|
...อาหารปลา...
อาหารปลา
........... พิพัฒน์...ชายหนุ่มฉกรรจ์รูปร่างล่ำสันสูงใหญ่ ยืนอยู่บนระเบียงชั้น
สองของบ้านไม้ เขาทอดสายตาเหม่อมองบ่อปลากว้างใหญ่ที่มีเนื้อที่กว่า ๕๐
ไร่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มกริ่ม บ่อเลี้ยงปลาดุกและปลาสวายนี้เป็นมรดกตกทอดมา
จากพ่อและแม่ และบ่อปลานี้เองที่สร้างรายได้จุนเจือครอบครัวมาตั้งแต่เล็กแต่
น้อย..บัดนี้..เมื่อพ่อ-แม่ถึงแก่กรรมลง..พิพัฒน์..จึงได้ครอบครองบ่อปลานี้อย่าง
สมบูรณ์ ในสมองของพิพัฒน์กำลังคำนวณถึงจำนวนเงินซึ่งเมื่อสามารถจับปลา
ขายได้...พอนึกถึงผลตอบแทนที่จะได้มาจากน้ำพักน้ำแรง..พิพัฒน์..ถึงกับมีสี
หน้าระรื่นขึ้นมาทุกครั้ง
......... กระทะใบบัวใบใหญ่ตั้งอยู่บนเตาที่สร้างขึ้นด้วยปูนซีเมนต์ ภายใต้
หลังคาสังกะสีผุ ๆ และผนังทั้งสี่เปิดโล่ง ภายในเตายังมีควันคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา
.....กระทะใบบัวกับเตาไฟหลังใหญ่คือที่สำหรับต้มอาหารเลี้ยงปลา ...พิพัฒน์
...เป็นคนขยันขันแข็ง เขามักจะไปเก็บเศษอาหารตามร้านอาหารหรือตามร้าน
ในตลาดสดเสมอ ๆ เพื่อนำมาต้มเลี้ยงปลาดุกและปลาสวาย วิธีนี้เขาสามารถ
ประหยัดต้นทุนค่าอาหารปลาไปได้มากทีเดียว..ในบางครั้งในขณะที่เขาขับรถ
ออกไปเก็บเศษอาหาร หากพบเจอสุนัขถูกรถชนตาย เขามักลงไปเก็บและ
เหวี่ยงขึ้นท้ายรถกระบะอย่างยินดี โดยไม่เขินอายจากสายตาของชาวบ้านที่
พบเห็น
.............. บ้านและบ่อปลาของพิพัฒน์อยู่สุดซอยนวลจันทร์ เขายังไม่มีลูก
เมียและเมื่อหลังจากสิ้นบุญบุพการีแล้ว..พิพัฒน์..จึงอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดมา
...ด้วยความที่เป็นคนเงียบขรึมและไม่ค่อยที่จะคบค้าสมาคมกับใครจึงทำให้เขา
ไม่มีเพื่อนฝูง
............... อันที่จริงจะกล่าวเช่นนั้นก็คงจะไม่ถูกนัก...เพราะช่วงในวัยเรียน
ระหว่างที่พ่อและแม่ยังมีชีวิต พิพัฒน์ได้ร่ำเรียนจนถึงมัธยม ๖...สมัยที่เขายัง
เรียนหนังสืออยู่ เขามีเพื่อนชายหญิงมากมายหลายคน และเพื่อนร่วมรุ่นเหล่า
นั้นมักชอบหยอกล้อกับเขาอย่างสนุกสนาน ด้วยเพราะพิพัฒน์เป็นคนที่มีใบหู
ใหญ่และกางมากกว่าคนปกติอย่างเห็นได้ชัด..ฉะนั้น..ใบหูของเขาจึงเป็นที่สนใจ
และหมายปองของเพื่อน ๆ ...บ้างดีด..บ้างดึง..บ้างล้อเลียน...เป็นที่ขบขันของ
กลุ่มเพื่อน ๆ เสมอมา...ในครั้งแรก ๆ ตัวเขาเองก็ตอบโต้เพื่อน ๆเหล่านั้นบางครั้ง
ถึงกับลงมือชกต่อยกันก็เคยมี...แต่ต่อมา...พิพัฒน์กลับเลิกการตอบโต้ เขา
เงียบสงบและบางครั้งถึงกับยิ้มแหย ๆ อย่างผู้แพ้และยอมรับความจริง และใน
ที่สุดการล้อเลียนก็เริ่มเป็นการเบื่อหน่ายและเลิกลากันไปเอง....แต่ไม่นานนัก
..ครูสุชาติ..ครูหนุ่มอารมณ์ดีก็เข้ามาสอนประจำที่โรงเรียนแห่งนี้และเป็นครู
ประจำชั้นของพิพัฒน์อีกด้วย
........... ครูสุชาติเป็นคนตลก ชอบอำ ชอบขำและมีเรื่องเล่าออกไปใน
ทางลามกโปกฮามาเล่าให้นักเรียนฟังเสมอ ทำให้นักเรียนชอบครูสุชาติมาก
และครูสุชาติก็ชอบเรียกใช้พิพัฒน์ทำงานสมอ ๆ แต่วิธีเรียกของครูสุชาตินั่นสิ...
“ ไอ้หูกาง...ไปลบกระดานดำให้ครูหน่อยซิ”
“ ไอ้หูช้าง...เอาขยะไปทิ้งให้ครูหน่อยซิ”
“ ไอ้ค้างคาว...หยิบนั่นให้ครูหน่อยซิ”
...... ไอ้เรือใบ...ไอ้กระพือ...ไอ้นั่นไอ้นี่ซึ่งเกี่ยวพันกับหูของพิพัฒน์ทั้งสิ้น
และเมื่อครูสุชาติเรียกชื่อทีไร เพื่อน ๆ ในห้องเป็นต้องฮาป่าแตกกันขึ้นมา
ทันที และชื่อฉายานั้น ๆ เป็นต้องถูกเพื่อน ๆ นำมาเรียกล้อเลียน แต่พิพัฒน์ก็
ยังคงเงียบขรึมหรือเพียงแค่ส่งรอยยิ้มเจื่อน ๆ เท่านั้น
........... เมื่อจบม.๖ ... แม่ของพิพัฒน์ก็เสีย ต่อมาอีกปีพ่อก็เสียตามไปอีก
คน...พิพัฒน์ที่กำลังเป็นนักศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ต้องหยุดเรียน
และออกมาดูแลกิจการบ่อปลาต่อจากพ่อเพราะเขาเป็นลูกโทนไม่มีพี่น้อง...แล้ว
วันหนึ่ง..ที่ตลาดสด..
............ ขณะที่พิพัฒน์กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ถ่ายเทเศษอาหารอยู่นั้น เสียงดัง
..ปุ..ก็ดังขึ้นที่ใบหูด้านหลังพร้อมกับความเจ็บปวดเหลือแสน...พิพัฒน์เอามือกุม
ใบหูด้วยความเจ็บปวดและหันกลับมาอย่างรวดเร็ว...ภาพที่เห็น...ครูสุชาติกำลัง
งอนิ้วทำท่าดีดและยิ้มเห็นฟันขาวอย่างอารมณ์ดี
“ ทำอะไรอยู่นายหูช้าง...จำครูได้มั๊ย”...ครูสุชาติกล่าวทักทายอย่างอารมณ์ดี
........... พิพัฒน์ส่งรอยยิ้มจ๋อย ๆ มือยังกุมอยู่ที่ใบหูพลางค้อมตัวลง
“ จำได้ครับ..สวัสดีครับ”..พูดพลางยกมือที่กุมใบหูขึ้นพนมไหว้
“ ทำอะไรอยู่..แหม!...ไม่เจอกันนาน..หู..ยังกางบ่องเหมือนเดิมเลยนะ”
“ ผมกำลังเก็บเศษอาหารไปเลี้ยงปลาครับ”...พิพัฒน์ตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ เลี้ยงปลาเหรอ...”
“ ครับ”
“ เลี้ยงเยอะมั๊ย”
“ ๕๐ กว่าไร่ครับ”
“ โอ้โฮ!...เลี้ยงเยอะนี่...เป็นเสี่ยบ่อปลาไปแล้วเหรอ...ว่าง ๆ ครูไปเที่ยวบ้างได้
ไหม”
“ ได้ซีครับ”...พิพัฒน์ตอบด้วยนัยน์ตาเป็นประกายอย่างยินดี
“ แล้วเลี้ยงอยู่ที่ไหนล่ะ”
“ เข้าซอยนวลจันทร์ครับ...ผมอยู่สุดซอยเลย...เห็นบ่อปลาเยอะ ๆ นั่นแหละบ้าน
ผม...หาง่ายครับ”
“ ว่าแต่..มีปลาอะไรแกงเลี้ยงครูบ้างล่ะ”
“ ผมเลี้ยงปลาดุกกับปลาสวายครับ...ถ้าครูไป...ผมจะต้มยำ...ฉู่ฉี่หรือย่าง...ทำ
ได้หลายอย่างครับ...ที่สำคัญ..พอตอนเย็น ๆ แดดร่มลมตก...บรรยากาศดีจริง
ๆ ครับหรือถ้าครูอยากค้างก็ได้..มีห้องนอนกว้างขวางสบายครับ”...พิพัฒน์
สาธยายอย่างเป็นกันเองและถึงกับชักชวนให้ครูสุชาตินอนค้าง
“ เออ...เข้าท่าดีแฮะ..น่าสนใจ...แล้วนี่ได้พบกับเพื่อน ๆ บ้างหรือเปล่า”
“ ไม่เจอใครเลยครับ”....พิพัฒน์ตอบ
“ เมื่อวันก่อนครูยังเจอเจ้าธง..เจ้าเท่ง...เจ้ามัด...เลย....คราวหน้าหากเจออีกครู
จะบอกให้นะ”
“ ครับ ๆ ...ว่าแต่...ครูจะไปบ้านผมวันนี้เลยหรือเปล่า...ผมจะได้ซื้อเครื่อง
แกงกลับไปเลย”
“ เอางั้นเลยเหรอ...แต่...ตอนนี้สิ้นเดือนน่ะสิ...เป็นครูเงินเดือนมันน้อย..ก็อย่าง
ว่าแหละนะ”
“ ไม่ต้องห่วงหรอกครับ...ขอให้ครูไปอย่างเดียว..ผมจัดการทุกอย่างได้ไม่มี
ปัญหา”
“ จะดีเหรอ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ..พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปสอนไม่ใช่หรือครับ”
.......... ครูสุชาติออกอาการลังเล...แกก็เปรี้ยวปากมาหลายวัน...ใจหนึ่งก็
อยากไปแต่อีกใจหนึ่งก็ให้รู้สึกละอายที่จะต้องให้อดีตลูกศิษย์มาเลี้ยง
“ ผมซื้อของไปเลยนะครับ”...พิพัฒน์พูดรวบรัด...
“ ก็ได้...ก็ได้” ครูสุชาติรับปาก
“ งั้น...ตอนเย็นครูเข้าไปที่บ้านของผมได้เลย...เดี๋ยวผมไปซื้อของก่อน
”...พิพัฒน์ออกอาการดีใจจนออกนอกหน้า
.......... แล้วพิพัฒน์ก็แยกย้ายกับครูสุชาติ...ในราวบ่ายโมงเมื่อพิพัฒน์เก็บ
เศษอาหารเสร็จก็รีบซื้อของกลับบ้านและจับปลาดุกขึ้นมาจากบ่อหลายตัว..ตระ
เตรียมทำกับข้าวไว้ต้อนรับครูสุชาติเย็นนี้
............ พิพัฒน์ใช้หม้ออลูมิเนียมใส่น้ำสะอาดแล้วตั้งบนเตาแก๊ส พอน้ำ
เดือด เขาก็เอาปลาดุกที่ทำความสะอาดแล้วหั่นเป็นแว่น ๆ ใส่ลงไปพร้อมกับ
ตะไคร้ ใบมะกรูด ข่าหั่นเป็นแว่นเล็ก ๆ หอมแดงทุบพอแตก พริกขี้หนูสวนทุบ
พอแตกและพริกแห้งคั่ว...พอน้ำเริ่มเดือดกลิ่นเครื่องปรุงทั้งหลายก็หอมฟุ้ง
กระจาย...แล้วเขาก็จัดแจงบีบน้ำมะนาวใส่ชามไว้คอยท่า ผักชีฝรั่งซอยเมื่อถึง
เวลากินก็พร้อมปรุงได้ทันที
........... เมื่อต้มยำปลาดุกเสร็จเรียบร้อยพิพัฒน์ก็จัดการเอากระทะตั้งไฟ
แล้วใสน้ำมันพืชลงไปพอประมาณ กระทะเริ่มร้อนก็จัดแจงเอาพริกขี้เมาลงไป
ผัด...พริกขี้หนูสวนกับกระเทียมตำละเอียดเมื่อโดนน้ำมันก็ส่งกลิ่นหอมฉุนไป
สามบ้านแปดบ้าน ผัดพลางจามพลางจนน้ำหูน้ำตาไหล พอพริกขี้เมาเหลือง
ใช้ได้ก็เอาเนื้อปลาดุกที่แล่และรวกน้ำพอสุกใส่ลงไป แล้วคลุกเคล้าผัดกับพริก
ขี้เมา จากนั้นก็ใส่พริกใหญ่หั่นหยาบ กระชายซอย พริกไทยอ่อนผัดคลุก
เคล้า พอสุกก็ปรุงรสด้วยน้ำปลาน้ำตาล เมื่อได้รสตามที่ต้องการแล้วก็ใส่ใบ
กระเพราลงไปเป็นอย่างสุดท้าย ผัดพอใบกระเพราะสลบก็ตักขึ้นใส่จาน ผัด
ฉ่าปลาดุกก็ส่งกลิ่นหอมกรุ่นชวนกิน...ต้มยำปลาดุกกับผัดฉ่าปลาดุกเสร็จเรียบ
ร้อยแต่ยังเหลือปลาดุกย่างอีกอย่าง....พิพัฒน์จัดแจงก่อเตาถ่าน...เมื่อเตาถ่านคุ
จนเริ่มมอดจึงเอาปลาดุกตัวอวบอ้วนที่เสียบไม้คอยท่าอยู่ขึ้นวางบนตะแกรง
...ไม่นานนักไขมันจากตัวปลาก็หยดลงสู่ถ่านไฟเสียงดัง..ฉี่..ฉี่..ส่งกลิ่นหอม
ขณะที่กำลังย่างปลา..พิพัฒน์ก็จัดการทำน้ำจิ้มโดยใช้พริกขี้หนูสวนตำกับ
กระเทียมจนละเอียด จากนั้นก็ตักใส่ถ้วยแล้วบีบมะนาวเติมน้ำปลา...แค่นี้ก็ได้
น้ำจิ้มปลาดุกย่างรสชาติเปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ เผ็ด ๆ และหอมกลิ่นกระเทียมจนน้ำลาย
สอ
.......... เมื่อเตรียมอาหารเสร็จก็ราวห้าโมงเย็นพอดี...ครูสุชาติยังไม่มา
...พิพัฒน์จึงตักน้ำใส่กระทะใบบัวจนเกือบเต็มแล้วจุดไฟเตรียมต้มอาหารเลี้ยง
ปลาดุก เขาหยิบโน่นจัดนี่อย่างคล่องแคล่วว่องไวเพราะเป็นงานในชีวิตประจำ
วัน...พักใหญ่...ครูสุชาติก็ขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่า ๆ ยิ้มเผล่มาแต่ไกล...เมื่อมาถึง
ก็จอดรถแล้วตรงเข้ากอดคอกอดไหล่แล้วก็ถือโอกาสลูบคลำใบหูเช่นเคย...ฝ่าย
พิพัฒน์ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วก็เอ่ยขึ้น
“ ผมเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้วครับ”...เชิญครูได้เลย...
“ เหรอ...แหม!...รวดเร็วจริง ๆ พอดีครูมีประชุมเลยมาช้าไปหน่อย..กะว่าจะมา
ช่วยทำเชียว”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับ..ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว...เชิญครูทางนี้ดีกว่าครับ”
“ ไปสิ...อ้าว!...แล้วนี่ทำอะไรล่ะ”...ครูสุชาติถามพลางมองไปที่กระทะใบบัว
“ อ๋อ...ผมจะต้มอาหารเลี้ยงปลาดุกครับ”
“ เศษอาหารที่ไปเก็บมาน่ะเหรอ...ต้องเอามาต้มก่อนเหรอ”
“ ต้องต้มก่อนครับ...ไม่งั้นท้องอืดตายได้”
“ เหรอ...เพิ่งรู้นะเนี่ย...แล้วลืมถามไป...มีครอบครัวหรือยังล่ะ”
“ เอ่อ...ยังครับ”
“ อยู่คนเดียวเหรอ”
“ ครับ”
“ โอ้โฮ!...เก่งแฮะ...บ่อปลาตั้งเยอะแยะแล้วทำไหวเหรอ”
“ เลี้ยงปลาไม่ยุ่งยากหรอกครับ...ตอนจะจับก็จ้างคนงาน”
“ ใช่สิ...ทุนแรงไปได้เยอะเลย...เออ...บ้านเธอนี่บรรยากาศดีจริง ๆ ลมพัดเย็น
สบาย”..ครูสุชาติพูดชม
“ ครับ...เชิญครูนั่งตรงนี้เลยครับ”...พิพัฒน์เชื้อเชิญให้ครูสุชาตินั่งตรงโต๊ะหิน
อ่อนใต้ร่มมะม่วงใหญ่ ส่วนตัวเขาเองก็รีบกุลีกุจอยกอาหาร พร้อมเหล้า –
โซดา – น้ำแข็งมาเสริ์ฟ
“ โอ้โฮ!....อาหารน่ากินจริง ๆ” ...ครูสุชาติกล่าวชมอีก
“ เชิญเลยครับ”...พิพัฒน์พูดพลางชงเหล้าส่งให้
........... แล้วสองคนอาจารย์ลูกศิษย์ก็ร่วมวงร่ำเมรัย...อาจารย์สุชาติเป็นนัก
ดื่มตัวยงเลยทีเดียว เหล้าน้ำแข็งผสมโซดานิดหน่อยสีอำพันเข้มถูกส่งเข้าปาก
แก้วแล้วแก้วเล่า....พอได้ดีกรีก็เริ่มหยอกล้อพิพัฒน์...ส่วนใหญ่ก็ไม่พ้นเรื่องหู
กางนั่นเอง
“ ไอ้หูที่กางเนี่ย...มันกางทั้งบ้านเลยหรือเปล่า”...ครูสุชาติเปิดประเด็นด้วยเสียง
อ้อแอ้เพราะฤทธิ์สุรา
.......... ฝ่านพิพัฒน์ก็มีอาการมึนเมาเช่นกัน ใบหน้าแดงฉาน แดงหมด
จรดใบหู...มองหน้าครูสุชาติแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ
“ พ่อของผมก็กางครับ”
“ ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..สงสัยเป็นกรรมพันธุ์”....ครูสุชาติส่งเสียงหัวเราะลั่นดูช่างตลกขบ
ขันเสียจริง ๆ
“ แล้วไม่ไปผ่าตัด..หรือหาหมามารักสอ...เอ๊ย..หาหมอมารักษาล่ะ”...ครูสุชาติ
ว่าไปนั่นสุ้มเสียงอ้อแอ้ลิ้นพันกันเป็นพัลวัล
“ ฮึ...ถ้ามันรักษากันได้..ผมก็ไม่มานั่งให้ครูล้อเล่นอย่างนี้หรอก”...พิพัฒน์ยัง
พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม
“ เอ...หรือจะไปหาหมอเขมร...ให้ท่านเป่าคาถาว่าให้หูมันหุบลงมั่ง”...ครูสุชาติ
ยังไปต่อ
“ ดื่มดีกว่าครับ”...พิพัฒน์พูดตัดบทพลางยกแก้วขึ้นชน...เหล้าเพียว ๆ เกือบเต็ม
แก้วก็ไหลลงลำคอไปจนหมดสิ้นพร้อมกับใบหน้าที่เหยเก
“ ห่าเอ๊ย...ลืมผสม...เอาใหม่...คราวนี้ผสมก่อน”...ครูสุชาติจัดแจงรินเหล้าใหม่
แล้วผสมโซดานิดหน่อยแล้วยกแก้วเหล้าขึ้นชนกับแก้วของพิพัฒน์อีก
พอเหล้าหมดปากก็ตักผัดฉ่าส่งเข้าปาก...แต่ยังมิวายพูดแซวถึงหูของพิพัฒน์
อีก...ในราวสี่ทุ่มกว่า..ขวดเหล้าเปล่าก็กลิ้งระเนระนาดอยู่ที่พื้นถึงสามขวดพร้อม
กับร่างของครูสุชาติที่ก้มลงไปอ๊วกแล้วก็พาลนอนอยู่ที่พื้นนั่นเอง...พิพัฒน์ส่าย
หน้าอย่างอิดหนาระอาใจ แต่สีหน้ากลับแฝงแววพึงพอใจอยู่ไม่ใช่น้อย
“ ครู..ครูครับ..ครู...ไหวมั๊ย”...พิพัฒน์ก้มลงเขย่าตัวแล้วร้องถาม...แต่เสียงที่ได้
ยินคือเสียงกรน..กรนครืดคราดอย่างสนั่นหวั่นไหว
“ เฮอะ...สิ้นฤทธิ์แล้วเรอะ...ไอ้ชาติหมา!”
ไม่น่าเชื่อว่านี่เป็นคำพูดที่ออกมาจากปากของพิพัฒน์...รอยยิ้มที่เกือบจะเป็น
แสยะกับหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นบวกกับนัยน์ตาที่แดงกล่ำแลดูเหมือนไม่ใช่พิพัฒน์คน
เดิม
“ ไอ้ชาติชั่ว...มึงลุกขึ้นมาแดกต่อสิวะ”...พูดพลางยกเท้าเตะดังพลัก
“ หูของกูมันไปหนักหัวพ่อของมึงรึไง...มึงล้อกูสร้างความอับอายให้กูมานานนม
...วันนี้มึงเจอกูมึงก็ยังไม่เลิก”....พิพัฒน์พูดพลางลากร่างที่ไร้สติของครูสุชาติ
ออกมาจากโต๊ะ
“ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...มึงช่างมาเจอกูได้พอเหมาะพอดี..ปลาของกูจวนจับขายได้อยู่
แล้วแต่กูยังไม่มีเงินซื้ออาหารมาขุนให้อ้วน”
ร่างของครูสุชาติยังนอนสงบนิ่งส่งเสียงกรนราวกับว่าได้นอนอยู่บนที่นอนอัน
อบอุ่น..แล้วทันใดนั้นเอง...ด้ามจอบก็ถูกเงื้อขึ้นจนสุดแขน แล้วฟาดลงไปบนหัว
ของครูสุชาติอย่างถนัดถนี่
“ โพล๊ะ!”
........... ร่างของครูสุชาติที่นอนหลับกรนครอก ๆ กลับชักกระตุกและสบัดดิ้น
ราวกับปลาดุกถูกทุบหัว เลือดสีแดงสด ๆ ทะลักออกมาเป็นลิ่ม ๆ แต่ไม่ได้ยิน
สุ้มเสียงร้องของครูสุชาติออกมาจากปากสักแอะ...ด้ามจอบท่อนนั้นถูกฟาดลง มาอีกครั้ง...สุ้มเสียงยังเป็นเช่นเดิม
“ โพล๊ะ!”
ครูสุชาติชักกระตุก...เกร็ง...และแน่นิ่งดวงตาเบิกโพลงอย่างน่าสยดสยอง
ในแววตาคล้ายดั่งมีคำถามคั่งค้างอยู่อีกมากมาย
“ นี่ไง..หู..ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า..แต่มันเป็นหูของมึง”...มีดปังตอคมกริบปาดลงไปบนหู
ของครูสุชาติ แล้วหยิบใบหูที่ถูกปาดขึ้นมายื่นไปที่ตรงหน้าของครูสุชาติ
“ อีกไม่นานพวกเอ็งก็ได้อิ่มอร่อยกันแล้ว”...พิพัฒน์พูดด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่
ยินดียิ่งพลางโยนใบหูลงไปในกระทะใบบัวที่น้ำกำลังเดือดพล่าน...ไม่นานนัก
เนื้อมนุษย์ก็ถูกแล่เป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วถูกต้มอยู่ในกระทะใบบัว...ราวเที่ยงคืน
...เนื้อก็เปื่อยใช้ได้....
......... เนื้อมนุษย์ถูกตักลงจากกระทะแล้วใส่ไว้ในรถเข็นพักไว้จนเย็น...ส่วน
ในกระทะก็เริ่มเคี่ยวโครงกระดูกต่อ....แล้วพิพัฒน์ก็เข็นรถเข็นที่บรรจุเนื้อมนุษย์
ไปตามคันบ่อปลาพลางใช้ชามตักเนื้อโยนลงไปในบ่อ...
............ แสงจันทร์นวลส่องต้องผืนน้ำ ระยิบระยับราวกับอัญมณีมีคุณค่า
...เหล่าปลาดุก – ปลาสวายหัวเกยก่ายรอรับอาหารที่โยนลงมา เสียงฮุบโผง
ผางจนเห็นลำตัวสีขาวนวลของปลาสวาย...เมื่อได้รับอาหารอย่างสมบูรณ์ฝูงปลา
ก็จะอ้วนพี...อีกไม่นานก็จับขายได้...พักใหญ่...งานเลี้ยงก็ยุติ...ผืนน้ำกลับสงบ
นิ่งเช่นดั่งเดิม...
........... บนเตาไฟ...กระดูกที่ต้มจนสุกก็ถูกนำเข้าเครื่องบดจนละเอียด
...แล้วนำมาผสมกับเศษอาหาร..พรุ่งนี้จึงเป็นอาหารอันโอชะของฝูงปลาอีกครั้ง
“ ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า...ไอ้ชาติชั่ว..มึงมาเป็นคนแรก...แล้วไอ้เท่ง...ไอ้ธง...ไอ้มัด...ไอ้
เตี้ย...ไอ้แจ้..ใครจะเป็นรายต่อไป..หึ..หึ...บ่อปลาของกูกำลังรอพวกมึงอยู่
....ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า...ฮ่า..!!!”
......... เสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจค่อย ๆ กลืนหายไปกับความเวิ้งว้างของ
ราตรีที่กำลังจะสิ้นสุด...แต่จินตนาการของพิพัฒน์..กำลังเริ่มขึ้น...
...................................................................
Create Date : 27 มกราคม 2553 |
Last Update : 27 มกราคม 2553 10:22:37 น. |
|
0 comments
|
Counter : 396 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
cumpreram |
|
|
|
|