รุ่นพี่(คนนั้น)ของน้องพลอย
มีรุ่นน้องชื่อพลอย
โลกกลม พลอยมาเป็นแฟนตุ้ง เพื่อนคณะเราเอง

วันนี้อ่านstatus ของพลอยบอกว่า


"พี่ตุ้งมีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง เธอคนนี้ไม่ค่อยมีโชคเรื่องความรัก จนต้องเปลี่ยนแฟนอยู่บ่อยๆ และพี่ตุ้งเป็นที่ปรึกษาเพียงไม่กี่คนทึ่เธอมีอยู่
เราสองคนเป็นที่ปรึกษาให้เธอมาตลอด
เมื่อวันเสาร์พี่ตุ้งไปหาเธอและเพื่อนอีกคนที่พัทยา เราจ้างรถตามไปเองเมื่อบินกลับลงมาตอนสามทุ่มกว่า
จนกระทั่งเมื่อคืนนี้ พี่ตุ้งโทรหาเธอตลอดทางกลับบ้าน...
กลับมาถึงบ้านเกือบสามทุ่มครึ่งก็ยังคุยกันต่อ"

เรื่อง คงจุดประเด็นบางอย่างที่มันอัดอั้นอยู่ในอกจนถึงเวลาต้องล้นออกมา
หรือน้องคนนี้ ก็อาจจะเป็นน้องที่แสนดี จนรู้สึกว่าเล่าให้ฟังได้
เลยเขียนต่อไปใน comment box ว่า

น้องพลอยมีพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง ฉากหน้าดูเป็นคนร่าเริง แต่โชคชะตาพาให้ชีวิตรักไม่หวานชื่น ชีวิตจริงไม่หวานสนิท แต่ก็สุกๆดิบๆยิ้มได้เรื่อยๆ :) และน้องพลอยก็ยังรู้จักที่ปรึกษาไม่กี่คนที่เธอมีอยู่:P พี่ๆกลุ่มนั้นเป็นที่ปรึกษาให้เธอมาตลอด
จนกระทั่งเวลาและวาระทำให้พี่สาวและพี่ๆในชมรมรวมทั้งน้องพลอยต้องพลัดพรากจากกันไป
วันนี้พี่สาวคนเดิมกลับมาเมืองไทย พยายามจะถามหาเพื่อนเก่าๆที่คณะ ตามหาพี่น้องที่ชมรม เสาะหาเพื่อนหลายคนที่เธอทิ้งไว้ที่กรุงเทพฯ แล้วหนีไปทำงานตอบแทนคุณพ่อแม่ที่ตจว. โดยไม่เคยบอกใครๆว่า ชีวิตที่เธอต้องเป็น เป็นชีวิตที่เธอไม่เคยอยากเลือก และความปวดร้าวของการพยายามจะเป็นคนดีนั้นกำลังกัดกร่อนข้างในจิตใจตนเองร้าวลึกขนาดไหน


วันหนึ่ง ก็ถึงจุดที่จิตและวิญญาณของเธอแบกรับมันไว้ไม่ไหว สมองเธอสั่งการผิดพลาด เธออาละวาด สลับกับร้องไห้ในอีกวัน และซึมเหงาไม่พูดจาในอีกหลายคราต่อมา
พี่สาวบอกให้ครอบครัวพาไปหาหมอ ตามที่แนะนำนานมาแล้ว หลายคน วินิจฉัยชื่อโรคของเธอไม่ซ้ำกัน บ้างว่าเป็น dysthymia หรือซึมเศร้าเรื้อรัง ซึ่งเกิดตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น แล้วถูกกระตุ้นด้วยความกดดันของทางบ้าน แถมยังถูกแนะแนวชีวิตไปคนละทางจนขาดตัวอย่างว่าควรคิดและดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะสมดุลย์และมีความสุข

บ้างว่าเป็นสารในสมองไม่สมดุลย์กัน อาจจะเป็นอาการทางกรรมพันธ์ซึ่งอาจจะมีช่วงซึม เหมือนโรคข้างบน แต่จะมีช่วงร่าเริงและมั่นใจเกินกว่าปกติร่วมด้วย ซึ่งห้ามขาดไม่ให้กินยาที่หมอเดิมให้ เพราะจะไปยกแต่ช่วงขาลง ไม่สร้างสมดุลย์ ให้ขาขึ้น แต่ไม่ว่าหมอหรือที่ปรึกษาทางจิตบำบัดคนไหน ที่เมืองไทยหรือที่สวีเดนซึ่งเธอเคยขอรับการปรึกษามาก่อน ก็พูดตรงกันว่า อาการนี้ค่อยๆสั่งสมมาตั้งแต่วัยเด็กแล้ว หมอที่สวีเดนบอกว่า เด็กๆเอเชียรับความกดดันเกินไป เราต้องเป็นให้ได้ทุกอย่าง ดีเลิศทุกสิ่งตามท่สังคมกำหนด ยิ่งอยู่กับพ่อแม่ที่มีความคาดหวังสูง อาการก็จะยิ่งหนัก เหมือนในสังคมญี่ปุ่น ที่อัตราการฆ่าตัวตายมีอยู่สูงมาก

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่หมอๆสลับยากันสนุกสนาน พี่สาวคนนั้นไม่ทราบว่าเซลล์สมองของเธอยังจัดเรียงเป็นปกติไหม? เธอไม่ได้รับอนุญาติให้ขับรถ เซ็นเอกสาร และอีกหลายๆอย่างตามกฏหมาย แต่กฏหมายกลับไม่กำหนดให้เธอได้รับความคุ้มครองจากประกันทุกประเทภ การรักษาซึ่งทุกๆหมอขอร้องแกมแนะนำว่าต้องใช้ยาและอาจจะใช้ต่อเนื่องยาวนานนั้นเคลมประกันใดๆไม่ได้เลย !!

พี่คนนั้นบอกว่า เธอไม่ได้สนใจเรื่องเงิน แต่ก็ไม่สามารถจะทำความเข้าใจได้ว่า ถ้าโรคนี้มีพรบ.ห้ามขนาดนั้น ทำไมมันไม่อยู่ในกม.ที่ต้องรักษาได้? ขณะเดียวกัน เธอได้รับการรัษาพยาบาลฟรี เป็นอย่างดี เมื่ออยู่ที่สวีเดน (เออ Thailand only ถึงว่า กลับมาแล้วจะเป็นโรคประสาท)


พี่สาวของพลอยคนนั้น ยังหาคำตอบไม่ได้จนบัดนี้ว่า ชีวิตของเธอจะต้องเดินไปทางไหนต่อ โรคของเธอเป็นโรคหรือไม่ หรือเป็นแค่อาการคิดมากไปเอง อย่างที่พ่อบุญธรรมของเธอบอก (และเธอก็ทำท่าจะเชื่อ..อีกแล้ว และกำลังจะโทษตัวเองอีกครั้ง ที่อ่อนแอเอง จึงผ่านด่าน 18 อรหันต์ของพ่อ เช่น ไม่ส่งเรียน ไม่... เงินเดือน้อย ฯลฯ ไม่ได้)

พี่สาวคนนั้นคิดว่า ปัญหาทุกปัญหาต้องจัดการได้ และภาวะที่ตนเองเป็น ก็เป็แค่ภาวะของการจัดการปัญหาไม่ได้ ซึ่งหวังว่าจะเป็นแค่ชั่วคราวและรักษาให้งหายสนิท จนกลับมาเป็นเรือใบกาปีก ท่ี่รับลมของปัญหาได้ทุกปรถเภท ฝ่าคลื่นชีวิตได้ทุกฤดูกาล จวบจนกระทั่งถึงฝั่ง...
.. เหมือนคนอื่นๆ...


กลับไปอีกหน้าจอของ facebook

พี่สาวคนนั้้น เล่าให้เพื่อนฟังต่อ เพื่ออธิบายว่าทำไมไม่เคยอ่านงานเขียนของเพื่อน (จนถึงวันที่งานเพื่อนได้รางวัลระดับภูมิภาคจึงมีโอกาสไปแสดงความยินดี)

เราไม่ได้อ่านงานใครจริงๆ กลับบ้าน พ่อบอกว่า ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องเขียนหนังสือแล้วนะ ให้ทำธุรกิจ จะต้องรับต่อจากพ่อแล้ว บ้าไหม เชื่อด้วย / เพราะเราเชื่อทุกอย่างที่พ่อกับแม่สั่งมากเกินไป เวลาดื้อเลยดื้อมาก แล้วก็เลยเป็นคนสับสน จนเพิ่งมาช็อคเอาเดือนพค. หมอให้หยุดทุกอย่าง กินยา เปลี่ยนหมอมาหลายคนแล้ว

หมั่นไส้ไหม? มีทุกอย่างง ดันจะมาป่วย แต่ชั้นไม่เคยทำตัวเป็นคนมีปัญหานะ ชั้นพยายามจะเข้มแข็งมาตลอด แต่หมอบอก เพราะเราพยายามเกินไปมันเลยไปกดและทำลายเซลล์สมอง ชั้นเลยเอ๋อๆไง





ปล. สารภาพ เป็นเรื่องของเราเองแหละค่ะ blog ไม่ up มานาน คนอ่านคงไม่เยอะ เราไม่ได้เป็นโรคจิต แต่ เซลล์ประสาทเราอาจจะถูกทำร้ายหรือทำลายไปบางส่วน ในระหว่างการรักษาพยาบาลหลายที่แนะนำเทคนิคการจัดบันทึก พักหลังนี้เราชอบเขีเนตยนลง ไม่ชอบบันทึกเงียบๆคนเดียว จะเขียนได้ไม่ยาว เลยเอาเทคนิคมาประยุกต์เองโดยการบันทึกเรื่องราวของอารมณ์และความรู้สึกในระหว่างการรักษาลงบล็อค

ที่กล้าเขียนทั้งที่กลัวคนรู้จักจะมาเห็นเพราะดูจากที่สถิติเก่าๆแล้ว มันโยงไปไม่ถึงกันค่ะ (เมืองไทยคงมองอาการหรือโรคแบบนี้ไปอีกอย่าง และรับไม่ได้กับคนที่เข้ารพ.ประะเภทเดียวกับศรีธัญญา แม่เราบอก)



Create Date : 06 กันยายน 2553
Last Update : 17 กันยายน 2553 17:21:11 น.
Counter : 414 Pageviews.

4 comments
  
สู้ ๆ เข้านะค่ะ เป็นกำลังใจให้ในทุก ๆ อย่างค่ะ
คืนนี้ฝันดีนะค่ะ ^__^
โดย: Mrs. Pique แฟนหนูอยู่สเปน วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:0:53:11 น.
  
ทุกวันนี้คนเราถ้าไปป่วยทางกาย ก็ ป่วยทางจิตด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะแปลกอะไรล่ะคะ ที่เราจะป่วย โดยที่ไม่ได้เดือดร้อนใคร ไม่ได้ทำความเสียหายให้ประเทศชาติ คนป่วยแบบนี้ไม่ใช่คนไม่ดีนี่คะ แค่มีสติอยู่เสมอ รักษาร่างกายและจิตใจ แก้ไขทีต้นเหตุ และมองทุกอย่างให้เป็นธรรมชาติค่ะ คือ มันเกิดขึ้น มีอยู่ แล้วก็ดับไป แล้วก็จะใจเย็นมากขึ้นค่ะ จิตใจที่สับสนจะสงบลง แล้วก็ลั้ลลาได้เหมือนเดิมค่ะ
ไม่รู้จักกันแต่ก็เป็นกำลังใจให้คุณนะคะ
โชคดีค่ะ สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกวันโดยที่บางครั้งเราก็ไม่รู้ตัวค่ะ
โดย: me prompt วันที่: 6 กันยายน 2553 เวลา:11:26:35 น.
  
55
ลืม copy status ของพลอยมาด้วย ไว้มาปรับปรุงใหม่
ขอบคุณทุกๆกำลังใจ และขอโทษที่ถ้าคุณจะอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะเอาเจินงานที่ได้แรงบัดาลใจต่อเนื่องจากระทู้สองที่พาแปะต่อกันกะจะเก็บไว้ งงตัวเองเหมือนกันว่าโพสต์ลงไปด้วยเหรอ

แหะๆ กราบขออภัย
โดย: เจิน (dararye ) วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:1:59:56 น.
  
กรี๊ด ทำไมมีคนมาอ่านมากมายปานนี้
แต่ก็คิดถูกนะที่โพสต์ เพราะบางทีคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจแค่ง่ายๆ ก็เป้นแสงสว่างให้กับคนเราได้จริงๆ ขอบคุณมากมายค่ะ ทั้งคุณ me prompt และคุณ Mrs. Pique

จะรีบกลับมาลั้ลลานะคะ
และขอโทษที่ตอบช้า ช่วงนั้นอยู่กทม.และพักหลังๆไม่ค่อยได้เข้าบล้อคที่พันทิพย์ค่ะ ค่าที่ up แล้วไม่มีคนอ่าน (หรือไม่ up แล้วคนไม่คลิกหว่า?) คนที่เคยคุยเก่าๆสมัยก่อนสวนลุมจะมีโต๊ะเครื่องแป้งก็เงียบกันไป ห้องสมุดก็ไม่ได้เข้า ก็เลยไม่มีเพื่อนใน pantip ที่จะมา up date กันค่ะ เดี๋ยวนี้เลยเข้าแต่กระทู้ในห้อง bp

เฮ้อ แม้แต่โลกอินเตอร์เนต ก็ยังเปลี่ยนเลยเนาะ ความเปลี่ยนแปลงเยอะ โลกซับซ้อนขนาดนี้ คนเราจะป่วยบ้าง จะเครียดบ้าง จะอะไรบ้าง ก็ไม่เห็นแปลกนี่นา

ยังไงชีวิตที่ดีมันต้องมีอยู่แน่ๆล่ะ ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปยังไง ถ้าคนเรมีศรัทธานะ
@^__^@
โดย: dararye วันที่: 17 กันยายน 2553 เวลา:16:57:55 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

dararye
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



เกิดเชียงใหม่ ไปเรียนกรุงเทพ พอทำงานก็ชีพจรลงเท้า เดินทางได้สักพัก ก็ชักรู้สึกว่าโลกนี้ที่จริงแล้วไม่มีขอบเขต
เริ่มทำบล็อคอย่างจริงจัง เพราะรู้ตัวว่าต้องร่อนเร่ไปอีกไกล เผื่อว่าใครคิดถึงจะได้ตามหากันเจอ ชื่อนี้เป็นนามปากกาเดียวกับใน bookcyber ค่ะ ยิ้มก็อันเดิมนะ >>>> @^__^@

กันยายน 2553

 
 
 
1
2
3
4
5
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog