Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
23 กุมภาพันธ์ 2558
 
All Blogs
 

..คืนวันที่หลงลืมจากปลายนิ้วที่เลอะเลือน..และ..จุด จุด จุด..(ตอนที่ 3)




.. 3 ..





หรือจะเป็นนักอนุรักษ์นิยม..



เนื่องมาจากหนุ่มคนโปรดของแม่เมื่อคืนวันศุกร์ ที่ 20 กุมภาพันธ์ 58 (ผมก็หลงรักหนุ่มนี้เหมือนกัน)


ถ้าผมจะถือตะกร้าไปห้าง..หิ้วหมออะลูมิเนียมไปซื้อก๋วยเตี๋ยว..

เมื่อก่อน (ตอนเป็นเด็ก..อีกแระ!) ผมหิ้วตะกร้าไปตลาดจริงๆ (ตลาดวัดกลาง) ตะกร้าใหญ่เกือบเท่าตัวคนถือ..ทำไม่ให้ผู้ใหญ่ถือ..ผมไปตลาดคนเดียวนี่ครับ

เดินข้ามถนน..เก่งจริงนะ (ไม่ใช่อะไร..รถราไม่ค่อยมี นานๆ จะผ่านมาสักคัน)..เข้าเขตวัดใต้..เดินไปเรื่อยๆ ผ่านวัดราชครึ ข้ามสะพานปูนที่มีคนนำยาฝอย (ที่กินกับหมาก) มาแผ่ตากเป็นแพ (มีกระดาษขาวรองอยู่) จำได้ว่าหอมดี..ยาฝอยนี้คุณยายใช้เช็ดน้ำหมากริมฝีปากแล้วยัดเข้ากระพุ้งแก้มเคี้ยวตุ้ยๆ น่าอร่อย

ไม่รู้ทำไมผมจึงได้รับการไว้วางใจให้ไปตลาดเพียงลำพัง (7 ขวบนะ ผมว่า) เพราะแก่แดดหรือ..ไม่ใช่นะ..เอาเป็นว่าไม่รู้ละกัน..พ่อค้าแม่ค้าพากันอมยิ้มเมื่อผมต่อรองราคาและเลือกผัก..จิ้มนิ้วบนก้อนเนื้อบนเขียงเพื่อทดสอบความสด เหนียว (ทำตามผู้ใหญ่ที่ผมเคยมาด้วยบ่อยๆ..ความจริงผมไม่รู้หรอกว่าดีหรือไม่ดี ทำท่าไปอย่างนั้นเอง)

อุปกรณ์ที่ใช้หุ้มห่อกับข้าวสดคือใบตอง ทั้งที่ฉีกเป็นแผ่นห่อม้วนแล้วผูกด้วยเชือกกล้วย (ทำด้วยกาบกล้วยฉีกเป็นริ้วๆ ตากแห้ง) หรือที่ทำเป็นกระทง บางทีก็วางขนมลงบนใบตองที่เจียนมนหัวท้าย นิ้วบีบสองด้านข้าง จับหัวท้ายขึ้นหุ้มประกบกลัดด้วยไม้กลัดก้านมะพร้าว (วิธีนี้ยังเห็นอยู่) บางอย่างก็ห่อด้วยใบตอง กระทงตองแห้ง กรณีไม่ต้องการเปียกชื้น..อาหารที่มีส่วนผสมของน้ำล่ะ?..เอ..นึกก่อน..ไม่มีนะ..อย่างมากคือเลือดหมู ไก่ เป็ด..ใส่กระทงแล้วห่อใบตองอีกชั้นคล้ายห่อขนม..แล้วเป็นหน้าที่ของคนซื้อที่จะค่อยวางลงในตะกร้า ระวังไม่ให้หกเลอะเทอะ..

เขียนไปๆ จะกลายเป็นบทความ สารคดีเสียนี่..มะเอาๆ ออกจากตลาดดีกว่า..แต่ก็จนได้..

สมัยนั้น อาหารสำเร็จรูปที่ซื้อห่อกลับบ้านไม่ค่อยมี ยิ่งที่มีน้ำด้วยแล้วยิ่งไม่มี..ถ้าอยากกินก็ต้องนั่งที่ร้านนั่นละ หรือนำหม้อ ปิ่นโตเตรียมไปใส่..ส่วนมากไม่ใช่อาหารประจำมื้อ (ข้าว แกง ผัด อะไรอย่างนี้) แต่คือจำพวกก๋วยเตี๋ยวมากกว่า


แวะเข้าสิ่งที่เขียนประจำสักหน่อย..

เจ็ด แปด ขวบนั่นละ..ไปกินก๋วยเตี๋ยวราดหน้าที่ร้านเจ็กหมงริมถนนปากซอยเข้าวัดโพธิ์..ตอนนั้นยังเล่นลูกโป่ง เป่าหนังยางอยู่เลย..วันนั้นถือลูกโป่งเข้าไปนั่งกิน..ตาดูทีวีที่แขวนอยู่ข้างฝาร้าน..ยัดโคนลูกโป่งใส่ขาหนีบไม่ให้ลอยหล่น..ปากกิน ตาดูอยู่เพลินๆ ไอ้ตี๋ลูกเจ็กหมงสะกิดไหล่ด้านหลังพูดว่า "เฟิดหรอออ”..ก็งงๆ นะแต่ไม่ได้ว่าอะไร..โตมาจึงรู้ว่าไอ้ตี๋วัยเพิ่งรุ่นมันหมายถึง “เฟลิ๊ท” ..ความหมายคล้ายๆ มีอารมณ์เพศ หื่น อยาก อะไรทำนองนั้น

เวลานั้น “เฟลิ๊ท” ถือว่าหยาบโลน..ยิ่งโดนสะกิดถามด้วยเสียงแหบๆ ..ไอ้ตี๋นะ..ไอ้ตี๋หื่น (ตี๋ลูกเจ๊กหมงนะไม่ใช่ตี๋คนเขียน..55)

โตขึ้นมาหน่อยสัก 12 ปี..ย้ายไปอยู่ชุมชนคนจีน ติดตลาด..ไม่ต้องถือตะกร้าไปตลาดเพราะอยู่ติดกันนั่นเอง..ใช้ชามโคมกระเบื้องที่มีหูสองข้าง มีฝาปิดใส่โจ๊กหรือต้มยำหัวปลาที่ร้านไอ้..นาย..เจ็กตือ..ไม่รู้ใช้คำสรรพนามว่าอะไร..ลืมแล้ว..นึกไม่ออก เดาไม่ถูก..เขาเป็นหนุ่มใหญ่ตัวล่ำ ไม่มีลูกเมีย เรียบร้อยสำรวมแบบพ่อค้า..รับช่วงร้านจากเจ็กปุ๊ยผู้พ่อ..มีน้องชายหญิงช่วยขายหลายคน..ต้มยำหัวปลาอร่อยมาก..ชอบตรงเหงือกที่ออกเหลืองๆ ลื่นๆ..พ่อซื้อมากินเป็นประจำ

กี่เซี้ยง..ขายราดหน้า ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวน้ำเนื้อสด เนื้อเปื่อย จำได้ว่าไม่มีเนื้อหมู..ไข่ไก่ยังไม่นิยมกินกันเลย..แปลก!..ผมก็กินเนื้อวัวเฉยเลย..ยิ่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อสด..อย่าบอกใคร (เดี๋ยวนี้กินไม่ได้แล้ว..เหม็นคาว..ไข่เป็ดก็เช่นกัน)

หนุ่มกี่เซี้ยงอายุประมาณสิบเจ็ดปี..รูปหล่อ..นุ่งกางเกงขาสั้นพับขา ยืนหน้าเตาแทบทั้งวัน ปากร้องเชิญชวนคนเข้าร้าน เคาะกระทะโป๊งๆ..ไม่ใส่เสื้อ เหงื่อหยดติ๋งๆ..สาวๆ แอบมองกล้ามอกและมัดแขนขยับเป็นจังหวะเวลาผัดก๋วยเตี๋ยว..ปล่าว..เปล่านะ..อย่าคิดมาก..เด็กอายุ 12 สมัยนั้นยังเด็กจริงๆ ครับ..โดยเฉพาะผม (ที่เขียนนี้..พิมพ์จากปลายนิ้วที่เลอะเลือนอะคับ)

อย่างที่บอก..ก๋วยเตี๋ยวน้ำต้องนำภาชนะไปใส่ถ้าซื้อกลับบ้าน..แต่ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า กี่เซี้ยงจะหยิบหนังสือพิมพ์ (จีน) ที่วางสลับกับใบตองสดเป็นชั้นๆ ออกมาชุดหนึ่ง ผัดเส้นจนหอมฉุยตักวางกลางใบตอง ประคองหนังสือพิมพ์พร้อมใบตองขึ้นสองข้าง (คล้ายห่อขนม) ..พับปลายด้านหนึ่งขึ้น เอียงด้านนั้นลงล่าง ตักน้ำราดหน้าใส่ลงไป..พับอีกด้านที่เหลือ..เม้มทบปลายด้านบน ผูกเชือกกล้วยทแยงทั้งสี่ด้าน เหลือปลายยาวผูกเป็นห่วงไว้หิ้วกลับบ้าน..เอ..พริก..น้ำตาล..เครื่องปรุงละไว้ที่ไหน..ก็ใส่ก่อนห่อไง ตั้งแต่ตอนตักน้ำราดหน้าใส่..กี่เชี้ยงจะถามลูกค้าว่าเติมเครื่องปรุงอะไรเท่าไหร่และจัดการให้ตอนนั้นเอง..รสชาดเป็นอย่างไรต้องเสี่ยงเอาทั้งคนซื้อคนทำ..แต่ไม่มีปัญหาเท่าไร (สมัยก่อนไม่ค่อยเรื่องมาก)

กี่เซี้ยง พ่อค้าเซ็กซี่คนนี้ต่อมาได้สาวสวยเป็นเมีย..ใครๆ พากันเรียกเธอว่าอีแม่มด..มีลูกหัวปีท้ายปี..ตามหน่วยก้านตอนผัดก๋วยเตี๋ยว (โดยเฉพาะจังหวะเคาะกระทะ) ..เฮ้อ!..ไม่อยากเล่า..ก็อีแม่มดเมียกี่เซี้ยงนี่ละที่ผันกิจการเป็นร้านตู้เกม ตู้ม้า กินเงินเด็กวัยรุ่นและชาวบ้านแถบนั้น (ผมก็โดน..ถึงไม่อยากเล่า..ฉากหนึ่งในเรื่อง “คือรัก”..เด็กโง่ที่ผลาญเงินไปกับตู้ม้า..นายตี๋..ตัวตนจริงคนนี้ละครับ..ชัวร์..คอนเฟิร์ม..55)



คืนวันศุกร์ต้นเรื่อง..

รูปหล่อของแม่และผม (ตั้งใจ..สามัคคี..จรดจ่อดู..55..หลับๆ ตื่นๆ ทั้งสองคน) ใช้เวลาพูดนานกว่าทุกครั้ง..ธรรมดาตอนจบจะกล่าวสรุป..สวัสดี..ฝันดี..คิดถึงนะ..แต่คงเหนื่อยมากจึงจบแบบธรรมดา..ไม่ต้องห่วงนะครับ อย่างไหนที่ปฏิบัติตามได้ผมพร้อมจะเชื่อฟัง

จริงๆ แล้วเบื่อเหมือนกันกับหนังยางที่มัดอยู่ปลายถุงพลาสติกที่ใส่อาหาร..ผมเป็นพวกไม่มีความพยายามในการแก้แกะ..ยิ่งถุงน้ำจิ้ม..มัดแน่นยิ่งกว่า..หาปมจนตาเหล่ เล็บเผยอยังไม่พบ..ดึงหนังยางสุดแรงจนขาด..โท๊ะ..ปมยังติดอยู่..บางทีไม่ใส่เลย..มาอย่างไรกินอย่างนั้น

แค่บอกเด็กทำงานบ้านให้นำหม้อไปใส่ก๋วยเตี๋ยว..พลิกฝาหม้อขึ้นเพื่อใส่น้ำจิ้ม..เด็กมองหน้าผมแปลกๆ หัวเราะร่วนเดินจากไป


นึกไม่ออกว่าจะโดนมองอย่างไรถ้าหิ้วตะกร้าไปช๊อปที่เดอะมอล..ถุงผ้าก็เถอะ


ผมคงไม่แคล้วเป็นหนุ่มแสนดีศรีสยาม..ได้ลงหน้าเว๊ปโพสท์จัง..






 

Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2558
2 comments
Last Update : 23 กุมภาพันธ์ 2558 17:24:42 น.
Counter : 788 Pageviews.

 

ยังไม่ได้ตรวจทานเลยครับ..เย็นแล้ว..หมดเวลาสนุกส่วนตัวแล้วครับ..

 

โดย: ดาเรน (ดาเรน ) 23 กุมภาพันธ์ 2558 17:11:18 น.  

 

วัดราชครึ..เขียนผิดนะคุณ..ต้องอย่างนี้ต่างหาก..มั้ง?..ราชคฤห์..วัดนี้อีกชื่อหนึ่งคือวัดมอญ (เพิ่งนึกได้ตอนดู บางระจัน)

 

โดย: ดาเรน IP: 171.97.134.108 24 กุมภาพันธ์ 2558 7:29:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.