Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
20 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
จอมใจเจ้าป่า ตอน 3 part 2

“ของเกรดเอ” ชายในชุดพรางกระซิบบอกชายร่างเล็กที่ตาวาวขึ้นอย่างพึงใจ เบื้องหน้าคือกระเป๋าสะพายหลังที่ด้านในบรรจุ “สินค้า” เอาไว้จนเต็ม ฝ่ายหนึ่งกำลังตรวจรับกันอยู่ครั้นพอได้ยินคำรับประกันก็ทำเอาใจพองโตขึ้นด้วยความละโมบ ของที่ได้มารอบนี้ถ้าหลุดออกไปได้มันจะมีมูลค่าหลายสิบล้านบาทแน่นอนว่าจะมีกินมีใช้กันไม่ขาดมือ เขาพยักหน้าให้ลูกน้องในกลุ่มเป็นสัญญาณบอกให้นำสิ่งของที่แบกมาส่งมอบเป็นการแลกเปลี่ยน

 

“อาวุธชั้นดี อานุภาพการทำลายล้างสูงความเร็วก็เหนือกว่ารุ่นที่พวกแกใช้อยู่” เขาเอ่ยเป็นภาษาไทยเพื่อให้คนแปลเป็นภาษาของคู่ค้าอีกที หลังได้ฟังอีกฝ่ายพยักหน้ารับมือจับปืนกระบอกยาวขยับยกเล็งศูนย์และตรวจสอบชิ้นส่วนต่างๆด้วยท่าทีพึงใจ การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วนั้นแสดงให้เห็นว่าชำนาญการใช้อาวุธปืนเป็นอย่างยิ่ง เขาตรวจสอบจนพอใจจึงสั่งให้ลูกน้องรับและตรวจสอบของที่เหลือ ใช้เวลาเพียงไม่นานการแลกเปลี่ยนก็เสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายดูจะพอใจกับการเจรจาและเริ่มแยกย้ายกันไป

 

“โอกาสหน้าหวังว่าจะได้ทำการค้าร่วมกันอีก บอกท่านด้วยว่าทางเรายินดีรับใช้” ชายร่างเล็กยิ้มพรายฝากคำไปกับลูกค้าคนสำคัญ ดูเหมือนอาการหงุดหงิดที่เคยมีมาก่อนหน้านี้จะหายไปเสียสิ้น ดวงตาเล็กยิบหยีที่สอดส่ายดูล่อกแล่กบัดนี้มีประกายแพรวพราว

 

“รวยละโว้ย” เขาหันมาพูดกับกลุ่มชายฉกรรจ์ มือล้วงเอาถุงบรรจุสินค้าขนาดย่อมถุงหนึ่งยัดใส่กระเป๋ากางเกงของตนเอง

 

“นาย” ลูกน้องคนหนึ่งเผลอตัวร้องเรียกไว้ มีผลทำให้ถูกมองอย่างขุ่นเคือง

 

“ทำไม มึงจะทำไม”

 

“นายใหญ่รู้เข้าพวกผมจะซวยเอา”

 

“แค่นิดๆหน่อยแกไม่รู้หรอก ยกเว้นพวกมึงจะปากสว่าง” เขาชี้หน้ากราดทั้งกลุ่มตวาดเอาเสียงดังลั่น “เวลาตรวจรับของก็ต้องกูเป็นคนตรวจอยู่แล้ว กูรายงานไปว่าครบพวกมึงจะกลัวอะไรกัน”

 

“แต่ว่าเวลาปล่อยของ…”

 

“เรื่องนี้กูรับผิดชอบเองพวกมึงไม่ต้องเสือก แล้วอย่าทะลึ่งพูดมากด้วยกูเอามึงตายแน่” เขาฮึดฮัดสั่งการให้เก็บสินค้าพร้อมเดินทางกลับ รู้ดีว่าพวกมันไม่พอใจอีกทั้งเกรงอารมณ์ของนายใหญ่ แต่เขาไม่สน

 

ภารกิจในวันนี้สำเร็จลุล่วงแล้วอย่างงดงาม มีผลงานไปรายงานได้ความดีความชอบ เรื่องเงินที่พวกมันจะได้นั้นไม่มีปัญหา แต่นายใหญ่เขี้ยวนักไม่เคยมีสินน้ำใจสำหรับลูกน้องที่จงรักภักดีเช่นเขาเลย แต่เขาก็มีทางซิกแซกเล็กๆน้อยๆพอให้มีรายได้ก้อนงาม ด้วยของที่ยักยอกมาแค่นี้ก็พออยู่ไปได้หลายเดือน ใครจะยอมเหน็ดเหนื่อยบุกป่าฝ่าดงเสี่ยงอันตรายมาถึงนี่โดยไม่มีส่วนได้แม้สักนิดกันเล่ามันหมดยุคไปแล้วกับความจงรักภักดีแบบนั้น

 

พวกลูกน้องเก็บสินค้าใส่กระเป๋าสะพายหลัง คนที่เหลือกลบทิ้งร่องรอยทั้งก้นบุหรี่กระดาษห่อหมากฝรั่งหรือแม้กระทั่งรอยเท้า ดูเรื่องมากจนเขารำคาญ

 

“พวกมึงจะปอดแหกไปถึงไหน พิรี้พิไรกลบรอยอยู่ได้ ใครมันจะมาสืบหาวะในป่าลึกขนาดนี้”

 

“นายไม่รู้อะไร” ลูกน้องคนหนึ่งมองซ้ายมองขวากลืนน้ำลายเหนียวลงคอ “นายสิงห์น่ะชำนาญเรื่องแกะรอยในป่ามากนะนาย ขืนทิ้งรอยไว้แบบนี้ผมกลัวว่าเรายังไปไม่ทันถึงค่ายจะโดนซิวเอาเสียก่อน”

 

“ไอ้ขี้ปอด กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง ไอ้สิงห์อะไรนั่นมันจะรู้ได้ยังไงเรื่องนี้ความลับนะโว้ย อีกอย่างมันก็คนเหมือนกันกะพวกเรา กูไม่เชื่อหรอกว่ามันจะเก่งกล้าอะไรขนาดนั้น พวกมึงอย่ามัวเสียเวลาเตรียมตัวกลับได้แล้ว กลับทางเขตรอยต่อก็แล้วกัน ข้ามน้ำกลับไปจะได้ถึงเร็วขึ้น”

 

“แต่ว่าจะต้องผ่านเข้าเขตของเทพวัฒน์”

 

“ช่างแม่งเถอะน่า ป่านนี้แล้วไม่มีใครมาตรวจหรอก พวกมึงอย่ามาเรื่องมาก”

 

ขากลับคนทั้งกลุ่มเดินทางได้เร็วขึ้น เพราะสินค้าที่แบกมาถูกแลกเปลี่ยนเป็นของที่มีน้ำหนักเบากว่า อีกทั้งยังมีความกังวลต่อบรรยากาศอันไม่น่าไว้วางใจจึงยิ่งต้องเร่งฝีเท้า แต่ในขณะที่คนอื่นๆเร่งฝีเท้าชายร่างเล็กกลับเดินช้าลง เขาดูจะปลอดโปร่งใจมากขึ้นกว่าขามาเพราะมีเงินอุ่นๆรออยู่ในกระเป๋าความชะล่าใจทำให้ไม่ระวังดังนั้นเพียงครู่เดียวเขาก็กลับเป็นฝ่ายรั้งท้ายกลุ่ม

 

ชายร่างเล็กยังฝันหวานปรารถนาจะกลับไปยังที่พักโดยเร็วเก็บซ่อนสินค้าที่ยักยอกไว้ให้มิดชิด หาทางปล่อยมันออกสู่ตลาดโดยแปลงตัวเลขในบัญชีของนายใหญ่เสียเล็กน้อย เท่านี้ก็มีเงินจับจ่ายซื้อความสะดวกสบายเขายังคงยิ้มค้างแม้เมื่อเงาดำร่างหนึ่งปราดเข้าชิด เพียงเสี้ยววินาทีแขนทั้งสองก็ถูกจับบิดไพล่หลังร่างกายถูกพันธนาการแน่นหนา เขาขยับดิ้นรนตามสัญชาตญาณแต่โลหะเย็นเยียบถูกกดจนแนบอยู่กับลำคอที่ตำแหน่งของเส้นเลือดใหญ่ คมวาววับของมันสะท้อนแสงจันทร์เกิดเป็นประกาย เขาขนลุกชันตลอดร่างรับรู้ว่าอาจถึงกับสิ้นชีวิตหากยังขืนขยับตัวทั้งร่างจึงแข็งค้าง

 

“เฮ้ย” เสียงแหบพร่าลอดลำคอได้เพียงเท่านั้นลูกน้องที่เดินนำหน้าเพิ่งจับสังเกตความผิดปกติ เมื่อมันหันมาเห็นเข้าก็เบิกตาโพลงราวกับเห็นผี นั่นทำให้ชายร่างเล็กยิ่งขวัญเสียเข้าไปอีกหรือจะเป็นพวกที่เพิ่งแลกสินค้ากันเมื่อครู่นี้มันตลบหลัง

 

“นะ...นาย…” ไอ้เจ้านั่นบอกเสียงตะกุกตะกักทั้งขบวนชะงักกึกหันขวับมาในทันทีพร้อมกับขยับอาวุธเตรียมพร้อม หัวหน้ากลุ่มแหวกทางจากคนอื่นๆหันมาเผชิญหน้า แม้สีหน้าจะเรียบเฉยแต่กลับมีแววตาตื่นตกใจอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

 

“พวกมึงหยุดอยู่ทำไมช่วยกูสิ ช่วยกู” เขาแหกปากร้องลั่นเมื่อเห็นว่าตนเองมีพวกมากกว่าแต่ทุกคนกลับพร้อมใจกันนิ่งเฉย และทันทีที่เปิดปากร้องคมวาววับที่จ่อคอหอยก็ตวัดฉับรวดเร็ว เขารู้สึกเย็นวาบที่ข้างแก้มตามด้วยอาการแสบที่ผิวหน้าของเหลวบางอย่างไหลซึมจนหยดย้อยไปตามลำคอ ชายร่างเล็กขยับจะร้องด่าซ้ำ

 

“นาย อยู่นิ่งๆก่อน” หัวหน้ากลุ่มยกมือห้ามและเริ่มต่อรอง “พวกผมแค่ผ่านมากำลังจะไปกันแล้ว ปล่อยเขาเถอะ”

 

“มึงนึกว่ากูโง่” เสียงห้าวดังมาจากเงาดำทะมึนเบื้องหลัง ชายร่างเล็กค่อยนิ่งคิดไม่ใช่พวกทหารชนกลุ่มน้อยเพราะพูดภาษาไทยกลางชัดเจน ไหนจะพวกที่จ้างมาก็ดูกลัวมันเหลือเกิน...ไอ้นี่มันเป็นใคร

 

“เอาออกมาให้หมด” เสียงจากชายลึกลับตวาดซ้ำ

 

“ค่อยพูดค่อยจากันก็ได้” เหยื่อที่ถูกพันธนาการเริ่มได้สติ “ถ้าอยากได้ส่วนแบ่งก็จะแบ่งให้ ใจเย็นๆก่อนได้กันทุกฝ่าย”

 

คนเบื้องหลังทำเสียงในลำคอเย้ยหยัน “จะให้เท่าไร”

 

ชายร่างเล็กเริ่มใจชื้นที่แท้มันก็อยากได้ส่วนแบ่ง แบบนี้เล่นไม่ยาก “อยากได้เท่าไรก็จะให้ ปล่อยก่อนสิจะได้ตกลงกัน” แทนที่จะได้ตามต้องการแขนแข็งแรงกลับกระชับแรงเค้นมากยิ่งขึ้น

 

“เอาของทั้งหมดออกมา” โลหะวาววับกดผิวเนื้ออีกครั้งดูท่าไม่ใช่แค่ขู่ ชายร่างเล็กถึงกับตาเหลือกเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายทั้งที่ตัวเย็นเฉียบหรือมันจะอยากได้ทั้งหมด

 

“เอาออกมา เอาให้เขาดู”

 

พวกลูกน้องรีบทำตาม แทบทั้งหมดมีท่าทีกลัวจนลน คงมีแต่หัวหน้ากลุ่มเท่านั้นที่ยังสงบอารมณ์ยืนคุมเชิงนิ่งอยู่ กระเป๋าเดินป่าแบบสะพายหลังขนาดใหญ่ห้าใบถูกเปิดออกมองเห็นด้านในซึ่งอัดแน่นด้วยถุงสีน้ำตาลเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ

 

“แกะออก” เสียงห้าวดูจะมีแววสนุก เมื่อพวกลูกน้องเริ่มทำตามคำสั่งคว้าเอาสินค้ามาห่อหนึ่งใช้มีดพกกรีดกลางให้ผงสีขาวภายในทะลักออกมา

 

“...ทั้งหมด” คนฟังทำหน้าเหรอหราไม่เข้าใจความหมาย จึงถูกสั่งซ้ำ

 

“กูบอกให้แกะออกให้หมด” คำสั่งนั้นดูจะทำตามได้ยาก เพราะนั่นเท่ากับทิ้งสินค้าทั้งหมด คนทั้งกลุ่มจึงนิ่งลังเล คมมีดตวัดอีกฉับคาดทับรอยเดิมเท่ากับสร้างรอยรูปกากบาทบนแก้มของชายร่างเล็ก เขากรีดร้องโหยหวนดิ้นพราดแต่แขนแข็งแรงรัดร่างไว้แน่น มีดคมในมือยังกดกรีดแถวคอหอยจนเลือดซึม

 

“พวกมึงทำตามที่มันสั่งเร็วเข้า จะปล่อยให้กูตายหรือไง เร็ว”

 

ชายทั้งกลุ่มจำต้องทำตามคำสั่ง สินค้าในกระเป๋าถูกนำออกมากรีดเททิ้งลงลำน้ำเบื้องหลังถุงแล้วถุงแล้วถุงเล่า ท้ายที่สุดแม้แต่ส่วนที่ยักยอกไว้ก็ยังถูกสั่งให้ทำลาย หลังได้ตามที่ต้องการชายร่างเล็กก็ถูกผลักไสไม่ไยดี เขาโกรธจนแทบกระอักเลือด

 

“มึงต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม มึงรู้ไหมว่านายกูเป็นใคร” ชายร่างเล็กชี้หน้า

 

“ไม่จำเป็นต้องรู้ พวกมึงต่างหากที่ต้องรู้ไว้” ร่างในเงามืดก้าวออกสู่แสงจันทร์สว่างนวล เสี้ยวหน้าคมเข้มและประกายตาเย็นเยียบทำให้คนถูกมองถึงกับเผลอถอยหลังกรูดโดยไม่รู้ตัว ในยามค่ำคืนเรือนกายสูงใหญ่ที่จู่ๆก็ปรากฏตัวตรงหน้าราวกับมีรัศมีอำมหิตบางอย่างฉาบฉายอยู่รอบตัว รัศมีที่ทำให้คนพบเห็นต้องขนหัวลุกจนเย็นวาบตลอดร่าง

 

เขาเช็ดมีดสั้นที่เปรอะหยดเลือดกับกางเกงเนื้อหนาก่อนจะจับกระชับมือและใช้มันชี้หน้าผู้บุกรุก “นี่เขตของกู หน้าไหนมันกล้าใช้ที่ของกูทำการค้าสกปรกเท่ากับหยามน้ำหน้ากัน กูไม่เอาไว้แน่”

 

“พวกมึงยืนเฉยทำไม มันมาคนเดียวจัดการมันสิ” ชายร่างเล็กร้องสั่ง

 

ลูกน้องทั้งกลุ่มมองตากันรีรออยู่จนต้องให้สั่งซ้ำ สุดท้ายหนึ่งในนั้นรวบรวมความกล้าโผนเข้าใส่ ผลคือถูกซัดหมอบในชั่วพริบตา พวกที่เหลือตัดสินใจตามเข้าไปซ้ำแต่สุดท้ายก็มีสภาพเดียวกัน ในความมืดสลัวร่างสูงใหญ่กลับเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วแทบจะไม่ได้ใช้อาวุธคู่กายเสียด้วยซ้ำ ความชำนาญการต่อสู้ระยะประชิดในระดับสูงสามารถคว่ำกลุ่มคนที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีด้วยมือเปล่าจนลงไปร้องโอดโอยอยู่กับพื้นภายในเวลาไม่กี่อึดใจ

 

“มึงเป็นใครกันแน่” ชายร่างเล็กเริ่มขวัญผวาหลังจากที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทียังลำพองใจในกำลังคนที่มีมากกว่า “เป็นเจ้าของที่ อย่างนั้นหรือ หรือว่า...” เขาหน้าซีดถอยกรูดจนหลังชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่

 

“กลับไปบอกนายมึงด้วย อย่าแม้แต่จะคิดใช้พื้นที่ของกูทำเรื่องชั่ว อย่าแตะต้องคนของกูอีกไม่งั้นกูจะเด็ดหัวพวกมึงให้เหี้ยน”

 

“นะ...นาย...สิงห์” ชายร่างเล็กระล่ำระลัก ขนลุกขนชันตลอดร่าง คนในคำบอกเล่าของลูกน้องน่ากลัวยิ่งกว่าที่เคยได้ยินมา ร่างสูงใหญ่และมีดเล่มเขื่องในมือคมวาววับในเงาสลัวราวกับมัจจุราชจากขุมนรก เขายกมือไหว้ร้องขอชีวิต

 

“ผมขอโทษ ผมไม่รู้ผม ทำตามคำสั่ง”

 

“นายมึงเป็นใคร”

 

“ผะ ผม บอกไม่ได้”

 

รอยยิ้มเหยียดผุดที่มุมปากชั่วขณะก่อนที่คมมีดวาววับจดจ่อคอหอย ชายร่างเล็กแขนขาอ่อนปวกเปียกร้องบอกเสียงอ่อนระโหย “หยะ อย่า อย่าฆ่าผม” ในเวลาแห่งความเป็นความตายขณะที่จ้องตากับผู้บุกรุก หางตาของเขาเหลือบเห็นลูกน้องคนสนิทย่องเงียบจากเบื้องหลังก็ใจชื้นขึ้น อย่างน้อยก็พอมีทางรอด แต่เพียงชั่วขณะที่ปรายตามองดูเหมือนมัจจุราชจะพลอยรู้ตัวไปด้วย คมมีดที่จ้วงแทงจากเบื้องหลังจึงเฉี่ยวไปไม่จมมิดอย่างที่ตั้งใจ

 

ชายร่างเล็กฉวยโอกาสทองผลักร่างทะมึนที่ค้ำอยู่ออกสุดแรงเกิด ร่างนั้นเพียงเซไปเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นคมมีดที่จ่ออยู่ก็ตวัดกรีดแขนเป็นทางยาวพร้อมๆกับที่ลูกน้องฝากแผลไว้บนร่างผู้บุกรุก

 

“พวกมึงช่วยกูด้วย จัดการมัน เอาให้ตาย” เขาร้องก้องโหยหวนมือกุมบาดแผลที่เลือดไหลโกรก ลูกน้องที่เหลือพอมีแรงอยู่บ้างโผเข้าหาพญามัจจุราชที่บัดนี้พลาดพลั้ง

 

วีรสิงห์อ่อนแรงลงมากเลือดจากบาดแผลไหลออกมาจนเสื้อตัวหนาชุ่มโชกแต่ก็ยังพอพยุงตัวไหว เขาจัดการกับลิ่วล้อหมาลอบกันได้เพียงสอง ไอ้ตัวร้ายที่เป็นหัวหน้าลอบแทงข้างหลังมันยืนมองอยู่ห่างๆหาโอกาสเข้าซ้ำ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดการเคลื่อนไหวช้าลงแถมตาก็เริ่มพร่า

 

“แผลนี้กูจะมาเอาคืน” เขาบอกกับไอ้ตัวหัวหน้าจากนั้นชี้มือไปยังชายร่างเล็ก

 

“มึงเตรียมตัวไว้ กูเด็ดหัวมึงแน่” ร่างทะมึนตวาดก้อง แม้จะบาดเจ็บแต่เสียงทรงอำนาจของเขาก็ทำเอาผวาเฮือกกันทั้งกลุ่มสิ้นเสียงประกาศเงาร่างใหญ่ก็หายวับราวกับปีศาจร้าย

 

“ไอ้คมมึงตามมันไป ฆ่ามันให้ได้ ส่วนพวกมึงที่เหลือมานี่ มาช่วยกูก่อน” ชายร่างเล็กเรียกหาพรรคพวก

 

********************

 

                “นาย ทางนี้มีสองศพ” พงษ์พันธ์ร้องบอกนายหนุ่ม เมษาหันขวับมาตามเสียงเรียกเขาก้าวดุ่มๆตรงเข้ามาจับพลิกศพที่นอนตายตาเหลือกลานอยู่กับพื้น อีกศพที่อยู่ไม่ห่างกันนั้นสภาพก็ไม่ต่างกันนัก

 

                “โดนปาดคอ ส่วนไอ้นั่นคอหัก” ศพหนึ่งถูกปาดคอในคมมีดเดียว อีกศพหนึ่งคอหัก ดูจากร่องรอยแล้วคนลงมือรู้หลักการต่อสู้ในระดับเชี่ยวชาญจนสามารถโจมตีจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ได้ในชั่วพริบตา ทั้งยังเรี่ยวแรงมหาศาลแข็งแรงและว่องไว

 

                “ฝีมือไอ้สิงห์” เมษาสรุป ต่อให้เกลียดขี้หน้ากันแทบตาย แต่ฝีมือฆ่าคนด้วยมือเปล่าของมันต้องยอมให้มันทั้งรวดเร็วแม่นยำและได้ผล

 

                “น่าจะมีคนมากกว่านี้ ดูจากร่องรอยไม่น่าต่ำกว่าห้า” พงษ์พันธ์เสริม

 

                “หก หรือ เจ็ด” เมษาลงความเห็นหลังจากตรวจตราดูร่องรอยทั่วทั้งบริเวณ

 

“แจ้งทางตำรวจไปก็แล้วกันว่าเจอศพในเขตเรา ให้ทางโน้นสอบประวัติพวกมันดูด้วย ดูจากรอยสักน่าจะสังกัดซุ้มไหนสักที่” ซุ้มมือปืนที่เป็นแหล่งรวมพวกอาชญากรมักมีรอยสักเป็นสัญลักษณ์ของซุ้ม อาจเป็นหนทางหนึ่งที่จะตามรอยพวกมันได้ว่าเป็นคนของใคร

 

                “ผงขาวอื้อเลยนาย” คนสนิทชี้มือไปยังร่องรอยที่ตรวจพบ ผงขาวจำนวนมหาศาลถูกเททิ้งใกล้กับลำน้ำที่แตกแขนงมาจากน้ำตกใหญ่ในเขตของเทพวัฒน์ ยังคงเหลือร่องรอยให้เห็นเป็นคราบบนพื้นดินอยู่บางส่วน รอยนั้นลากเป็นทางยาว คาดว่าคงมีอีกมากที่ไหลรวมไปกับสายน้ำ ดูเหมือนกลุ่มคนที่ขนยาเสพติดจะเดินทางมาถึงจุดนี้แต่อยู่ๆก็แกะห่อของเอาของทิ้งน้ำเสียอย่างนั้น

 

                “มันเททิ้งทำไม หรือจะหักหลังกัน” เมษาพึมพำลังเลใจ ท้ายที่สุดก็ขมวดคิ้วคิดไม่ตก พวกตัวร้ายนี่ได้ของอยู่ในมือแล้ว ถ้าหักหลังกันเองฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งควรจะยึดเอาสินค้าไป แต่กลับเททิ้งทำลายเสีย...เพื่ออะไร

 

“ยังไงเสียก็ต้องเกี่ยวกับไอ้สิงห์” เขาปัดเรื่องนี้ออกจากหัว ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นมาอย่างไรสิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องปกป้องคนของเขาก่อนเป็นอันดับแรก

 

“เพิ่มเวรยาม ตรวจรอบๆพื้นที่เข้มกว่าเดิม สำรวจคนงานที่ไซต์ งดรับคนใหม่ยกเว้นญาติหรือมีคนเก่ารับรอง”

 




Create Date : 20 ธันวาคม 2555
Last Update : 20 ธันวาคม 2555 8:39:35 น. 0 comments
Counter : 1042 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.