สละลอยแก้วของแม่อร...มาแล้วจ้า
มาแล้วจ้า มาแล้วจ้า (ถึงจะมาช้าแต่ก็มาแล้วน่า)
ไม่ได้ดูแลบล็อคอย่างที่ควรเลย..ชักละอาย(เป็นเหมือนกัน) หันซ้ายหันขวาเจอ "สละลอยแก้ว"ที่ทำไว้นานแสนนาน จนสละจะหมดฤดูแล้ว
ถึงคราวจำเป็นต้องขายผ้าเอาหน้ารอด เอามาแปะไปพลางก่อนละกัน ..........................................
จำได้ว่าไปอ่านพบจากที่ไหนก็ลืมไปแล้ว เขาบอกว่า สละมีปลูกอยู่ในกรุงเทพฯแถวสาธุประดิษฐ์-ยานนาวา ซึ่งเป็นแหล่งสวนผลไม้เมื่อสมัยกว่าร้อยปีมาแล้ว เข้าใจว่าได้มาจากชวาในสมัยพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จประพาสประเทศเพื่อนบ้าน
จากนั้นมีการอพยพย้ายถิ่นของชาวสวนจากกรุงเทพฯไปจันทบุรี เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมในกรุงเทพฯที่เริ่มไม่เหมาะจะเป็นสวนผลไม้ สละ(เข้าใจว่าเป็นสละหม้อ)จึงไปเติบโตอยู่ในสวนที่บ้านเนินวง จันทบุรีและมีการกลายพันธ์ที่ให้ผลผลิตดีกว่าเดิม มีเนื้อหนา แน่น เมล็ดเล็กเเละมีรสหวานหอม ทำให้สละเนินวงมีชื่อเสียงมาก
ถ้าจำไม่ผิดเป็นเพราะมีผู้ปลูกอยู่เพียงรายเดียว การขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก สละเนินวงในยุคแรกๆจึงมีราคาแพงมาก ข้าราชการในสมัยนั้นมักหิ้วมาเป็นของฝากผู้หลักผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ ถึงกับมีผู้กล่าวว่า " คนซื้อไม่ได้กิน คนกินไม่ได้ซื้อ"
ต่อมาเจ้าของสละเนินวงมีความจำเป็นต้องการทุนขยายพื้นที่เพาะปลูก จึงจำใจต้องขายกิ่งพันธุ์ นับแต่นั้นจึงเป็นบุญของชาวบ้านหน้าดำๆอย่างอิฉันจะได้ลิ้มรสสละเนินวงในราคาที่จ่ายได้ไม่ลำบาก เมื่อราว 10 ปีที่แล้วยังซื้อในราคา กิโลกรัมละ 140-180 บาท อยู่เลย
แต่สละหวานๆที่รับประทานกันวันนี้ ไม่ใช่มีแต่เพียงสละเนินวงเท่านั้น ยังมีสละสุมาลีอีกชนิดหนึ่งด้วย ว่ากันว่าสละพันธ์สุมาลีมีผลป้อมสั้นและเนื้อบางกว่าสละพันธ์เนินวง
อารัมภบทเสียยาว แต่อย่างน้อยเราควรมีความรู้ในสิ่งที่เรากำลังจะกินนะ... ว่าไหม "สละลอยแก้ว"เป็นการแปรรูปอาหาร ช่วยถนอมอาหาร และช่วยทำให้กลิ่นและรสชาดดีขึ้น เอาละมาทำสละลอยแก้วแสนอร่อย กันเถ้อะ
สิ่งที่ต้องเตรียม *สละ มากน้อยตามต้องการ แนะนำว่าควรเลือกที่สดจริงๆ แกะดูเนื้อ เนื้อต้องเต่ง แน่น ไม่ปริแตกเป็นเนื้อทราย หรืองอม กระดำกระด่าง *น้ำสุกที่เย็นแล้ว ละลายเกลือพอเค็ม สำหรับแช่สละที่คว้านเมล็ดแล้ว ปริมาณให้พอเหมาะกับเนื้อสละ *น้ำสะอาด น้ำตาล และเกลือ
นี่ละ ต้องอวบ ตึง ผิวเป็นยองใยไร้ไฝฝ้า แบบนี้
ตำรับแม่อร ก็ต้องนำมาลอกเยื่อบางๆที่หุ้มอยู่ออกเสียก่อน เวลารับประทานจะนุ่มเนียนปากมาก แต่ใช้เวลาทำนาน จะลอกหรือไม่ลอก ตามอัธยาศัยนะคะ
ลอกเยื่อ คว้านเมล็ด แล้วนำลงแช่ในน้ำเกลือที่เตรียมไว้ เมล็ดที่คว้านออกมา ต้องเก็บไว้ มีข้อสังเกตุนิดหนึ่งว่า สละที่ลอกเยื่อ เวลาคว้านเสร็จจะมีรอยแตกจากการขยับมีดมากกว่าแบบที่ไม่ลอกเยื่อ ความงามลดลงเล็กน้อย
ทำน้ำเชื่อมก่อน โดยต้มน้ำ กับน้ำตาลและเกลือ จนเดือด วันนี้สละ 3 กิโลกรัม(ทั้งเปลือก)ใช้น้ำ 4 ลิตร น้ำตาล 1/2 กิโลกรัม ดอกเกลือ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ ต้องใส่เมล็ดที่คว้านเก็บไว้ ช่วยให้มีกลิ่นหอมมีรสเปรี้ยวน้อยๆ รสชาติจะกลมกล่อมขึ้น เมื่อน้ำเชื่อมเดือด ลดไฟลงเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน 10 นาที แล้วเร่งเป็นไฟกลางจนเดือดพล่านอีกครั้ง เติมเนื้อสละทั้งหมดลงในน้ำเชื่อม รอให้เดือดอีกครั้งแล้วยกลง
เอาตัวอย่าง สละงอมๆมาให้ชมค่ะ กระดำกระด่าง ขี้เหร่เชียว
เลือกสละที่สุกพอดีๆ ทำลอยแก้วเสร็จแล้วสวยน่ารับประทานกว่าเยอะเลย ง่ายจังและอร่อยด้วย
Create Date : 20 กรกฎาคม 2552 |
|
10 comments |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2552 23:23:17 น. |
Counter : 4054 Pageviews. |
|
|
|
น่าทานมาก ๆ ค่ะ