~ฉันมีชีวิตอยู่...เพื่อความฝัน~ ~Welcome to my blog my dream&my life~
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

พรายเสน่หา(ตอนที่ 7...)



นักศึกษาแต่ละคนกำลังทยอยกันเข้าไปที่เพิงเพื่อรับประทานมื้อเย็นก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย อันที่จริงเวลานี้ควรเป็นเวลาที่นักศึกษามารวมตัวกันเพื่อวาดภาพพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แต่โปรแกรมนี้ก็ต้องหยุดชะงักกลางคัน

เมื่อโกสินทร์วิ่งตาลีตาเหลือกมาหาอาจารย์ประจำภาควิชาด้วยความร้อนรน ท่านจึงได้รู้จากโกสินทร์ว่านนท์หายตัวไป แต่ในบรรดานักศึกษาคนอื่นๆ ไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริง เนื่องจากอาจารย์วินิจไม่ต้องการให้เรื่องราวเอิกเกริก และไม่อยากให้นักศึกษาคนอื่นๆ ตกใจ

อาจารย์วัยกลางคนจึงตามลงไปที่ริมคุ้งน้ำพร้อมกับลูกศิษย์หนุ่มผู้นำทาง

“อาจารย์” ลุงคำนูณลืมตาช้าๆ สีหน้าคร่ำเคร่ง ส่วนธนัทยังนั่งหลับสนิท ไม่รับรู้เลยว่ามีใครมา

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ลุงคำนูณ”

“ถ้าผมบอกแล้ว อาจารย์อย่าทำพิรุธเชียวนะ เดี๋ยวเจ้าเด็กสองคนนั่นจะสงสัย พ่อนนท์ถูกผีพรายจับตัวไป” ชายสูงวัยกระซิบบอกอาจารย์วินิจ

ได้ฟังอย่างนั้น อาจารย์วินิจก็ตกใจมากแต่พยายามเก็บอาการเอาไว้

“ธนัทเอ้ย อาจารย์มาตามแล้ว เอ็งกลับขึ้นไปที่เต็นท์ก่อนเถอะ” ลุงคำนูณสะกิดเรียกเด็กหนุ่มที่ยังไม่กล้าลืมตา ตัวของเขายังสั่นเทา

ธนัทสะดุ้งรีบลุกพรวดพราด มองซ้ายมองขวาด้วยความเสียวสันหลัง

“ลุง ผมก้าวขาไม่ออกแล้ว ขาผมสั่นหมดแล้ว”

“เป็นอะไรวะไอ้นัท ทำท่าแปลกๆ แล้วไอ้นนท์ไปไหน เอ็งไม่เจอไอ้นนท์เหรอวะ” โกสินทร์ถามเพื่อน

“ก็ไอ้นนท์มัน...” ยังไม่ทันที่ธนัทจะบอกเล่า ลุงคำนูณก็รีบห้ามไว้ก่อน

“อย่ามัวแต่ฝอยอยู่เลย รีบขึ้นไปที่เต็นท์กันได้แล้ว” แล้วแกก็หันมาดึงแขนอาจารย์วินิจไปแอบคุยกันอีกมุมหนึ่ง ที่ลูกศิษย์หนุ่มไม่สามารถได้ยิน “อาจารย์ครับ พาเด็กสองคนขึ้นไปที่เต็นท์ก่อนเถอะครับ เรื่องพ่อนนท์ผมจะจัดการเอง”

“แล้วตอนนี้นนท์เป็นยังไงบ้าง ลูกศิษย์ผมยังปลอดภัยดีใช่ไหมครับลุง” อาจารย์วินิจยังไม่คลายสีหน้ากังวล

“ไม่ต้องห่วง พ่อนนท์ยังมีชีวิตอยู่ปลอดภัยดี ก่อนหน้านี้เจ้าธนัทอยู่ด้วย ผมก็เลยทำอะไรไม่ถนัดนัก อาจารย์สบายใจได้ ผมไม่ปล่อยให้เจ้าเด็กนั่นเป็นอะไรแน่”

“ถ้ายังไง ผมฝากด้วยนะลุง”

อาจารย์วินิจฝากฝังชายสูงวัย และพาลูกศิษย์หนุ่มทั้งสองกลับขึ้นไปบนลานกางเต็นท์ ความกังวลสุมแน่นอยู่ในอก หวังว่าจะได้รับข่าวดีในอีกไม่นาน
.....................................................................................................

ตะวันยอแสงอย่างโรยรา มาตามแนวสันเขาซึ่งอยู่ล้อมรอบคุ้งน้ำ ก้อนเมฆสีเหลืองทองรวมตัวกันอึมครึม กระทบผืนน้ำยามเย็นอาบสีทองเป็นประกายเรืองรอง

อยู่ๆ ศาลเพียงตาหน้ากระท่อมร้างก็สั่นไหว และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ลุงคำนูณหันไปมองด้วยแววตาเคร่งขรึม

‘นังบัว เอ็งกำลังจะมาบอกอะไรกับลุง’

พลันนั้น ต้นไม้ชนิดหนึ่งซึ่งขึ้นรุงรังอยู่ไม่ไกลจากศาลเพียงตาก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว ชายสูงวัยเพ่งมอง รับรู้ว่าสิ่งนั้นนั่นเองที่บัวบูชาสื่อจิตผ่านมาเพื่อบอกให้แกรู้ และของสิ่งนี้จะช่วยนนท์ได้

ลุงคำนูณเดินไปเด็ดว่านพัดแม่ชีออกมากำมือหนึ่ง นั่งลงบนแคร่ข้างศาลเพียงตาและหลับตาลง รำลึกถึงดวงวิญญาณของบัวบูชาให้ช่วยแกอีกแรง

“ตานังเลนัง สัพพะปาณีนัง...” ชายสูงวัยร่ายคาถาไปเรื่อยๆ พร้อมกับในมือที่ลูบไล้ใบว่านเพื่อส่งผ่านสิ่งนี้ไปยังเด็กหนุ่มที่เคราะห์ร้าย

เสียงท่องคาถาดังกังวานไปถึงโพรงถ้ำสีเขียว ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของนางพรายคำหล้า และเหล่าลูกสมุน กลิ่นสาบเหม็นเขียวของว่านพัดแม่ชีคละคลุ้งฟุ้งกระจาย อันที่จริงมันไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเช่นนั้น แต่สำหรับผีพรายแล้ว ว่านชนิดนี้เป็นเป็นสิ่งที่พวกมันเกลียดที่สุด

“อีบัว มึงอยากลองดีกับกูใช่ไหม ตกลงว่ามึงเป็นทาสรับใช้กูหรือว่าไอ้แก่คำนูณกันแน่ หือ อีบัว!” นางตวาดเสียงกึกก้อง ยังไม่พอ มือชุ่มหนองกับเล็บยาวเหยียดก็ตะปบที่ลำคอของบัวบูชาจับโยนออกไปกระแทกกับผนังถ้ำอย่างแรง

บัวบูชาเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เธอร่ำไห้ด้วยความทุรนทุราย นนท์เห็นภาพนั้นกับตาก็พยายามจะดันตัวเองให้ลุกขึ้น แต่ก็ไม่เป็นผล ในลำคอก็อู้อี้พูดอะไรไม่ได้เลย ความสงสารที่มีต่อวิญญาณพรายสาวบังเกิดกับเขาเต็มหัวใจ

“นายคำหล้า ปล่อยพี่นนท์ไปเถอะนะจ๊ะ พี่นนท์ไม่เกี่ยวอะไรด้วย” บัวบูชาร้องขอทั้งน้ำตา มือก็พลางยกมือไหว้ผู้เป็นนายอย่างน่าเวทนา

“มึงยังมีหน้ามาขอร้องกูอีกหรืออีบัว หน้าที่มึงในตอนนี้คือมึงต้องไปหาอาหารมาให้กู ไม่ใช่มาขอให้กูไว้ชีวิตใคร”

ทันใดนั้น เสียงของลุงคำนูณก้องกังวานไปทั่วโพรงถ้ำ หลังจากร่ายคาถาจบบท บรรดาวิญญาณพรายหันมองหาเจ้าของเสียง

“มันจะมากเกินไปแล้ว ไอ้ผีอุบาทว์!”

“มึงอย่าเสือก ไอ้แก่! มึงกล้ามาถึงที่กูเลยหรือ” โดยเฉพาะนางพรายคำหล้า โกรธเกรี้ยวจนตาแดงก่ำ

อันที่จริงแล้วถ้ำใต้น้ำนี้ หากใครลงไปดำน้ำด้วยตาเปล่าจะไม่มีวันได้เห็น หากไม่ใช่ผู้ที่มีคาถาอาคม หรือผู้ที่มีจิตทางด้านภูตผีวิญญาณ เพราะถ้ำแห่งนี้หากเปรียบแล้วก็เหมือนกับโลกอีกโลกหนึ่ง นั่นคือโลกแห่งความตาย

ความหวังของนนท์จุดประกายขึ้นอีกครั้ง เมื่อพบหน้าลุงคำนูณ เขาทนมองเห็นบัวบูชาถูกทรมานไม่ได้อีกต่อไป

ชายแก่ผู้มีคาถาอาคมได้รู้แล้วว่าเด็กหนุ่มที่ถูกมัดไว้อย่างแน่นหนาจากฤทธิ์เดชของนางพรายนั้นไม่สามารถเปล่งเสียงได้ ลุงคำนูณสบตากับบัวบูชาสื่อจิตถึงกัน คงถึงเวลาแล้วที่บัวบูชาจะทำอะไรสักอย่างเพื่อชายหนุ่มที่เธอรักยิ่งชีวิต อย่างน้อยเวลานี้ก็มีลุงคำนูณอีกคนที่เธอไว้ใจและมั่นใจว่าสามารถจะปกป้องคุ้มครองนนท์ได้

บัวบูชารวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือน้อยนิด เพื่อพรางตานางพรายคำหล้า

“ลุงจ๋า รีบพาพี่นนท์ออกไปจากที่นี่โดยเร็วเถอะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรง

“แล้วเอ็งล่ะ นังบัว” ชายสูงวัยถามกลับ ลุงคำนูณเองก็เป็นห่วงเธอไม่น้อยไปกว่านนท์

“บัวไม่เป็นไรจ้ะลุง บัวทนได้ แต่ตอนนี้ลมหายใจของพี่นนท์กำลังอ่อนแรง ลุงต้องช่วยพี่นนท์ออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนนะจ๊ะ”

“เออๆ เอางั้นก็ได้ ยังไงลุงจะหาวิธีช่วยเอ็งนะนังบัว” ลุงคำนูณเอ่ยพร้อมกับร่ายคาถาเพื่อคลายเชือกที่ทำจากกระจุกเส้นผมนั้นออกจากร่างของนนท์

ขณะที่นนท์ก็ยังคงอึดอัดกับการขยับปากพูดไม่ได้ เขาพยายามจะบอกกับลุงคำนูณว่าเขาจะไม่ไปไหน เขาจะอยู่ที่นี่เพื่อช่วยให้บัวบูชาออกมาด้วยกัน

“ลำพังจะพูด เอ็งยังพูดไม่ได้เลยพ่อนนท์เอ๊ย เชื่อลุงเถอะ เรารีบออกไปจากที่นี่กันก่อน แล้วค่อยหาทางช่วยนังบัวทีหลัง ถ้าเอ็งติดอยู่ที่นี่ เอ็งคิดว่าเอ็งมีปัญญาจะช่วยอะไรมันได้”

“แต่ผมเป็นห่วงบัว ถ้าผมไปแล้ว พวกมันจะทำอะไรรุนแรงกับบัวอีก” เด็กหนุ่มพยายามสื่อออกมาแต่ไร้เสียง ลุงคำนูณพยายามอ่านปากของเขา

“เอาเถอะ เราเสียเวลามากแล้ว เอ็งอย่าทำให้นังบัวมันเสียแรงเปล่าที่อุตส่าห์เสี่ยงชีวิตของมันช่วยพรางตาอีคำหล้าไว้”

นนท์ส่ายหน้าอย่างรัวเร็วเป็นการปฏิเสธ แต่ลุงคำนูณไม่ทำตามใจเด็กหนุ่มที่มีนิสัยดื้อรั้นเช่นนี้ แกพานนท์ออกไปจากที่นี่โดยเร็ว ก่อนที่กำลังของบัวบูชาจะสิ้นสุดลง พร้อมๆ กับที่ร่างของลุงคำนูณและนนท์เลือนหายไปจากโพรงถ้ำ

“อีบัว!” ยังความโกรธเกรี้ยวแก่นางพรายคำหล้าเป็นอันมาก

“จัดการมันเลยเจ้าค่ะนาย กว่าเราจะพาพี่นนท์มาที่นี่ได้ แต่อีนังนี่มันก็ทรยศนาย มันช่วยให้เขารอดออกไปได้ มันไม่เห็นหัวนายสักนิดเลยนะเจ้าคะ” วิญญาณพรายแย้มพูดยั่วยุให้ผู้เป็นนายทวีความโกรธแค้นยิ่งขึ้น

ร่างของพรายคำหล้าปราดเข้าไปหาบัวบูชาด้วยความโมโห ดวงตาที่แฝงความโหดร้ายและเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยสีแดง แปรเปลี่ยนเป็นขาวโพลนเบิกกว้างน่าสะพรึง ใบหน้าเน่าเฟะหยดย้อยด้วยน้ำเหลวสีม่วงไหลเยิ้มจ้องเขม็ง ไม่รอช้านางเอื้อมมือเหี่ยวแห้งแต่พละกำลังมหาศาลจิกที่ลำคอของบัวบูชาเพื่อโยนไปจมอยู่กับกองซากมนุษย์ที่เหลือแต่เพียงโครงกระดูก

“อีแย้ม มึงเอามันไปขังไว้ในปล้องดิน ไม่ต้องให้มันออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน หรือแส่ไปช่วยเหลือ ไปรับส่วนบุญจากไอ้อีหน้าไหนอีก”

บัวบูชาร่ำไห้แทบเจียนตาย พลังที่มีอยู่อ่อนระโหย จากการถูกทำร้ายและจากการที่พรางตานางคำหล้า เพื่อช่วยชีวิตของนนท์ ชายหนุ่มผู้เป็นที่รัก

ชีวิตอันปราศจากลมหายใจแห่งความเป็นมนุษย์นั้นก็ช่างอาภัพแล้ว หนำซ้ำยังหยัดยืนอยู่ในร่างของผีพราย ภายใต้บังคับบัญชาของนางพรายคำหล้าด้วยแล้ว ยิ่งทบทวีความอดสูน่าเวทนามากขึ้นไปอีก

แย้มมองภาพนั้นด้วยความสะใจ ไม่มีความสงสารหรือเห็นใจให้กับผู้ร่วมชะตาเดียวกันแม้แต่น้อย หากหล่อนไม่ได้รับใช้ผู้เป็นนายอย่างตามใจ สภาพของหล่อนก็คงไม่ได้ต่างจากบัวบูชาสักเท่าไหร่ แต่นี่ด้วยความสอพลอที่ติดตัวมา ประกอบกับความเกลียดชังที่มีต่อบัวบูชาตั้งแต่สมัยยังมีชีวิตอยู่ ทำให้หล่อนสามารถทำตามคำสั่งของนายได้ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่การคร่าชีวิตของมนุษย์
.....................................................................................................

สรรพสิ่งรายล้อมช่างเวิ้งว้าง นนท์เหม่อมองผืนน้ำที่ขณะนี้เงียบสงบ ต่างกับจิตใจที่ช่างร้อนรุ่มราวสุมด้วยเปลวเพลิง แสนห่วงใยดวงวิญญาณอาภัพของบัวบูชาเหลือเกิน

“พ่อนนท์ เอ็งมานั่งนี่ มานั่งข้างๆ ลุง” ชายสูงวัยสะกิดเรียกเด็กหนุ่มให้ตื่นจากความคิด

นนท์ตั้งคำถามผ่านทางสายตาคมเข้ม แฝงด้วยความไม่พอใจลุงคำนูณอยู่เนืองนิตย์ที่ขัดใจ ไม่รู้เลยว่าป่านนี้บัวบูชาจะเป็นอย่างไรบ้าง

“อย่ามาทำตาดุใส่ลุงนะโว้ย ลุงน่ะช่วยชีวิตเอ็งไว้นะ เอ็งควรจะขอบคุณลุงด้วยซ้ำ ไอ้นี่ มันเห็นผีดีกว่าลุงไปได้” แกเอ็ดเด็กหนุ่มแบบติดตลก แต่นนท์ขำไม่ออกด้วยหรอก นึกระอาแกอยู่ในใจด้วยซ้ำ

ชายผู้คงกฤติยาคมเดินไปปลิดว่านพัดแม่ชีใบหนึ่งออกมาจากต้น แล้วนำไปล้างในน้ำพอสะอาด จากนั้นก็นำมาร่ายคาถาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งให้นนท์

“กินซะให้หมดนี่แหละ นี่เป็นว่านพัดแม่ชีลงคาถาขจัดสิ่งชั่วร้ายที่นางผีพรายคำหล้ามันสะกดเอ็งเอาไว้ กินแล้วเอ็งจะค่อยๆ คลายความอึดอัด” ลุงคำนูณอธิบาย

นนท์รับว่านสีเขียวใบนั้นมาถือไว้ มองมันอยู่อย่างลังเลว่าควรจะกินมันดีหรือไม่ แต่เขาก็ตัดสินใจนำใส่ปากแล้วเคี้ยวอย่างฝืนๆ รสชาติมันฝาดเฝื่อนลิ้นพิกล เขาฝืนเคี้ยวมันจนหมดและกลืนลงลำคออย่างยากเย็น

“เคี้ยวให้ละเอียดด้วยล่ะ เดี๋ยวจะติดคอ” แล้วแกก็หัวเราะออกมา แต่สำหรับนนท์แล้วมันช่างเป็นตลกที่ฝืดสิ้นดี

เพียงแค่นนท์กลืนลงคอไปไม่ทันถึงชั่วอึดใจ อยู่ๆ เขาก็เกิดกระอักกระอ่วนภายในร่างกาย ปั่นป่วนไปหมดจนเวียนหัวราวกับโลกกำลังหมุน

แล้วเขาก็อาเจียนบางสิ่งบางอย่างออกมา...

ลักษณะคล้ายกับก้อนดินสีออกม่วงๆ เป็นผุยผงกระเด็นกระดอนออกมาเกลื่อนพื้น แล้วยังมีน้ำเหลวๆ กลิ่นเหม็นเน่าตามออกมารดกับกลุ่มก้อนที่มีรูปลักษณ์เหมือนก้อนดินจนเปียกชุ่ม

ลุงคำนูณช่วยลูบหลังของนนท์เพื่อนำพาซากเน่าออกมา กระทั่งพายุในร่างกายสงบลง นนท์จึงทรุดนั่งลงอย่างหมดแรง รู้สึกเหมือนกับตัวเองเป็นวัตถุเบาหวิว เขาไม่รู้ว่าของเน่าเหล่านี้เข้าไปอยู่ในร่างกายตั้งแต่เมื่อใด

“เป็นยังไงพ่อหนุ่ม รู้สึกโล่งสบายขึ้นหรือเปล่า” ลุงคำนูณนั่งลงข้างนนท์ แล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“ครับลุง แต่ผมรู้สึกคอแห้งมากๆ เลย” แล้วนนท์ก็ผลึงตาอย่างแปลกใจ “ลุง! ผมพูดได้แล้วจริงๆ ด้วย ลุงเก่งมากเลย แค่ใบไม้ใบเดียวทำให้ผมพูดได้ ลุงทำยังไงครับ”

ลุงคำนูณหัวเราะร่วน “มันจะไปยากอะไร้”

“แล้วถ้ามันไม่ยาก ทำไมลุงไม่ทำไปให้คนเป็นใบ้ได้กินบ้างล่ะ พวกเขาจะได้พูดได้ไง” นนท์ออกความเห็นอย่างพาซื่อ ทำให้ชายสูงวัยได้ฟังถูกก็อดหัวเราะชอบใจไม่ได้

“เอ้อ คิดไปได้น้อ ถ้าทำแบบนั้นได้จริง ลุงก็ทำไปขายเอาตังค์รวยเป็นเศรษฐีไปแล้ว ไม่มาอยู่บ้านนอกคอกนาเป็นตาแก่จนๆ ในป่าในเขาแบบนี้หรอก”

เด็กหนุ่มจ้องตาชายสูงวัยอย่างหงุดหงิดใจ ชักรำคาญแกขึ้นมาเต็มทน พูดจากวนประสาทล่ะก็เป็นที่หนึ่งเลย จะอธิบายอะไรก็ไม่อธิบายให้มันกระจ่างชัด

“เอาอีกแล้ว มันทำตายังกะจะขย้ำลุงอีกแล้ว เอ็งน่ะยังรู้อะไรน้อยไป ลุงจะบอกให้นะ ไอ้การที่เอ็งเป็นใบ้ไม่ใช่ว่าเอ็งพูดไม่ได้มาตั้งแต่เกิด แต่เป็นเพราะเอ็งถูกมนต์จากอีนังผีร้ายมันทำให้เอ็งพูดไม่ได้ ลุงจึงใช้คาถาช่วยให้เอ็งพ้นจากมนต์ที่ถูกนังผีพรายมันสาปเอาไว้ เข้าใจหรือยัง”

“ก็แค่นั้นเอง ลุงก็ไม่บอกตั้งแต่แรก” นนท์ย้อนกลับห้วนๆ แล้วเฉมองไปทางอื่น พลันสายตาก็หยุดอยู่ที่ศาลเพียงตา

“เอ่อ... ลุง ตอนนี้บัวจะเป็นยังไงบ้าง”

สายลมรำเพยหอบกลิ่นดอกเสี้ยวโชยมา ราวกับดวงวิญญาณหญิงสาวที่เขาคิดถึงกำลังรับรู้ความห่วงใยที่เอ่อล้น นนท์สูดหายใจลึกๆ เขาไม่สบายใจ ไม่รู้ว่าเธอเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิตจิตใจของเขาตั้งแต่เมื่อใด

“เอ็งห่วงมันมากเลยหรือ” ชายสูงวัยถาม ทั้งที่รู้คำตอบนั้นดีอยู่แล้ว แกพาตัวเองเดินมายืนอยู่ริมน้ำ พลางมือก็ล้วงเอามวนยาเส้นขึ้นมาจุดสูบ

“ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงห่วงบัวขนาดนี้ ผมรู้สึกเหมือนเคยพบเธอที่ไหนสักแห่ง รู้สึกผูกพันกับบัวมากๆ บัวอุตส่าห์ช่วยผมให้รอดออกมา แล้วตัวเองจะเป็นยังไง ผมเห็นบัวถูกนังหัวหน้าผีพรายทรมานมากับตา มันน่ากลัวและโหดร้ายมาก”

ลุงคำนูณถอนหายใจหนักหน่วง เบือนสายตาออกมาจากผืนน้ำกว้าง พินิจมองเด็กหนุ่มอย่างสงสัย แกคิดถึงคำพูดของบัวบูชาในวันก่อน ในความหมายที่คล้ายกับคำพูดของนนท์ หรือทั้งคู่จะเคยมีชีวิตร่วมกันในอดีตชาติ

“เป็นเวรกรรมของนังบัวมัน ลุงเองก็จนปัญญาจะช่วย ทำได้ก็แค่สร้างศาลเพียงตาเอาไว้เพื่อทุเลา บาปกรรมที่อีนังคำหล้ามันสร้างให้บัว มันเป็นบาปที่หนักหนานัก”

“มันให้บัวทำอะไรเหรอลุง” นนท์ถามอย่างใคร่รู้

“เอ็งเห็นโครงกระดูกมนุษย์ที่กองทับถมกันในโพรงถ้ำหรือเปล่า นั่นล่ะ บาปกรรมที่มันสร้างให้บัว” ลุงคำนูณเริ่มเล่า น้ำเสียงแกจริงจังมากขึ้น

“มันบังคับให้บัวลวงมนุษย์ไปให้มัน ที่มันมีชีวิตอยู่คงกระพันก็เพราะมันสิงสู่ร่างมนุษย์ เกาะกินเครื่องในตับไตไส้พุง ดูดเอาเลือด ออกไปทีละน้อย พอเจ้าของร่างเริ่มเน่า มันก็จะปล่อยให้ร่างเสียชีวิตด้วยความทุกข์ทรมาน”

นนท์นิ่งฟังเรื่องราวด้วยใจสั่น ในโลกปัจจุบันทันสมัยเช่นนี้ ยังมีเรื่องเหลือเชื่ออยู่ในโลกอีกด้วยหรือ

“แต่บัวมันไม่อยากทำหรอกนะ หลายครั้งที่มันฝืนคำสั่ง มันก็ถูกอีผีคำหล้าลงโทษ อย่างที่เอ็งเห็นนั่นแหละ”

“บัวเองก็เป็นผีพรายเหมือนกัน แล้วบัวต้อง เอ่อ... ต้องสิงร่างคนเพื่อกินตับไตไส้พุงเหมือนกับนางคำหล้าหรือเปล่าครับลุง” นนท์ถามอย่างหวาดๆ

“ก็ลุงเคยบอกเอ็งแล้วไงว่าที่ลุงสร้างศาลเพียงตาให้มัน ก็เพราะให้มันมากินอาหารเซ่นไหว้จากลุง บัวน่ะมันพยายามหลีกเลี่ยงจากบาป แต่อีนังคำหล้าก็ใช้อำนาจบังคับมันทุกอย่าง”

ยิ่งได้ฟัง นนท์ก็ยิ่งรู้สึกสงสาร “โธ่ บัว ผมจะทำยังไงที่จะช่วยเธอได้ ผมอยากให้บัวรู้ว่าผมเป็นห่วง”

“เอ็งก็จุดธูปบอกมันสิ ถ้าจิตของเอ็งสื่อถึงกัน มันก็จะรับรู้ความรู้สึกของเอ็ง”

นนท์ทำตามคำแนะนำของลุงคำนูณ เขาเดินไปยังศาลเพียงตาหลังเก่า หยิบธูปในกล่องออกมาดอกหนึ่ง นั่งคุกเข่าลงกับพื้นและรำพันความรู้สึก

“บัว ฉันขอบใจมากที่เธอช่วยฉัน ฉันไม่รู้ว่าเธอจะถูกไอ้ผีร้ายนั่นทารุณอย่างไรบ้าง แต่ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันเป็นห่วง ฉันสัญญากับเธอและอยากให้เธอวางใจว่าฉันจะหาทางช่วยให้เธอพ้นจากความทุกข์ทรมานนี้ให้ได้”

กลิ่นธูปที่จุดไหว้ยังอบอวล ชงโคป่าที่ยืนต้นอย่างเงียบเหงาข้างศาลเพียงตาต้องลมพัดเคลื่อนไหว บ่งบอกว่าดวงวิญญาณของบัวบูชาได้ยินและรับรู้ถึงสิ่งนี้แล้ว
.....................................................................................................

ทันทีที่ธนัทกับโกสินทร์เห็นชายต่างวัยทั้งคู่กำลังเดินมาที่เต็นท์ก็ลุกพรวดพราดขึ้น แปรจากสีหน้ากังวล รีบตรงรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจ

“ไอ้นนท์ นายหายไปไหนมาวะ ฉันตามหาจนทั่ว ลุงคำนูณก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย” ธนัทรัวถาม

“นี่อาจารย์วินิจก็รออยู่ อาจารย์ห่วงนายมาก นี่ถึงขนาดยกเลิกโปรแกรมวาดภาพเมื่อตอนเย็นเลย” โกสินทร์เล่าต่อ

“อ้าว แบบนี้เพื่อนๆ ก็รู้หมดเลยสิว่าอาจารย์ยกเลิกเพราะอะไร” นนท์ถาม

“ไม่มีใครรู้หรอก ขนาดฉันกับไอ้นัทยังไม่รู้เลย ตกลงนายไปอยู่ไหนมากันแน่” โกสินทร์ถามอีกครั้ง

นนท์ชำเลืองมองชายสูงวัยที่ยืนทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ด้านหลัง ด้วยสัญชาตญาณ ทำให้ลุงคำนูณรู้ว่านนท์กำลังเข้าตาจน และเหลือบมองแกเพื่อหาตัวช่วย

“ก็ลุงไปเจอมันแอบหลับอยู่แถวๆ หลังกระท่อมโน่น แถวนั้นลมเย็นสบายดี คงจะหลับลึกล่ะสิใช่ไหมพ่อนนท์ ถึงไม่ได้ยินเสียงลุงกับเพื่อนๆ เทียวเรียกอยู่หลายรอบ”

ลุงคำนูณให้เหตุผลข้างๆ คูๆ นนท์รีบตอบรับอย่างไม่ให้มีพิรุธ

“ถ้าได้ยิน ผมก็ต้องลุกมาหาแล้วสิ ถามได้ เอ้อ! แล้วอาจารย์วินิจอยู่ที่เต็นท์หรือเปล่า ฉันจะไปหาท่านก่อน ป่านนี้คงห่วงแย่แล้ว” นนท์รีบเปลี่ยนเรื่อง แล้วเลี่ยงจากการสบสายตาเพื่อนเพื่อดิ่งไปยังเต็นท์ของอาจารย์วินิจซึ่งยังคงมีแสงตะเกียงวอมแวมอยู่ท่ามกลางความมืดสนิท
.....................................................................................................

หลังจากที่ไปพบอาจารย์วินิจแล้ว ท่านก็ซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนนท์อยู่พักใหญ่ ตอนแรกท่านจะล้มเลิกการเข้าค่ายที่นี่ แต่นนท์จะปล่อยให้ล้มเลิกไม่ได้ เรื่องของเขาคนเดียวจะพลอยทำให้เพื่อนๆ คนอื่นเดือดร้อนไปด้วยไม่ได้ อีกเหตุผลสำคัญก็คือนนท์ยังหาทางช่วยบัวบูชาไม่ได้เลย แล้วเขาจะกลับได้อย่างไร

นนท์จึงขอร้องอาจารย์วินิจให้อยู่ต่อ เพื่อไม่ให้เพื่อนๆ คนอื่นสงสัย อาจารย์บอกว่าถ้าหากนนท์ต้องการอยู่ต่อ ก็ต้องรับปากว่าจะไม่ลงไปที่บริเวณริมคุ้งน้ำนั่นอีกเป็นอันขาด เขาจึงรับปากอาจารย์ไปเพื่อให้จบเรื่อง แล้วกลับมานั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่หน้าเต็นท์ที่แว่วเสียงกรนของเพื่อนสองคนดังออกมา

ทั้งที่ร่างกายแสนอ่อนเพลีย แต่ก็ข่มตาหลับไม่ลง เฝ้าคิดถึงแต่บัวบูชา ทั้งคิดถึงและเป็นห่วง เขาจะทำอย่างไรจึงจะช่วยเธอได้

ขณะที่คิดอะไรอยู่เพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศสงัดเงียบ ก็ได้ยินเสียงร้องจากสัตว์ชนิดหนึ่งส่งเสียงมาจากมุมไหนสักแห่งในความมืด ในพุ่มไม้ก่อก็มีเสียงกุกกักลอดออกมา นนท์มองเห็นดวงตาวาวแวว
กระทบแสงตะเกียงที่ซ่อนอยู่ในดงไม้ก่อ เขาจึงลุกย่องไปดู

“แมวของบัวบูชา นี่ แกคือเจ้าน้ำตาลใช่หรือเปล่า”

เจ้าแมวน้อยขนสีน้ำตาลโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ ส่งเสียงร้องเหมียวๆ เย็นยะเยือกจนนนท์อดขนลุกไม่ได้ เขาจำได้ในความฝัน ครั้งหนึ่งบัวบูชาเคยอุ้มมันอยู่ในอ้อมแขน และบัวบูชาเป็นผี เจ้าแมวตัวนี้ก็ไม่พ้นแมวผี

คิดขึ้นมาได้ก็ขนลุกกรูทั่วร่าง เขาหลบแววตากลมวาวของมันทันที

“เอ็งพูดภาษาแมวเป็นด้วยหรือวะ”

เสียงแหบแห้งดังมาจากด้านหลังทำเอานนท์สะดุ้งเฮือก

“อะไรกัน ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ ไหงขวัญอ่อนขนาดนั้นเล่า” ลุงคำนูณหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่ ในมือแกถือยี่สิบห้าดีกรีติดมาด้วย

“โธ่ ลุงคำนูณนี่เอง มาเงียบๆ แบบนี้จะไม่ให้ตกใจได้ไง” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

กลิ่นเหล้าโชยมาจากลมหายใจของแกยังคุกรุ่นอยู่ นนท์จึงเดาได้ว่าก่อนมาที่นี่ แกคงได้ดวดมาไม่ต่ำกว่าครึ่งขวดแน่นอน

“ว่าแต่ดึกดื่นแล้วทำอะไรอยู่ ลุงมองมาเห็นแสงตะเกียงวับๆแวมๆถึงเดินมาดู เต็นท์อื่นเขาหลับนอนกันไปถึงไหนแล้ว”

นนท์ดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนตอบคำถาม “เพิ่งสี่ทุ่มกว่าเอง ดึกดื่นที่ไหนกันครับลุง ผมอยู่ที่บ้าน เผลอๆ ยังนั่งดูทีวีกับแม่อยู่เลย”

“อ้อ อย่างนั้นเหรอ แต่ลุงจะบอกให้ว่าคนบ้านนอกแถวนี้น่ะ เขาหลับกันตั้งแต่หัวค่ำทั้งนั้นแหละ ทุ่มสองทุ่มก็เฝ้าพระอินทร์แล้ว”


“อ้าว ถ้าคนที่นี่หลับตั้งแต่ทุ่มสองทุ่มจริงๆ แสดงว่าลุงไม่ใช่คนที่นี่น่ะสิ ถึงได้ยังไม่นอน” ลุงคำนูณหัวเราะให้กับคำยอกย้อนของชายหนุ่ม


“ไอ้หนุ่มนี่มันช่างยอกช่างย้อนเสียจริงเชียว ก็ลุงต้องคอยตรวจตราความเรียบร้อยของที่นี่ จะนอนหัวค่ำเหมือนคนอื่นเขาได้ยังไง”

มัวแต่สนทนากับลุงคำนูณเพลินๆ เมื่อหันกลับไปอีกที เจ้าน้ำตาลหายไปในความมืด มองซ้ายมองขวามีแต่ความเงียบและว่างเปล่า


“ไอ้น้ำตาล แมวของบัวสินะ” จู่ๆ แกก็พูดขึ้นมา

“ลุงรู้เหรอ” นนท์ถามอย่างแปลกใจ

“เอ๊า ลุงรู้จักเจ้าของมัน จะไม่ให้รู้จักแมวของมันได้ยังไง เออนะ เมื่อก่อนมันผอมจนหนังหุ้มกระดูก ลุงก็เลยเอาปลาคลุกข้าวให้มันกิน จนทุกวันนี้มันก็รู้เวลามาคอยอาหารตลอด ตกกลางคืนก็ไปนอนอยู่ข้างลุงทุกคืน”

“แต่มันเป็นแมวผีไม่ใช่เหรอลุง” นนท์ถามเสียงสั่น

“ความผูกพันของมันมีต่อนังบัวมากนัก ถ้าเอ็งอยากรู้เอ็งก็ตามลุงมานี่”

ลุงคำนูณเดินนำทางมาจนถึงบ้านพักหลังซอมซ่อของแก จนกระทั่งถึงด้านใน แกก็หยิบผอบทรงกลมออกมา แล้วเปิดฝาออก

“นี่อะไรครับลุง” นนท์ถาม คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันขณะที่มองวัตถุซึ่งอยู่ภายใน มีก้อนขนาดเท่านิ้วโป้งจมอยู่ในกองขมิ้นสีเหลือง แต่เขามองไม่ออกว่าเจ้าก้อนนั้นคืออะไร

“ก็นี่แหละ ไอ้น้ำตาลไง มันเป็นลูกกรอกที่ลุงเลี้ยงไว้เอง”








 

Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554
26 comments
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2554 15:29:22 น.
Counter : 3495 Pageviews.

 



ขอบคุณกับคำอวยพรนะคะ

 

โดย: ญามี่ 27 พฤศจิกายน 2554 14:39:12 น.  

 

ขอบคุณมากครับที่แวะไปอวยพรให้ลุง ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะครับ

 

โดย: ลุงกล้วย 28 พฤศจิกายน 2554 11:46:33 น.  

 


สรุปว่าวันหยุดที่ผ่านมาได้ไปวัดพระแก้วรึป่าวคะ



 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 29 พฤศจิกายน 2554 15:49:44 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะ
Have a nice day นะคะ

 

โดย: คุณหนูแพนด้าตัวน้อย 4 ธันวาคม 2554 14:38:45 น.  

 

สวัสดีบ่าย ๆ วันอาทิตย์คะคุณdayydream_m

หยุดอยู่บ้าน เพราะฝนโปรยปรายทั้งวันคะวันนี้

 

โดย: aenew 4 ธันวาคม 2554 15:16:13 น.  

 



สวัสดีค่ะ
ช่วงนี้แถวบ้านอากาศหนาว ฝนตก มืดครึ้มทั้งวัน
ส่วนมากวันหยุดจะอยู่กับบ้านมากว่าค่ะ

สุขสันต์วันหยุดค่ะ

 

โดย: ข้ามขอบฟ้า 4 ธันวาคม 2554 15:25:30 น.  

 

ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะค่า
วันหยุดเป็นแจ๋วอยู่บ้านค่า

 

โดย: ลงสะพาน...เลี้ยวขวา 4 ธันวาคม 2554 15:43:52 น.  

 

หวัดดียามค่ำ

ออกกะมาไม่พักผ่อนเหรอ เขียนเรื่องได้ยาวๆ....

รักษาสุขภาพด้วย

 

โดย: กาแฟสดกะพรรณไม้งาม 4 ธันวาคม 2554 18:33:05 น.  

 





.....วันนี้วันพ่อ....



.....ทำอะไรดี...???



...^-^...

 

โดย: saraburitrebor 5 ธันวาคม 2554 11:53:58 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สุขสันต์วันพ่อค่ะ

 

โดย: ต้นไม้ต้นเล็ก 5 ธันวาคม 2554 17:33:13 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณนุ่น

หยุดหลายวันป้าไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน
เพราะยังมีภาระอยู่กับน้องน้ำค่ะ

คุณนุ่นสบายดีนะคะ

 

โดย: ร่มไม้เย็น 5 ธันวาคม 2554 17:53:50 น.  

 

แวะมาเยี่ยมเยียนจ้า คิดถึงน้า

 

โดย: สายธาร (permanent stream ) 6 ธันวาคม 2554 9:57:41 น.  

 

สวัสดีตอนสายวันอังคารค่ะ

วันหยุดไปเที่ยวบางแสนมาค่ะ

เดี๋ยวนี้บางแสนน้ำทะเลใสน่าเล่นค่ะ

ไปตอนเย็นก็ฌโอเคค่ะ ไปลอยโคม

ดูพระอาทิตย์ลับขอบทะเล สวยมากมายค่ะ

เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลยค่ะ

 

โดย: maitip@kettip 6 ธันวาคม 2554 10:41:50 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: มิลเม 6 ธันวาคม 2554 14:58:10 น.  

 

สวัสดีจ้า..

ขอบคุณที่ไปทักทายกันนะคะ..ส่วนวันหยุดที่ผ่านมา เราก็พาลูกไปดูหนัง และทำอาหารทานเองที่บ้านจ้า ว่าแต่เจ้าของบล๊อคล่ะจ๊ะ ไปเที่ยวไหนมาบ้างเอ่ย แล้วปีใหม่ มีโปรแกรมไปรึป่าวจ๊ะ ส่วนเราคงไป ตจว . ตามเดิมจ้า

ช่วงนี้อากาศเย็น ดูแลสุขภาพด้วยน๊า

 

โดย: radakorn 6 ธันวาคม 2554 22:56:58 น.  

 


ดีใจด้วยค่ะ ที่ได้ตีพิมพ์แล้ว มีเรื่องแรกก็ต้องมีเรื่องต่อๆ มาอีกเนอะ


 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 7 ธันวาคม 2554 14:51:32 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: ภายใต้ 9 ธันวาคม 2554 13:13:26 น.  

 

สวัสดีครับ
วันหยุดไม่ได้ไปไหนเลย มีงานมาก แต่ตอนกลางคืนมีแอบไปดูไฟมาบ้าง กำลังหาเวลาเอาภาพมาลงบล็อกอยู่คงเร็วๆนี้ครับ...

 

โดย: หมุนตามไมล์ 12 ธันวาคม 2554 23:11:46 น.  

 

อยู่แต่บ้านครับ

 

โดย: อืม...ครับ เชิญตามสบาย 13 ธันวาคม 2554 6:34:02 น.  

 




.....อัน ยอง ฮา เซ โย...



.....ในวันที่อากาศเย็นสบาย...



...^-^...

 

โดย: saraburitrebor 13 ธันวาคม 2554 12:56:22 น.  

 

วันหยุดอยู๋แต่บ้านจร้าา 5555++ เราสิงอยู๋แต่บ้าน

 

โดย: ตะวันเจ้าเอย 15 ธันวาคม 2554 18:33:20 น.  

 

ขอบคุณที่แวะไปทักทายกันนะคะ
..
แฮ่ะๆ กว่าจะมีเวลาแวะมาเยี่ยม
คนไปลืมกันไปแร้วววว

เลยเอาดอกไม้จากทีลอซูมาฝากนะคะ ...

 

โดย: mutcha_nu 17 ธันวาคม 2554 20:24:03 น.  

 

ทักทายยามสายจ้า พักนี้ไมไ่ด้อัพบล็อคเลยจ้า ไม่ว่างเลยงานรัดตัวมากมายเลยจ้า

ตัวเองขยันจังแต่งนิยายได้หลายตอนแล้ว สู้ๆน้า ของน้ำนี่ซิ นิ่งสนิทไม่ขยับไปไหนเลยจ้า

 

โดย: น้ำค้าง IP: 110.77.249.254 21 ธันวาคม 2554 12:36:45 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: มิลเม 28 ธันวาคม 2554 14:39:36 น.  

 





.....เอาของขวัญปีใหม่มาให้ครับ...









.....มีความสุขอยู่ในกล่องนั้น.... ขอให้ได้รับมันนะครับ...





...^-^...

 

โดย: saraburitrebor 29 ธันวาคม 2554 15:58:57 น.  

 



สวัสดีปีใหม่ค่ะ ปีใหม่ไปเที่ยวไหนคะ

ยังไงเดินทางปลอดภัยทั้งไปและกลับนะคะ

อย่าเจ็บ อย่าจน พ้นทุกข์ พ้นภัย ร่ำรวย ร่ำรวยจ้า

 

โดย: maitip@kettip 30 ธันวาคม 2554 13:56:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วันฝัน วันซันเดย์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ขอความฝัน...จงบังเกิด
หลงรัก...คนรุ่นพ่อ
...หัวใจดวงนี้ ไม่มีอะไร นอกจากความห่วงใย... ถึง...ใครบางคน
> : Users Online
TOP

Free Cursors
Friends' blogs
[Add วันฝัน วันซันเดย์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.