ใจ ฤา คือ พรานผู้เปล่าเปลี่ยว --- The Heart is the Lonely Hunter by Carson McCullers
The Heart is the Lonely Hunter เป็นหนังสือที่เขียนโดย Carson McCullers นักเขียนหญิงของสหรัฐทีมีชีวิตอยู่ราว 1920-1967 เธอเกิดมาในชื่อ Lula Carson Smith จากครอบครัวมีฐานะดี ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยเรื่องซึมเศร้า เธอร่างกายอ่อนแอ ป่วยบ่อยเมื่อตอนยังเล็กทำให้ไม่ค่อยได้เล่นกับเด็กคนอื่นมากนัก
เมื่อโตขึ้นได้เข้าศึกษา Creative Writing ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย จากนั้นก็แต่งงานกับรีฟส์ แมคคัลเลอร์ส์ ชีวิตแต่งงานไม่ได้ราบรื่นเลยสำหรับเธอ ทั้งรีฟและลูล่าต่างก็มีชู้ซึ่งเป็นเพศเดียวกับตัวเอง ไม่นานทั้งสองคนก็เลิกรากันไป แต่แล้วก็กลับมาแต่งงานกันอีกในช่วงไม่กี่ปีให้หลัง เหตุการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น ความเครียดและปัญหาที่รุมเร้าทำให้ลูล่าพยายามฆ่าตัวตาย แต่ไม่สำเร็จ ไม่นานรีฟส์ก็ทิ้งเธอและปัญหานานาไปโดยกินยานอนหลับเกินขนาดโดยตั้งใจ
ลูล่าต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วยทางกายอีกหลายครั้ง ก่อนที่จะเสียชีวิตเมื่ออายุเกือบ 50 ปี แต่เธอได้ฝากงานเขียนชิ้นเยี่ยมไว้จำนวนหนึ่ง นิยายเรื่องแรกของเธอคือ The Heart is the Lonely Hunter ตีพิมพ์ในปี 1940 และนิยายที่ประสบความสำเร็จอีกเล่มหนึ่งคือ Reflections in a golden eye
นิยายของเธอที่เป็นที่รู้จักมาในเมืองไทยก็คือ the ballad of the Sad Cafe
บรรยากาศในนิยายของMcCullers ที่เคยอ่าน คือ หม่นมัว ตัวละครทุกตัวโหยหาอะไรบางอย่างในชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรัก และความเข้าใจจากคนคนหนึ่ง ตัวละครทุกตัวพิการ ถ้าไม่พิการกาย ก็พิการใจ หรือทั้งสองอย่าง
แต่ในความหม่นมัวนั้น แฝงด้วยความลึกล้ำ เฉียบคม และมองเข้ามาในวิญญาณของมนุษย์ได้อย่างหมดเปลือก อ่านแล้วรู้สึกเหมือนว่าคาร์สัน แม็คคัลเลอร์สได้รู้เห็นและสัมผัสความกลัวอันลึกล้ำของมนุษย์ที่มีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ นั่นก็คือ ความกลัวความโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา กลัวว่าการมีอยู่ของเราจะเป็นเรื่องไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง....
The Heart is the Lonely Hunter ใจ ฤ คือ พรานผู้เปล่าเปลี่ยว เป็นเรื่องราวของ John Singer หนุ่มช่างทอง ผู้ที่แม้จะได้ยินหรือพูดได้(แม้จะไม่ค่อยดีนัก)แต่เขาก็ไม่ยอมพูดจนใคร ๆนึกว่าเขาเป็นใบ้ เขาอาศัยอยู่กับเพื่อนอีกคนหนึ่งที่เป็นใบ้และหูหนวกร้อยเปอร์เซนต์ และแถมยังไม่เต็มเต็งอีกต่างหาก แต่จอห์นรู้สึกว่าเพื่อนคนนี้เท่านั้นที่เขาสามารถจะสื่อสารด้วยได้ อยู่มาวันหนึ่งเพื่อนถูกส่งไปอยู่โรงพยาบาลบ้า จอห์นรู้สึกเปล่าเปลี่ยว เขาทิ้งห้องเช่าเดิมและย้ายเข้าไปเช่าห้องของครอบครัวหนึ่ง เขาได้พบและผูกพัน ขัดแย้ง รวมทั้งได้รู้ปัญหาของคนอื่น ๆในเมือง แต่ไม่มีใครเข้าถึงเขาได้ เมื่อรู้ว่าเพื่อนในโรงพยาบาลบ้าเสียชีวิต จอห์น ซิงเกอร์ยิงตัวตายเพราะรู้สึกว่าไม่มีใครให้เขาได้สื่อสารด้วยต่อไปอีกแล้ว
The Heart is the Lonely Hunter เป็นหนังสือที่อยากแปล และก็ได้เคยแปลบางบทไว้นานมากแล้ว เมื่อไปค้นเจอก็เลยเอาแปะไว้ณ.ที่นี้
Create Date : 25 มกราคม 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 25 มกราคม 2549 22:00:47 น. |
Counter : 1442 Pageviews. |
|
|
|
1
ในเมืองมีคนใบ้อยู่สองคนที่เป็นเพื่อนรักกัน ทุกเช้าเมื่อออกจากบ้าน ทั้งสองจะเดินคล้องแขนกันไปตามถนนมุ่งหน้าสู่ที่ทำงาน เพื่อนทั้งสองต่างกันลิบลับ คนที่มักจะเดินล้ำหน้าเสมอเป็นชายกรีกร่างอ้วนฉุ ท่าทีเลื่อนลอยราวกับอยู่ในฝัน ยามหน้าร้อนเขามักจะใส่เสื้อโปโลสีเขียวหรือไม่ก็เหลือง ชายเสื้อข้างหน้าถูกยัดเข้าไปในกางเกงแบบขอไปที ข้างหลังปล่อยไว้ยาวเป็นหาง ถ้าอากาศหนาว เขาก็จะใส่เสว็ตเตอร์สีเทาที่ยืดจนย้วยแล้วทับเข้าไป ใบหน้ากลมเป็นมันเยิ้ม นัยน์ตาหรี่ปรือ มีรอยยิ้มน้อย ๆที่ดูโง่เขลาประดับอยู่ที่ริมฝีปากตลอดเวลา ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นสูง เพรียว ประกายตาแจ่มใสและชาญฉลาด แต่งกายประณีตเรียบร้อย
ทุกเช้า เพื่อนทั้งสองจะเดินไปด้วยกันเงียบ ๆ จนกระทั่งถึงถนนเส้นหลักของเมือง ที่มีร้านขายผลไม้และขนมหวานตั้งอยู่ เมื่อถึงร้านก็จะหยุดอยู่ที่ทางเดินข้างหน้าครู่หนึ่ง คนอ้วนนั้นเป็นชาวกรีกมีชื่อว่า สไปรอส แอนโตนาปูลอส เขาทำงานที่ร้านนี้และเป็นญาติกับเจ้าของร้าน หน้าที่ของชายอ้วนก็คือทำลูกอมกับขนมหวาน เอาผลไม้ออกจากลัง และทำความสะอาดร้าน คนผอมนั้นชื่อจอห์น ซิงเกอร์ ก่อนที่เพื่อนจะเข้าไปในร้าน ซิงเกอร์จะจับแขนเพื่อนแล้วก็จ้องหน้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเดินข้ามถนนไปยังร้านทำเครื่องประดับอัญมณีที่เขาทำงานเป็นช่างสลักเครื่องเงิน
ช่วงเย็น คนใบ้ทั้งคู่ก็จะกลับมาเจอกันอีก ซิงเกอร์จะมายังร้านผลไม้ รอจนแอนโตนาปูลอสพร้อมจะกลับบ้าน ตอนนั้นชายกรีกอาจจะกำลังเอาลูกพีชหรือแตงโมออกจากลังอย่างเชื่องช้า หรืออาจจะกำลังดูหนังสือตลก ๆอยู่ในห้องครัวที่ใช้ปรุงของหวาน
เมื่อเลิกงาน แอนโตนาปูลอสก็จะเปิดถุงที่เขาเอาวางแอบไว้ที่ชั้นในห้องครัว ในนั้นจะมีของที่เขาเก็บไว้อย่างเช่นชิ้นผลไม้ ตัวอย่างของลูกอม หรือส่วนหัวท้ายของไส้กรอกตับ ก่อนที่จะออกไปจากร้าน แอนโตนาปูลอสก็มักจะเดินไปที่ลังแก้วหน้าร้านที่เก็บเนื้อหรือเนยแข็งบางส่วนไว้ เลื่อนฝาหลังออก เอามืออ้วน ๆลงไปควานหาสิ่งที่อยากได้ขึ้น บางทีญาติของเขาที่เป็นเจ้าของก็มองไม่เห็น แต่ถ้ามองเห็นเขาจะถลึงจ้องชายอ้วน ส่งสัญญาณเกรี้ยวกราดจากใบหน้าขาวซีดที่เคร่งเครียดเสมอ เท่านี้ แอนโตนาปูลอสก็จะทำได้แค่ย้ายของที่อยู่ในมือจากมุมหนึ่งไปยังอีกมุมหนึ่ง ด้วยท่าทีเสียดายยิ่ง ตลอดเวลาซิงเกอร์ก็จะยืนตัวตรงอยู่หน้าร้าน มือทั้งสองล้วงกระเป๋ากางเกง และมองไปทางอื่น เขาไม่ชอบดูฉากระหว่างชายกรีกทั้งสองคนนี้ เขารู้ว่านอกจากการดื่มเหล้าและความพอใจอันลึกลับของการใชัชีวิตแบบโดดเดี่ยวแล้ว แอนโตนาปูลอสโปรดปรานการกินมากกว่าสิ่งใดในโลกนี้
ยามพลบ เพื่อนผู้เงียบงันทั้งสองก็จะเดินกลับบ้านไปด้วยกัน ที่บ้าน ซิงเกอร์ก็จะพูดคุยกับแอนโตนาปูลอส มือของเขาเคลื่อนไปอย่างว่องไวเป็นสัญลักษณ์ของคำต่าง ๆ สีหน้ากระตือรือร้น นัยน์ตาสีเขียวเทาเป็นประกายกล้า ด้วยมือผอมบางแต่แข็งแรงทั้งสองข้าง
ซิงเกอร์เล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในที่ทำงานให้แอนโตนาปูลอสได้รับรู้
แอนโตนาปูลอสเอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน ตามองที่ซิงเกอร์ นาน ๆครั้งถึงจะเคลื่อนไหวมือเพื่อจะบอกเพื่อนว่าหิวหรืออาจจะเป็นง่วงแล้ว หรืออยากดื่มเหล้า สัญญาณมือจะเหมือนกันทุกครั้ง มันแทบจะไม่เป็นสัญญาณอันใดเลยด้วยซ้ำ
ถ้าหากว่าชายอ้วนยังไม่เมาจนเกินไป เขาจะคุกเข่าลงที่หน้าเตียงเพื่อสวดมนต์ มือจะทำสัญลักษณ์ของคำว่า พระเยซูผู้ศักดิ์สิทธิ์ หรือ พระเจ้า หรือ พระแม่มารีที่รัก คำเหล่านี้เองก็คือสิ่งที่แอนโตนาปูลอสพูด ออกมาเสมอ ซิงเกอร์เองก็ไม่รู้ว่าเพื่อนเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดมากน้อยเพียงใด แต่นั่นไม่ได้สำคัญแม้แต่น้อย
พวกเขาอยู่บนชั้นสองของบ้านหลังเล็ก ที่อยู่ใกล้กับย่านธุรกิจของเมือง บนนั้นมีห้องสองห้อง แอนโตนาปูลอสรับหน้าที่เป็นคนทำอาหารเสมอ มีเตาที่ใช้น้ำมันอยู่ในครัว มีเก้าอี้ธรรมดาในห้องครัวสำหรับซิงเกอร์ และโซฟาตัวปุปะสำหรับแอนโตนาปูลอส ส่วนห้องนอนก็มีแค่เตียงคู่ขนาดใหญ่คลุมด้วยผ้านวมสำหรับกรีกอ้วนฉุ ส่วนเตียงเหล็กเล็กแคบ ขึงผ้าใบสำหรับซิงเกอร์.
ช่วงเวลาอาหารเย็นจะดำเนินไปเนิ่นนาน เพราะว่าแอนโตนาปูลอสโปรดปรานการกินอาหารอย่างที่สุด เขาจะกินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากที่กินเสร็จแล้ว กรีกร่างอ้วนก็จะนอนอยู่บนโซฟา ใช้ลิ้นเลียฟันแต่ละซี่อย่างช้า ๆ ละเลียดอยู่กับรสอร่อยลิ้นของอาหารให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขณะที่ซิงเกอร์ล้างจาน
มีบางค่ำคืนที่คนใบ้ทั้งคู่จะเล่นหมากรุก ซิงเกอร์สนุกกับเกมมาก เมื่อก่อนเขาเคยพยายามสอนให้แอนโตนาปูลอสเล่น
ตอนแรกชายอ้วนก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลยว่าทำไมต้องเลื่อนของชิ้นเล็ก ๆไปมาบนกระดานตลอดเวลา ซิงเกอร์ใช้วิธีเอาขวดที่มีของกินมาไว้ใต้โต๊ะ และก็เอาออกมาหลังจากจบการสอนแต่ละครั้ง แม้ว่าชายกรีกจะไม่เข้าใจถึงการเคลื่อนไหวอันไม่ธรรมดาของอัศวิน หรืออำนาจการทำลายล้างของควีน แต่ก็สามารถจะเรียนรู้การเดินเปิดกระดานสองสามวิธี เขาชอบสีขาวและมักไม่ยอมเล่นหากว่าได้เป็นฝ่ายสีดำ หลังจากทั้งสองฝ่ายเดินเปิดเกมไปสองสามครั้ง ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของซิงเกอร์ในขณะที่ชายอ้วนได้แต่มองดูอย่างซึมเซา หากว่าซิงเกอร์จู่โจมฝ่ายของตัวเองได้ดี และรุกฆาตคิงดำ แอนโตนาปูลอสก็จะภาคภูมิใจและเป็นสุขมาก
ชายใบ้ทั้งสองไม่มีเพื่อนคนอื่นอีก นอกจากเวลางานแล้วพวกเขาอยู่กันสองคนเสมอ แต่ละวันก็ผ่านไปเหมือนกับวันอื่น ๆก่อนหน้า ทุกสิ่งดำเนินไปท่ามกลางความโดดเดี่ยวอันปราศจากสิ่งรบกวน กิจกรรมประจำของพวกเขาก็คือ ไปห้องสมุดสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง ซิงเกอร์มักจะยืมหนังสือเรื่องลึกลับมาอ่าน ในคืนวันศุกร์ก็จะไปดูหนัง ส่วนวันเงินเดือนออกจะพากันไปยังร้านถ่ายรูปครั้งละ10 เซนต์ที่อยู่บนร้านขายเครื่องแบบทหารบกและทหารเรือ แอนโตนาปูลอสจะให้คนถ่ายรูปเขาไว้ดูเล่น สถานที่เหล่านี้คือที่ชายทั้งสองไปเป็นเสมอ พวกเขาไม่เคยย่างกรายไปส่วนอื่น ๆของเมืองเลยสักครั้ง
เมืองนี้อยู่ใจกลางเขตตอนใต้สุดของประเทศ มีหน้าร้อนอันยาวนาน ในขณะที่ฤดูแห่งเหมันต์นั้นสั้นนัก ท้องฟ้ามักจะใสเหมือนกระจก สะท้อนสีน้ำเงินจัด แสงอาทิตย์แผดเผารุนแรง ส่วนในเดือนพฤศจิกายน ฝนเบาบางเย็นเยียบก็จะพร่างพรมเกือบทั้งเดือน จากนั้นก็จะเย็นเป็นน้ำแข็ง แต่ก็เป็นอยู่ไม่นาน ฤดูหนาวอาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นไม่ค่อยหนาวได้ แต่อุณหภูมิในฤดูร้อนเดือดพล่านเสมอ
เมืองที่ทั้งสองคนอาศัยอยู่นี้กว้างใหญ่ บนถนนสายหลักเต็มไปด้วยอาคารสอง-สามชั้นที่เป็นร้านขายของหรือสำนักงาน อาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนั้นเป็นโรงงาน คนในเมืองนี้จำนวนมากทำงานที่นี่ มันเป็นโรงหีบฝ้ายขนาดใหญ่ที่กิจการกำลังรุ่งเรืองดี ตรงกันข้ามกับคนงานที่อยู่ในเมืองเพราะเกือบทั้งหมดยากจนข้นแค้น หากเดินไปตามท้องถนนในหมู่ผู้คนที่เดินไปมา ก็จะสังเกตุเห็นแววตาสิ้นหวังจากความหิวโหยและจากความเหงาอ้างว้างที่กัดกร่อนภายใน
เพื่อนผู้เงียบงันทั้งสองอาจจะโดดเดี่ยวแต่พวกเขาไม่อ้างว้าง กิจกรรมในบ้านก็คือการดื่มกิน ระหว่างนั้นซิงเกอร์จะพูดกับเพื่อนด้วยภาษามือ ถ่ายทอดให้เพื่อนรู้ทุกสิ่งที่อยู่ในใจ คืนวันผ่านไปอย่างเงียบเชียบและราบรื่นเช่นนี้จนกระทั่งซิงเกอร์อายุได้สามสิบสอง เขาอยู่ในเมืองนี้มาพร้อมกับแอนโตนาปูลอสถึงสิบปีแล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง จู่ ๆชายกรีกก็ล้มป่วยลง ร่างอ้วนที่นั่งอยู่บนเตียงใช้มือกดที่ท้อง ในขณะที่น้ำตาเม็ดโป้ง ๆไหลพรากลงมาบนแก้ม ซิงเกอร์กระวีกระวาดไปหาเจ้าของร้านผลไม้เพื่อลางานให้เพื่อน แล้วก็ไปลางานให้ตัวเองด้วย หมอสั่งอาหารที่แอนโตนาปูลอสจะต้องกินและสั่งว่าห้ามดื่มไวน์อีกต่อไป ซิงเกอร์ดูแลตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด ทั้งวันเขาจะนั่งอยู่ข้างเตียงทำทุกสิ่งเพื่อให้เพื่อนรู้สึกว่าเวลาผ่านไปอย่าไม่น่าเบื่อหน่าย แต่แอนโตนาปูลอสก็เอาแต่มองเขาด้วยหางตาอย่างโกรธเกรี้ยว และไม่ยอมสนุกสนานไปด้วย
แอนโตนาปูลอนหาข้อไม่ดีเกี่ยวกับอาหารและน้ำผลไม้ที่เพื่อนทำให้เสมอ บ่อยครั้งเขาจะขอให้ซิงเกอร์พยุงเขาจากเตียงเพื่อสวดมนต์ ชายอ้วนวางก้นมโหฬารไว้บนเท้าเล็ก ๆอวบอูมทั้งสองข้างเมื่อคุกเข่า เขาทำมือเป็นคำว่าพระแม่มารี และก็จับไม้กางเขนทองเหลืองที่แขวนด้วยด้ายกระดำกระด่าง ตากลมใหญ่ที่เหลือบขึ้นมองเพดานมีประกายหวาดหวั่น หลังจากนั้นเขาก็จะ อารมณ์ไม่ดีและไม่ยอมให้เพื่อนพูดอะไรด้วย
ซิงเกอร์ต้องใช้ความอดทนมาก และพยายามทำทุกอย่างที่จะทำได้เพื่อช่วยให้เพื่อนหายทุกข์ใจ เขาวาดรูปเล็ก ๆหลายรูป และครั้งหนึ่งเขาวาดภาพของเพื่อนเพื่อเรียกรอยยิ้ม แต่ปรากฏว่ารูปนั้นทำร้ายความรู้สึกของชายอ้วน มันทำให้เขาโกรธมากและไม่ยอมคืนดีด้วยจนกระทั่งซิงเกอร์ต้องวาดให้รูปใหม่ให้แอนโตนาปูลอสเป็นหนุ่มน้อยหล่อเหลา ลงสีผมด้วยสีเหลืองสด และนัยน์ตาด้วยสีฟ้าเข้ม ชายกรีกถึงได้พอใจ แต่ก็เก็บอาการเอาไว้
ซิงเกอร์ดูแลเพื่อนอย่างดี เมื่อครบหนึ่งอาทิตย์แอนโตนาปูลอสสามารถกลับไปทำงานได้ นับแต่นั้นวิถีชีวิตของคนทั้งคู่ก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง ความยุ่งยากก็เข้ามาเยี่ยมเยือน
ร่างกายของแอนโตนาปูลอสเป็นปกติแล้ว แต่ใจกลับไม่เหมือนเดิม เขาไม่สามารถจะทนอยู่ในบ้านใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบในยามค่ำคืนได้อีกแล้ว เมื่อเขาออกจากบ้าน ซิงเกอร์ก็จะเดินตามไปข้างหลัง แอนโตนาปูลอสมุ่งหน้าไปยังร้านอาหาร ในขณะที่นั่งที่โต๊ะ เขาก็จะแอบเอาขวดใส่น้ำตาลและพริกไท หรือบางทีก็เป็นช้อนส้อมลงในกระเป๋าเสื้อตัวเอง ซิงเกอร์ต้องคอยจ่ายเงินให้กับทางร้านเพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหา เมื่อกลับถึงบ้านเขาจะถลึงตามองเพื่อน แต่กรีกอ้วนก็แค่มองตอบมาพร้อมกับรอยยิ้มอันว่างเปล่า
หลายเดือนผ่านไปนิสัยใหม่ของแอนโตนาปูลอสก็เลวร้ายมากขึ้น กลางวันของวันหนึ่ง เขาเดินออกมาร้านขายผลไม้ และไปยืนฉี่ใส่กำแพงของธนาคารเฟิร์สท์ เนชั่นแนลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามต่อหน้าคนจำนวนมากด้วยท่าทางอันปลอดโปร่ง ขณะที่กำลังฉี่ เมื่อคนเดินผ่านมาเห็น และทำสีหน้าไม่พอใจหรือรังเกียจ เขาก็จะชนคนเหล่านี้ด้วยข้อศอกหรือท้อง อีกวันหนึ่งเขาเดินเข้าไปในร้านแห่งหนึ่งแล้วก็หิ้วโคมไฟวางพื้นออกมาโดยไม่จ่ายเงิน อีกครั้งหนึ่งเขาก็พยายามขึ้นไปนั่งรถไฟไฟฟ้าที่เห็นในตู้โชว์
สำหรับซิงเกอร์ มันเป็นเวลาที่ทุกข์อย่างสาหัส เขาต้องคอยไปจ่ายค่าปรับหรือประกันตัวแอนโตนาปูลอสออกมาจากศาลในช่วงเวลาอาหารกลางวัน นานวันเข้าซิงเกอร์ก็คุ้นเคยกับกระบวนการของศาลแต่นั่นไม่ทำให้เขาเบิกบานขึ้นมาได้เลย เงินที่เขาเก็บไว้ในธนาคารก็นำออกมาใช้ประกันตัวและจ่ายค่าปรับจนหมด เขาทุ่มเททุกอย่างที่มีทั้งความพยายามและเงินทองเพื่อไม่ให้เพื่อนเข้าไปอยู่ในคุกจากข้อหาเช่นขโมย ทำอนาจารในที่ชุมชน ทำร้ายหรือวิวาท
เจ้าของร้านผลไม้ที่เป็นญาติของแอนโตนาปูลอสไม่เข้ามาข้องเกี่ยวกับความยุ่งยากเหล่านี้แม้แต่น้อย ชาร์ลส์ พาร์คเกอร์ (ชื่อที่เขาเปลี่ยนเมื่อมาอยู่ที่นี่) ให้แอนโตนาปูลอสทำงานต่อไป แต่ใบหน้าขาวซีดและเคร่งเครียดก็คอยระแวดระวังญาติของตัวเองอยู่เสมอ นอกจากนี้ก็ไม่เคยพยายามจะเสนอความช่วยเหลือเลยสักครั้ง ซิงเกอร์มีความรู้สึกแปลก ๆกับชายผู้นี้มาเนิ่นนาน และพอมาถึงตอนนี้ก็ความรู้สึกนั้นพัฒนาขึ้นเป็นความชิงชัง
ขณะที่ซิงเกอร์มีชีวิตอยู่ในความยุ่งยากและทุกข์ใจ แอนโตนาปูลอสกลับไม่อนาทรร้อนใจสักนิด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะมีรอยยิ้มน้อย ๆที่ไร้ความหมายประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา
ก่อนหน้าที่สถานการณ์จะเป็นเช่นนี้ ซิงเกอร์เคยคิดว่าในรอยยิ้มนี้มีบางอย่างลี้ลับและฉลาดซ่อนอยู่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าแอนโตนาปูลอสเข้าใจอะไรได้แค่ไหน นอกจากนี้ยังไม่รู้อีกด้วยว่าชายอ้วนคิดอะไรอยู่ มาตอนนี้เขาคิดว่าจับความรู้สึกสนุกสนานแอบซ่อนอยู่ในรอยยิ้มของกรีกอ้วนได้ ซิงเกอร์จับไหล่ของเพื่อนแล้วก็เขย่าจนกว่าจะเหนื่อยไปเอง แล้วก็พยายามอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยภาษามือ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นสักนิด
เงินของซิงเกอร์ถูกใช้จนหมด เขาต้องขอยืมจากเจ้าของร้านเพชรที่เขาทำงานด้วย คราวหนึ่งเขาไม่มีเงินที่จะประกันตัวเพื่อนออกมา แอนาโตปูลอสจึงต้องนอนในคุกหนึ่งคืน ซิงเกอร์รีบมารับตัวออกไปแต่เช้าตรู่ การณ์กลับเป็นว่าแอนโตนาปูลอสโกรธมาก เพราะไม่อยากออกไปจากคุก กรีกอ้วนชอบอาหารคุกที่มีหมูเค็ม กินกับขนมปังข้าวโพดร้านน้ำเชื่อม นอกจากนี้ที่นอนใหม่กับเพื่อนใหม่ทำให้เขามีความสุขมาก