|
เขียนจากหัวใจ
วันนี้ ฉันคิดว่าต้องเขียนอะไรสักอย่างที่ใหม่สดลงในบล้อกบ้าง ฉันคิดอยู่นาน มองดูหนังสือนานาที่มีอยู่บนชั้นเผื่อว่าจะเอาข้อมูลมาใช้ได้บ้าง เปิดดูบทกวีที่มีอยู่ จะแปลลงหรือลอกลงแล้วเขียนถึงงานนั้นอีกทีได้ไหม หรือว่ามีบทความเก่า ๆหลงเหลืออยู่บ้างหรือไม่ จะได้นำมาแปะไว้เลย
ฉันไม่เจอสิ่งใดที่น่าสนใจ ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องเขียนเองแล้วล่ะ ฉันเลือกหัวข้อการฝึกจิตในพุทธศาสนา อันเป็นหัวข้อที่กำลังสนใจอยู่ในตอนนี้ หาหนังสือมาเพื่ออ้างอิง วางแผนการเขียนว่าจะทำอย่างไรที่ทำให้คนอ่านสนใจที่สุด เห็นเพียงหัวข้อแล้วก็ชักชวนให้คนอ่านอ่านไปเรื่อย ๆจนจบ ฉันเริ่มเขียน เขียนแล้วก็เปิดหนังสือการฝึกจิตขั้นต้นเล่มเล็กเพื่อนำเอาข้อความมาเขียน แล้วก็ชะงักอยู่ตรงนั้น...........
หนังสือเน้นความเรียบง่าย ลัดตรง และร่มรื่น เข้าใจง่าย ปฏิบัติง่าย และไม่ต้องฝืนตัวเอง
นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันไม่มี มันคือสิ่งที่ข้อเขียนของฉันในช่วงหลังไม่เคยมี มันไม่เคยให้ความรู้สึกว่าเรียบง่าย ลัดตรง และร่มรื่น......
งานเขียนคือสิ่งที่ฉันใช้เลี้ยงชีพ ฉันทะนงว่าอย่างน้อยก็มีดีล่ะนะ มีประสบการณ์ มีเทคนิค และมีลูกเล่นแพรวพราว
แต่ตอนนี้ฉันกลับพบว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป นั่นคือความรู้สึกว่าเขียนออกมาจากใจ เทคนิค ลูกเล่นเป็นเพียงตัวตกแต่ง แต่หากคนอ่านสัมผัสไม่ได้ถึงว่าข้อเขียนนั้นมาจากใจ มาจากตัวตนที่แท้ ความซาบซึ้งใจ ความประทับใจก็ย่อมลดน้อยลง ด้วยว่ามนุษย์นั้นใช้ใจสัมผัสใจ และหากสัมผัสได้แล้วใจก็จะอิ่มเอมทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน หากว่างานนั้นไม่สัมผัสได้ถึงใจ มันก็เป็นงานเขียนที่ขาดเสน่ห์โดยแท้
น่าแปลกไหม ที่อ่านหนังสือธรรมะเรื่องการฝึกจิต แต่กลับมาเข้าใจเรื่องงานเขียนของตัวเองเสียได้
ทีนี้จะพูดถึงการฝึกฝนจิต แบบเรียบง่าย ลัดตรง และรื่นรมย์
ความเรียบง่าย ลัดตรง และรื่นรมย์ เมื่อพิจารณาให้ดีแล้ว ก็คือไวพจน์ของคำว่า ทางสายกลาง เมื่อเราไม่บังคับตัวเองให้ทำสิ่งที่ไม่อยากทำ ไม่เร่งเร้าให้ทำสิ่งที่ยากเกินไป ไม่ทรมานตัวเองให้ลำบากมากเกินไป แต่รู้ตัวเองตลอดเวลา สติปัญญาก็ย่อมจะบังเกิดขึ้นแก่ดวงจิตของเรา
การเกิดของสติปัญญาที่เกิดขึ้นเหนือดวงจิตของเราก็เป็นไปเพื่อจะละทิ้งดวงจิตนั้นเสียให้ได้ เพื่อที่เราจะละทุกอย่างลงได้ในที่สุด
แต่จิตเราต้องการการเรียนรู้ ฝึกฝนและมีวินัยยึดเหนี่ยวเหมือนดังเช่นที่เราได้ฝึกฝนเรียนรู้ปัญญาทางโลกนานัปการ
เมื่อจิตได้เรียนรู้ จิตก็จะเข้มแข็ง รู้แจ้งถึงปัญหาและเหตุแห่งทุกข์ และแจ้งถึงวิธีการละทิ้งจิตนั้นเองด้วย......แต่ก็คงเป็นขั้นที่ยังอยู่ไกลจากความสามารถของฉันในตอนนี้
ระหว่างนี้สิ่งที่ฉันต้องทำก็คือรู้ ตื่น เบิกบานระหว่างวัน (เป็นชื่อหนังสือ เขียนโดยสุรวัฒน์ เสรีวัฒนา---หนังสือน่าอ่านมากค่ะ เป็นการสอนทำสมาธิอย่างง่าย ๆทั้งวัน ในขณะนั่งยืน เดิน นอน ทำงาน เพื่อเตรียมตัวไปสู่การทำสมาธิจิตขั้นสูงต่อไป) รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ รู้ว่าจิตโลดโผนไปที่ไหนบ้างและตามไปดูซิว่าจะมีอาการอย่างไรบ้าง
แล้วจากนั้นก็ค่อยไปในขั้นต่อไป
ถ้าพรุ่งนี้มีเวลาและอยากเขียน จะบอกว่าทำไมฉันถึงเริ่มคิดว่าคนเราควรต้องฝึกจิตใจ และเลือกการฝึกจิตใจแบบนี้......
Create Date : 08 มีนาคม 2548 |
|
6 comments |
Last Update : 8 มีนาคม 2548 0:07:51 น. |
Counter : 727 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แดดเช้า 8 มีนาคม 2548 1:02:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: zaesun 8 มีนาคม 2548 4:25:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: Eeyore 8 มีนาคม 2548 16:10:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนสวย (ทำใจได้ ) 8 มีนาคม 2548 21:49:32 น. |
|
|
|
|
|
|
|