คราวนี้ ป้าอิ๋วจะพาเพื่อนๆ ไปชิมอาหารคอร์ส 5 อย่าง ในโรงแรม 4 ดาวบวกในเมืองเวียนนา ประเทศออสเตรีย อยู่ไกล้กับพระราชวังเชิร์นบุนแค่ 100-200 เมตร เป็นห้องอาหารเดียวของโรงแรมที่ป้าอิ๋วพัก เนื่องจากไปช่วงปีใหม่ เลยจอง Sylvester dinner ซึ่งเป็น 5 Gang Menü ที่มีอาหาร 5 อย่าง ไว้ วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่แบบนี้ ร้านอาหารดีๆ จะถูกจองเต็มหมดค่ะ แม้ที่นี่จะค่อนข้างแพง แต่โต๊ะทั้งหมดมากกว่า 30 โต๊ะ ก็ถูกจองเต็มหมดค่ะ (เครดิตรูป จาก เวปของโรงแรมนะคะ)
ดินเนอร์ที่จอง มีเริ่มตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง เริ่มจากไปดื่มไวน์ลูกพรุนที่เรียกว่า Glünwein และกินเกาลัดคั่วร้อนๆ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของคริสมาสต์ปีใหม่ของชาวยุโรปเขาค่ะ มีทั้งแบบมีและไม่มี อัลกอฮอล์ นะคะ ป้าอิ๋วเลือกไม่มีอัลกอฮอล์ค่ะ รสชาดกรุนไวน์ปกติค่ะ
โต๊ะที่จัดให้ดื่มไวน์ลูกพรุน จัดระเบียงชั้น 6 ด้านนอก ประดับต้นคริสมาสต์ อากาศหนาวเชียว เห็นแล้วต้องกลับห้องไปเอาเสื้อหนาวมาใส่กันเลย
ต่อกันที่ห้องอาหารแจ้งชื่อที่เจ้าหน้าที่ ก็จะถูกเชิญมานั่งที่โต๊ะ จัดไว้แบบนี้
มีเมนูอาหารวางอยู่ทุกที่นั่งค่ะ
เมนูให้ดูเฉยๆ ว่ามีอาหารอะไรบ้าง แต่เมนูไวน์ อยู่ทางซ้ายมือ จ่ายต่างหาก ไม่รวมกับคอร์สอาหารที่ซื้อไว้นะค่ะ เลือกดื่มไวน์ขาวก่อนกับเมนูสตาร์ทเตอร์ แล้วตามด้วยไวน์แดงตอนเมนคอร์สมาเสริฟ เพราะเป็นเนื้อวัวค่ะ (ไม่ได้ถ่ายรูปแก้วไวน์มาเลย....)
ไวน์มาเสริฟแล้ว พนักงานก็เดินเอาขนมปังในตะกร้ามาให้เลือก ทานกับเนย ตามธรรมเนียม
เนยเป็นรูปดอกไม้ น่ารักจัง
ระหว่างนั่งรออาหารปาก ก็ส่องหาอาหารตาไปเรื่อย แอบส่องหนุ่มโต๊ะข้างหลัง ทำให้ความหิวเพิ่มขึ้น ฮ่า
เมนูแรกเป็นอภินันทนาการจากครัวค่ะ Gäsepraline mit Kakao-Mango-Feigen-Chutney เป็นลูกบอลgเนื้อห่านผสมโกโก้ทอด เสริฟมาบนแผ่นมะเดื่อทอดกรอบแผ่นบางๆ นั่น ข้างล่างสุดเป็นชัดเน่มะม่วง ส่วนฝอยๆ ข้างบนสุดนั่นเป็นมันฝรั่งฝอยทอดกรอบ
สำหรับป้าอิ๋ว จานนี้อร่อยมากค่ะ คือรสกลมกล่อม ถูกใจลิ้นบ้านนอกอย่างเรา ของฟรีนี่มันน้อยจังเลยเนอะ.....
จานต่อมา ถึงจะเริ่มเมนูจริงๆ 1 ใน 5 ของเมนูวันนี้ คือ Marinierte Lachsforelle vom Gut Dornau mit Zimt und Kraeutern คือ ปลาเทร้าทะเลหมัก กับซินนามอน เสริฟมากับสมุนไพรหลายอย่าง
อืม จานนี้ชวนให้นึกถึงปลาลุยสวนเลยค่ะ ปลาสดอร่อยดีจัง แต่รสน้อยไปสำหรับคนไทยนะคะ แต่สำหรับฝรั่งนี่เขาจะกินอาหารทะเลแบบปรุงน้อยที่สุดแล้วให้ได้รับรสชาติความสดของวัตถุดิบให้มากที่สุดค่ะ ทำใจไว้แล้วตรงนี้ เราก็โรยเกลือพริกไทยไปตามเรื่อง
..แต่ทานกับสมุนไพรด้านบนแล้วสดชื่นดีจังค่ะ (ทานไปก็จินตนาการถึงน้ำจิ้มซีฟู๊ดไป.....)
ซอสขีดที่ไขว้กันนั่นเป็นบัลซามิกแบบเคี่ยวเข้มข้นที่ใช้ทานกับสลัดหรือพาสต้า อร่อยค่ะ แต่ชอบตรงที่เขาม้วนหนังปลาไว้ให้ด้วย สะกิดนิ๊ดเดียวก็หลุดแล้วค่ะ ร้านอาหารดีๆ นี่เขาใส่ใจทุกรายละเอียดดีจัง
จานต่อมาเป็นซุปค่ะ Wachtelconsomme mit dreierlei Einlage เป็นซุปแบบเข้มข้นจากนกกะทา มีของแข็งใส่มาด้วย 3 อย่าง มันแปลไว้อย่างนั้นนะเออ
อร่อยจังค่ะ น้ำซุปเข้มข้น แต่ไม่เค็มนะคะ เจ้าของแข็ง 3 อย่างนั่น มีลูกบอลจากแป้งกรีส เนื้อนกกระทา และอะไรอีกอย่างหว่า จำไม่ได้แล้วค่ะ.....อร่อยอีกแล้วค่ะ แต่น้อยไปหน่อย ตอนนี้พยาธิในท้องบ่นก้นใหญ่เลยค่ะ
นั่งรออาหารก็ส่องโต๊ะอื่นๆ อีกแล้ว ลืมบอกไปว่า ดินเนอร์ที่นี่ ผู้ชายเกือบทุกคนใส่สูตรค่ะ ทั้งหมดเห็นมีอยู่คนเดียวที่ไม่ได้ใส่ (ตามองแต่ผู้ชายนะยะป้า....) แต่ใส่สเวตเตอร์แบบดูดีเชียวค่ะ ส่วนผู้หญิง ก็ใส่ชุดดำ สั้น หรู และส้นสูง (ยกเว้นป้าอิ๋ว ฮ่า
ใครจะบ้าพกส้นสูงไปเที่ยวยะ)
เมนูต่อมาเป็นเมนูล้างปากก็ว่าได้ อันนี้ ป้าอิ๋วคิดเองค่ะ คือ Basilikumsorbet Infusion vom Passoa ขอแปลจากที่ได้กินละกันนะคะ คือเป็นซอเบทโหระพาฝรั่งนะเอง แปลกดีไม๊ล่ะ แต่กินแล้วสดชื่น สะอาดปากดีจังค่ะ
ตัวก้อนซอร์เบท มีหลอดน้ำหวานเสียบมาด้วย เพราะมันไม่หวานเลย ใครชอบหวานก็บีบน้ำหวานเพิ่มได้จากหลอดค่ะ แล้วใบเขียวๆ ข้างบนนั่น เป็นใบโหรพาฝรั่งทอดกรอบค่ะ ดูไม่ค่อยเข้ากัน แต่ป้าอิ๋วก็กินมันนะ แอบมองสาวๆ โต๊ะอื่นๆ เห็นเขาไม่กินน่ะค่ะ
นี่เป็นครั้งแรกที่กินอาหารแบบนี้ก่อนจานหลักค่ะ แต่ก็ล้างปากให้เตรียมพร้อมกับอาหารจานต่อไปได้จริงๆค่ะ
จานหลัก เมนูที่ 4 มาแล้วค่ะ เป็น Duett vom Kremstaler Milchkalb (Ruecken & Baeckchen) mit Trueffeljus, Kastanienseitlingen & Goldgriessschnitte เป็นเนื้อลูกวัว 2 ส่วน จากส่วนหลังและแก้ม เสริฟมาพร้อมกับซอสเห็ดทรัฟเฟล แป้งเซโมลิน่าและวงแหวนมันฝรั่ง
เฮ้อ แค่แปลก็หน่อยแล้วตัวเนื้อลูกวัว สดมาก แต่ปรุงรสน้อยถึงน้อยมาก เราไม่คุ้นกับการทานเนื้อแบบนี้ บอกได้เลยว่าจานนี้ ไม่กินเนื้อสีชมพูนั่นค่ะ กินเฉพาะรอบนอกที่จี่ๆ มา ส่วนด้านในสีชมพูนั่นไม่กินค่ะ แต่แค่คิดถึงการพยายามทำวงแหวนมันฝรั่งนั่นก็ลำบากแทนค่ะ
ตัวแป้งเซโมลิน่า ปรุงรสอร่อย วงทับอยู่บนเห็ดเออรินจิหั่นชิ้นบางๆ ที่จี่ๆ กับน้ำมัน บนเซโมลิน่า มีมะเขือเทศต้มลอกเปลือก แล้วทำให้เปลือกกรอบ ด้วยวิธีไหนก็ไม่ทราบค่ะ กรอบเกรียวเชียวค่ะ
โดยรวมจานนี้ป้าอิ๋วชอบทุกอย่างยกเว้นเนื้อชมพูชิ้นนั้น รสชาดอร่อยนะคะ แต่น้อยไปค่ะ ป้าอิ๋วเป็นคนไม่ชอบทานเนื้อ จานนี้เลยไม่แฮบปี้ค่ะ แต่คนที่ทานเนื้อ บอกว่าจานนี้สวรรค์เลยค่ะ
เมนูสุดท้าย เมนูที่ 5 ค่ะ เป็นของหวาน Orangen-Sternanis-Parfait mit Schokolade แปลตรงๆ คือขนมชิ้นเหลืองๆ นั่นคือพาเฟ่รสส้มผสมดอกจันทร์ เสริฟพร้อมไอศกรีมชอคโกแลต เมนูนี้ ทานแล้วก็เฉยๆ นะคะ
คือขนมหวานของฝรั่งนี่ ป้าอิ๋วเฉยๆ ค่ะ อร่อยแต่ จำไม่ได้แล้วค่ะ ว่ารสชาดเป็นอย่างไร
กว่าจะถึงเมนูนี้ ก็ร่วมๆ 3 ชั่วโมงค่ะ ยาวนานมาก นั่งจนเบื่อเลยเชคบิลกัน
ราคาอาหารเมนู 5 อย่างเรียกว่า 5 Gang Menü คนละ 80 ยูโร ไม่รวมไวน์ขาว 2 แก้ว ไวน์แดง 2 แก้วและ อีกแก้วเป็นน้ำแร่ ราคาทั้งหมดตามนั้นค่ะ
สรุปว่า อาหารวันนี้ อร่อย หรู ดูดี แต่สำหรับป้าอิ๋ว ว่าอาหารมันน้อยไปค่ะ คือปกติที่เคยทานอาหาร 5 Gang Menü เนี่ย จะต้องอิ่มจนแทบคลานกลับทุกที แต่วันนี้ ทานแล้วไม่ถึงกับอิ่มนะ เรียกว่า เกือบอิ่มค่ะ แต่อาหารอร่อย คุณภาพดีมาก
ที่จริง โปรแกรมวันนี้ ต้องขึ้นไปนับถอยหลัง จุดพลุกันบนดาดฟ้าของโรงแรม แต่ป้าอิ๋วเมาไวน์ซะก่อน เลยกลับน้องนอนเลยค่ะ count down ในฝันค่ะ อิอิ
ใครได้มีโอกาสพักโรงแรมนี้ ลองไปทานดูค่ะ เมนูอาหารปกติสำหรับวันธรรมดานะคะ เผื่อบางคนอาจจะชอบค่ะ
จองที่ไว้ก่อนนะป้าอิ๋ว
หลังเที่ยงคืนถ้าไม่หลับซะก่อนจะมาอีกรอบค่ะ
นี่เม้นท์ก่อนนะ ยังไม่ได้อ่านเลย อิอิ...
จะบอกว่าข้าวอบกุนเชียงน่ะ มันเป็นตัวเลือกการบ้านแม่มดโจทย์ป้าอิ๋วเมนูอบ ๆ นั่นแหละค่ะ เพิ่งขุดกรุมาอัพบล็อกจ้า...