BlogGang.com : : ดาวอักษร :

ตอนที่ 2 ... เพชร

เพชร จัดเป็นอัญมณีที่แข็งที่สุดในโลก
หากแบ่งสเกล 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
ความแข็งของเพชร มีค่าเท่ากับ 10
ทับทิมสยาม มีความแข็งที่ 9
ไพลิน มีความแข็งที่ 8
บุษราคัม มีความแข็งที่ 7
นั่นคือ พลอยแท้เนื้อแข็ง ซึ่งได้แก่ ทับทิม ไพลิน และบุษราคัม มีความแข็งใกล้เคียงกับเพชรมาก

คำถามว่า ความแข็งมีความสำคัญอย่างไร ต้องเอาเพชรเป็นคำตอบ คือถามว่า ทำไมเพชรจึงมีราคาแพงมากและเป็นที่ยอมรับของสังคมทั่วโลก เพชรมีแต่สีขาว แล้วเพชรแพงตรงไหน

คำตอบคือ เพชร แพงตรงความแข็ง เพราะความแข็งเป็นสิ่งที่หายาก และมีความสำคัญสูงสุด

ความแข็งของเพชรและพลอย ทำให้เพชรและพลอยมีประกายแวววาว เหมือนมีน้ำกลิ้งอยู่ภายใน ซึ่งมนุษย์พยายามทำเทียม เช่น หน้าปัดนาฬิกา เป็นต้น แต่ไม่สามารถที่จะทำให้เหมือนเพชรหรือพลอยแท้เนื้อแข็งได้ เพราะพลอยแท้เนื้อแข็งและเพชรเกิดจากธรรมชาติ มีแร่ธาตุต่างๆ ตามพื้นที่ที่กำเนิด เป็นส่วนผสมตามธรรมชาติ
มนุษย์ไม่สามารถที่จะสร้างแร่ธาตุในเนื้อของเพชรและพลอยแท้ได้ ธรรมชาติยังต้องใช้เวลานับล้านๆ ปีที่จะก่อให้เกิดผลึกจากอณูของแร่ธาตุเหล่านี้ได้ เพื่อเป็นเพชร หรือพลอย

เพชร มีหลายสี แต่ที่รู้จักคุ้นเคยมากจะเป็นชนิดสีขาวหรือสีใสไม่มีสี และมักมีสีอื่นปนเล็กน้อย เช่น เหลือง น้ำตาล หรือเทา เพชรที่มีสีเข้มสวยเรียกว่าเพชรสี (เพชรแฟนซี) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม แต่ว่ามีราคาสูง และหายากมาก เพชรสีได้แก่ เพชรสีชมพูอมแดง เขียว ส้ม เหลืองทอง ฟ้า ม่วง เป็นต้น

ต้นกำเนิดเพชรเกิดจากหินอัคนีชื่อ "คิมเบอร์ไลต์" ซึ๋งอยู่ใต้พื้นผิวโลก เมื่อหินคิมเบอร์ไลต์เคลื่อนตัวขึ้นสู่ผิวโลก และมีการผุสลายไปตามกาลเวลา เพชรก็จะหลุดออกจากหินต้นกำเนิด ถูกสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติพัดพาไปสะสมตัวในสภาวะทางธรณีวิทยาที่เหมาะสมและหลากหลาย

อย่างไรก็ดี เพชรก็สามารถทำเลียนแบบได้ ทั้งจากรัตนชาติแท้และเทียม เช่น คิวบิกเซอร์โคเนีย รวมถึงการสังเคราะห์เพชรด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ซึ่งทำเป็นอุตสาหกรรม ทำให้ได้เพชรสังเคราะห์คราวละมากๆ

หลักพิจารณาคุณภาพของเพชร ใช้หลัก 4C

Clarity หรือความสดใสไร้มลทิน มลทินคือตำหนิหรือร่องรอยที่เกิดในเนื้อเพชร หรือบริเวณขอบนอกเพชร ซึ่งมีผลต่อความสวยงามและความคงทนของเพชร ยิ่งหากมลทินนั้นสามารถมองดูด้วยตาเปล่าได้อย่างชัดเจน ก็จัดได้ว่า เพชรเม็ดนั้นมีคุณภาพที่ไม่ดี

Color เพชรที่ไร้สีเป็นเพชรที่มีคุณภาพมากที่สุด แต่คนที่จะแยกสีที่ปะปนในเพชรได้นั้น จะต้องมีความชำนาญสูง เพราะเพชรที่ไร้สี กับเพชรที่มีสีปะปนเพียงไม่มากนั้น แยกกันลำบากมาก เพราะสายตาแต่ละคนจะไม่เท่ากัน บางคนอาจจะมองเพชรที่มีสีเหลืองปนอยู่เพียง 0.001% ว่าเป็นเพชรขาวบริสุทธิ์ก็ย่อมได้ เพชรยิ่งไร้สีมากเท่าใด ราคาก็จะยิ่งสูงตามไปเท่านั้น

Cutting หรือการเจียระนัย แม้ว่าจะมีความสำคัญ แต่คนส่วนมากยังคงให้ความสำคัญกับมลทินและสีเป็นหลัก แต่เพชรที่เจียระนัยได้สัดส่วน สมบูรณ์ ฝีมือประณีต จะช่วยเพิ่มความสดใสและประกายแวววับให้กับเพชรมากยิ่งขึ้น เพชร belgium cut เป็นเพชรที่แพงสุด ในขณะที่เพชร russian cut หรือเหลี่ยมเกสร ซึ่งมีการเจียระนัยที่ 58 เหลี่ยม ยังคงได้รับความนิยมมากกว่าเพชร single cut หรือเหลี่ยมกุหลาบ ที่มีการเจียระนัยที่ 36 เหลี่ยมเท่านั้น

Carat น้ำหนักของเพชร ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะเป็นตัวกำหนดราคา เพชรเกรดเดียวกัน แต่ขนาดน้ำหนักที่ต่างกัน ก็มีราคาต่างกันได้ เช่น เพชรระดับ VS ขนาด 0.05 กะรัต (ภาษาคนขายเพชรอาจจะเรียกว่า ขนาดไซส์ 5 ตังค์) เมื่อเทียบราคากับเพชรระดับเดียวกัน แต่ขนาด 0.10 กะรัต (ขนาด 10 ตังค์) ราคาต่อกะรัตก็จะไม่เท่ากัน

Create Date : 26 ธันวาคม 2548

0 comments

Last Update : 10 มกราคม 2549 18:35:44 น.

Counter : 1199 Pageviews.