มหัศจรรย์พลังสุขภาพ กาย จิต สมอง

 
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
3 สิงหาคม 2553
 

แนะนำอาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง

ยินดีต้อนรับ อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง อาณาจักรแห่งโลก สุขภาพ ที่ผสมผสานศาสตร์แห่งการดูแลสุขภาพทั้งแบบตะวันออกและตะวันตก เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้สุขภาพ ในแง่มุมต่างๆตามทัศนะของผู้เขียน ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการต่างๆ ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมแลกเปลี่ยนและแบ่งปันความรู้ ทั้งนี้หวังว่าจะยังประโยชน์ ให้แก่เพื่อนๆ คนไทย หรือผู้สนใจทุกคน โดยมุ่งหมายให้สุขภาพมนุษย์สมดุลย์ สมบูรณ์ มีสุขลักษณะ มีบุคคลิกที่ดูดี อ่อนวัย และมีความสุข ได้อย่างมหัศจรรย์




Smiley ความสงบ กระชับเชง และหลับสนิท
อีกเหตุผลที่ทำให้ชายผู้นี้อายุยืนถึง 256 ปี



นายลีชุนยุง ชาวจีนผู้เกิดในปี ค.ศ. 1677 และตายในปี 1933 สิริรวมอายุได้ 256 ปี! เขาเป็นผู้ลบล้างความเชื่อหลายต่อหลายประการ นับแต่ความเชื่อว่าคนเราควรมีอายุได้สูงสุดไม่เกิน 120 ตลอดไปจนกระทั่งความเชื่อว่าคนแก่ต้องหลังโก่ง ผิวหนังเ**่ยวย่นเสมอ เพราะจนตายนายลีก็ยังสุขภาพแข็งแรง หลังตรง หนังตึง สายตาไม่ฝ้าฟาง เส้นผมกับฟันยังเป็นของแท้ตามธรรมชาติ ไม่มีใครเห็นเขามีสภาพเกินชายวัย 50 เลยด้วยซ้ำ!

รัฐบาลจีนรับรู้ว่าลีชุงยุนมีตัวตนตอนเขาอายุ 150 คือมีคนของทางการพบเห็นและให้คำรับรองได้ว่าเป็นผู้ส ูงอายุแล้ว แต่เขายังคงอยู่ต่อมาได้อีกกว่าศตวรรษ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดเขาจะต้องมีอายุเกินธรรมด าไปมากๆ เมื่อประกอบกับหลักฐานแสดงความมีตัวตนในช่วงศตวรรษที่ 17 ก็พอทำให้เชื่อมั่นว่ากรณีของนายลีไม่ใช่การปั้นน้ำเ ป็นตัวขึ้นมาแน่ๆ

นาย ลีเน้นการประพฤติปฏิบัติตนไว้หลายอย่าง นับแต่การรู้จักมีอิริยาบถที่ถนอมสภาพความเยาว์วัยไว้นานๆ เช่นกล่าวเชิงอุปมาอุปไมยให้นั่งนิ่งเหมือนเต่าหมอบ เดินเหินปราดเปรียวกระฉับกระเฉงเหมือนนกพิราบ นอนหลับสนิทเหมือนสุนัข แล้วก็มีหัวใจที่สงบเงียบในการดำรงชีวิต




Smiley ความสุข บนความเป็นจริง
อีกเหตุผลที่ทำให้เขาเป็นคนฉลาดที่สุดในโลก



ช็อค! บุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลกในขณะนี้ เป็น อัจฉริยะร่างพิการ ผู้ได้รับสมญานามว่าเป็นไอน์สไตล์ยุคปัจจุบัน

สตีเฟน ฮอว์กิ้ง ได้รับยกย่องว่าเป็นศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์ทฤษฎีที่ปราด เปรื่อง ที่สุด นับตั้งแต่ยุคไอน์สไตล์
ตัวตนของฮอว์กิ้งอีกมุมมองหนึ่ง คือ อัจฉริยะร่างพิการที่ต้องทำงานบนรถเข็น และพูดโดยผ่านเครื่องพูดเนื่องจากสูญเสียเส้นเสียงจากการผ่าตัดเพื่อรักษาชีวิตไว้ ในปี 1985
ในสถานการณ์เช่นนั้น เขาควรจะทุกข์หนัก สิ้นหวัง และท้อแท้ แต่เขาเล่าว่ามันเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่เขากลับพบคุณค่าของชีวิตจากความคิดที่ว่า "ควรพึงพอใจและเป็นสุกกับชีวิตในปัจจุบัน" ทั้งยังรู้สึกว่าเขาพึงใจในชีวิตมากกว่าที่ผ่านมา
ความน่าประหลาดใจอีกอย่างหนึ่งคือ เขารู้สึกชอบและมีความสุขในการทำงานมาก ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ฮอร์กิ้งจะมีผลงานสะท้านโลก เช่นเดียกับไอน์สไตน์เมื่อหลายทศวรรษก่อน
งานเขียนของเขาที่เกี่ยวกับเรื่องราวของเอกภพและทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่ชื่อ อะ บรีฟ ฮีสทรี่ ออฟ ไทม์ (A Bries History of Time) ก็ได้รับการตอบรับจากผู้อ่านหนังสือทั่วโลกอย่างล้นหลาม ติดอันดับหนังสือขายดีติดต่อกันยาวนานหลายปี จนได้รับการบันทีกลงในกินเนสส์ บุ๊ก เมื่อปี 1998
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฮอว์กิ้งมีความสุขกับชีวิตก็คือการมีอารมณ์ขันของเขาเองอย่างเช่น ตอนที่เขาผ่าตัดใหญ่ในปี 1985 เขาได้เล่าเรื่องหมอผ่าตัดช่วยเหลือเขาว่า หมอได้ช่วยชีวิตเขาไว้แต่กลับเอาเสียงของเขาไป และเมื่อต้องใช้เครื่องพูดผ่านมือกดลงบนคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ เขากล่าวติดตลกว่า เสียงเขงเขากลายเป็นเสียงคนอเมริกันไปเสียแล้ว
เมื่อได้สัมผัสเรื่องราวของสตีเฟน ฮอว์กิ้ง นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะร่างพิการผู้นี้แล้ว อาจกล่าวได้ว่า แนวคิดเรื่องความพึงพอใจและเป็นสุขกับชีวิตในปัจจุบัน รวมทั้งความอยากรู้อยากเห็นที่พร้อมจะค้นคว้าหาคำตอบนี่เอง ที่ช่วยให้เขามีอายุยืนยาวมากว่า 60 ปี ทั้งๆที่คณะแพทย์ลงความเห็นว่า เขาไม่น่าจะมีอายุอยู่ได้ถึง 30 ปีด้วยซ้ำ


Smiley ความเชื่อและการฝึกฝน...นำความเปลี่ยนแปลงได้อย่างมหัศจรรย์
กินเนสบันทึก แข็งแรงที่สุดในโลกรุ่นจิ๋ว 5 ขวบ



สำนักข่าวเดลี่เมล์รายงานเมื่อวันที่ 24 ต.ค. ว่า เด็กชาย กิอูเลียโน สโตรว์ วัย 5 ขวบ ได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊ก เวิล์ด เรคคอร์ด ว่า เป็นเด็กชายที่แข็งแรงที่สุดในโลก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา หลังจากแสดงโชว์เดินด้วมมือทั้งสองข้างพร้อมขาเยียดตรงชี้ฟ้า ทางรายการโทรทัศน์ของอิตาลี เรียกเสียงชื่นชม และความตกลึงแก่ทีมงาน และผู้ชมมากมาย

เด็กชายวัยก่อนเข้าเรียน มีกล้ามเนื้อแขนและขาที่แข็งแรง อีกทั้งยังมี ซิกแพค หรือกล้ามเนื้อหน้าท้อง จนชายหนุ่มหลายคนยังต้องอาย นายลูเลียน บิดาวัย 33 ปี เผยว่า ตนพาลูกชายไปที่โรงยิมตั้งแต่แรกเกิด และเริ่มฝึกออกกำลังกายตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบเท่านั้น สำหรับการออกกำลังกายของหนูน้อย คุณพ่อกล่าวว่าไม่อนุญาตให้ฝึกเพียงลำพัง แต่ตนจะทำหน้าเป็นผู้ฝึกสอนและคอยลูกแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุอันตรายร้ายแรง




















 

Create Date : 03 สิงหาคม 2553
17 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2553 1:35:50 น.
Counter : 9079 Pageviews.

 
 
 
 
คือเมื่อวานไปสัมภาษณ์งานมา(จบวิศวะ)

แล้วแบบทดสอบภาษาอังกฤษมีให้แปลบทความซึ่งเกี่ยวกับ

ผู้ป่วยทางจิตค่ะ แล้วแบบว่าเกิดมาเพิ่งเคยเจอคำนี้ Psychiatrists

ไปไม่เป็นเลยค่ะ งงมากแปลไม่ออกเลย เอ๋อ รับประทาน แต่ถ้าเอารวมๆก็พอแปลออกว่ามันเกี่ยวกับผู้ป่วยทางจิตกำกาบำบัด Family Link อะไรซักอย่างนี้แหละ ของโรงพยาบาลศรีธัญญาอะค่ะ
 
 

โดย: เพราะชีวิต...ลิขิตเอง วันที่: 10 สิงหาคม 2553 เวลา:19:12:51 น.  

 
 
 
จิตแพทย์ (psychiatrist) : ต้องเรียนจบแพทย์มาก่อน แล้วศึกษาเพิ่มเติมต่อเฉพาะทางด้านจิตเวชศาสตร์ ส่วนใหญ่จะสนใจในเรื่องของความผิดปกติ เรื่องโรค และการรักษา

นักจิตวิทยา (psychologist) : ศึกษาระดับปริญญาตรี -โท -เอก ทางด้านจิตวิทยา ส่วนใหญ่จะสนใจเรื่องจิตใจในลักษณะทั่วไป การพัฒนาศักยภาพ ในกรณีของจิตวิทยาเฉพาะทาง เช่น จิตวิทยาคลินิก (clinical psychology) จะเน้นด้านความผิดปกติทาง , จิตวิทยาการให้คำปรีกษา จะเน้นการให้คำปรึกษาจิตปกติให้สมดุลย์ และคลีคลายด้วยตัวเอง
 
 

โดย: ธิรดา สุวัณณะศรี (อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง ) วันที่: 14 สิงหาคม 2553 เวลา:17:09:34 น.  

 
 
 
วันก่อนอาจารย์ได้ Counseling สำหรับผู้มีภาวะ โรคติกส์(โรคติกส์ คือมีอาการกระตุกเร็วๆ ของกล้ามเนื้อมัดย่อยๆ (Motor Tics) ที่บริเวณใบหน้า คอ ไหล่ เช่น เด็กอาจจะขยิบตา กระตุกมุมปาก ยักไหล่ สะบัดคอหรือมีอาการเปล่งเสียงแปลกๆ (Vocal Tics) ทำเสียงกระแอม เสียงฟุดฟิดทางจมูก เสียงคล้ายสะอึก )
มหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่มนุษย์ทุกคนมีติดตัวมา....คือมหัศจรรย์สมอง มันช่างควบคุมทุกสิ่งได้จริง...ขึ้นอยุ่กับการฝึกฝน....เพราะครั้งหนึ่งน้องคนนี้...อายุราวๆ 18 ปี ไม่สามารถควบคุมอาการดังกล่าวได้มากว่า 8 ปี เมื่อเค้าเรียนรู้....ความมหัศจรรย์และสมบูรณ์แบบของสมองตนเอง...เค้าเริ่มที่จะควบคุมการหายใจ...กล้ามเนื้อ...และภาวะการกระตุกต่างๆ ได้ด้วยตัวเขาเอง และก็ทำมันได้...ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยทำมันมาก่อนได้เลย
สิ่งที่อยากสื่อ....คือว่า...บางทีสิ่งที่เราเชื่อว่าควบคุมไม่ได้....ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ต่างๆ...หรือบางการกระทำ...ถ้าเราเรียนที่จะรู้จักมัน...และฝึกใช้มันอย่างสมดุลย์....บางทีเราจะคนพบความมหัศจรรย์ในตัวของเราเอง ดังน้องคนนี้..ที่อาจารย์เชื่อมั่นในความมหัศจรรย์ของสมองเค้าเป็นที่สุด....
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 14 สิงหาคม 2553 เวลา:17:30:44 น.  

 
 
 
มหัศจรรย์สมอง


วิทยาศาสตร์พยายามที่จะไขปริศนาของสมองมานานหลายทศวรรษ นักเคมีและนักชีววิทยาต่างทุ่มเทความพยายามในการศึกษาการทำงานของสมอง แม้แต่นักคณิตศาสตร์ก็ยังพยายามใช้ความรู้ทางด้านตรรกของตัวเลข จำลองการทำงานของสมองที่สลับซับซ้อนออกมาเป็นแบบจำลอง โดยหวังว่าจะสามารถทำความเข้าใจความมหัศจรรย์ที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างกายนี้ได้ “ใกล้หมอ” พาคุณไปท่องอาณาจักรของสมอง ทางแห่งหุบเขาวงกตที่ซับซ้อนเกินกว่าความสามารถของตัวมันเองจะเข้าใจได้


จากความทุ่มเทที่ให้ไป ทำให้เราทราบว่าสมองของมนุษย์แยกออกเป็น 2 ส่วน ทำหน้าที่ต่างกัน และมีศักยภาพสูงมากกว่าที่เคยคาดคิดกันไว้ ผู้ที่ไขปริศนานี้ คือนักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบล โรเจอร์ สเปอร์รีย์ แห่งสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย และโรเบิร์ต ออร์นสไตน์ ไขปริศนาการทำงานของสมองได้เป็นผลสำเร็จ พวกเขาค้นพบว่าสมองทำงานผ่านคลื่นสมองและสมองทั้งสองซีกทำงานประสานกันอย่างน่าอัศจรรย์ด้วยเครือข่ายที่สลับซับซ้อนที่เรียกว่า คอร์ปัส คอลโลซัม


สมองซีกซ้ายควบคุมความเป็นเหตุเป็นผลการเรียนรู้ด้านภาษา ตัวเลข วิทยาศาสตร์ ตรรกศาสตร์ การคิด การวิเคราะห์ ฯลฯ ซึ่งอาจจะรวมได้ว่าเป็นเรื่องของวิชาการ ในขณะที่สมองซีกขวาเป็นศิลปินจินตนาการ ฝันกลางวัน มองภาพตามมิติต่างๆ ฯลฯ
แต่สมองทั้งสองซีกก็ทำงานสัมพันธ์กันอย่างยอดเยี่ยมคนที่มีแต่วิชาการ แต่ไม่มีจินตนาการ การทำความเข้าใจวิชาการต่างๆ นั้นย่อมไม่สามารถทำได้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับคนที่มีแต่จินตนาการ แต่ไม่มีหลักตรรกะจินตนาการนั้นย่อมฟุ้งเฟ้อจนจับต้องไม่ได้


เมื่อเราเริ่มทำความเข้าใจกับสมองของเรามากขึ้น ทำให้เราทราบว่าแม้ว่าเราใส่โปรแกรมการพัฒนาสมองด้านใดด้านหนึ่งลงไป สิ่งที่เกิดขึ้น คือการพัฒนาของสมองอีกด้านตามไปด้วย ศาสตราจารย์ซาอีเดล ผู้ค้นพบความมหัศจรรย์ ให้ความเห็นว่าสมองทั้งสองซีกมีความสัมพันธ์กันอย่างมาก และดูเหมือนว่าสมองแต่ละซีกจะมีความสามารถของสมองอีกซีกหนึ่งอยู่มากกว่าที่เคยคาดหมายกันไว้ และประสิทธิภาพของสมองก็อาจกว้างไกลกว่าที่ใครๆ จะคาดคิด


หากลองย้อนกลับไปยังกลุ่มคนอัจฉริยะ ผู้มีความสามารถโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับข้อสันนิษฐานที่ดูเหมือนมีความขัดแย้งกันเองอยู่มากนี้ อาจทำให้เราเข้าใจมากขึ้น


บุคคลผู้หนึ่งซึ่งโดดเด่นในฐานะอัจฉริยะผู้มีมันสมองเป็นเลิศ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ผู้ที่เป็นนักคิดและนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งดูเหมือนว่าความเป็นอัจฉริยะของเขาจะมาจากสมองซีกซ้าย เพราะเป็นซีกแห่งวิชาการ ในขณะที่ พลาโบ ปิกาสโซ่ ศิลปินชาวสเปนผู้ยิ่งใหญ่ ก็ควรที่จะใช้ความสามารถจากสมองซีกขวา


แต่เมื่อมองย้อนกลับไปถึงอดีตที่หล่อหลอมความเป็นเลิศของไอน์สไตน์ เราพบว่าประวัติการเรียนของเขาแย่มากในวิชาภาษาฝรั่งเศสแต่เขากลับชอบไวโอลิน ศิลปะ การแล่นเรือและการเล่นเกมที่ต้องใช้จินตนาการสูง สิ่งเหล่านี้อาจเกี่ยวเนื่องกับความเป็นอัจฉริยะของเขา หรือเกมจินตนาการนั่นเองที่เป็นที่มาของความรู้ความความเข้าใจทางด้านวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง หรือศิลปะนั้นเองที่ทำให้ไอน์สไตน์เข้าใจหลักตรรกะแห่งเคมี และฟิสิกส์ หรือความฝันเฟื่องในวันแดดจัดกลางฤดูร้อนว่าเขาสามารถเหาะเหินเดินอากาศ ขี่แสงอาทิตย์ไปไกลจนถึงสุดขอบจักรวาลและเมื่อพบว่าตัวเองกลับตกลงมาสู่พื้นผิวของดวงอาทิตย์ เป็นความไม่สมเหตุสมผลอย่างยิ่ง นั่นเองที่ทำให้เขาเข้าใจได้ว่า จักรวาลจะต้องมีรูปทรงโค้ง และอาจเป็นสาเหตุให้เขาฝึกฝนหลักตรรกศาสตร์ เพื่อหาคำตอบของคำถามมากมายในหัว ตามธรรมชาติของคนช่างจินตนาการ เขาค้นพบความมหัศจรรย์ของตัวเลขและสมการต่างๆ ที่ซ่อนเอาความลี้ลับน่าค้นหา และเขาอาจตื่นเต้นดีใจเหมือนเด็กๆ ทุกครั้งที่เขาถอดสมการที่ยากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาได้ค้นพบทฤษฎีสัมพันธภาพอันโด่งดัง นั่นย่อมเป็นผลของการทำงานที่ผสานกันอย่างดีระหว่างสมองซีกซ้ายและสมองซีกขวา ความเป็นอัจฉริยะนั้น อาจไม่ได้อยู่ที่การทำงานของสมองซีกใดซีกหนึ่งโดดเด่น หากแต่เป็นการผสมผสานความเป็นเลิศของสมองทั้งสองเข้าด้วยกันจนสามารถเสริมส่งกันได้อย่างดีเยี่ยม


ในทางกลับกันศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะอันยอดเยี่ยมจนกลายเป็นสมบัติของโลก กลับเป็นผู้เคร่งครัดต่อทฤษฎีการผสมผสานของสีต่างๆ ศิลปินอย่าง ลีโอนาร์โด ดาวินชี่ กลับมีความสามารถโดดเด่นทั้งในเรื่องของศิลปะ กลศาสตร์ กายวิภาคศาสตร์ ฟิสิกส์ การประดิษฐ์ อุตินิยมวิทยา ธรณีวิทยา วิศวกรรมศาสตร์และวิชาการเงินเขาประสานความสามารถหลากหลายที่อยู่ในตัวเขาเข้าด้วยกัน แทนที่จะแยกออกเป็นส่วน นั่นทำให้เราเห็นว่าหากสามารถประสานการทำงานของสมองสองส่วนเข้าด้วยกัน ย่อมสามารถสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ได้อย่างแน่นอน


สมองของอัจฉริยะ


คุณเคยสงสัยไหมว่าในสมองของไอน์สไตน์ มีอะไรแตกต่างจากสมองของคุณ


เป็นคำถามที่หลายคนต้องการค้นคว้าหาคำตอบ สมองของอัจฉริยะมีอะไรแปลกแตกต่างกับสมองของบุคคลทั่วไป และนักวิทยาศาสตร์ก็ไม่เคยรั้งรอที่จะหาคำตอบ แม้แต่ตัวไอน์สไตน์เอง วิญญาณแห่งวิทยาศาสตร์ในร่างกายของเขายังทำให้เขาเขียนบันทึกไว้ว่า เขาหวังว่าจะมีใครบางคนนำสมองของเขาไปศึกษาหลังจากที่เขาเสียชีวิตแล้ว ปริศนาสมองของไอน์สไตน์อาจไขคำตอบของความอัจฉริยะได้ และเราอาจสามารถสร้างอัจฉริยะเช่นเขาได้หากได้คำตอบนั้นมา


นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแม็กมาสเตอร์ เมืองออนตาริโอ ประเทศแคนาดา เป็นกลุ่มคนผู้โชคดี ได้เห็นสมองอัจฉริยะของไอน์สไตน์ด้วยตัวเอง และพวกเขาได้รายงานผลการค้นพบที่น่า ตื่นเต้นไว้ในวารสารทางการแพทย์ชื่อ เดอะแลนเซ็ท โดยเป็นการศึกษาเปรียบเทียบสมองของคนฉลาดตามปกติทั่วไป จำนวน 91 ราย ในจำนวน นี้เป็นชาย 35 ราย หญิง 56 ราย นำมาเปรียบเทียบกับสมองของไอน์ไสตน์ พบว่า บริเวณส่วนล่างของสมองด้านข้างที่เรียกว่า อินเฟอร์ริเออร์ พาเรียลทอล รีเจียน ของไอน์สไตน์มีขนาดใหญ่กว่าของคนปกติถึงร้อยละ 15 สมองบริเวณดังกล่าวอยู่ระดับเดียวกับหูและสมองส่วนนี้ทำหน้าที่ในการหาเหตุหาผลทางคณิตศาสตร์นั่นอาจเป็นการไขปริศนาสมองของไอน์สไตน์...แต่ความจริงแล้วเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น


สิ่งผิดปกติอีกสิ่งหนึ่งที่พบในสมองของไอน์สไตน์คือ ร่องสมองของไอน์สไตน์หายไปบางส่วน ร่องสมองที่ต่อจากส่วนหลังไปยังส่วนหลังของของไอน์สไตน์ไม่มี ซึ่งในสมองของคนปกติจะมีร่องสมองที่ต่อโยงเชื่อมจากส่วนหน้าไปส่วนหลัง และนี่เองอาจเป็นกุญแจสำคัญแท้จริงที่ทำให้เขาเป็นอัจฉริยะ เพราะเส้นประสาทของไอน์สไตน์สามารถเชื่อมโยงเข้าหากันได้ง่ายกว่าคนธรรมดาโดยไม่ต้องผ่านร่องสมองนี้ ทำให้การทำงานประสานกันของสมองสองส่วนเป็นไปได้ดีมากยิ่งขึ้น


นั่นหมายความว่า พื้นฐานความฉลาดนั้นมาจากสมอง ที่กำเนิดติดตัวมาโดยธรรมชาติ แต่ก็แน่นอนว่าการศึกษาและสิ่งแวดล้อมเป็นปัจจัยที่ทำให้สมองได้พัฒนา และเป็นโอกาสให้สมองได้แสดงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างแท้จริง


แม้ว่าปริศนาสมองของไอน์สไตน์จะถูกค้นพบหลังจากเขาเสียชีวิตไปนานหลายปี แต่ก็สามารถไขความลับบางอย่างของการทำงานของสมอง อัจฉริยะท่านนี้จึงไม่เพียงทำคุณูปการให้กับมวลหมู่มนุษย์ขณะที่ยังมีชีวิตเท่านั้น แม้ตายแล้วสมองของเขาก็ยังเป็นสมบัติอันมีค่าและสร้างปัญญาความรู้ได้อีก


สมองกับความจำ


หน้าที่สำคัญอันหนึ่งของสมองคือความทรงจำ ความทรงจำทำให้เราเป็นปัจเจกบุคคล และทำให้เราแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตที่มนุษย์สร้างขึ้น พวกสัตว์โคลนนิ่งที่หลายนั้น อาจมีหน้าตาเนื้อตัวเหมือนเราทุกกระเบียดนิ้ว แต่สิ่งหนึ่งที่สัตว์โคลนนิ่งไม่มีคือความทรงจำ


การทำงานของสมองนั้นสลับซับซ้อนมากที่สุด แม้แต่เครื่องคอมพิวเตอร์ศักยภาพสูงสุดที่มนุษย์ประดิษฐ์ได้ยังไม่เท่าเทียมการทำงานของสมอง หรือบางทีหากคิดกลับไปว่า “สมอง” นั่นเองคือ คอมพิวเตอร์อัจฉริยะที่ซับซ้อนที่สุดในเวลานี้ เราพยายามทำความเข้าใจสมองมากขึ้น แต่ก็ทำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะนี้มีความพยายามศึกษาความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างชีววิทยากับศาสตร์อื่นไม่ว่าจะเป็นชีวนาโนเทคโนโลยี ชีวกลศาสตร์ที่พยายามใช้ความเข้าใจในศาสตร์ 2 ประการ ทำความเข้าใจการทำงานของสมอง อย่างไรก็ตามคาดหมายว่าต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งทศวรรษจึงจะมีความก้าวหน้ามากขึ้น


มนุษย์เข้าใจเรื่องการบันทึกภาพลงบนแผ่นฟิล์ม หรือบันทึกเสียงลงบนแถบแม่เหล็กมานานแล้ว แต่การบันทึกความจำของสมองเป็นไปด้วยกลวิธีเช่นไร ยังไม่มีใครสามารถไขปริศนานี้ได้ เราทราบเพียงว่าประสาทรับรู้ต่างๆ เป็นผู้นำสัญญาณจากประสาทสัมผัสไปสู่สมองกระบวนการดังกล่าวเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ สมองมีความสามารถในการเข้ารหัส ความทรงจำต่างๆ โดยการสร้างทางเชื่อมระหว่างเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์เข้าด้วยกัน เมื่อได้ระบบการเชื่อมต่อของความทรงจำ แต่ละความทรงจำแล้วจะเก็บไว้เป็นหมวดหมู่เรียกว่าเอ็นแกรม เอ็นแกรมนี้จะถูกนำไปเก็บไว้ตามกลีบสมอง เมื่อมีการกระตุ้นที่เหมาะสมก็เหมือนกับการไขรหัสเข้าสู่ความทรงจำนั้นๆ คนๆ นั้นก็จะระลึกได้ว่าเคยผ่านประสบการณ์เช่นนั้นมา


กระบวนการจำนั้นเรียกได้ว่ามีความซับซ้อนแล้ว แต่กระบวนการระลึก หรือการนำเอ็นแกรมกลับมายิ่งมีความซับซ้อนมากกว่า เราไม่สามารถรู้ได้ว่า การกระตุ้นที่เหมาะสมนั้นคืออะไร และสมองทำอย่างไรเพื่อนำความทรงจำจำนวนมากมากลับคืนมา และทำไมบางครั้งสมองก็ไม่สามารถหาเอ็นแกรมนั้นเจอ นั้นทำให้คนบางคนลืมความทรงจำบางช่วงของชีวิตไปได้เลยทีเดียว แต่บางครั้งการกระตุ้นด้วยการสะกดจิต กลับพาเขาเข้าไปยังสถานที่อันลึกลับในบางส่วนของสมองที่ตามปกติแล้วเขาไม่สามารถหาทางต่อเชื่อมนั้นเจอ


พัฒนาการของสมอง


คุณทราบหรือไม่ว่าสมองมีการพัฒนาการอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง สมองเริ่มมีการพัฒนาตั้งแต่เราอยู่ในท้องแม่ โดยทุก ๆ นาทีที่เราอยู่ในครรภ์มารดาจะมีการเพิ่มขึ้นของเซลล์ระบบประสาทสมองถึง 200,000-300,000 เซลล์ จนเมื่อเราคลอดออกมา จะมีเซลล์สมองแทบทั้งหมดแล้วเมื่อเทียบกับในวัยผู้ใหญ่ อย่างไรก็ดีสมองยังคงมีการเติบโตได้อีกมากในช่วงแรกของชีวิต ประมาณกันว่าเมื่อเราอายุได้ 2-3 ขวบ สมองของเราจะมีขนาดประมาณ 80% ของผู้ใหญ่ แต่ในช่วงหลังจากนี้แม้ว่าสมองอาจจะมีการเติบโตได้อีก แต่ส่วนของสมองที่โตขึ้นนั้นหาใช่เซลล์ประสาทเป็นส่วนใหญ่ไม่ แต่กลับเป็นเนื้อเยื้อเกี่ยวพันที่เราเรียกกันว่า Glial cells ที่จะทำหน้าที่คล้ายๆ กับโครงข่ายของเซลล์สมอง ซึ่งจะมีการแบ่งตัวมากขึ้นเรื่อยๆ จนเราโตเต็มวัย (ประมาณกันว่าถึงอายุ 3 ขวบ)


สมองจะมีการเพิ่มจำนวนของเซลล์สมองเก็บเต็มที่ประมาณ “หนึ่งร้อยพันล้านเซลล์” โดยสมองจะมีน้ำหนักประมาณ 1 กก. (ในขณะที่เมื่อเราโตเต็มวัยสมองจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกเพียงประมาณ 500 กรัม)


จะเห็นได้ว่าเมื่อเราอายุได้เพียง 3 ขวบ เซลล์สมองก็มีการแบ่งตัวเพิ่มจนเกือบเต็มที่แล้ว หลังจากนี้จะมีเซลล์สมองเกิดขึ้นมาเป็นสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่ แสดงว่าหลังจากเริ่มเข้าโรงเรียน สมองของเราก็เริ่มเข้าสู่ช่วงถดถอยอย่างช้าๆ และเริ่มเสื่อมเร็วขึ้นเมื่อเราพ้นวัยหนุ่มสาวไปแล้ว โดยหลังจากผ่านช่วงนี้ไปแล้วจะไม่มีการสร้างเซลล์สมองขึ้นมาทดแทนใหม่อีก ดังนั้นหากมีการตายของเซลล์สมองไปมากเท่าไร (เช่น อุบัติเหตุที่ทำให้สมองกระทบกระเทือนรุนแรง) สมองของเราก็จะสูญเสียความสามารถในการทำงานไปมากเท่านั้น แม้ว่าร่างกายอาจมีการซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้ แต่เซลล์สมองจริงๆ กลับไม่สามารถทดแทนได้
 
 

โดย: มหัศจรรย์สมอง IP: 124.121.17.210 วันที่: 15 สิงหาคม 2553 เวลา:22:50:07 น.  

 
 
 
สวัสดียามเช้าครับ


เข้ามาบล้อกนี้โดยตามมาจากบล้อกน้องอุ๊ครับ
เนื้อหาน่าสนใจมากเลยครับ

ชอบเม้นท์ในเรื่องมหัศจรรย์สมองด้วยครับ



 
 

โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:7:16:29 น.  

 
 
 
ตอนนี้คนไข้อาจารย์ดีขึ้น 60% จากทีมีอาการกระตุกทุก 10 วินาที....ก็สามารถใช้ศักยภาพสมองของตนเองควบคุมได้นานถึง 30 นาที....มหัศจรรย์แห่งกาย จิต สมอง เกิดขึ้นได้จริงถ้าเราฝึกฝน
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:13:37:19 น.  

 
 
 
คุณเคยนอนไม่หลับไม่.....


และรู้ไหมว่าปัจจัยสำคัญของการนอนไม่หลับเกิดได้จากอะไรบ้าง

ปัจจัยหนึ่งของการนอนไม่หลับ...ส่วนหนึ่งเกิดจากการทำงานของสมอง ซึ่งพบว่า...คลื่นสมองจะเกิดความถี่มากขึ้น คุณลองวาง....และว่างดูสิ

สมองสัมพันธ์กันกับการทำงานของกาย และจิต

เพราะเมื่อคุณวาง..และว่าง...อัตราการหยักของคลื่นสมองลดลง...เมื่อลดลงสมองจะค่อยๆเริ่มได้พักและหลับลงไปอย่างช้า....

ต้องฝึกค่ะ...วันนี้เราค่อยในสมองลดลงแต่เรายังหลับได้ไดไม่ดี

แต่พอคลื่นต่างๆเริ่มนิ่งแล้ว....เราจะค่อยๆหลับได้ดีขึ้น...ฝึกซ้อมวันละ 5-10% เพิ่มขึ้นไปเริ้อย...และคุณก็จะเริ่มกำหนดความคิดและอัตราความถี่ของคลื่นสมองของคุณได้เอง



บทแรกของการฝึกการทำงานอาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง

อาจารย์ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์แห่งจิตมนุษย์
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 30 สิงหาคม 2553 เวลา:13:47:46 น.  

 
 
 
ทักทายก่อนนอนค่ะ หลับฝันดีนะคะ
 
 

โดย: อุ๊ (oumon ) วันที่: 7 กันยายน 2553 เวลา:18:55:12 น.  

 
 
 
กุญแจความสำเร็จ ได้แก่
1.พลังงาน (สุขภาพดี)
2.ทักษะ ( 2 สิ่งที่ทำให้สำเร็จคือ เราต้องการอะไร และ คนอื่นต้องการอะไร) โดยแลกเปลี่ยนสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่กัน ....ถ้าคุณไม่สร้างประโยชน์ เขาก็จะหันไปหาคนที่สร้างประโยชน์มากกว่า ซึ่งนั้นหมายรวมถึง การงาน , การเงิน และความรัก
3. เปลี่ยนความกลัวให้กลายเป็นพลัง โดยเปลี่ยนความกลัว ให้กลายเป็น "ความกล้า"ซะ
 
 

โดย: ธิรดา สุวัณณะศรี IP: 124.122.196.142 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:1:51:50 น.  

 
 
 
เหตุผลที่ทำให้ชีวิตเราไม่ได้ดี

นั้นแสดงว่า...

มารตฐานแห่งจิตใจ (สิ่งที่มุ่งหวังไว้ หรือแรงบันดาลใจ) ไม่มากพอ หรือไม่ได้ถูกยกให้สูงขึ้น

แต่...เราปล่อยให้มันเป็นอย่างที่เป็น

มุมความคิด
ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยา
 
 

โดย: ธิรดา สุวัณณะศรี IP: 124.122.196.142 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:1:57:51 น.  

 
 
 
การตัดสินใจ...ทำให้คนประสบความสำเร็จแตกต่างกัน

ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยา
 
 

โดย: ธิรดา สุวัณณะศรี IP: 124.122.196.142 วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:2:12:46 น.  

 
 
 
มาอ่านความรู้ครับ ^_^
 
 

โดย: amplify love วันที่: 20 กันยายน 2553 เวลา:22:37:38 น.  

 
 
 
ติดตามการออกอากาศรายการ ช่องไหนเวลาระหว่าง
 
 

โดย: dorn IP: 117.47.203.240 วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:13:30:20 น.  

 
 
 
เพิ่งเข้ามา
บทความ น่าสนใจ เปิดความคิด เปิดมุมมองแตกต่างจากปัจจุบัน ขอบคุณ
 
 

โดย: japh IP: 58.8.8.120 วันที่: 30 ตุลาคม 2553 เวลา:7:26:42 น.  

 
 
 
การอนุญาตให้คนที่มีค่าพลังชีวิตทางลบเข้ามีในชีวิตของคุณ จะทำให้พลังงานชีวิตของคุณลดลง เพราะการสัมผัสพลังงานชีวิตที่เป็นพิษเป็นประจำจะทำให้จิตใจของคุณเสียหายมากยิ่งขึ้น

ดร.ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:20:34:53 น.  

 
 
 
อย่ามัวต่อรองความสุขของคุณกับใคร!!...
...... ทางเดียวที่จะนำคุณไปสู่ความสุขสำเร็จอย่างแท้จริง
คือ...การทำตามหัวใจตัวคุณและไว้ใจตัวเอง ที่จะพาชีวิตไปสู่ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก และความสุขที่แท้จริง

ดร.ธิรดา สุวัณณะศรี
นักจิตวิทยาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์
 
 

โดย: อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง วันที่: 12 มีนาคม 2561 เวลา:20:39:03 น.  

 
 
 
Hello,

New club music, private server MP3/FLAC, Label, LIVESETS, Music Videos https://0daymusic.org
Available only on our secure FTP server.

0daymusic Team
 
 

โดย: Charlesrox IP: 51.210.176.129 วันที่: 7 เมษายน 2567 เวลา:13:07:15 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง
 
Location :
ธิรดา สุวัณณะศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการให้คำปรึกษา & Holistic Medicine (THAILAND) Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




[Add อาณาจักรแห่งกาย จิต สมอง's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com