ให้ธรรมะนำชีวิต แล้วจะเดินไม่หลงทาง
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
ความสุขที่แท้จริง ??‏

เริ่มเรื่องว่า

เมื่อน้องเออายุได้ 14 ปี ต้องเตรียมสอบขึ้น ม.ปลาย

พ่อแม่และคุณครู ต่างแนะนำให้น้องเอ หยุดเล่นฟุตบอลในตอนเย็น

และวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อจะได้อยู่บ้านและใช้เวลา

กับการทำการบ้าน เค้าอธิบายว่าถ้า น้องเอสอบได้คะแนนดี

น้องเอก็จะมีความสุข

น้องเอ เชื่อคำแนะนำ น้องเอสอบได้ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำให้น้องเอ

มีความสุข แต่ความสำเร็จนั้นกลับทำให้น้องเอต้องเรียนหนักขึ้นไปอีก 3 ปี

เมื่อถึงการสอบเข้ามหาลัย พ่อแม่และคุณครู แนะนำไม่ให้ออกไปเที่ยว

ยามค่ำคืน และวันเสาร์อาทิตย์ และไม่ให้ไล่จีบผู้หญิง แต่ให้อยู่บ้าน

เพื่อท่องหนังสือและบอกกลับน้องเอว่า ถ้าน้องเอสอบได้คะแนนดีดี

น้องเอจะมีความสุข

อีกครั้งที่น้องเอ เชื่อคำแนะนำ และสอบได้คะแนนดี และอีกครั้งเช่นกันที่

มันไม่ได้ทำให้น้องเอมีความสุขเท่าไหร่ เพราะน้องเอพบว่า

ตัวเองต้องเรียนหนักที่สุด

อีกตลอด 4 ปีที่แสนจะยาวนาน เพื่อให้ได้ปริญญาจากมหาวิทยาลัย

คราวนี้ พ่อแม่และอาจารย์ ต่างก็แนะนำน้องเอให้อยู่ห่างจาก

ร้านเหล้า ผับ บาร์ต่างๆ

เพื่อจะได้มีเวลาเต็มที่กับการเรียน เค้าบอกกับน้องเอว่า

ปริญญาจากมหาวิทยาลัยสำคัญมาก ถ้าน้องเอได้มา

น้องเอจะมีความสุข

..... มาถึงตรงนี้ น้องเอเริ่มสงสัยแล้วว่า

น้องเอเห็นรุ่นพี่บางคนเรียนหนัก และได้ปริญญา

เดี๋ยวนี้เค้าต้องทำงานแลกอย่างหนัก

เพื่อให้เงินมากพอซื้อของที่จำเป็น เช่นรถ เค้าบอกกับน้องเอว่า

' เมื่อพี่มีรถยนต์ พี่จะมีความสุข '

แต่เมื่อพี่คนนั้นหาเงินได้มากพอที่จะซื้อรถยนต์คันแรกได้

เขาก็ยังไม่มีความสุขอยู่ดี

พี่เค้าเริ่มทำงานหนักขึ้นเพื่อซื้อของอื่นๆ ที่จะทำให้เค้ามีความสุข

หรือเค้าก็กำลังสับสนวุ่นวายกลับความรัก พยามยามตามหาคนที่ใช่

และบอกกับน้องเอว่า ' ถ้าพี่ได้แต่งงาน กับคนที่ใช่พี่จะมีความสุข '

เมื่อแต่งงานแล้ว เค้าก็ยังไม่มีความสุข เค้าต้องทำงานหนักกว่าเดิม

รับงานพิเศษมากขึ้น เพื่อเก็บเงินไว้สำหรับบ้านสักหลัง และบอกกับน้องเอว่า

' ถ้าพี่มีบ้านของตัวเองเมื่อไหร่ พี่จะมีความสุข '

และแล้ว เรื่องน่าเสียใจก็เกิดตามมา ค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้านสักหลัง

มันหนักหนามาก ทำให้พวกเค้าไม่ถึงความสุขสักที และยิ่งไปกว่านั้น

เค้ามีครอบครัว มีลูกต้องดูแล ที่จะตื่นมากลางดึก เงินเก็บที่มีมาก็หมดไป

เพิ่มความกังวลมากมายให้กับเค้า คราวนี้คงจะเป็นอีก 20 ปีที่เค้าจะทำ

อะไรได้อย่างที่เค้าต้องการ เค้าจึงบอกน้องเอว่า

' เมื่อไหร่ที่ลูกๆโตพอที่จะออกไปตั้งตัวได้ เมื่อนั้นแหละเค้าจะมีความสุข '

กว่าลูกๆ จะโต เค้าก็คงปลดเกษียณ ต้องเลื่อนเวลาของความสุข ออกไป

เขาต้องทำงานหนักเพื่ออดออมไว้ยามแก่ เค้าบอกกับน้องเอ ว่า

' เกษียณเมื่อไหร่ จะได้มีความสุขสักที '

และหลังจากนั้น เมื่อเค้าเกษียณ เค้าเริ่มเข้าวัด ฟังธรรม ทำให้น้องเอสงสัย

ว่าทำไมคนแก่ๆ ถึงชอบมาที่วัดกัน และคำตอบที่น้องเอ ได้ฟังก็คือ

' เพราะว่าตายไปแล้วจะได้มีความสุข '

ถ้าจบเรื่องราวไว้เพียงแค่นี้ คงมีคำถามในใจมากมาย ว่าเขียนทำไม

ลองใช้เวลาคิดสักนิดก่อนที่จะอ่านนิทานเรื่องต่อไป

นิทานเรื่องที่ 2

ในหมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในเม็กซิโก

ชายอเมริกันคนหนึ่งเดินทางเข้ามาพักผ่อนอยู่ที่หมู่บ้านนี้

เค้าเฝ้าดูชาวประมงคนหนึ่งขนปลาที่จับได้เช้าวันนั้น

ชายอเมริกันเป็นโปรเฟสเซอร์ที่ประสบความสำเร็จสูง

เค้าเป็นอาจารย์ที่มหาลัยชื่อดังของโลก เขาจึงอดไม่ได้

ที่จะแนะนำแก่ชาวประมงเล็กน้อย

' นี่นาย! ทำไมนายถึงเลิกจับปลาแต่เช้าอย่างงี้ละ '

' เพราะผมจับปลาได้เพียงพอแล้วซิคับ ' ชาวประมงตอบอย่างอารมณ์ดี

' พอเพียงที่จะเป็นอาหารของครอบครัวและก็เหลืออีกเล็กน้อยไว้ขายด้วย

เดี๋ยวผมก็จะไปกินข้าวกลางวันกับลูกเมียผม แล้วก็งีบสักหน่อย

ตื่นมาเล่นกับลูกๆ หลังอาหารเย็นผมก้อไปร้านเหล้าดื่มเตกีล่าสักหน่อย

เล่นกีตาร์กับเพื่อนๆ มันก็พอเพียงสำหรับผมแล้วคับ '

' นี่ สหาย ฟังผมนะ ' โปรเฟสเซอร์กล่าว

' ถ้านายอยู่ที่ทะเลจนถึงบ่ายแก่ๆ นายจะได้ปลามากขึ้นเป็นสองเท่าอย่างสบายๆ

นายขายปลาจากที่กินกับครอบครัว รวบรวมเงินสักหกเดือน หรือเก้าเดือน

นายก็จะสามารถซื้อเรื่อที่ใหญ่กว่า ดีกว่าลำนี้ได้ และจ้างลูกจ้างได้ด้วย ทีนี้

นายจะสามารถหาปลาได้มากขึ้นเป็นสี่เท่า คิดดูสิ นายจะหาเงินได้มากแค่ไหน

ใน 1- 2 ปี

ถ้านายทำตามแผนธุรกิจนี้นะ ภายใน 6-7 ปี นายจะได้เป็นเจ้าของกองเรือประมงขนาดใหญ่ น่าภูมิใจมั๊ยล่ะ ลองวาดภาพดู

หลังจากนั้นนายก็ย้ายสำนักงานใหญ่เข้าสู่เม็กซิโกซิตี้

จากนั้น 3-4 ปี นายก็เอาบริษัทเข้าตลาดหุ้น ตั้งตัวเป็น CEO รับเงินเดือน

พร้อมผลตอบแทน

แล้วอีกไม่กี่ปี ฟังให้ดีนะ ! นายก็เริ่มงานแผนซื้อหุ้นคืน

ซึ่งจะทำให้นายกลายเป็นอภิมหาเศรษฐี !

ผมรับประกัน! ผมน่ะเป็น โปรเฟสเซอร์ด้านนี้นะ ผมรู้เรื่องพวกนี้ดี

ชายประมงตั้งใจฟังทุกอย่างที่ชาวอเมริกันพูด

เมื่อโปรเฟสเซอร์พูดจบ เค้าจึงถามขึ้นว่า

' โปรเฟสเซอร์ครับ แล้วผมจะเอาเงินหลายล้านดอลล่าร์ไปทำอะไรล่ะครับ '

เป็นเรื่องน่าแปลกยิ่ง ที่โปรเฟสเซอร์ไม่เคยได้คิดแผนธุรกิจไกลขนาดนั้น

ดังนั้นเค้าจึงเริ่มคิด แล้วบอกกับชาวประมงว่า

' สหาย! เมื่อมีเงินมากมายขนาดนั้น นายก็เลิกทำงาน ใช่ๆ เลิกทำงาน

ตลอดชีวิตเลยนะ แล้วก็ซื้อวิลล่าเล็กๆ สักหลัง ในหมู่บ้านที่งามราวกับภาพวาด เช่นหมู่บ้านนี้

แล้วซื้อเรือลำเล็กๆสักลำ ไว้ออกตกปลาตอนเช้า

กลับมากินข้าวกลางวันกับลูกเมียได้ทุกวัน

แล้วก็งีบตอนบ่ายสักหน่อย ไม่มีอะไรต้องกังวล

ตื่นมาใช้เวลาอย่างมีคุณภาพกับลูกๆ ของนาย

หลังอาหารเย็นก็ออกไปเล่นกีตาร์กับเพื่อนๆที่ร้านเหล้า

ดื่มเตกีล่าสักหน่อย ใช่แล้วเพื่อนเอ๋ย

นายก็เลิกทำงานแล้วก็ใช้ชีวิตให้สบายไปเลย '

แต่โปรเฟสเซอร์ครับ..... ' หนุ่มชาวประมงพูดขึ้น

ผมกำลังทำทุกอย่างที่ว่านั่นแล้วนี่คับ '


Create Date : 20 มีนาคม 2552
Last Update : 20 มีนาคม 2552 8:50:29 น. 1 comments
Counter : 545 Pageviews.

 
ถูกต้อง

ความสุข เป็นปรัชญา เฉพาะบุคคล ความทุกข์ ก็เช่นกัน

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:14:00:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ศาลาลอยน้ำ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add ศาลาลอยน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.