ผ่านทะเลเห็นน้ำไร้ความหมาย
Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
23 มกราคม 2549
 
All Blogs
 

เล่าเรื่อง พระเจ้า เทพเจ้า และเทวดา4

กรีก และเฮโรโดตัส

กรีก

ขอละเรื่องศาสนาคริสต์ไว้ก่อน แล้วกลับมาเล่าเรื่องเทพในวัฒนธรรมของกรีก ซึ่งก็เป็นรากเหง้าของพวกโรมันในสมัยต่อมา ชื่อเทพของกรีกนั้นเป็นที่คุ้นเคยกันดี เพราะอ้างถึงในงานเขียนปัจจุบันและยุคกลางของตะวันตกอย่างต่อเนื่อง เทพที่สูงสุดก็คือ ซุส Zeus ซึ่งได้แย่งอำนาจการปกครองแดนสวรรค์มาจากปู่ของตนคือยูเรนัส Uranus และเทพมาตา Gaea

รูปปั้นดินเผาของเทพมาตาไกอา

ทั้งสองนี้จัดเป็นเทพคู่แรก ซึ่งมีลูกรูปร่างใหญ่ที่เรียกกันพวก titans ซุสเป็นลูกของโครโนสและรีอา พี่น้องของซุสก็คือ เฮสเตีย เฮเดส ผู้ครองนรก เฮร่า ภรรยาของซุส และดีมีเตอร์ แม่พระธรณี


ซุสและโครโนส


ซุสเป็นผู้นำการปฏิวัติบนสวรรค์ (มีหนังชื่อว่า Clash of the Titans ถ้าจำไม่ผิดก็เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน) จับยูเรนัสและพวกไตตันโยนลงมาจากสวรรค์และเสวยอำนาจต่อมา

Gaea ต้องเสด็จหนีหลานของพระองค์ไปอยู่ลึกลับใต้ดิน กลายเป็นพวกเทพนอกโคตรวงศ์ในที่สุด

น่าจะตีความได้ว่าUranus และ Gaea นั้นคงได้รับสืบทอดแนวคิดมาจากเทพโบราณอาจจะเป็นสุเมเรียนก็ได้ จากนั้นซุสก็คือตัวแทนของเทพรุ่นใหม่ที่เป็นเฮลเลนนิสติคแท้ ๆ

ในตอนต้น ๆ เมืองในแถบเมดิเตอร์เรเนียนนั้นนับถือเทพต่าง ๆกันไป ในโคตรวงศ์เทพเหล่านี้ หรือบางเมืองก็นับถือเทพที่ต่างออกไป ภายหลังเทพเหล่านั้นได้ถูกรวมเข้าไว้ในสาแหรกเทพ คือมีความเป็นญาติกันไปหมด อย่างเช่นอาโฟรไดท์หรือวีนัส บางตำนานบอกว่าเธอเกิดจากฟองคลื่นในทะเล บางตำนานก็โยงเทพแห่งความรักและความงามนี้เข้ากับซุส โดยกล่าวว่าเธอเป็นลูกของซุสและไดโอเน ธิดาของเอพิเมติอุส (คนคิดหลังจากทำไง เป็นน้องชายของโพรมิติอุส-คนคิดก่อนทำ ที่ขโมยไฟสวรรค์มาให้มนุษย์ จนตัวเองถูกสาป-วงศ์นี้ก็สืบมาจากไตตัน แต่เป็นคนละสายกับซุส คนดังที่อยู่ในวงนี้ถ้าจำไม่ผิดก็จะมีเฮเลนแห่งทรอย และคนที่ไปหาขนแกะทองคำน่ะชื่อไรหนอ อ้อ เจสัน ภายหลังในคริสศตวรรษที่ 20 เจสันได้กลับมาดังอีกทีโดยการร่วมแสดงหนังสยองขวัญที่ใครฆ่าเขาก็ไม่ตายสักที ชื่อ Friday the thirteenth หรือศุกร์สิบสามฝันหวาน )

ใครสนใจเรื่องเทพเหล่านี้หาอ่านได้ใน Greek Mythology ของJudith (หรือEdith แหะแหะ จำไม่ได้ชัด) Hamilton มีแปลเป็นไทยในชื่อ เทพปกรณัมกรีก โดยอ.สายสุวรรณ เป็นหนังสือที่น่าทึ่งมาก เล่มเล็กนิดเดียวแต่เล่าเรื่องหลากหลาย นอกจากเทพกรีกยังแถมด้วยเทพของพวกไวกิ้งด้วย คนเขียนเก่งมากกกกกกก ก็จะไม่เล่าเรื่องเทพพวกนี้แล้วล่ะ รู้กันหมดแล้ว มาเล่าเรื่องอื่น ๆที่เกี่ยวกับความเชื่อเรื่องเทพของคนในยุคสมัยนั้นดีกว่า ก่อนที่จะย้อนกลับไปพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคริสตศาสนากับเทพเหล่านี้…..

ในตำนานเฮโรโดตัส (แปลโดยชำนาญ อินทุโศภณ หนังสืออ่านสนุกมาก ขำกลิ้ง) ได้เล่าถึงความเชื่อถือในเทพของคนทั้งหลาย มีเทวาลัยสร้างเพื่ออุทิศแก่เทพองค์ต่าง ๆอยู่ในเมืองกระจายทั่วเมดิเตอเรเนียนและเมโสโปเตเมีย
เฮโรโดตัส ถือว่าเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ เพราะเขาได้บันทึกเรื่องราวต่าง โดยการสืบค้น เทียบเคียง วิเคราะห์เรื่องเล่าของคนต่าง ๆอย่างมีหลักเกณฑ์ (หมายถึงหลักเกณฑ์แบบของเขานา ไม่ใช่หลักเกณฑ์แบบปัจจุบัน)

เฮโรโดตัสมีชีวิตอยู่ในระหว่าง 484-424 ปีก่อนคริสตศักราช แต่งานของเขาครอบคลุมเวลาก่อนหน้าที่เขาจะเกิดด้วย โดยการพยายามสอบถามและบันทึกเรื่องราวที่เล่ากันต่อ ๆมา เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นตอนของบรรพที่หนึ่ง ว่าด้วยการศึกระหว่างครีซัส ราชาแห่งพวกลิเดียน กับไซรัสแห่งเปอร์เชีย เชื่อว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นระหว่างปี 560-546 ก่อนคริสตศักราช

ครีซัสนั้นเป็นราชาแห่งลิเดียน สืบทอดวงศ์มาจากกิเกส ที่เดิมเป็นคนรับใช้สนิทของราชาแห่งลิเดียน ซึ่งภายหลังได้สังหารนายและได้นั่งบัลลังก์แทน กิเกสฆ่านายเพราะเมียนายต้องการเช่นนั้น คานเดาเลส ราชาแห่งลิเดียนรักเมียมากไปหน่อย ไปคุยอวดความงามของนางต่อกิเกส และกลัวว่ากิเกสจะไม่เชื่อจึงบังคับให้กิเกสไปแอบดูนางเปลื้องผ้า พอราชินีรู้เรื่องดังกล่าวก็โกรธสามีมาก ลวงเอากิเกสมาแล้วบอกว่าถ้าไม่ฆ่าพระราชาและขึ้นครองบัลลังก์ กิเกสเองจะถูกฆ่า เพราะคนที่เคยเห็นเธอเปลื้องผ้านั้นสมควรเป็นสามีของเธอคนเดียวเท่านั้น กิเกสจนปัญญา จึงต้องไปซ่อนในห้องนอนแล้วจ้วงแทงคานเดาเลส จากนั้นก็ปกครองลีเดียนต่อไป และราชินีแห่งคานเดาเลสก็กลายมาเป็นราชินีในรัชกาลต่อมา -เดาเอาว่าพระราชินีและญาติวงศ์ต่างหากที่เป็นผู้ที่กุมอำนาจการเมือง เลยสามารถเปลี่ยนพระราชาง่ายขนาดนั้น )

วงศ์ของกิเกสต้องคำสาปอันเนื่องมาจากการสังหารราชาครั้งนี้ เทพแห่งเดลฟีบอกว่าในชั้นที่ 5 ของลูกหลานกิเกส บ้านเมืองจะแตกสลาย แต่ทุกคนก็พากันลืมเลือน จนกระทั่งถึงครีซัสที่เป็นรุ่นที่ 5

ครีซัสนั้นเป็นราชาที่มีความสามารถมาก และกระหายในการรบอยู่เสมอ พระองค์สามารถได้รับชัยเหนือเมืองหลายแห่งในดินแดนแถบนี้ ในขณะเดียวกันเปอร์เซียซึ่งอยู่ห่างไปไม่เท่าก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นมาภายใต้การนำของไซรัส มหาราช

ราชาแห่งลิเดียนเห็นว่าจะปล่อยไว้เช่นนี้ไม่ได้ มิเช่นนั้นดินแดนลิเดียนเองจะอยู่ไม่สงบ ประกอบกับมีเรื่องบาดหมางกันระหว่างลิเดียนและชนชาติในเมดิเตอรเรเนียนกับเปอร์เชียมาก่อนหน้านี้แล้ว มีการดักฉุดผู้หญิงระหว่างกันและกันเสมอมา อันเป็นการแสดงการหยามหยันซึ่งกันและกันเสมอ

ก่อนจะรบกับเปอร์เซีย เพื่อความมั่นใจ ครีซัสส่งคนของตัวเองหลายสิบกลุ่มให้เดินทางไปตามเมืองต่าง ๆที่ขึ้นชื่อว่ามีเทวาลัยอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อทดลองว่าเทพนั้นแม่นจริงพอที่จะเป็นที่ปรึกษาการรบได้หรือไม่ ครีซัสให้คนของตัวนับเวลานับจากเดินทางออกไปหนึ่งร้อยวัน แม้ถึงสถานที่นั้นแล้วก็ให้หยุดยั้งอยู่ เมื่อครบหนึ่งร้อยวันจึงเข้าไปถามพร้อม ๆกันว่า วันนี้นายของพวกตนกำลังทำอะไรอยู่ …..ให้เทพทำนาย

คณะหนึ่งที่เดินทางไปยังวิหารแห่งเดลฟี ก็ทำตามอย่างนั้น หญิงผู้สนองพยากรณ์ที่แห่งนั้นก็เขียนโคลงออกมาดังนี้ “ข้ารู้เม็ดทรายและกำหนดหยดน้ำในมหาสมุทร
คนใบ้ข้าเข้าใจและข้าได้ยินคำพูดของคนพูดไม่ได้
มีกลิ่นกระดองเต่าแข็งมายังวิญญาณของข้า
กำลังเดือดอยู่ในกระทะทำด้วยบรอนซ์ และมีเนื้อแกะผสมอยู่ด้วย
ข้างล่างมีบรอนซ์รอง ข้างบนก็มีบรอนซ์ปกคลุม”

ครีซัสก็เปิดคำทำนายออกมาเทียบเคียงกัน เมื่อคนที่กระจายแยกย้ายกันไปเดินทางกลับถึงเมือง ผลก็คือ คำทำนายของวิหารแห่งเดลฟี และวิหารแห่งอามฟิอาราออส (คนนี้ไม่ได้เป็นเทพ นัยว่าเป็นวีระบุรุษที่กล้าหาญมาก เมื่อตายจึงมีคนก่อสร้างวิหารให้ นับถือว่าศักดิ์สิทธิ์เหมือนคนกรุงเทพนับถือเสด็จพ่อ ร.5) ถูกต้อง เพราะเมื่อครบวันที่ร้อย ครีซัสก็ทำการแปลกประหลาดที่ใครก็คาดไม่ถึง เขาฆ่าเต่ากับลูกแกะและเอาเนื้อต้มผสมกันในกระทะบรอนซ์ หลังจากได้ผลมาแล้ว ครีซัสก็ยอมรับนับถือเทพแห่งเดลฟี (เป็นองค์ไหนก็ไม่รู้ เข้าใจว่าถ้าไม่เป็นอะเธน่าก็น่าจะเป็นอพอลโล เดี๋ยวไปค้นมาให้) และอามฟิอาราออส และได้ส่งเครื่องบรรณาการไปเสียมากมายใหญ่โตเพื่อให้เทพโปรดปราน และก็ถามคำถามที่สองว่า ครีซัสควรจะยกทัพประชิดเปอร์เชียนหรือไม่ ถ้าควรยกประชิด น่าจะมีผู้ใดมาสมทบเป็นพันธมิตรด้วยหรือไม่?

คำตอบของทั้งสองหอพยากรณ์ก็คือ ถ้าครีซัสยกทัพประจัญกับพวกเปอร์เชียนแล้วก็จะได้ทำลายจักรวรรดิไพศาลจักรวรรดิหนึ่ง และแนะนำให้ครีซัสเสาะหาพวกเฮลเลนเนสที่มีกำลังมากกว่าผู้อื่นใดเป็นมิตรในการรบ

คำตอบทำให้ครีซัสโสมนัสอย่างยิ่ง แต่ก็ยังส่งคนไปถามเป็นครั้งที่สามเพื่อความรอบคอบว่า (เมื่อชนะแล้ว) อำนาจของพระองค์จะยั่งยืนหรือไม่ หญิงพยากรณ์แห่งเดลฟีตอบมาเป็นโคลงว่า “เมื่อเหตุการณ์ปรากฏว่า ฬ่อตัวหนึ่งได้เป็นราชาของพวกมี้ด(เปอร์เชียน)แล้ว โดยทางแม่น้ำเฮอร์มอสอันเต็มไปด้วยกรวด พวกลีเดียนเท้าเบาเอ๋ย จงหนีไปอย่าอยู่ และอย่าอายเลยที่จะถูกเรียกว่าคนขลาด”

ครีซัสเมื่อฟังคำทำนายดังนั้นก็ดีใจขึ้นไปอีก เพราะฬ่อไม่มีวันได้เป็นราชาแห่งมี้ดเด็ดขาด พระองค์ยกทัพประชิดเปอร์เชียทันทีหลังจากได้พันธมิตรเป็นพวกสปาร์ตัน การรบระหว่างทั้งสองไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ จนเมื่อครีซัสถอยกลับออกมาเพื่อตั้งตัวใหม่ ไซรัสก็ไม่รีรอทรงยกทัพประชิดนครซาดิส ซึ่งเป็นเมืองหลวงของลีเดียนทันที จับครีซัสได้ แต่ภายหลังก็ไว้ชีวิตเพื่อให้ครีซัสเป็นที่ปรึกษาการรบของพระองค์ เพราะไซรัสทรงประสงค์จะยึดดินแดนช่องแคบเฮลเลสปอนต์ต่อไป

ครีซัสเมื่อยอมอ่อนน้อมก็ได้เป็นผุ้ปกครองแห่งลิเดียนต่อไป อย่างแรกที่เขาทำก็คือ ส่งคนไปต่อว่าเทพพยากรณ์ที่เดลฟี คำตอบที่กลับมาจากเดลฟีก็คือ ครีซัสฟังไม่ศัพท์จับไปกระเดียด ก็บอกอยู่โต้ง ๆแล้วว่าถ้ายกทัพประชิดเปอร์เชียจะมีอาณาจักรไพศาลหนึ่งที่ล่มสลายไป นั่นก็คืออาณาจักรของครีซัส ทีหลังถ้าไม่เข้าใจให้ส่งคนมาถามต่อไป ไม่ใช่เข้าใจไปเอง นอกจากนี้ฬ่อที่พูดถึงก็คือ ไซรัสนี่เอง ไซรัสนั้นเกิดจากพ่อที่มีศักดิ์ต่ำต้อยเป็นคนนอกเผ่าพันธ์ หากแต่แม่เป็นเชื้อพระวงศ์ของพวกมี้ด ก็เหมือนพันธ์ผสมระหว่างลาและม้า

อ่านแล้วขำกลิ้ง ก็เทพเล่นแทงกั๊กขนาดนี้ ยังไงก็ถูกวันยังค่ำ คืนยังรุ่ง สองอาณาจักรรบกัน ก็ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพลี่ยงพล้ำ ฟังแล้วกลุ้มใจ แต่ครีซัสคงอยากตายมากกว่า เพราะอุตส่าห์รอบคอบแล้วนา ส่งคนไปทดสอบความแม่นยำแล้วก็ยังไม่วายแทงหวยไม่ถูกอีก นอกจากนี้หญิงพยากรณ์แห่งเดลฟียังบอกอีกว่า ความพ่ายแพ้ครั้งนี้เป็นเพราะว่าเทพได้สาปเอาไว้นับตั้งแต่กิเกสแล้วว่าชั่วคนที่ห้าต้องประสบภัยพิบัติ…..



การสร้างโลกและมนุษย์ในทัศนะของกรีก

เมื่อเริ่มแรกนั้นก็เหมือนกับตำนานทั่วๆไปก็คือไม่มีโลกไม่มีฟ้ามีแต่ความยุ่งเหยิงวุ่นวาย Chaos และอยู่มาเพลาหนึ่งChaos นี้ก็ให้กำเนิดลูกขึ้นมาได้อย่างไรไม่รู้มีชื่อว่าความมืดหรือกลางคืน และ Erebus ซึ่งหมายถึงเหวลึกที่เป็นที่อยู่ของความตาย ซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้เกิดขึ้นเลย จำเนียรกาลผ่านไป Chaosก็ได้ให้กำเนิดแก่สิ่งดีงามเป็นครั้งแรกนั่นก็คือความรัก และความรักก็ได้สร้างสิ่งที่งดงามขึ้นตามมานั่นก็คือ แสงสว่างและกลางวัน

และที่ตามมาติด ๆก็คือ โลก หรือ Earth ซึ่งมาพร้อมกันกับสวรรค์ หรือในชื่อที่เคยเอ่ยถึงมาแล้วคือ Gaea กับ Ouranos (ซึ่งน่าจะเป็นEuranus งงแฮะป้าอีดิธแกเขียนอย่างนี้นะ) โลกและสวรรค์ให้กำเนิดลูกออกมากมายซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพวกอสุรกายน่าเกลียด พวกหนึ่งนั้นมีสามตน ร่างกายใหญ่โตกว่าภูเขามีมือมากมายและมีหัว 150 หัว พวกหนึ่งก็มีสามตนเช่นเดียวกันร่างกายใหญ่โตแต่มีตาเดียวที่เรียกกันว่าไซคลอปส์ และพวกสุดท้ายคือไตตันแม้จะมีร่างกายไม่ประหลาดเท่าไรแต่ว่าก็ใหญ่โตกว่ามนุษย์ธรรมดามาก Ouranos นั้นรังเกียจลูก ๆที่น่าเกลียดเหล่านี้มาก ก็จับพวกที่มีหัวเยอะไปขังไว้ในคุกที่ลึกที่สุดของโลก ส่วนอีกสองพวกที่เหลือปล่อยให้เดินไปมาในโลกได้โดยไม่ให้ความใยดี (เชอะแค่นี้ทำรังเกียจ ทีของอินตะละเดียเขามีตั้งพันหน้าสองพันมือ พ่อแม่เขายังรักเลยเนาะ)

Gaea นั้นทรงพิโรธมากที่สวรรค์ทำกับลูก ๆดังนั้น พระองค์ได้ออกไปปลุกปั่นลูก ๆให้ลุกขึ้น แต่ว่ามีไตตันเพียงตัวหนึ่งเท่านั้นที่กล้าหาญพอคือ โครโนส โครโนสไปดักรอบิดาของตนเองอยู่แล้วก็จ้วงแทง เลือดของOuranos ที่ไหลออกมาได้มีอสูรน่าเกลียดผุดขึ้นมาด้วยคือ เอรินเยส หน้าที่ของเอรินเยสคือการทำลายคนชั่วทั้งหลาย เมื่อโครโนสได้ปกครองโลก อสุรกายต่าง ๆถูกขับออกไปจากโลก เหลือไว้เพียงแต่เอรินเยส (ตอนนั้นยังไม่มีคนเลยสักน้อยไม่รู้ว่าเอรินเยสวันวันทำอะไรบ้าง สงสัยตอนนั้นจะตกงาน)

โครโนสแต่งงานกับรีอาและก็มีลูก ๆออกมาด้วยกัน 5 คน ซึ่งโครโนสก็กลืนลงท้องไปหมดเพราะว่ากลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยว่าลูกจะมาปฏิวัติตัวเอง พอถึงคนที่ 6 คือซุส รีอาก็เอาไปซ่อนที่เกาะครีตและก็เอาก้อนหินห่อผ้าไปให้โครโนสแทน โครโนสเมื่อเห็นห่อผ้าก็ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม กลืนลงท้องไปเสร็จสรรพ เมื่อซุสโตขึ้นก็ร่วมมือกับรีอาบังคับให้โครโนสคายพี่น้องของตนออก ก้อนหินก็ออกมาด้วย บนเดลฟีเมื่อก่อนราว ศต 160 ยังมีบันทึกนักเดินทางพบว่านักบวชที่นั่นรักษาหินก้อนหนึ่งประดุจชีวิต ขัดถูกมันทุกวันด้วยน้ำมันหอม เพราะเชื่อว่านี่คือตัวแทนที่ถูกกลืนลงท้องไปแทนซุส

จากนั้นซุสและพี่น้องก็รบกับโครโนส โดยการช่วยเหลือของย่าหรือ Gaea แอบปล่อยพวกอสูรยี้ห้อยร้อยห้าสิบหัวมารบกับโครโนสและพี่น้อง การรบคราวนั้นทำให้สวรรค์และโลกแทบจะบรรลัยมลายไป แต่ในที่สุดซุสและพวกก็ชนะ ซึ่งมาจากความช่วยเหลือของอสูรเหล่านั้นที่มีอาวุธอันสำคัญก็คือ สายฟ้าและแผ่นดินไหว เมื่อซุสชนะจับทุกคนโยนลงจากสวรรค์และเถลิงอำนาจนั้นเป็นต้นมา Gaea เห็นหลานชนะก็ให้กำเนิดลูกเป็นอสูรน่าเกลียดขึ้นมาอีกหมายจะเอาซุสออกจากโอลิมปัส เธอเช่นนั้นอยู่สองครั้งสองคราแต่ซุสก็ชนะเพราะยึดอาวุธสายฟ้ามาเป็นของตนเองเสียแล้ว

นอกจากนี้กำลังอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญมากของซุสก็คือ ไตตันแปรพักตร์ที่ชื่อ โปรมีติอุส หรือ Mr Forethought เขาเป็นไตตันที่ฉลาดมาก ฉลาดล้ำเสียยิ่งกว่าเทพทั้งหลายเสียอีก และเป็นผู้ที่ให้กำเนิดแก่มนุษย์ทั้งหลาย

ซุสลงโทษพวกไตตันและอสูรอย่างโหดร้าย ทั้งหมดถูกจองจำในส่วนลึกที่สุดของโลกและมีทัณฑ์ทรมานกำกับอยู่ ที่เรารู้จักกันดีคือ แอตลาสที่ถูกลงโทษให้แบกโลกและสวรรค์ไว้ตราบนานเท่านาน

เมื่อโลกปราศจากพวกอสุรกายแล้ว ก่อตั้งเป็นระบบระเบียบดีแล้ว น้ำท่าอุดมสมบูรณ์แล้ว ซุสก็สั่งให้โปรมีติอุสสร้างมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นขึ้นมา เอพิมีติอุสก็รีบเอาหน้า จัดแจงสร้างสัตว์ต่าง ๆไปก่อนเลย โดยให้พรแต่สิ่งดี ๆไปหมด ให้มีขนให้บินได้ให้มีเขี้ยวเล็บที่แข็งแกร่งให้ว่ายน้ำได้และอื่น ๆอีกมาก พอมาถึงมนุษย์ก็ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วที่เอพีมีติอุสจะให้แก่มนุษย์ได้ พ่อคนคิดทีหลังจึงปรึกษาพี่ชายว่าจะทำอย่างไรกันเล่า ในเมื่อพรทั้งหลายก็ได้ยกให้สัตว์นานาชนิดไปจนหมดแล้ว

โปรมีติอุสก็จึงสร้างมนุษย์ขึ้นจากพระฉายาของพระผู้เป็นเจ้า และไปขโมยไฟจากสวรรค์มาให้มนุษย์ใช้ อันเป็นเครื่องป้องกันตัวดีกว่าสัตว์อื่น ๆ ทั้งมวล นอกจากนี้เมื่อซุสเรียกเอาบรรณาการจากมนุษย์ โปรมีติอุสก็สอนให้มนุษย์เล่นกล โดยฆ่าวัวแล้วตัดเอาเนื้อออกแล้วห่ออย่างน่าเกลียด ส่วนกองกระดูกก็เอาไขมันมาหุ้มไว้ทำให้สวยงาม และให้ซุสเลือกว่าพระองค์ต้องการห่อไหน ซุสเห็นไขมันมีประกายขาวงามก็เลยห่อนั้น และจากนั้นมาก็เป็นพันธสัญญากันว่ามนุษย์จะได้เนื้อไปกินส่วนไขมันนั้นใช่บูชาเทพ

ซุสไปเปิดห่อเห็นกระดูกเต็มไปหมดก็แค้นจัดซ้ำสอง หลังจากที่โมโหโปรมีติอุสที่มาขโมยไฟไปแล้วหนหนึ่ง และไม่มีเสียล่ะที่พระองค์จะอยู่เฉย ๆโดยไม่ลอบกัดเอ๊ยม่ายช่าย ไม่แก้แค้น พระองค์ได้สร้างผู้หญิงขึ้นมาหนึ่งคน นับเป็นผู้หญิงคนแรกของโลก เทพต่าง ๆพากันอวยพรนานาให้แก่หญิงผู้นั้นและเป็นที่มาของชื่อ Pandora ที่แปลว่า the gift of all


แพนโดร่าเปิดกล่องมหาภัย

ซุสรอให้เทพอื่น ๆออกไปหมดแล้ว ก็ประทานหีบทองเล็ก ๆให้Pandora หนึ่งใบ และสั่งว่าในนี้มีสิ่งอันไม่ดี จงอย่าเปิดมันเลย และส่งเธอไปแต่งงานกับเอพิมีติอุส ซึ่งเรื่องก็เป็นตามที่เรา ๆท่าน ๆทราบว่าเธอก็เปิดกล่องใบนั้นและความชั่วร้ายก็ออกมาจากกล่องคละเคล้าอยู่ในโลกมนุษย์ และสิ่งสุดท้ายที่ออกมาก็คือ ความหวัง ที่ทำให้มนุษย์ยังคงดำเนินชีวิตต่อไป ส่วนโปรมีติอุส บิดาแห่งมนุษย์ก็ถูกลงโทษอย่างสาหัส ถูกนำไปไว้ที่เชิงเขาคอเคซัสและผูกไว้อย่างนั้น ให้นกอินทรีมากินเนื้อ ที่ทำเช่นนี้มิใช่เพราะความแค้นอย่างเดียวแต่ซุสต้องการจะรีดความลับจากโปรมีติอุส ผู้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ทุก ๆบ่อย ซุสจะส่งคนไปถามว่าจุดจบของตนเองคืออะไร ใครจะเกิดมาเพื่อล้มล้างตนเอง แต่โปรมีติอุสไม่เคยตอบ ไม่ยอมแม้ฑัณฑ์ทรมานจะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นก็ตาม ตำนานที่เล่าภายหลังเล่าว่า ซุสมีเงื่อนไขคือคำสาปที่มีต่อโปรมีติอุสนั้นจะหลุดไปได้ก็ต่อเมื่อมีเทพประสงค์จะพลีชีพแทนเขาเท่านั้น ต่อมามีเซนทอร์ คนครึ่งม้าตัวหนึ่งชื่อว่า ไครอน (เซนทอร์นี้มีศักดิ์เป็นเทพเหมือนกัน) ยอมสละชีพให้ และโปรมีติอุสก็เป็นอิสระ นับว่าโปรมีติอุสเป็นกบฏที่ต่อสู้เพื่อความถูกต้องเป็นคนแรกของโลกก็ว่าได้นิ


โปรมีติอุสถูกจองจำไว้ที่เชิงเขา และให้นกอินทรีมาแหวะออกกินหัวใจ


มาต่อเรื่องเทพกันอีกนะคะ ครั้งนี้ก็ยังเป็นเทพกรีกอยู่เพราะคนเขียนยังสนุกอยู่ที่นี่ วันนี้จะมาเล่าว่าในโอลิมปัสมีเทพใดอยู่บ้าง (ใครที่รอว่าเมื่อไรเทพเทียนชัย เทพ โพธิ์งามกับเทพเทือกสักทีก็ต้องอดใจสักหน่อยนะคะ)

1. แน่นอนต้องย่อมเป็นซุส Zeus เทพผู้ปกครองท้องฟ้า ผู้รวบรวมเมฆ และเทพแห่งฝน ซุสเป็นเทพผู้ทรงศักดาสูงสุดและท้าทายมิได้ อย่างไรก็ตามซุสนั้นมิได้รู้ไปทุกเรื่อง พระองค์ถูกหลอกลวงได้ทั้งจากโปไซดอนและเฮร่า ในบางครั้งเทพที่ชื่อว่าชะตากรรมยังมีอำนาจควบคุมพฤติกรรมของพระองค์ได้ด้วยเช่นกัน บุคลิกของซุสที่กล่าวถึงในตำนานต่าง ๆนั้นขัดแย้งกันคือมีทั้งอำนาจฝ่ายต่ำและฝ่ายสูงอยู่ในตัวอย่างแยกไม่ออก

ซุสนั้นมีชื่อเสียงในความเจ้าชู้ มีสัมพันธ์กับหญิงทั้งที่เป็นเทพและมนุษย์มากหน้าหลายตา ทั้งที่มีผัวแล้วและไม่มี ที่เป็นเช่นนี้ ผู้รู้บอกว่าตำนานของซุสนั้นประกอบด้วยตำนานของเทพจำนวนมากผสมผสานกัน เมื่อความนับถือในซุสแพร่ออกไปยังที่ต่าง ๆ คนในเมืองนั้น ๆก็เริ่มผสมเอาเทพสูงสุดที่นับถืออยู่ก่อนหน้าเข้ากับซุส และภรรยาของเทพองค์ก่อนก็ต้องเป็นเมียซุสไปด้วย ดังนั้นในชีวิตของซุสก็เลยเต็มไปด้วยเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆเหล่านี้ และต้องโกหกพกลมเพื่อเอาตัวรอดจากเฮร่า

ในอีกด้านหนึ่งพระองค์ถูกวางว่าเป็นเทพผู้ทรงความดีสูงสุด ทรงมีวาจาสัตย์และเรียกร้องให้มนุษย์ปฏิบัติความดีเป็นเทวพลี นอกจากนี้พระองค์ก็ไม่ชอบผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญา พระองค์จะไม่ช่วยเหลือคนที่ชอบโกหกหลอกลวง

(ยังมีต่อแต่ไม่รู้จะต่อเมื่อไร อิอิ)










 

Create Date : 23 มกราคม 2549
8 comments
Last Update : 23 มกราคม 2549 22:42:23 น.
Counter : 1541 Pageviews.

 

มารออ่านต่อครับ มาเร็วๆ นะครับ

 

โดย: ดินคุง IP: 61.91.120.148 26 มกราคม 2549 21:44:26 น.  

 

มาเยี่ยมเจ้
ขยันจริงๆ ขอชมชื่น อิๆ

 

โดย: อาร์พี IP: 61.91.116.65 27 มกราคม 2549 15:12:21 น.  

 

if you have many picture you very good.

 

โดย: p_kaew IP: 203.113.76.13 13 พฤษภาคม 2550 14:36:19 น.  

 

อ่านแล้วสนุกดีครับ

 

โดย: ยุทธ+ IP: 58.137.30.254 6 กรกฎาคม 2550 14:51:55 น.  

 

เว็บนี้ก็ดีเหมือนกันแฮะ

 

โดย: หม่อน IP: 125.26.46.73 20 มิถุนายน 2553 11:37:33 น.  

 

ทุกคนรู้จักองค์ พญาเทพหรือเปล่าท่านมี 2รูปเป็นเทพที่มีฤทธิ์เดชสูงคนส่วนมากจะไม่รู้จักใครที่เป็นอันตรายใดๆนึกถึงคำว่า องค์พญาเทพจงช่วยข้าด้วย ก็จะปลอดภัย เคราะหนักก็จะกลายเป็นเบา

 

โดย: เต้ผู้เชี่ยวชาญ IP: 202.28.68.202 6 กรกฎาคม 2553 0:00:14 น.  

 

องค์พญาเทพเป็นสองพี่น้อง ทั้งสองเป็นเหมือนบุตรแห่งพระศิวะมหาเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล องค์พญาเทพไม่มีรูปปั้นให้สักการะแต่การที่จะสักการะให้นึกในใจแล้วบอกว่าองค์พญาเทพจงช่วยข้าด้วย ก็จะปลอดภัย
และบอกต่อๆกันไปให้คนอื่นได้รับรู้ ก็จะทำให้คนอื่นและตัวเราปลอดภัยด้วย

 

โดย: เต้ผู้เชี่ยวชาญ IP: 202.28.68.202 6 กรกฎาคม 2553 0:06:48 น.  

 

ประสบการณ์ของผมคือ วันหนึ่งผมขับรถกลางดึกผมเมาครับ และรถก็ได้ข้ามเกาะกลางถนนไปอีกฝั่ง และตอนนั้นได้มีรถกระบะหนึ่งคันวิ่งสวนมาพอดี ได้ปะทะรถผมเข้าอย่างจัง รถผมพังยับไม่รู้เลยครับว่าเป็นรถผม ผมนึกถึงคำที่ว่า องค์พญาเทพจงช่วยข้าด้วย ทุกคนพาผมเข้าโรงพยาบาล ไม่มีใครคิดว่าผมรอดครับ แต่ผมได้รอดมาด้วยปาฏิหารของท่าน ไม่ได้เป็นอะไรเลยครับทั้งที่รถก็พังถึงขนาดนั้น อาจารย์ทางไสยศาสตร์ของผมบอกว่าที่ผมรอดมาได้เพราะผมสักการะต่อท่านองค์พญาเทพ ท่านมีปาฏิหารย์ทีสูงส่งใครที่สักการะท่านด้วยใจก็จะปลอดภัยจากอันตรายทุกคนครับ

 

โดย: เต้ผู้เชี่ยวชาญ IP: 202.28.68.202 6 กรกฎาคม 2553 0:19:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาหาชาดา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาหาชาดา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.