เทคนิคเล็กน้อยในการเรียนภาษาญี่ปุ่น
พอดีเมื่อคืนทำรายงานส่งเซนเซ เรื่อง"เทคนิคการเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ดีขึ้น" ไหนๆก็เขียนไว้แล้ว ขอเอามาแปะไว้ที่นี่ด้วยละกันนะคะ
เผื่อได้เป็นประโยชน์กับใครหลายๆคน
รายงานอันนี้ส่วนใหญ่เราเอามาจากที่ตัวเองทดลองทำแล้วได้ผล แล้วก็เพิ่มเติมบางอันที่เอามาจากอินเตอร์เนตบ้าง หนังสือบ้าง ถ้าใครเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่ก็ลองอ่านดูนะคะ เทคนิคการเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ดีขึ้น การจะทำอะไรให้ดี ต้องมีความรักความชอบที่จะทำสิ่งนั้น เพราะจะทำได้ออกมาดีและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
การเรียนภาษาญี่ปุ่นก็เหมือนกัน ต้องถามตัวเองก่อนว่า ชอบไหม
เมื่อชอบก็ถามตัวเองต่อว่า เรียนไปเพื่ออะไร เช่น เพื่อทำงาน เพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อเป็นงานอดิเรก หรืออื่นๆ
จากนั้นให้ตั้งเป้าหมาย เพื่อให้มีแรงบันดาลใจในการเรียน
การเรียนภาษามีด้วยกัน 4ทักษะ คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน การจะทำให้ได้ดีทั้ง4ทักษะ จำเป็นต้องรู้ คำศัพท์ และ ไวยกรณ์
การจำคำศัพท์และไวยกรณ์นั้น ใช้ความตั้งใจ อดทน และความขยันหมั่นเพียร ผู้เรียนจึงต้องมีแรงผลักดันที่จะเรียน ดังที่กล่าวมาข้างต้น
เทคนิคการจำคำศัพท์
1.คำศัพท์เก่าที่เคยเรียนมาแล้ว ให้หมั่นทบทวนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ลืม
2.คำศัพท์ใหม่ ให้หาคำศัพท์ใหม่จำเพิ่มเข้าไปอยู่เรื่อยๆ ตรงนี้อาจจะหามาจาก หนังสือเรียน นิตยสารญี่ปุ่น หรือทีวีก็ได้ เมื่อเจอคำศัพท์ที่เราไม่รู้ ให้จดและเปิดพจนานุกรม 3.คันจิ การจำคันจินั้นให้ใช้ตาดู ปากท่อง และมือเขียนไปพร้อมๆกัน เป็นเทคนิคการใช้ร่างกายหลายส่วนในการช่วยจำ ทำให้เราลืมยากขึ้น เช่น เมื่อเรานึกคันจิไม่ออกก็ลองเขียนลำดับเส้น จากนั้นมือก็จะเริ่มเขียนอัตโนมัติ
เทคนิคนี้เป็นการจำโดยใช้ร่างกายหลายส่วนนอกจากหัว จึงลืมยาก เหมือนกับการว่ายน้ำหรือขี่จักรยาน ที่เมื่อเวลาผ่านไปนานเราก็พอที่จะจำได้ แม้ทักษะอาจลดลงไปบ้าง แต่ถ้ามีการฝึกอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เราคล่องขึ้น (อ้างอิงเทคนิคจากหนังสือ Kiokuryoku ga imamade no 10 bai yokunaruho)
การจำคำศัพท์และคันจินั้น ต้องใช้การอดทนในการจำ ควรท่องอย่างสม่ำเสมอ และทำซ้ำบ่อยๆ
การจำไวยการณ์ หลักในการจำไวยกรณ์คือ จำกฏ ข้อบังคับ และข้อยกเว้น การจำไวยกรณ์ต้องอาศัยความเข้าใจเป็นหลัก และสามารถนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ผู้เรียนอาจมีหนังสือ,ตำราเรียนไว้หลายๆเล่ม เพื่อทำความเข้าใจกับรูปประโยคให้ถ่องแท้ หรือให้ถามอาจารย์หรือผู้รู้เมื่อมีข้อสงสัย
เมื่อเราจำคำศัพท์และไวยกรณ์ได้พอสมควรแล้ว ขั้นตอนต่อไปในการเรียนภาษาก็คือการฝึกทักษะทั้ง4 คือ ฟัง พูด อ่าน เขียน
เทคนิคที่ทำได้ง่ายและทำให้ฝึกทักษะทั้ง4 ได้ดี คือ 1. ฝึกพูดกับคนญี่ปุ่น -การพูดกับคนญี่ปุ่นเราจะได้ฝึกภาษาและสำเนียงโดยตรง -ภาษานั้นมีการพัฒนาไปเรื่อยๆ การพูดกับเจ้าของภาษาทำให้เรารู้เภาษาที่ใช้ในชีวิตจริง และได้รู้เพิ่มเติมจากในหนังสือเรียน -ใช้ภาษาที่ง่ายและเข้าใจทั้งสองฝ่ายในการสื่อสารกัน -ไม่ต้องกลัวว่าจะพูดผิด ไม่มีคนญี่ปุ่นคนไหนจะมาด่าเราว่าเราพูดผิด ดีซะอีกที่เราได้พูด เราจะได้รู้ว่าเราพูดถูกไหม ถ้าเราพูดถูกเราก็จะมั่นใจมากขึ้น และถ้าเราพูดผิดคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เขาจะแก้ไขให้เรา และจะทำให้เราไม่ผิดคำเหล่านั้นอีก 2.หาสื่อที่อยู่รอบๆตัว เช่น ดูหนัง ดูทีวี ฟังเพลง อ่านนิตยสารหรือการ์ตูนภาษาญี่ปุ่น
-การดูหนัง ดูทีวีอาจจะดูที่มีซับไตเติ้ลเพื่อให้เราเข้าใจมากขึ้น และควรดูบ่อยๆให้ชินกับสำเนียงของคนญี่ปุ่น
-การฟังเพลง ให้เปิดฟังบ่อยๆหรือยามว่าง ให้เปิดเป็นประจำจนเคยชิน เมื่อมีเวลาให้ลองแปลเนื้อเพลงที่สนใจดู การดูหนังฟังเพลง
เมื่อเราดูหนังฟังเพลง เราสามารถใช้เทคนิค Listening&Copy ได้ด้วย
กล่าวคือ เทคนิคการฟังและเลียนแบบ เราลองฟังไปพูดตามไปให้เหมือนต้นฉบับ หัดเลียนเสียง เลียนสำเนียง ถ้าทำบ่อยๆ วันนึงเราจะพูดภาษาญี่ปุ่นเป็นธรรมชาติขึ้นโดยอัติโนมัติ
-อ่านนิตยสารหรือการ์ตูนภาษาญี่ปุ่น หากสนใจนิตยสารหรือการ์ตูนภาษาญี่ปุ่นให้ลองนำมาเป็นสื่อในการเรียนรู้อีกทางหนึ่ง เริ่มแรกเมื่ออ่านให้แปลคร่าวๆ คำที่ไม่เข้าใจอาจจะละไว้ ใช้การแปลโดยรวม จับใจความสำคัญๆเท่านั้น วิธีนี้เรียกว่า วิธีการเดา(Guess) แต่เมื่อเจอคำศัพท์ที่ไม่เข้าใจบ่อยๆ ก็ลองเปิดพจนานุกรมดู จะทำให้เราจำศัพท์นั้นได้แม่นขึ้นอีกด้วย
3.ฝึกแต่งประโยคยามว่าง
อาจจะเป็นประโยคง่ายๆอย่างประโยคในชีวิตประจำวัน หรือเขียนไดอารี่ก็ได้
ตัวอย่างเช่น วันแรก เขียนว่า วันนี้อากาศดี ,
วันที่สอง เขียนว่า วันนี้อากาศดี อยากออกไปเที่ยว ,
วันที่สาม เขียนว่า วันนี้อากาศดี อยากออกไปเที่ยวกับเพื่อน
จะเห็นได้ว่าวันถัดๆไปเราจะสามารถเขียนได้มากขึ้น สามารถใช้ประโยคได้หลากหลาย และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วิธีนี้จึงเป็นอีกวิธีนึงที่ฝึกภาษาญี่ปุ่นได้ดี
และเทคนิคสุดท้ายที่แนะนำให้ทดลองทำ... วิธีนี้เราเพิ่มเติมจากรายงานของเรา (พอดีเพิ่งนึกได้) เราเคยเรียนการสอนภาษามาตอนอยู่ที่ญี่ปุ่น มีวิธีเรียนภาษาอีกรูปแบบนึงคือ "การคิดเป็นภาษาญี่ปุ่นโดยไม่ผ่านภาษาแม่" คือการนึกคิดตามที่เราได้รับรู้โดยตรง โดยไม่ผ่านสัญลักษณ์ซึ่งก็คือภาษาไทย
ไม่รู้ว่าตรงนี้เราจะอธิบายแล้วเข้าใจไหม จะพยายามอธิบาย คืออย่างเช่น ถ้าเป็นภาษาอังกฤษ เราพูดคำว่า ไอเลิฟยู ในหัวเราอาจจะเข้าใจความหมายก่อนที่สมองจะแปลเป็นภาษาแม่ว่า"ฉันรักคุณ"ซะอีก เนื่องจากอาจจะเป็นที่ความเคยชินหรืออะไรก็ตาม ฉะนั้น เมื่อเราอยู่กับภาษาญี่ปุ่นระดับหนึ่ง อยากให้ลองพยายามคิดโดยไม่ต้องผ่านภาษาไทยดู ให้เราสามารถใช้คำอื่นๆได้อย่างไวเหมือนกับคำว่าไอเลิฟยู
นี่ก็เป็นอีกวิธีนึงที่คิดว่ามันยากและซับซ้อนน่าดู (เหงื่อตก) แต่ก็คิดว่าเป็นวิธีที่ดี เอามาเล่าสู่กันฟังค่ะ
สุดท้ายที่จะแนะนำ ให้ผู้เรียนลองทำตัวหมือนภาษาญี่ปุ่นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ให้ใช้ภาษาญี่ปุ่นทุกวันจะทำให้เราซึมซับภาษาญี่ปุ่นได้มากขึ้น
และไม่ว่าจะเป็นการเรียนรูปแบบใดก็ตาม เรียนภาษาใดๆก็ตาม การเรียนนั้นต้องใช้เวลา เป็นสิ่งสำคัญ ผู้เรียนจึงต้องมีความอดทน ขยัน หมั่นเพียร ฝึกซ้อมอยู่เสมอๆ ที่สำคัญคือมีวินัยต่อตนเอง อย่าท้อแท้ และวันนึงเราจะประสบความสำเร็จในที่สุดค่ะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเรียนภาษา ไม่ว่าจะภาษาใดๆก็ตามค่ะ .......
ps...ขอบคุณข้อมูลจากหลายๆแหล่งที่ทำให้เรารวบรวมทำเป็นบทความนี้ขึ้นมาได้ค่ะ บางอันก็มีจากพันทิพย์ด้วยนะ บางอันก็จากหนังสือ ขอบคุณมากค่ะ ^^
Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2554 |
Last Update : 22 มกราคม 2555 14:29:57 น. |
|
21 comments
|
Counter : 15554 Pageviews. |
|
|
สว่นตัว ไม่ชอบภาษาแต่ชอบงานฝีมือเค้าเลยจำดป็นต้องเรียนภาาา
ณ ปัจจุบัน ไม่ค่อยพัฒนา แต่อาศัยความต่อเนื่องในการเรียนเอา