|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
๕.พระนารทพุทธเจ้า
๕.พระนารทพุทธเจ้า เมื่อพระศาสนาของพระธรรมสามีพระพุทธเจ้าได้ล่วงไปแล้ว ได้บังเกิดสุญกัปอันเป็นกัปที่ว่างเปล่าจากพระพุทธศาสนา และการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เมื่อสุญกัปล่วงไป จักบังเกิดมัณฑกัป ซึ่งจักมีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๒ พระองค์ อสุรินทราหู ผู้เป็นมหาอุปราชครองภพอสูรตอนเหนือซึ่งอยู่ใต้อุตตรกุรุทวีปจักบังเกิดเป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระนารทพุทธเจ้า และเมื่อศาสนาของพระนารทพุทธเจ้าล่วงไปแล้วพระรังสีมุนีพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้เป็นองค์ที่ ๒ ในมัณฑกัปนี้ ในกาลสมัยของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า พระอสุรินทราหูบรมโพธิสัตว์ได้บังเกิดเป็นพระราชาองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า สิริคุต ครองนิรมลนคร มีพระมหาเทวี ทรงพระนามว่า ลัมพุสสาเทวี มีพระราชโอรส และพระราชธิดา ๒ พระองค์ พระโอรส ทรงพระนามว่า นิโครธกุมาร พระธิดา ทรงพระนามว่า โคตมี วันหนึ่ง พราหมณ์ ๘ คน มาเข้าเฝ้าเพื่อทูลขอพระนครกับพระราชา พระราชาผู้เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูรได้ฟังดังนั้นจึงโสมนัสยิ่ง พระราชทานพระนครแก่พราหมณ์ทั้ง ๘ แล้ว ทรงพาพระเทวี และพระโอรสพระธิดา เสด็จออกจากพระนครไปสู่ธรรมิกบรรพต สร้างอาศรม และทรงรักษาศีล ณ ที่นั้น ในกาลนั้น มียักษ์ตนหนึ่ง มีร่างกายสูง ๑๒๐ ศอก ออกมาจากป่าเพื่อทูลขอพระโอรส และพระธิดาทั้ง ๒ พระองค์ จากพระบรมโพธิสัตว์ ครั้นได้ฟังดังนั้น พระบรมโพธิสัตว์ตรัสว่า ดูก่อนยักษ์ผู้มีหน้างาม ผู้เจริญ เราเลี้ยงพระโอรสทั้ง ๒ ไว้เพื่อให้ทาน บัดนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อขอ ๒ กุมารนี้ ดังนั้นเราจักยก พระโอรสทั้ง ๒ แก่ท่าน จึงเสด็จขึ้นจูงมือพระโอรสทั้ง ๒ แล้วทรงหลั่งทักขิโณทก กล่าวให้หมู่เทวดาเป็นพยานในทานอันประเสริฐ และตั้งความปรารถนาว่า ดูก่อนปฐพี และหมู่เทวดาทั้งหลาย ขอท่านผู้เจริญทั้งหลายมาเป็นพยานให้ข้าพเจ้าด้วยเถิด พระสัพพัญญุตญาณเท่านั้น เป็นที่รักยิ่งกว่าบุตรธิดาซึ่งเป็นที่รักน้อยกว่า ร้อยเท่า พันเท่า แสนเท่า ด้วยผลบุญแห่งการให้บุตร และธิดาอันเป็นที่รักนั้ เราไม่ต้องการจักรพรรดิสมบัติ ไม่ต้องการอินทสมบัติ ไม่ต้องการมารสมบัติ ไม่ต้องการพรหมสมบัติ ไม่ต้องการประเทศราชสมบัติ แต่ต้องการสัพพัญญุตญาณเท่านั้น ขอการให้บุตร และธิดานี้ จงเป็นปัจจัยแห่งพระสัพพัญญุตญาณเถิด เมื่อสิ้นเสียงอธิษฐาน ทันใดนั้นพื้นปฐพีได้หวั่นไหว สะท้าน สะเทือน สมุทรสาครก็กระเพื่อม ขุนเขาสิเนรุราชก็โน้มยอดสู่ธรรมิกบรรพต ฝนก็ดังกระหึ่มกึกก้อง สายฟ้าไม่ใช่ฤดูกาล ก็แลบแปลบปลาบ ในกาลนั้นยักษ์ได้พา ๒ กุมาร ไปหลังบรรณศาลา เอาฟันกัดคอ ๒ กุมาร และเคี้ยวกินทั้ง ๒ กุมาร ต่อหน้าพระพักตร์พระบรมโพธิสัตว์ ทรงทอดพระเนตรเห็นหยดเลือด แต่มิได้ทรงหวั่นพระทัยเลย กลับทรงชมเชยทานของพระองค์แก่หมู่เทวดาด้วย เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าได้กล่าวการสร้างพระบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ตามที่พระธรรมเสนาบดีทูลขอแล้ว ทรงมีพระพุทธพยากรณ์ว่า พระอสุรินราหูบรมโพธิสัตว์จักได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระพุทธนารทบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระวรกายสูง ๑๒๐ ศอก ทรงมีพระชนมายุ ๑ หมื่นปี มีต้นจันทน์เป็นต้นไม้ตรัสรู้ มีรส ๗ ประการเกิดขึ้นในสกลปฐพี มหาชนทั้งปวงบริโภครสปฐพีแล้วเลี้ยงชีพ ด้วยผลแห่งการให้กุมารเป็นทาน มหาชนทั้งหลายจักบังเกิดความสวยงามแห่งรูป ด้วยผลที่ยักษ์เคี้ยวกินกุมาร ต่อหน้าพระพักตร์ของพระบรมโพธิสัตว์ แสงสว่างแห่งพระพุทธรัศมีจักบังเกิดตลอดกาลเป็นนิตย์ทั้งกลางคืน และกลางวัน จบอุเทศที่ ๕ ด้วยพระพุทธพยากรณ์ดังนี้แล
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 12:49:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 783 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|