หลังจากเสียรู้เรื่องเอ็นตัดหญ้า ชั้นจำใจต้องควักกะตังค์ซื้อ 1 ม้วน
แล้วก็ตั้งตาตัดหญ้าอย่างเอาเป็นเอาตายให้มันสมกับราคาที่แสนแพง
แต่ปรากฏว่า ตัดได้ไม่ถึง10 ตรม. เอ็นหมด ต้องซื้อเอ็นแพงแพงอีก 1 ม้วน
แล้วมันก็เหมือนเดิม ตัดได้นิดเดียวเอ็นก็หมดเร็วอีก
ไม่ซื้อแล้วเว้ยของแพง ซื้อเอ็นขาวธรรมดาธรรมดาที่คนขายเครื่องบอกว่า
ใช้ไม่ได้นี้แหละ แม่จะใช้ให้ดู
ขับรถไปซื้อที่ Home Pro แฟชั่น 1 ม้วน แถมให้พนักงานขายพันเอ็นให้อีกต่างหาก
แล้วก็ซื้อกรรไกรตัดหญ้ากลับมาด้วย เอามาตัดหญ้าหยาบต้นใหญ่ๆ
เอ็นมันจะได้ไม่หมดเร็วไง


นอกจากที่เอ็นขาวจะถูกแล้ว
ยังตัดหญ้าได้มากกว่าเอ็นสีน้ำเงิน หญ้าราบเป็นแถบหน้ากลอง
แต่เวลาตัดหญ้าด้วยเครื่องมันจะมีอาการวิตกจริต ต้องคอยดูนาฬิกาไม่ให้เกิน 10 นาที
เพราะกลัวเครื่องจะพัง !!!


ตอนพักเครื่องก็คว้ากรรไกรมาตัดแทนระหว่างรอจะได้ไม่เสียเวลา
แต่เอ็นที่พันเองกับม้วนเอ็นสำเร็จรูป ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน


"เอ็นสีน้ำเงินแพง แต่ไม่มีปัญหาเอ็นพันกันเวลาตัด
เอ็นขาวถูก แต่มีปัญหาเวลาตัดเอ็นที่อยู่ข้างในจะพันกัน"


คงเป็นเพราะว่า
เราพันเอ็นไม่แน่น ไม่เป็นระเบียบ แล้วเวลาที่เอ็นไม่หมุนออกมาบ้าง สั้นเกินไปบ้าง
พอเอ็นยาวเกินไป มันก็ฟาดเข้าที่ขาทั้งห้อเลือด ทั้งหนังถลอก เจ็บจนน้ำตาร่วง
ขามีแต่แผล และแล้วก็วางเครื่องตัดหญ้าไว้ที่เดิม ขอรักษาแผลก่อน
ระหว่างนี้ก็คว้ากรรไกรมาตัดเห็นท่าจะไม่เจ็บตัว ... ขาลายเลยตรู


วันนี้ไปส่งตัวอย่างผักให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
ตรวจหาสารพิษตกค้างเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ถึงตอนไปที่กรมจะมึนงงกับการติดต่อบ้างเล็กน้อย
แต่ก็ได้รับความเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี
หลังจากรอมา 3 เดือน
อีก 2 อาทิตย์ผักของชั้นก็จะมีตรา "Food Safety" เป็นของตัวเองเสียที
เย้ เย้ เย้


แต่ถึงจะต้องรอยังไง ชั้นว่า Food Safety ก็ยังดีกว่า Q ตั้งเยอะ
เวลาล่วงเลยมาป่านฉะนี้ยังไม่มีวี่แววความคืบหน้าแต่ประการใด ใด เซ็ง เซ็ง ...
จะไม่ให้เซ็งได้ยังไง โทรไปถามความคืบหน้ากับท่านเกษตรอำเภอ
พี่เกษตรท่านบอกว่า ส่งเรื่องไปแล้ว ยังไม่มีใครมาตรวจอีกเร๊อะ
ที่ศูนย์ชัยนาทน่าจะส่งคนมาตรวจได้แล้วนะ .......
แล้วก็บอกให้ชั้นเตรียมเนื้อเตรียมตัวทำความสะอาดเก็บกวาดให้เรียบร้อย
เวลาที่เจ้าหน้าที่มาตรวจจะได้ไม่มีปัญหา


ไอ้ที่กล่าวกล่าวมาทั้งหมดนะ
ชั้นทำหมดแล้ว เตรียมเนื้อเตรียมตัวเป็นแม่สายบัวมาเป็นเดือนเดือน
แบบบันทึกการปฏิบัติงานก็ทำเสร็จตั้งกะปีมะโม้
ขยันกวาดจนพื้นสึกก็ยังไม่เห็นมีใครมา


ก็เข้าใจ
หน่วยงานราชการก็ต้องตามระเบียบ ตามขั้นตอนคิวยาว ต้องใช้เวลา
แต่อีกนั่นแหละ ถ้าภาครัฐอยากจะให้สินค้าเกษตรมีคุณภาพได้มาตรฐาน
ก็ควรจะพัฒนาระบบ ระเบียบ ปฏิบัติต่างต่างให้มันรวดเร็วกว่าที่เป็นอยู่
เกษตรกรจะได้มีกำลังใจผลิตผักที่สด สะอาด ปราศจากสารพิษ
ขืนให้รออยู่อย่างนี้ เกษตรกรมือใหม่ก็เซ็ง
จนแทบจะยื่นใบลาออกจากการเป็นเกษตรกรให้รู้แล้วรู้รอด


แต่ที่เป็นงงและไม่เข้าใจสุดสุด
ก็คงจะเป็นคำพูดตบท้ายของท่านเกษตรอำเภอนั่นแหละ
"จริงจริงอาจจะไม่ต้องตรวจก็ได้ เอาตรา Q ไปเลย มันขึ้นอยู่กับฝีปากของผมต่างหาก"


ฉิบหายแล้วไง ใช้น้ำลายเป็นบรรทัดฐานหรอกหรือนี่


ผักจะมีคุณภาพ จะได้มาตรฐานหรือเปล่า ไม่จำเป็น
เป็นข้าราชการที่มีหน้าที่และความผิดชอบโดยตรง
กลับพูดจาแมวแมวแบบนี้ซะเอง
อยากได้ตรา Q เพราะผักมีคุณภาพเฟ้ย
ไม่ใช่ได้เพราะน้ำลายของข้าราชการขี้ฟันเหม็นเหม็น
เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยวซะเลย


เลิกเป็นเกษตรกรซะดีม้างเนี่ย ...