เรื่องราวหลากหลายของนายหมาบ้า
Group Blog
 
 
มกราคม 2559
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 มกราคม 2559
 
All Blogs
 

Chubu Trip Day 1 (6-12-2015) – ปราสาทใม้ใหม่กับข้าวหน้าปลาไหลสุดหรู

หลังจากออกจาก Atsuta Jingu แล้วก็ไปปราสาทนาโงย่ากันต่อ  จากสถานี Jingunishi นั่งรถสาย Meijo ลงสถานี Shiyakusho ออกทางออก 7 ครับ  พอออกมาก็เจอป้ายบอกทางข้างหน้า แสดงว่าไม่หลงแล้วล่ะ  เดินตามแนวคูปราสาท ต้นไม้รอบๆ ใบก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงแล้ว สวยแบบแปลกตาครับ เลยแวะถ่ายรูปอยู่แถวนี้พักนึงเลย มีคุณพี่ชาวญี่ปุ่นคนนึงขอให้ถ่ายรูปให้ด้วย ไม่ค่อยกล้าถ่ายให้คนอื่นเท่าไหร่แฮะ กลัวออกมาไม่ดี  แต่สุดท้ายก็จัดไปตามที่คุณพี่ท่านนั้นขอ

เจอป้ายแบบนี้ไม่หลงแล้ว

เจอป้ายแบบนี้ไม่หลงแล้ว



ใบไม้เริ่มแดงแล้ว

ใบไม้เริ่มแดงแล้ว

สังเกตดู คูปราสาทกว้างเอาเรื่องเหมือนกันแฮะ ถ้าในสงครามจริงๆ กว่าจะฝ่าเข้าไปถึงตัวปราสาทคงไม่ง่ายแน่ๆ ทหารน่าจะมีละลายไปหลายกองอยู่  แต่ตอนนี้คูปราสาทแห้งสนิท แถมมีต้นไม้ขึ้นเขียวไปหมด คงไม่มีน้ำมานานมากแล้วมั้ง

คูปราสาท

คูปราสาท

เข้ามาด้านในหลังกำแพง กว้างเอาเรื่องเลย ด้านในจะมีทั้งสวน ซากปราสาทเก่า รูปปั้น เทือกนี้ วันนี้วันอาทิตย์ คนเยอะพอสมควรนะ บางคนก็มานั่งพักผ่อนด้านในเฉยๆ บางคนก็พาลูกพาหลานมาเที่ยว  ก็นะ อากาศแบบนี้มันน่าเดินเล่นนี่นา

เห็นตัวปราสาทอยู่ลิบๆด้านหน้า

เห็นตัวปราสาทอยู่ลิบๆด้านหน้า

รูปปั้น Kato Kiyomasa

รูปปั้น Kato Kiyomasa




























ถัดมา เดินเข้าไปชมในส่วนของ Hommaru Palace  พระราชวังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1615 แต่ถูกไฟไหม้ซะพังหมดตอนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง  ทางการญี่ปุ่นได้เริ่มบูรณะขึ้นมาใหม่ในปี 2009 ในส่วนของ Main Hall เปิดให้คนทั่วไปชมเมื่อปี 2013 นี้เองครับ

พอถอดรองเท้าแล้วเดินเข้ามาข้างใน ผมกับแฟนก็มองหน้ากัน แล้วน่าจะคิดเหมือนกันว่า ใหม่! ใหม่เหลือเกิน ใหม่จนไม่เหลือความขลัง  ทั้งทางเดิน ทั้งไม้ ทั้งห้องหับต่างๆยังใหม่แบบเอี่ยมๆอยู่เลย  สีเนื้อไม้ยังอ่อนอยู่ สีของประตูหรือพนังห้องต่างๆก็ยังสดอยู่เลย  ให้ความรู้สึกเหมือนมาเดินดูบ้านญี่ปุ่นมากกว่าจะเป็นปราสาทเก่าครับ

ข้างใน Hommaru Palace ใหม่มาก ใหม่จริงๆ

ข้างใน Hommaru Palace ใหม่มาก ใหม่จริงๆ

ลวดลายต่างๆ สีสันยังสดใส

ลวดลายต่างๆ สีสันยังสดใส

เดินจนครบก็ออกมาข้างนอก ได้เวลาเข้าไปดูในตัวปราสาทสักที  จาก Hommaru Palace เดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึงตัวปราสาท ความรู้สึกแรกที่เห็นคือ ใหม่มาก ใหม่อีกแล้ว ถึงจะไม่ดูใหม่เท่า Hommaru Palace แต่ก็ใหม่เกินกว่าจะเป็นปราสาทอายุ 400 ปีนะ ถึงจะถูกสร้างขึ้นใหม่ตอนปี 1957 ก็เถอะ

ปราสาทใหม่จัง

ปราสาทใหม่จัง

พอหายอึ้งก็เดินเข้าไปข้างใน  ด้านในปราสาทถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงประวัติความเป็นมา แบบจำลอง เครื่องมือเครื่องใช้ และเศษซากที่เหลือของปราสาทเก่า  ซึ่งจุดนี้ผมแปลกใจนะ ส่วนตัวจากที่พบมา ยกตัวอย่างรัสเซียแล้วกัน  ปราสาทที่ถูกทำลายแล้วสร้างขึ้นมาใหม่ ทางรัสเซียจะสร้างแบบให้เหมือนของเก่ามากที่สุดรวมไปถึงด้านในที่สร้างห้องหับต่างๆตามแบบเดิม  ตอนเข้าไปชมก็จะมีป้ายบอกเลยว่า ห้องนี้ห้องของ King นะ ห้องนี้ห้องของ Prince นะ ห้องนี้ใช้ว่าความบ้านเมือง ต่างๆกันไป  ซึ่งผมเองก็ชอบแบบที่สร้างให้เหมือนของเดิมมากกว่านะ จะได้จินตนาการได้ว่าเมื่อหลายร้อยปีก่อน ที่ตรงนี้เคยมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร  แต่ไหนๆก็กลายเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว ก็ต้องชมให้ครบล่ะครับ

ด้านในปราสาทคนเยอะเหมือนกันแฮะ

ด้านในปราสาทคนเยอะเหมือนกันแฮะ

แผนผังปราสาทและรอบๆ

แผนผังปราสาทและรอบๆ

เศษซากเก่าๆ

เศษซากเก่าๆ

ด้านบนของปราสาทจะมีรูปวาดพร้อมประวัติสามผู้ยิ่งใหญ่ในสมัย Sengoku ถ้าใครอ่านการ์ตูน หรือศึกษาประวัติศาสตร์มาบ้างคงร้องอ๋อเลย ใช่แล้วครับ Tokugawa Ieyasu, Toyotomi Hideyoshi และ Oda Nobunaga นั่นเอง

ถ้า Mitsuhide ก่อกบฎต่อ Nobunaga ไม่สำเร็จ เชื่อว่าประวัตืศาสตร์ญี่ปุ่นต้องถูกเขียนใหม่อย่างแน่นอน

ถ้า Mitsuhide ก่อกบฎต่อ Nobunaga ไม่สำเร็จ เชื่อว่าประวัตืศาสตร์ญี่ปุ่นต้องถูกเขียนใหม่อย่างแน่นอน

เดินขึ้นไปถึงยอด ชมวิวเมือง Nagoya จากมุมสูงจนเต็มอิ่มแล้ว ผมเลยบอกกับแฟนว่ากลับที่พักไปพักผ่อนกันดีกว่า  แฟนผมเห็นด้วย รวมถึงเรื่องมื้อเย็นที่ตกลงกันว่าจะไปลองข้าวหน้าปลาไหลเทพดูสักที ไหนๆก็มาถึงถิ่นแล้วนี่  ตอนเดินออกมานอกปราสาท เห็นมีคนแต่งชุดซามูไรโบราณมาทำกิจกรรมอะไรกันไม่รู้แฮะ แปลกดี

กลับถึงที่พักก็นอนแผ่หราอยู่พักใหญ่ๆเลยครับ ลานหมดสนิท กว่าจะเรียกแรงให้ลุกออกมาได้ก็ใช้เวลาพอสมควรเลย  แต่เมื่อถึงเวลามื้อเย็นแล้ว ก็ต้องจัดใช่มั้ย  ร้านที่จะไปกินชื่อ Unagi Horaiken อยู่ชั้นบนของห้าง Matsuzakaya พอไปถึงหน้าร้าน ตกใจเล็กน้อยครับเพราะคิวยาวเอาการ ตอนแรกคิดอยู่ว่าจะถอดใจดีไหม แต่คุณแฟนเธอแน่วแน่มาก เลยสู้ต่อครับ  รอคิวประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถูกเรียกให้เข้าร้าน

ผมเองก็สั่งไม่เป็นหรอก แต่แฟนผมทำการบ้านมาว่าให้สั่งเป็น Unagi Mabushi เลยสั่งมาสองที่ ว่าแต่ไอ้เจ้า Mabushi นี่มันคืออะไรกันหว่า ระหว่างรออาหาร แฟนผมเลยสอนว่า ข้าวหน้าปลาไหลจะมาเป็นโถใหญ่ๆ ให้แบ่งเป็นสี่ส่วน  ส่วนแรกให้กินแบบไม่ปรุงก่อน เพื่อจะชิมรสชาติที่เป็นของแท้  ส่วนที่สองให้กินกับวาซาบิ ต้นหอม คลุกให้เข้ากัน  ส่วนที่สามให้ราดน้ำชาลงไป เป็น Ochazuke  ส่วนสุดท้าย ถ้าเราชอบแบบไหนในสามส่วนแรก ให้กินซ้ำส่วนนั้นแหละ  โอเค เข้าใจแล้ว เดี๋ยวข้าวมาเสิร์ฟแล้วจัดเลย

ซัก 10-15 นาทีอาหารที่สั่งก็มาครับ ผมก็ทำตามสูตรเลย แบ่งส่วนแรกกินเปล่าๆ อืมม อร่อยดีแฮะ หวานนิดๆ ขมหน่อยๆ เนื้อปลานี่เต็มเม็ดเต็มหน่วยดี  ด้วยความหิวบวกอร่อย แป๊บเดียวส่วนแรกก็หมดครับ เลยจัดส่วนที่สองต่อ เอาวาซาบิมาใส่ โรยต้นหอม แล้วคลุกกับข้าว  ตอนแรกคิดว่าจะอร่อยเหรอ แต่พอกินจริงๆแล้ว มันเข้ากันได้ดีกว่าที่คิดครับ รสเผ็ดซ่าของวาซาบิ มันไปด้วยกันได้กับรสปลาไหลย่างจริงๆ  และแล้วส่วนที่สองก็หมดไปอย่างเร็ว  พอมาถึงส่วนที่สาม ราดน้ำชาลงไป คราวนี้ผมเฉยๆแฮะ ชาทำให้รสชาติจางลง เหมือนกินข้าวต้มรสอ่อนๆประมาณนั้นเลย แต่คงมีหลายคนชอบอยู่มั้ง  พอเหลือส่วนสุดท้าย ตั้งใจจะกินกับวาซาบิอีกรอบ แต่ดันกวาดไปตอนรอบสองเกือบหมดเลย เลยต้องจับเศษวาซาบิ ต้นหอม น้ำชา เทรวมกันแทนครับ   อิ่มอร่อยจริงๆมื้อนี้ หมดไปสองคน 7200 เยน เป็นมื้อที่กินแพงที่สุดตั้งแต่เที่ยวญี่ปุ่นมาเลย แต่ก็ถือว่าคุ้มนะ

นี่ส่วนนึงของคิวนะ ของจริงยาวกว่านี้อีก

นี่ส่วนนึงของคิวนะ ของจริงยาวกว่านี้อีก

Unagi Mabushi ครั้งนึงต้องลอง

Unagi Mabushi ครั้งนึงต้องลอง

พอท้องอิ่มก็ได้เวลาพักผ่อน คืนนี้จัด Kirin กับ Asahi อย่างละกระป๋อง พอกึ่มๆให้หลับสบาย ชอบจัง ที่นี่มีแบบกระป๋องใหญ่ จุใจดี แหะๆ

สีทองทั้งคู่

สีทองทั้งคู่





 

Create Date : 22 มกราคม 2559
0 comments
Last Update : 22 มกราคม 2559 18:04:28 น.
Counter : 622 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


พันธุ์หมาบ้า
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




โปรแกรมเมอร์หนุ่มจนๆคนนึง T.T
New Comments
Friends' blogs
[Add พันธุ์หมาบ้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.