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง Days of Being Wild (วันที่หัวใจรักกล้าตัดขอบฟ้า) ปี1990 และภาพยนตร์เรื่องต่อมา ไม่ว่าจะเป็น Chungking Express (ผู้หญิงผมทอง ฟัดหัวใจให้โลกตะลึง) ปี1994, Ashes of Time (มังกรหยก ศึกอภิมหายุทธ) ปี1994 และ Fallen Angels (นักฆ่าตาชั้นเดียว) ปี1995 ภาพยนตร์เรื่อง Happy Together (โลกนี้รักใครไม่ได้นอกจากเขา) ปี1997 เป็นผลงานสร้างชื่อให้กับหว่องกาไว ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ได้รับรางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ภาพยนตร์เรื่องถัดมา In the Mood for Love ปี 2000 ประสบความสำเร็จอย่างสูง ได้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ทั้งจาก รางวัลบาฟตา รางวัลซีซาร์ และรางวัลของสถาบันภาพยนตร์อเมริกัน และถัดมา ปี 2004 ในภาพยนตร์ดราม่า 2046 ที่ใช้เวลาถ่ายทำถึง 4 ปี ในหลายประเทศ หนังสั้นอย่าง Eros ในปี 2004 รวมทั้ง หนังที่กำกับและพูดภาษาอังกฤษเรื่องแรกอย่าง My Blueberry Nights (มาย บลูเบอร์รี่ ไนท์ 300 วัน 5,000 ไมล์ ห่างไกลไม่ห่างกัน) ในปี 2007 ภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ หว่องกาไว กำกับ ยกเว้นเรื่องแรกคือ As Tears Go By ล้วนกำกับภาพโดย คริสโตเฟอร์ ดอยล์   Create Date : 07 มีนาคม 2556 10 comments Last Update : 7 มีนาคม 2556 19:52:26 น. Counter : 3814 Pageviews. Share Tweet

...ภาพสวย คลาสสิกจริงๆ เห็นแล้วอยากดูมากๆ ไม่พลาดแน่ๆ นางเอกสวยจริงๆ ไปดูกันเถอะเพื่อนๆ...   โดย: จอมยุทธ IP: 125.26.60.36 7 มีนาคม 2556 20:14:03 น.

sirivinit Hobby Blog ดู Blog มัชชาร Movie Blog ดู Blog ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น   โดย: by log in sirivinit (Letalia ) 7 มีนาคม 2556 20:23:45 น.

เห็นแล้วอยากดูบ้างอะตะเอง เกือบปีแล้วที่ไม่ได้เข้าโรงหนังเลย ยิ่งมาอยู่ที่นี่ยิ่งไม่ได้ดูเลยอ่า จุ๊ฟๆ ยามดึกจ้า   โดย: fonrin 7 มีนาคม 2556 20:33:10 น.

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ ภาพสวยมากค่ะคุณดี บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้ ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต มัชชาร Movie Blog ดู Blog   โดย: หอมกร 7 มีนาคม 2556 21:15:55 น.

สวัสดียามเช้าครับน้องดี ชอบเรื่องนี้ครับ พี่ก๋าไม่พลาดดูแน่นอนครับ   โดย: กะว่าก๋า 8 มีนาคม 2556 7:00:59 น.

อ่านบล็อกจบก็กดโหวตหมวดหนังให้เลย ภาพไซส์ใหญ่ได้ใจและสวยมากค่ะ เราเคยดูเวอร์ชั่นดอนนี่ เยนภาคแรกทางทรู มันส์มากกก ตัวดอนนี่เป็นนักบู๊ตัวจริงเสียงจริง ฉากบู๊สมจริงสมจังและน่าตื่นตาตื่นใจ ชอบบุคลิกของอาจารย์ยิบมันด้วย เป็นคนเก่งแต่ไม่โอ้อวด ชอบฉากที่สู้กับฝรั่ง โอ้จอร์ช มันยอดสุด ๆ ไม่รู้ว่าเวอร์ชั่นนี้จะทำออกมาเป็นยังไง แต่ชื่อหว่องกาไวก็เชื่อมือได้ในระดับสูง แล้วพี่เหลียงก็ฝึกวิทยายุทธ์ตั้งสามปี หนังคงออกมาดีและทำเงินแน่ ชอบนักแสดงฝ่ายหญิงทั้งคู่ สวยพอ ๆ กันเลย เพิ่งรู้ว่าเฮเคียวมาแสดงเรื่องนี้ด้วย นับวันยิ่งสวยขึ้น ภาพในบล็อกโครงหน้างามยังกับภาพวาดเลยค่ะ   โดย: haiku 8 มีนาคม 2556 9:00:20 น.

More Good Evening Comments -------------------- แวะมาทักทาย วันศุกร์ยามเย็น พรุ่งนี้คงได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่เสียทีนะคะ ระลึกถึงอยู่เสมอค่ะน้องดี   โดย: เกศสุริยง 8 มีนาคม 2556 17:44:57 น.

ปกติชอบแนวนี้อยู่แล้ว เรื่องนี้ "ต้องดู" ครับ +   โดย: คุณต่อ (toor36 ) 8 มีนาคม 2556 18:07:03 น.

ดูแล้วชอบเวอร์ชั่นดอนนี่ เยน มากกว่าครับ เวอร์ชั่นนี้ภาพติดสโลมากไป แบบว่าท่ามากไปและชอบซูมภาพมากเกินไป มันไม่ธรรมชาติ ฉากแอ็คชั่นก็ไม่สุดนะ คือถ้ายังไม่มีเวอร์ชั่นดอนนี่ เยน คงดูสนุกอ่ะครับ แต่พอดีดอนนี่ เยนแสดงแล้ว เวอร์ชั่นนี้ธรรมดาไปเลย   โดย: Eak IP: 223.206.45.218 29 เมษายน 2556 19:26:33 น.

ดูแล้วครับ รู้สึกว่าผิดหวังกับหนังเรื่องนี้ เพราะหวังว่าจะได้ดูกังฟูแบบจุใจ อยากจะบอกว่าเป็นหนังที่ผมดูแล้วรู้สึกเบื่อไม่อยากดูให้จบเสียด้วยซ้ำ เพราะว่าการดำเนินเรื่องช้ามาก ๆ เอาแต่ภาพสวย ๆ ค่อย ๆ เลื่อนไป ฉากหลายฉากก็เอาแต่ฉายภาพคนนั้นคนนี้ ไม่รู้พี่หว่องแกจะเก็บรายละเอียดอะไรนักหนา หากตัดตรงนี้ได้จะดีมาก บอกได้คำเดียวว่าสนุกแค่ฉาก 5 นาทีแรกเท่านั้น นอกนั้นการต่อสู้ก็สั้น ๆ ไม่เล้าใจเอาเสียเลย หนังขึ้นชื่อว่าปรมาจารย์ยิบมัน ไม่ว่าภาคไหน ใครแสดง สิ่งที่คนดูหวังก็คือได้ดูการต่อสู้ที่สนุกครับ ไม่ใช่เอาหนังบู๊มาทำหนังดราม่า เซ็งมากครับ   โดย: sinsen IP: 180.183.2.89 4 พฤษภาคม 2556 22:25:49 น.