I love you camera บทที่ 2





บทที่ 2.

เมื่อนิวฝ่ายบริหารลูกค้ายืนยันกับทิวว่าดาราที่ชื่อลันนาตกลงให้ทางบริษัททำหนังสือให้ ทิวคิดจะติดต่อลันนาเพื่อดำเนินการต่อไป เพราะนิวบอกว่าลันนาต้องการปรึกษาจะมาคุยกับผู้ควบคุมงานสิ่งพิมพ์เรื่องงานจัดทำหนังสือ มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน ดูที่หน้าจอก็รู้ว่าใครโทรมา

"หวัดดี ไอ้คุณตึ๋ง"

"เอ้อ..ทิว..คุณลันนาติดต่อเข้าไปแล้วยัง"

"ติดต่อเรียบร้อยแล้ว กะว่าจะโทรไปนัดหมายกัน มึงก็โทรเข้ามาก่อน"

"เอ้อดีแล้ว กูจะได้สบายใจ"

"โทรมาก็ดีแล้ว ถามมึงเสียเลยว่าคุณลันนาเค้าเป็นดาราระดับไหน ไม่เคยได้ยินชื่อเลย"

"ไม่ดังมาก แต่ก็พอมีชื่อ "

"นิสัยเป็นยังไง"

"นิสัยดี"

"ขอรายละเอียดมากกว่านี้ไม่ได้หรือไง"

"รู้ไปทำไม"

"...ก็เอาไว้เป็นข้อมูล จะได้เตรียมตัวรับมือไง "

"ไม่ค่อยเหมือนดาราเท่าไร เป็นกันเอง ไม่เรื่องมาก ไม่จู้จี้กวนใจ ไม่ขี้บ่น ไม่งอแง ไม่เลิศ ไม่เชิด ไม่หยิ่ง ไม่......"

"พอแล้ว ทำยังกะเป็นแฟนคลับเลยนะเอ็ง ดีไปหมด แล้วไปสนิทสนมกับเค้าได้อย่างไร"

"อ้าว..ลืมไปแล้วรึไงว่ากูทำงานอะไรอยู่ กูแค่รู้จักเฉยๆเท่านั้น อย่าซักมากเลย ตอนนี้มึงมีงานชิ้นใหญ่ให้ทำ หน้าที่ของเอ็งคือรับงานไปทำแล้วเท็คแคร์เค้าดีๆ "

"อีกอย่างคิดยังไงถึงทำหนังสือ ทำหนังสือ เงินมันไม่ใช่น้อยๆนะ"

"เค้ามีคนอุปถัมย์ช่วยเหลืออยู่"

"มึงหรือเปล่า"

"ช่างสงสัยจริงๆเลยนะมึง กูจะลงทุนไปทำไม ไม่เกี่ยวกะกู"

"ก็มันสงสัย ตั้งแต่คุยกับธนามา ใครนะที่ใจป้ำลงทุนให้หล่อนทำหนังสือ ปกติแล้วหนังสือดาราอย่างนี้ มีแต่สำนักพิมพ์หรือหนังสือดังๆจัดทำให้ นี้ลงทุนทำเอง"

"มึงอย่ารู้เลย ว่าใคร รู้แต่ว่ามีคนกำลังจะดันให้เค้าดัง ดาราเดี๋ยวนี้เค้าทำหนังสือกันทั้งนั้น อยากให้มีชื่อเสียงแถมยังได้สร้างภาพพจน์ได้ทางหนึ่ง"

"ไม่ใช่มึงแน่นะ ก็มึงนะรู้อยู่ ชอบคั้วดารานักร้อง คิดว่ามึงมีส่วนลงทุนให้ไง""

"โธ่..ไอ้หอก กูเป็นคนกลางช่วยติดต่อหาที่ทำหนังสือให้เค้าเท่านั้น หาลูกค้าให้บริษัทธนามัน แล้วได้ส่วนแบ่งค่าคอมมิชชั่นไม่ดีกว่าหรือ จะทำไปทำไม ไม่ใช่แนวทางของกู อีกอย่างกูไม่รวยมีเงินขนาดนั้น ทำเป็นมาสงสัยเรื่องไม่เข้าเรื่อง ว่าแต่มึงจะทำหรือเปล่า กูจะได้หาเจ้าใหม่ ซักจริงเชียวไอ้นี่"

"ล้อเล่นน่า ทำซิวะ งานเจ๋งๆ เงินเติบอย่างนี้ ไม่ทำก็โง่ "

"เอาเป็นว่าตอนนี้มึงติดต่อกับคุณลันนาก็แล้วกัน เข้าใจ๋"

"สงสัยจังว่าทำไมถึงร้อนรนอย่างนี้"

"ที่กูโทรมานี้หรือ ก็คนออกทุนให้นะ เค้าอยากได้หนังสือดีๆ เลยโทรมาบอกว่ากูให้ความมั่นใจไปว่าที่นี่เชื่อใจได้ กูก็เลยบอกให้มึงทำให้สุดผีมือสักหน่อย หนังสือเค้าจะได้ขายได้"

"เฮ้ย..หนังสือขายได้ไม่ได้ มันไม่ได้อยู่ที่คนผลิตหนังสืออย่างเดียว มันประกอบด้วยหลายอย่าง อยู่ที่ว่าเค้าน่าสนใจให้คนอยากซื้อหรือเปล่า แบบว่ามีกระแส มีความนิยมหรือเปล่า แรงโปรโมทขนาดไหน"

"นั้นแหละ ๆ ก็ขั้นต้นมาจากเอ็งนั้นแหละ ถ่ายให้สวย ออกแบบให้เจ๋ง เดี่ยวกูจะเอาติดต่อพิมพ์ให้เอง เรื่องอื่นกูจัดการเอง ว่าแต่ธนาบอกเอ็งหรือเปล่าว่าช่วยทำงานชิ้นโฆษณาให้ด้วย จะได้เอาไปลงหนังสือ ช่วยเค้าหน่อยนะ นิสัยเค้าน่ารัก"

"บอกแล้ว ไม่ต้องห่วง เงินดี งานก็ดี เอาไว้พบกันแล้วคงจะคิดออก ยังไม่ได้เจอหน้ากัน เร่งซะแล้ว ไม่รู้รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร คุณลันนานี่รูปเริบก็ไม่ให้มา"

"ค่อยพบตัวจริง..สวยก็แล้วกัน เอ้อ... พูดถึงถ่ายภาพแล้ว ใครเป็นช่างภาพ"

"คุณเพท"

"เพทไหน"

"อ้าวคิดว่ารู้จัก ก็ญาติธนามัน"

"กูจะไปรู้เรอะ มันไม่เคยลำดับญาติให้กูฟังนี้หว่า เป็นผู้หญิงรึ"

"ใช่ จบถ่ายภาพมาจากฝรั่งเศส"

"ถ้าธนามันเลือก กูก็ว่าน่าจะไว้ใจได้ เอาละ กูมีธุระแล้ว แค่นี้นะ แล้วจะติดต่อมาใหม่"

ตึ๋งปิดท้ายการสนาทนาไปแล้ว สิ่งแรกคือทิวติดต่อกับดาราที่ชื่อแปลกว่า ลันนา น่าสนใจดีเป็นครั้งแรกที่นี้เป็นครั้งแรกที่ทำหนังสือเกี่ยวกับดารา อยากจะไปถามนายไก่ถึงดาราคนนี้ แต่กลัวไก่ว่าพี่ทิวเชยอีก โทรไปคุยคงจะรู้เรื่องกว่า เพราะไม่ช้าคงจะเอาต้นฉบับมาให้อ่านแล้ว อยากรู้ว่าดาราสาวคนนี้จะมีเรื่องอะไรมาเล่าในหนังสือ

เสียงรับสายเป็นหญิงสาว ไม่รู้ใช่เธอหรือเปล่าเสียงน่ารักเชียว ถามว่าใครรับสาย เป็นเสียงลันนารับสายจริงๆ

“สวัสดีครับ ผมชื่อทิว จากบริษัทธนาครีเอชั่น ที่คุณลันนาติดต่อทำหนังสือนะครับ”

ทิวบอกจุดประสงค์ออกไป และบอกว่าเขาเป็นฝ่ายรับผิดชอบการทำหนังสือ เมื่อทิวถามถึงเรื่อง เธอบอกว่าให้นักเขียนอาชีพเกลาแบ่งเป็นบทอยู่ เนื่องจากเธอไม่ชำนาญ พูดเล่าอัดใส่เทป แล้วนำไปให้เพื่อนของเธอช่วยถอดและพิมพ์ใส่ในเครื่องคอมเรียบเรียงให้เป็นเรื่องราวอีกที

“ไม่ทราบว่าตอนนี้เนื้อเรื่องเรียบเรียงไปถึงไหนแล้วครับ”

“ตอนนี้พิมพ์เรียบร้อยแล้วคะ เห็นเพื่อนบอกขอเวลาเกลาอีกนิดหน่อย เออ....อย่างนี้ดีมั้ยคะ นาจะเอาเรื่องไปที่บริษัทภายใน 2 หรือ 3 วันนี้ นานไปมั้ยคะ”

“ได้ครับ อีกอย่างนะครับ คุณลันนาช่วยร่างไอเดียที่อยากได้มาด้วยนะครับ”

“นาไม่ชำนาญคะ แต่ที่อยากได้อยากให้มีรูปเล่มสวยและเน้นภาพถ่ายของนานะคะ”

“ถ้าอย่างนั้น คนเขียนน่าจะมีแนวคิด อาจจะร่างมาเป็นไกด์ไลน์จะเข้าใจดีกว่า เออ..ไกด์ไลน์คือ แบบคราวบนกระดาษ จะเป็นโครงเรื่องก็ได้ เป็นไอเดียเบื้องต้นที่คุณนาอยากจะเห็น ถ้านึกไม่ออกลองหาหนังสือหรือถ้ามีตัวอย่างหนังสือมาเป็นแบบก็ได้ ถ้ามีนะครับ ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร ที่บริษัทมีตัวอย่างให้ดูนะครับ พอได้มาแล้วผมจะมีแบบให้คุณนาดูว่าชอบอย่างที่ต้องการหรือเปล่า แล้วค่อยมาปรับเปลี่ยน มานั่งคุยกันอีกครั้งครับ”

“คะ อย่างนั้นดีคะ นาเข้าใจแล้วคะ ถ้าอย่างนั้นนาจะปรึกษาและอย่างไรก็จะเข้าไปพร้อมกับเพื่อนนะคะ”

พูดกับดาราที่ชื่อลันนาแล้ว ทิวว่าจะบอกเพทเข้ามาด้วย แต่คิดว่าเอาไว้วันนั้นโทรไปหาเพทเองดีกว่า เพราะถึงอย่างไรเพทก็เป็นตัวหลักสำคัญของหนังสือเล่มนี้ ทิวไปบอกไก่ว่าลันนาได้ติดต่อให้จัดทำทำหนังสือแบบที่ดารานิยมกัน ในขณะที่รอต้นฉบับ ให้ไก่วางแนวของหนังสือไปพลางๆ ก่อน ถึงตอนที่คุณลันนามาจะได้เตรียมการให้คุยกันสะดวกขึ้น

แล้วในที่สุดลันนาก็ได้โทรมาบอกทิวถึงวันว่าจะเข้ามาที่บริษัทช่วงบ่าย และนั้นทำให้ทิวได้โทรไปบอกเพทว่าทางดาราที่ชื่อลันนาได้ติดต่อมาแล้ว ตอนแรกเพทรอจะมาที่บริษัทในช่วงบ่าย แต่กลัวรถติดมาไม่ทันนัดลูกค้า เลยตัดสินใจมาช่วงเช้าสายๆก่อนดีกว่า รถช่วงนี้ค่อยโล่งถนนหน่อย

“คุณเพทมาแต่เช้านะครับ” ไก่ทักขึ้นมาก่อน แบบนิสัยขี้เล่นของมัน เมื่อเห็นเพทเดินเข้ามาที่บริษัท นี้คือเช้าการทำงานของที่นี่ เพทยิ้มหวาน เธออยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีขาวและสวมทับด้วยเสื้อสีชมพูเทาอีกชั้น กับกระโปรงผ้าฝ้ายลายแบบสาวชาวเขา คราวนี้ใส่ผ้าใบสีขาว ดูเป็นหญิงสาวที่ใสน่ารักทีเดียว เพทยังคงสะพายกระเป๋าตัวเก่งสีน้ำตาลอ่อน

“ช่วงเช้าสายๆอย่างนี้รถไม่หนาแน่นมากนัก เวลาอื่นกลัวรถติดนะไก่ เลยเข้ามาก่อนดีกว่า”

ไก่มองไปที่มือขวาของเพทเห็นถือแฟ้มสีน้ำตาลมาด้วย

"ตัวอย่างงานของเพท เอามาให้พี่ทิวและลูกค้าดู " เพทส่งแฟ้มงานให้ไก่ "ฝากไว้ด้วยนะไก่"

"เดี๋ยวผมจะเอาไปไว้ในห้องประชุมนะครับ เออ..พี่ทิวยังไม่มา บอกว่าติดธุระข้างนอกอีกไม่นานคงเข้ามา คุณเพททานอะไรมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปบอกแม่บ้านให้”

“ไม่เป็นไรหรอกไก่ เดี๋ยวเพทเข้าไปเอง เพทจะนั่งอ่านหนังสือรอเวลา”

"คุณเพทไปที่ห้องสมุดของบริษัทซิครับ มีหนังสือเยอะเลยครับ อยู่ชั้นบนนะครับ"

“งั้น..เพทรออยู่ที่ห้องสมุดนะไก่”

“ครับ..ผมขอตัวนะครับ” ว่าแล้วไก่ก็ถือแฟ้มงานของเพทเดินเข้าไปในห้องประชุม เพื่อจะเตรียมงานเอาไว้พรีเซ้นท์ลูกค้า ที่จะมาในตอนบ่าย

เพทเดินเข้าไปด้านหลัง โดยยังสะพายกระเป๋าไปด้วยความเคยชิน ไม่ให้กระเป๋าห่างตัวเธอเลย ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเมื่อนำออกมาจากบ้านด้วยกัน เพทเข้าไปที่ห้องพักผ่อนของบริษัทที่จัดน้ำชากาแฟและขนมเอาไว้ให้พนักงาน และใช้ต้อนรับลูกค้า

นงค์แม่บ้านตกใจที่เพทเดินเข้ามาที่โต๊ะเครื่องดื่ม

“คุณเพท ไม่ต้องลำบากเลยนะคะ เดี๋ยวนงค์จะจัดให้คะ คุณเพททานอะไรคะ”

เพทว่าจะไม่รบกวนใครแล้ว แต่ก็ขัดใจแม่บ้านไม่ได้

“เพทขอเครื่องดื่มร้อนคะ แม่นงค์”

เธอระบุชนิดของเครื่องดื่มโปรด เพทจะเรียกแม่บ้านซึ่งเป็นคนคุ้นเคยของครอบครัวว่าแม่นงค์ แล้วเดินขึ้นไปที่ห้องสมุดของบริษัท ข้างในเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะ เพทผลักบานประตูเข้าไปผู้หญิงตัดผมสั้นคล้ายทอมบอยเงยหน้าขึ้น

"สวัสดีคะ คุณเพท" กิ่งซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายห้องควบคุมห้องภาพยกมือไหว้ จนเพทรีบยกมือไหว้ตอบแบบงงๆ ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร

"คิดว่าไม่มีคนอยู่ รบกวนหรือเปล่าจ๊ะ"

"ไม่คะ พอดีกิ่งแวะเข้ามาหาหนังสืออ่าน กิ่งรับผิดชอบงานห้องโสตและห้องสมุดอยู่ที่นี่คะ" กิ่งลุกขึ้นหยิบหนังสือแล้วรายงานตัว 

"เชิญคุณเพทตามสะบายเลยนะคะ คุณเพทมาเรื่องถ่ายภาพหรือคะ"

"ใช่จ๊ะ ลูกค้าจะเข้ามาตอนบ่าย นี้รีบเข้ามาก่อน มีเวลาว่าจะนั่งอ่านหนังสือ"

กื่งเป็นพนักงานประจำบริษัทอีกคนที่รู้จักเพท มีห้องทำงานใกล้กับห้องสมุดเพราะหน้าที่ของกิ่งควบคุมห้องภาพทั้งหมดบริษัท ภาพถ่ายทุกภาพทั้งสไลด์และไฟล์ภาพที่ผ่านฝีมือช่างภาพภาพบุคคลหลากหลายงาน รวมทั้งภาพสถานที่ท่องเที่ยว ธรรมชาติ กิ่งจะเป็นคนจัดรวบรวม เก็บเป็นระบบเพื่อสะดวกในการค้นหาเมื่อนำไปใช้งาน  กิ่งเป็นเด็กอีกคนที่ทิวฝากมาทำงานที่บริษัท นอกจากควบคุมห้องภาพแล้วกิ่งยังมีหน้าที่ดูแลห้องสมุดแห่งนี้อีกด้วย

กื่งออกไปแล้ว เพทหาหนังสือน่าสนใจอยู่หลายเล่ม เลือกหยิบหนังสือมาเปิดดูหน้าที่สนใจ แต่ส่วนใหญ่เพทชอบดูภาพถ่ายในนิตยสาร เพื่อดูการถ่ายภาพ และแต่ละงานสไตล์การถ่ายภาพอย่างไร นอกจากว่าจะเจอข้อเขียนที่น่าสนใจ ถึงจะอ่านเสียทีหนึ่ง

แม่นงค์เอาเครื่องดื่มร้อนพร้อมน้ำอีกแก้วมาตั้งให้กับขนมอีกจาน เพทขอบใจแล้วหยิบหนังสืออีกเล่ม เปิดพลิกไปจนเจอหน้าที่สนใจ แล้วเพทก็อ่านอย่างใจจดใจจ่อ

นานทีเดียวที่เพทนั่งอ่านหนังสือ จนกระทั่งเสียงคนผลักประตูเดินเข้ามา จนทิวต้องส่งเสียงทัก เพทเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มให้ทิวอย่างเขินๆ

“อ๋อ..พี่ทิว”

“รอนานมั้ยครับ ไม่นึกว่าคุณเพทจะรีบเข้ามาก่อน”

“ไม่นานคะ เพทอ่านหนังสือเสียเพลิน พี่ทิวเข้ามาเมื่อไรคะ”

“เมื้อกี้ครับ”

“หนังสือนี้ดีนะคะเขียนถึงโลกร้อนด้วย เมืองไทยมีหนังสืออย่างนี้ด้วย”

เพทพลิกไปดูชื่อที่หน้าปก ที่บ่งบอกแนวของเนื้อหา คงจะเป็นนิตยสารเฉพาะของเมืองไทย เพทไม่เคยเห็นเลยว่าเมืองไทยมีหนังสือแบบนี้ด้วย

“นิตยสารนี้จะเสนอแต่เรื่องสารคดีเนื้อหาหนัก แต่อ่านแล้วให้อะไรเยอะมากครับ”

“เพทอ่านแต่ของฝรั่งนะคะ นี้พยายามจะหัดอ่านภาษาไทยบ่อย จะได้ทบทวนภาษาของเรา” เธอหัวเราะเบาๆอย่างน่ารัก

ความจริงนิตยสารนี้เป็นของทิวที่รับเป็นประจำ และส่วนใหญ่ทิวจะเก็บไว้ที่ห้องพัก แต่บางครั้งนายไก่ก็ถือติดมือมา คงจะเอามาหาไอเดีย และเขาก็เลยเอามาตั้งให้ลูกค้าได้อ่านเล่น รวมไปหนังสือหลากหลายอีกหลายเล่ม ที่ทิวให้ธนารับเป็นประจำส่งมาจัดเก็บไว้ในห้องสมุดของบริษัท

ตอนที่ทิวเข้ามาอดขำที่เพทนั่งอ่านอย่างตั้งใจ คิดว่านั่งแกะตัวภาษาไทยเสียอีก เห็นหน้านิ่วคิ้วขมวดของเพทแล้วอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ เขายืนดูอยู่ มันค้านกับหน้าลูกครึ่งของเพท วันนี้หล่อนแต่งตัวหวานผิดกับวันก่อน หล่อนใส่อะไรก็น่ามองไปหมด

เพทออกไปทานอาหารเที่ยงร่วมกับทิวกับไก่ ตอนนี้เริ่มสนิทกันแล้ว อีกอย่างจะได้ปรึกษางานกันไปด้วย ตอนบ่ายมีเสียงโทรศัพท์เป็นสายของลันนานั้นเองถามทางมาบริษัท สักครู่วิภาก็โทรบอกว่าลันนามานั่งรอที่ห้องรับแขกบริษัทแล้ว

ทิวออกไปพบดาราสาว แรกพบหน้าทำเอาอึ้งชะงัก ไม่ใช่เธอแต่งหน้าแปลกตรงไหน ก็แต่งอย่างผู้หญิงรักสวยรักงามแต่งกัน แต่อึ้งนั้นบอกไม่ถูกเพราะอะไร เธออยู่ชุดกางเกงยีนเสื้อยืดดูเก๋ทีเดียว หญิงสาวที่มาด้วยน่าจะเพื่อนนักเขียนของเธอ เพราะอยู่ในชุดเครื่องแต่งกายเรียบๆง่ายๆหน้าตาน่ารักใส่แว่นสายตา ถือแฟ้มเอกสารมาด้วย

“นามาถึงแล้วไม่แน่ใจ เลยโทรมาถามให้แน่ใจนะคะ” ลันนากล่าวยิ้มตาคมคู่นั้นส่งประกายระยิบระยับ ดูเป็นคนออกคนยิ้มแย้มดี หน้าตาสวยคมเข้มทีเดียว

“ยินดีต้อนรับครับ” ทิวกล่าวเชิญชวนแล้วพาทั้งสองไปที่ห้องประชุมของบริษัท ซึ่งในนั้นเพทและไก่นั่งดูโน๊ตบุ๊คปรึกษากันรออยู่ ไก่เข้ามานั่งทำงานในห้องประชุมนานแล้ว เพื่อเตรียมข้อมูลให้กับลูกค้า บนโต๊ะมีหนังสือหลายเล่มซึ่งเป็นตัวอย่างหนังสือให้ลูกค้าดู รวมทั้งสมุดตัวอย่างงานถ่ายภาพ (protfolio) ของเพท แบบหนังสือที่ทำแบบคราวๆเอาไว้เป็นแบบดัมมี่ไซด้หนังสือแบบขนาดพอกเก็ตบุค

ทิวแนะนำเพทและไก่ให้ลันนาและเพื่อนของเธอรู้จัก และเมื่อบอกว่าเพทคือช่างภาพงานนี้ ลันนายิ้มพยักหน้าจ้องใบหน้างามของเพทด้วยความสนใจ ไม่นึกว่าคนที่จะถ่ายภาพเธอนั้นเป็นหญิงสาวสวยอย่างนี้ ส่วนไก่นั้นกลับนั่งจ้องลันนาอย่างพินิจคล้ายมีอะไรในใจ

“นี่เพื่อนของนาค่ะ ชื่อภัครเป็นคนเรียบเรียงเรื่องให้นา ”

หญิงสาวที่ชื่อภัครนำเอาแฟ้มเอกสารมาวาง ดึงเอาเอกสารปึกหนึ่งยื่นให้ทิว เขาเปิดดูมันเป็นต้นฉบับที่พิมพ์ออกอย่างเรียบร้อย

“คุณภัครมีไฟร์ต้นฉบับที่เป็นใส่แผ่นไว้หรือเปล่าครับ”

“อ๋อ..มีคะ ภัครเอามาด้วยเผื่อคุณทิวต้องใช้ แต่ภัครก็พิมพ์มาด้วย”

ภัคหยิบแผ่นบันทึกมาให้ทิว ดูเธอทำต้นฉบับได้รอบคอบทำให้การทำงานง่ายขึ้น

"ไม่ทราบจะให้ดำเนินเรื่องแบบว่าภาพตอนเด็ก ตอนเรียนหนังสือ หรือภาพครอบครัว และตอนทำงานหรือเปล่าครับ หรือให้เป็นภาพถ่ายใหม่หมด เพราะผมยังไม่ได้อ่านเรื่องว่าแนวไหนหนังสือไปทางไหน”

ที่จริงแล้วทิวก็พอจะรู้ว่าหนังสือดาราส่วนใหญ่แล้วก็เล่าเรื่องของตัวเอง การเข้าสู้วงการ มีผลงานที่ผ่านมาและงานต่อไป และอีกนิดก็คงเป็นเรื่องครอบครัว ความรักอะไรทำนองนี้ คงไม่หนีไปจากแนวทางนี้

“ดิฉันปรึกษากับนาเค้าแล้ว ไม่อยากเน้นที่ประวัติ มีเป็นเล็กน้อย ไม่ลงรูปตอนอดีต แต่จะใช้ภาพปัจจุบัน เพื่อสื่อเน้นไปที่ประสบการณ์และแนวคิดในการอยู่ในวงการแต่ละช่วงมากกว่าคะ อยากให้ผู้อ่านรู้จักตัวจริงของลันนาเค้าผ่านความนึกคิด ความฝันแล้วถ่ายทอดออกมาเป็นภาพนะคะ”

ภัทรอธิบายแนวหนังสือให้ทราบ ทิวเปิดในซองดูพบรูปถ่ายของลันนาในช่วงเข้าวงการใหม่ๆ ซึ่งมีไม่กี่รูป โดยลันนาเอ่ยเสริม

“เป็นภาพแรกๆของนานะคะเอาไว้เป็นบทนำเรื่อง แล้วมาถึงช่วงหลักของหนังสือนาต้องการได้ภาพใหม่หมด แบบมีเรื่องราวผ่านเครื่องแต่งกายในแต่ละบทคะ"

ทิวฟังแล้วยังไม่นึกไม่ออกว่าจะให้ถ่ายภาพในแนวไหน เมื่อเอ่ยถึงมีการแบ่งเป็นบทแล้ว ทิวเปิดดูปึกเอกสารนั้นไปมา คงต้องทำความเข้าใจข้อเขียนแล้ว คงจะนึกแนวทางภาพออก

เพทนั่งฟังอย่างตั้งใจ เธอกำลังคิดว่าอะไรที่ลันนาต้องการภาพที่จะสื่อถึงอะไร เธอยังนั่งคิ้วขมวดมองไปที่ทิวคล้ายมีคำถาม

“พอจะยกตัวอย่างภาพ อยากรู้แนวทางคะ อยากขอรายละเอียดสักตัวอย่างได้มั๊ยคะ" เพทถามแบบไม่เจาะจงว่าเป็นภัครหรือลันนา

"อย่างนี้คะ" ภัครเป็นคนตอบ "คือหนังสือนี้จะคล้ายกับความฝันนะคะ แต่เป็นเรื่องของลันนาในแต่ละช่วง เริ่มตั้งแต่การศึกษาเริ่มจากนี้คะ คือนาเค้าจบศิลปศาสตน์ทางด้านการแสดง ช่วงนั้นเค้าได้เรียนเกี่ยวกับบัลเลต์และรำไทย และอยากจะมุ่งไปที่บัลเลต์มากกว่าตามความฝันของเค้า แต่ในที่สุดนาก็พบว่าการรำไทยนี้คือสุดยอดของศิลปแขนงนาฎศืลป์ที่มีคุณค่า ถึงตอนนี้ก็จะเป็นภาพรำไทยเซทหนึ่งและภาพในชุดบัลเลต์อีกชุดหนึ่งคะ อยากได้ภาพในลักษณะชวนฝันนะคะสำหรับชุดนี้ ซึ่งแต่ละบทก็จะมีภาพดำเนินประกอบตามไปแบบนี้คะ"

"แบบแต่งหน้าแต่งตัวสวย นาอยากได้ภาพในแบบสบายถ่ายเต็มหน้าด้วย ครึ่งตัว และเต็มตัวด้วยคะ นาอยากโชว์ตัวเอง เออ..นาอยากให้คุณเพทถ่ายออกมาในลักษณะนี้นะคะ” ลันนาหัวเราะออกมาเบาๆอย่างไม่มั่นใจ หันมาขอความเห็นทางเพทซึ่งนั่งฟังอย่างตั้งใจ

"เพทเข้าใจแล้วคะ ถ้าอย่างนั้นก็ง่ายขึ้นในการเสนองานภาพ" ต้องนั่งอ่านเนื้อเรื่องและนึกภาพคิดวางแนวภาพและการบอกอารมย์ภาพให้แตกต่างออกไปจากที่ถ่ายกันทั่วไป แต่จะเป็นแบบไหน คงต้องทำการบ้านกับพี่ทิวหน่อยแล้วละ เพทคิด แต่ตอนนี้อยากจะให้ลูกค้าดูงานของเพทก่อน

" เพทมีงานถ่ายภาพของเพทมาให้ดู คุณนาลองดูซิคะว่า มีแนวภาพแบบไหนที่คุณนาชอบ” เพทยื่นแฟ้มงานนั้นให้ทั้งสองดู ลันนาเปิดดูไปทีละหน้าดูไปพร้อมกับภัทร ทั้งเล่มเป็นภาพบุคคลที่เพทถ่ายในสตูดิโอ

"คุณเพทถ่ายรูปเก่งนะคะ สวยทุกรูป นาเลือกไม่ถูกเลยละคะ คุณเพทลองดูซิคะว่าจะถ่ายนาในแนวไหนดี"

เพทพินิจหน้าตาของดาราสาวสวยแล้ว คิดว่าดาราสาวคนนี้มีใบหน้างดงาม อยากรู้ว่าความฝันที่เขียนไว้ซะแล้ว แต่ตอนนี้เธอจะต้องหาแนวภาพให้เหมาะกับลันนา ซึ่งที่ดูแล้วลันนาสวยสง่าแบบสาวไทยโบราณ แต่ก็เก๋ไก๋แบบสาวสมัยใหม่ มันเป็นส่วนส่วนผสมที่ลงตัว น่าจะถ่ายภาพแบบผู้ใหญ่สักนิดดีกว่า

"เพทว่าน่าจะใช้แสงและมุมภาพแบบไม่วัยรุ่นจ๋าหรือผู้ใหญ่เกินไปนัก จัดแสงกลางๆ โทนภาพอ่อนๆน่าจะเหมาะกับคุณนานะคะ นั้นต้องดูเรื่องราวจากข้อเขียนนี้อีกที อาจจะมีการใส่แสงหนักหรือสีหนักบ้างนะคะ หรือแบบฟุ้งกระจาย แบบมีหมอกควันก็ได้นะคะ"

เธอหยิบแฟ้มมาเปิดให้ลันนาดู

"ลองดูภาพตัวอย่างนะคะ เดี๋ยวเพทจะให้ดูคะ"

เพทพลิกหน้าแฟ้มไปเรื่อยๆ

"อย่างภาพนี้แสงแข็งหน่อย คอนทราสและสีค่อนข้างจัดจ้าน"

"นี้อีกชุดเป็นแนววัยรุ่นสีสันสดใสคะ"

เพทเปิดไปอีกหน้า"ภาพนี้คะแสงนุ่มๆ สีค่อนข้างอบอุ่น"

ลันนาดูภาพหน้านี้นางแบบในชุดลำลองแบบผู้ใหญ่หน่อย ดูจะถูกใจภาพนี้ที่สุด

"อืม..ภาพนี้ดูดีจังเลยคะ นาชอบภาพนี้คะ ดูเรียบร้อยดี"

ตอนท้ายเพทมาขอความเห็นสรุปจากทิว เพราะไม่แน่ใจว่าจะให้มีการถ่ายเฉพาะในสตูดิโอหรือภายนอกด้วย

“พี่ทิวคะ..ไปถ่ายที่สตูดิโอที่บ้านเพทก็ได้สะดวก เป็นห้องโถงกว้างขวางจัดวางของได้มากคะ อีกอย่างมีคอมด้วยคะถ่ายแล้วเอามาวางในแบบให้เห็นได้ทันที คุณนาจะได้เห็นและจะได้ถ่ายซ่อมแต่งแก้ไขได้ง่ายขึ้น " เพทเสนอกับทิว แล้วมาถามลันนา

"อีกอย่างนะคะ มีพรอพประกอบด้วยมั๊ยคะ อย่างมีเก้าอี้ หรือโต๊ะ แจกันดอกไม้อะไรทำนองนี้นะคะ เออ..แต่ว่าใครเป็นช่างแต่งและช่างแต่งผม และก็ชุดด้วยคะ หรือถ้ามีสไตลิสต์จะดีมากเลยคะ จะได้ปรึกษาเรื่องการแต่งหน้าเสื้อผ้าและการวางท่าทางไปกับแนวถ่ายภาพของเพท”

เพราะนี้เป็นส่วนสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างานถ่ายภาพ บางครั้งก็สำคัญกว่าใด เพราะภาพที่สวยมักจะมาจากการแต่งหน้าแต่งตัว เพื่อให้ช่างภาพสามารถถ่ายทอดตัวตนแบบออกมาได้สวยดูดี

"สำหรับช่างแต่งหน้าทำผม นาเตรียมเอาไว้แล้วคะ เป็นคนคุ้นเคยกัน ด้านขุดเสื้อผ้าก็จะปรึกษากับสไตลิสต์ ส่วนของประกอบใช้ถ่ายภาพ อย่างไรดีคะ อยากให้ทางนี้จัดเตรียมไว้ให้ ไม่ทราบได้มั๊ยคะ”

“ครับ ดีครับ ตอนแรกผมก็จะถามคุณนาอยู่พอดี ผมก็กังวลพอสมควร เพราะทางบริษัทก็มีบริการด้านแต่งหน้าทำผมนี้ให้ด้วยครับ แต่ค่าใช้จ่ายก็จะต้องเพิ่มในส่วนนี้ อาจจะมีการลองเทสเพื่อให้เป็นที่ถูกใจลูกค้า ที่อาจจะใช้เวลาสักหน่อย แต่เมื่อทางคุณนาได้เตรียมการแล้ว ผมคิดว่าการทำงานง่ายขึ้นแล้วครับ สำหรับของประกอบกับฉากนั้น ทางนี้จะดำเนินการให้ครับ เพราะจะง่ายในการออกแบบการจัดองค์ประกอบภาพครับ" ทิวอธิบายให้ทั้งสองทราบ

"คราวนี้มาถึงขนาดหนังสือครับมีกำหนดไซด์ไว้ขนาดไหนครับ"

"เป็นขนาดไซด์พิเศษยาว 7.5 กว้าง 7 นิ้ว จำนวนหน้าที่กะไว้อยู่ใน 160 หน้าคะ" เมื่อภัทรตอบขนาดออกไป ทิวนึกถึงหนังสือ ถ้าเป็นขนาดนี้มันก็คล้ายหนังสือแบบโฟโตบุ๊ค ซึ่งทิวคิดว่าน่าสนใจแฮะงานชิ้นนี้ แต่นึกได้ว่าตัวเองนั้นเตรียมขนาดหนังสือแบบพ็อกเก๊ตบุ๊คมาเสียเยอะ ไหนจัดมาแล้วให้ดูดีกว่า

"มีตัวอย่างแบบร่างเตรียมไว้นะครับ เป็นขนาดในท้องตลาดทั่วไป ว่าถูกใจมั้ย ”

ทิวยื่นแบบในเอกสารที่ออกแบบถ่ายสี เข้าเล่มอย่างคราวเหมือนของจริง เพียงแต่เว้นข้อความและใช้ภาพตัวอย่างที่เลือกมาในแบบต่างจากหนังสือฝรั่ง ดูเหมือนลูกค้าทั้งสองค่อนข้างจะเพ่งแบบหนังสืออย่างนิ่งเงียบ ทิวยังไม่รู้ว่านี้เป็นแบบที่ใช่สำหรับลูกค้าอย่างดาราสาวหรือเปล่า

"เป็นตัวอย่างหนังสือหลายแนวแบบที่ดาราทำกันให้ดูครับ แต่เมื่อรู้แนวหนังสือ ขนาดและจำนวนหน้าแล้ว จะปรับให้เข้ากับไซด์นี้นะครับ ลืมถามว่าพิมพ์กี่สีครับ"

"พิมพ์สี่สีและขาวดำ ภาพถ่ายสีสลับกับเนื้อหาขาวดำนะคะ” ภัทรบอก

ทิวนึกถึงหนังสือดาราแบบพอกเก็ตบุ๊ค ส่วนใหญ่จะไปในแนวนี้ ความจริงเขาอยากหลีกไปจากที่นิยมกัน แต่เมื่อได้รู้ดังนี้ ทำให้เขาตั้งใจจะวางภาพและเนื้อหาที่หลีกไปจากแนวทั่วๆไปในตลาด แต่มาคิดถึงการถ่ายภาพแล้ว มันคงจะต้องคุยกันอีกรอบ หลังจากที่ได้กำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายรายละเอียดทั้งหมด แล้วคงจะทำหนังสือสัญญาจ้างงานกันตามวิธีปฎิบัติกัน

"ตอนที่ติดต่อมาครั้งแรกนั้นยังไม้ได้รับแจ้งค่าใช้จ่ายใช่มั๊ยครับ เพราะจะต้องดูพูดคุยรายละเอียดกันก่อน หลังจากนี้ทางบริษัทจึงกำหนดค่าใช้จ่ายเสนอ และจะแจ้งให้ทราบทีหลัง ไม่ทราบว่าจะให้ส่งใบเสนอราคาไปที่ไหนครับ"

ภัทรหยิบนามบัตรของเธอให้ทิว "นี้คะสถานที่จัดใบเสนอค่าใช้จ่ายคะ"

ทิวอธิบายให้ลูกค้าทั้งสองที่ตั้งใจฟังอย่างให้ความมั่นใจ ดูเหมือนนารู้สึกพอใจที่ดูให้หนังสือเล่มแรกเป็นที่คลายความหนักใจไปโขเดียว

“ถ้าการเสนอราคาเป็นที่ตกลง ทางนี้จะแจ้งยืนยันกำหนดการทำงานนะครับอย่างการนัดช่างแต่งหน้าแต่งผมและเตรียมเสื้อผ้า ทางนี้จะได้เตรียมรถไปรับไว้ให้พร้อมเลยในวันนั้น”

การพูดคุยกันก็ได้ข้อสรุป ทิวดูจะเป็นผู้ทำหน้าที่ได้เป็นที่ถูกใจทั้งลูกค้า ไก่นั้นรู้มือดีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ออกความเห็นอะไรมากนัก นอกจากฟังรายละเอียดในฐานะคนออกแบบหนังสือทั้งหมด แต่เพทรู้สึกผ่อนคลายดูให้การทำงานได้บรรยากาศที่ดี นึกนิยมว่าหล่อนน่าจะมีความสุขที่ได้รวมงานกับพี่ทิว เพทยังไม่ได้สนิทกับใครมากนักในบริษัท นอกจากพี่ทิวและไก่เท่านั้น อาจจะด้วยเป็นเพราะเพทเป็นช่างภาพฟรีแลนท์ แต่เพทก็พอใจแล้วในสถานะอย่างนี้

.........................................

หลังจากที่ลันนาและเพื่อนของเธอชื่อภัทรกลับไปแล้ว ไก่เข้าไปพูดกับทิวเบาๆสองต่อสอง

"พี่ทิว คิดเหมือนผมมั๊ย"

"อะไร"

"คุณลันนานี้ดูเงียบๆ เรียบร้อยดีนะพี่ แบบว่าไม่ค่อยมั่นใจในการทำหนังสือของตัวเองเท่าไรเลย ขนาดภาพยังแน่ใจว่าอยากจะได้แบบไหน "

"ก็เค้าไม่ชำนาญเหมือนเรานี้ จะให้พูดอะไรได้ แต่เค้าก็มีเพื่อนที่พอเข้าใจอยู่บ้างนี้"

"ก็นั้นแหละที่ผมสงสัยว่า คุณภัครนี้น่าจะเป็นตัวแทนของสำนักพิมพ์อะไรสักแห่งที่มาจ้างให้ที่นี่ถ่ายภาพและออกแบบให้ ดูแล้วเค้าชำนาญพอตัวทีเดียวพี่พอรู้มัยว่าทำไมเค้าถึงอยากทำหนังสือให้คุณลันนา "

" พี่ก็ไม่รู้รายละเอียดมาก อย่าไปสนใจเลยไก่ รู้แต่ว่านี้เป็นงานชิ้นแรกที่เราทำหนังสือดารา ทำให้ดีที่สุดก็แล้วกัน"

“คุณลันนานี้สวยรูปร่างดีนะ พี่ว่ามั้ย ผมว่าคุณลันนาหน้าเหมือนใครคนหนึ่งนะพี่” ไก่มันอดรนทนไม่ไหว

"เหมือนใคร" ทิวตอบออกมามีสีหน้าเรียบขรึม ขณะที่กำลังพลิกตัวอย่างภาพถ่ายของเพท เป็นครั้งแรกที่ทิวได้มีโอกาสเห็นสไตน์ถ่ายภาพของเพท

“เหมือน ...” ไก่มันพูดค้างเอาไว้ แล้วเมื่อเห็นเพทเดินเข้ามาหลังจากออกไปข้างนอกห้อง ไก่เลยหันกลับไปสนใจงานของตน นำต้นฉบับที่ไลน์ใส่แผ่นเข้าไปสแกรนหาไวรัสแล้วจัดเก็บในเครื่องโน้ตบุค

“พี่ทิวจะให้ยกเวิร์ดเข้าไปไว้ในหน้าแบบที่จัดไว้หรือเปล่า ยังไม่ได้ตรวจคำเลย”

“เอาไส่ไปก่อนได้ไก่ อยากรู้จำนวนหน้าที่แท้จริงเท่าไร ” ทิวบอกแล้วเอาเอกสารทั้งหมดมานั่งพิจารณา อ่านต้นฉบับคราวๆอย่างรวดเร็ว ทิวอ่านเรื่องลวกๆอยากรู้ว่าหนังสือนี้จะดำเนินไปอย่างไร

"เขียนได้ดีทีเดียวคุณภัครนี้" ทิวพึมพำเงยหน้าแล้วหันไปทางเพทที่กำลังสนใจเอกสารบนโต๊ะอยู่เหมือนกัน

" พี่ทิวอ่านแล้วเป็นอย่างไงคะ"

"เป็นงานที่น่าทำมาก คิดไม่ถึงว่าคุณภัครนี้ชัดเจนในหนังสือมาก คุณเพทคิดว่าอย่างไรบ้างครับงานนี้"

"เพทฟังแล้ว เพทชอบมากคะอยากทำมากเลย ไม่ทราบเค้าจะตกลงหรือเปล่า เพทฟังแล้วก็พอจับทางได้แล้วเห็นภาพเลยคะ แนวภาพนี้เพทเคยถ่ายนะคะ ตอนที่ทำงานส่งอาจารย์ นึกออกว่ามีภาพชุดที่พากันไปถ่ายบัลเลต์นะคะ ไปที่ห้องซ้อมขอถ่ายกันหลายคนเลยคะ"

"แล้วนายละไก่ คิดว่าไง เค้าแน่ใจกับเราแค่ไหน"

"ผมว่าเค้าคงอยากทำมากนะ ยิ่งมาเห็นไอเดียและเห็นตัวอย่างงานคุณเพทแล้ว ผมว่าเค้าโอเคละ แต่ดูๆแล้ว งานถ่ายภาพอย่างนี้ คงจ่ายค่าถ่ายมาก ผมว่า พี่ทิวคิดค่าถ่ายหนักมั๊ยงานนี้"

"คิดเป็นช็อตวะไก่ ไม่รู้กี่ช๊อตต้องดูว่าจะถ่ายกี่ชุด เดี๋ยวพี่จะไปจัดทำเอกสารค่าใช้จ่ายก่อน จะได้ส่งให้นิวเค้าแจ้งลูกค้า" ทิวรวบรวมเอกสารทั้งหมดแล้วบอกกับไก่

“พอไก่ก๊อปเวิร์ดเข้าไปแล้วพิมพ์ออกหนึ่งชุด พี่จะเอาแผ่นงานนี้และทั้งหมดให้ฝ่ายบัญชีทำใบสั่งงานของบริษัท แล้วทำแผ่นก็อปปี้อีกชุดเพื่ส่งให้แหวนใช้ตรวจแก้หาคำผิดอีกทีในแผ่นนี้ไปเลย”

ทิวบอกขั้นตอนให้ไก่ เพทนั่งดูไก่วางเวิร์ดเข้าไป แล้วหล่อนก็ได้ความคิด

“พี่ทิวคะ เพทขอชุดนี้ให้เพทชุดหนึ่งได้มั้ยคะ ยังไม่ต้องแก้คำผิดก็ได้คะ เพทอยากเอาไปใช้วางดีไซน์ภาพนะคะ”

“ ไก่ใช้เวลานานมั้ย”

“ไม่นานครับพี่ พอเสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะเอาไปปริ้นท์ให้คุณเพทอีกชุด"

ว่าแล้วไก่ก็ตั้งหน้าจัดหน้าอย่างรวดเร็ว ทิวเก็บเอกสารแล้วลุกขึ้นออกไปข้างนอกห้องประชุมทิ้งให้ไก่นั่งทำงานคนเดียว เพทหันมาทางไก่เพราะหล่อนจะไปที่ห้องกาแฟของบริษัท

“ไก่เอาอะไรมั้ย เพทชงมาให้”

เพทบอกอย่างร่าเริง ดูหล่อนเริ่มมีความสุขและกระตือรือร้นที่ได้รวมงานกับทีมเวิร์คนี้

“ขอกาแฟใส่น้ำตาลเยอะก็แล้วกันครับคุณเพท”

ตอนแรกไก่มันก็เกรงใจ แต่เห็นความตั้งใจของเพทในสีหน้าและแววตาแล้วไก่ไม่อยากให้เพทเสียน้ำใจ ดูไปคุณเพทมีนิสัยเป็นกันเองน่ารักอย่างธรรมชาติ ไม่เสแสร้งทั้งๆที่เป็นญาติกับเจ้าของบริษัท ความใกล้ชิดกันทำให้ไก่รู้สึกผ่อนคลายลง ไม่ต่างกับตอนที่ทำรวมกับเพื่อนที่ทำงานส่งโปรเจ็กอาจารย์ครั้งที่เรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยอย่างไรอย่างนั้น




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
1 comments
Last Update : 17 ตุลาคม 2560 14:08:48 น.
Counter : 1082 Pageviews.

 

สวัสดีตอนดึกๆ ฝันดีนะคะ ^^

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 5 กรกฎาคม 2553 21:20:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปางนู
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปางนู's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.