|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
การรักษาแผลไหม้และถลอก โดยเน้นความชุ่มชื้น( MOIST WOUND HEALING)
จาก Blog ที่ผ่านมา แผลที่ลาเต้ได้รับคือลักษณะแผลถลอก ทีเกิดจากการเสียดสี เป็นลักษณะแผลแบบไฟไหม้ ไฟลวกค่ะ
ตอนแรกๆ อรก็ไม่คิดว่าคุณหมอสัตว์แพทย์ที่รักษาลาเต้ จะใช้วิธีการรักษาแบบปกติ เป็นแบบ เทเบตาดีนฆ่าเชื้อ ตามด้วยทำให้แผลแห้งซะอีก
แต่ไปๆ มาๆ คุณหมอที่ โรงพยาบาลสัตว์กลับทำให้อรแปลกใจมากเหมือนกัน เพราะเขาจัดการรักษาลาเต้ด้วยการรักษาแบบที่ใช้ในการรักษาแผลถลอกและแผลไหม้แบบใหม่ หรือที่เรียกว่าการรักษาแบบชุ่มชื้น หรือที่เรียกแบบภาษาอังกฤษว่า MOIST WOUND HEALING แทนค่ะ
จริงๆ MOIST WOUND HEALING หรือการรักษาแผลแบบชุ่มชื้นนี้ เป็นทฤษฎีที่คิดกันขึ้นมาใหม่ในการรักษาแผลค่ะ
จากที่เมื่อก่อน เราจะเชื่อกันว่าบาดแผลที่เป็นลักษณะถลอกหรือเปิดแบบนี้ ควรจะรักษาโดยการทำให้แผลแห้งให้มากที่สุด เพราะความชุ่มชื้นจะทำให้ปากแผลเป็นที่สะสมของเชื้อแบคทีเรียก และทำให้แผลหายช้าลง การที่ให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่บาดเจ็บใต้สะเก็ดแผล (scab) จะทำให้แผลหายได้ไวกว่า
จนกระทั่งมีการศึกษาและพิสูจน์ จากแผลไฟไหม้ และเปิดที่เกิดจากความร้อน และพบว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตจากแผลไฟไหม้ขั้นรุนแรง มักเกิดจากการติดเชื้อที่ปากแผล (septicemia) ดังนั้นเลยมีการสนใจเกี่ยวกับการทายาฆ่าเชื้อที่บริเวณปากแผลที๋โดนไฟไหม้ เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือดทีเกิดจากแผลไฟไหม้เป็นวงกว้างแทน
แต่จากการศึกษา ก็อีกเช่นกันค่ะ การทายาฆ่าเชื้อที่บริเวณปากแผลจะมีผลทำให้กลไกลการรักษาของร่างกายช้าลงโดยเฉพาะการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ (re-epithelialization)
หลังจากนั้นจากการศึกษาที่มากขึ้น มีการเปรียบเทียบระหว่างข้อดีและข้อเสียของการรักษาแบบเน้นให้แผลแห้ง และสะอาด กับการรักษาแบบชุ่มชื้น ก็พบว่า
ในกรณีแผลเปิดที่ไม่มีความลึกของแผล และไม่ได้เกิดการไหม้(non-burning wound)
เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างความรักษาแบบแห้ง กับแบบเปียก การรักษาแบบแห้ง
จะพบว่า บริเวณเซลล์ผิวหนังที่อยู่ลึกลงไปมีการตายได้ง่ายกว่า
เซลล์ epidermis ใหม่ที่บริเวณรอบๆ ผิวจะเคลื่อนที่มาสร้างพื้นที่ผิวได้ช้ากว่าการรักษาแบบชุ่มชื้น (impediment of Cell migration)
ออกซิเจนจะซิมเข้าเซลล์น้อยลงกว่าการรักษาแบบชุ่มชื้น และสารอาหารที่นำมาหล่อเลี้ยงพื้นผิวบริเวณที่เสียหายจะช้าลง รวมถึงติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
เมื่อเทียบกับการรักษาแบบชุ่มชื้น
จะพบว่า มี fluid linings อยู่ที่บริเวณผิวที่เสียหายใช่ไหมคะ fluid lining หรือลักษระ film ของเหลวที่เคลือบแผลเอาไว้ เป็นกลไกตามธรรมชาติของร่างกายเวลาที่มีการบาดเจ็บค่ะ
ข้อดีคือ การที่มี Fluid lining ส่วนนี้เอาไว้ จะช่วยให้ epithelia ข้างๆปากแผลเข้ามาซ่อมแซมแผลได้ไวขึ้น และ collagen ที่มีอยู่ในเซลล์ผิวหนัง จะมีการเคลื่อนที่มาซ๋อมแซมผิว ทำให้ผิวมีความยืนหยุ่นที่ผิวเพิ่มขึ้น และแผลไม่ลึกเท่ากับการรักษาแบบแห้ง (Credits: ภาพโดย website //www.burnsurgery.org/Betaweb/Modules/moisthealing/part_2.htm ค่ะ)
ในการรักษาแบบนี้ จะเน้นพลังในการรักษาตัวเองของร่างกายค่ะ สิ่งที่เป็นข้อดีของการรักษาวิธีนี้ ก็คือ เซลล์จะมีการฟื้นฟูตัวเองได้ไว ทำให้แผลหายไวขึ้น การเจ็บปวดจะลดลง เนื่องจาก fluid linining ที่หุ้มเอาไว้จะทำหน้าที่ช่วยลดการส่งสัญญาณที่ปลายเซลล์ประสาทบริเวณผิวหนัง ทำให้เจ็บได้ลดลงอีกด้วยนะคะ
แต่การรักษาแบบนี้ตั้งแต่ ครั้งแรกที่ได้แผลมา
จะเน้นการล้างแผลด้วยสารที่มีลักษณะความเข้มข้นของสารใกล้เคียงกับของเหลวในเซลล์มากที่สุด (โดยมากจะเป็น 0.9% normal Saline)
มีการทำครีมที่ป้องกันการติดเชื้อแบบบางๆ (หรืออาจจะกินยาปฏีชีวนะด้วยก็ได้ ในกรณีแผลใหญ่) เช่นพวกครีมที่มีส่วนประกอบของ zinc oxide (ZnO2) เพื่อป้องกันการติดเชื้อของแบคทีเรีย
หลังจากนั้นก็มีการทาครีมที่มีลักษณะเป็น film บางๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากอากาศสู่ปากแผล (เช่น Cavilon ของ 3M)
การรักษาแผลรูปแบบนี้ ใช้ได้ดีสำหรับแผลถลอก หรือแผลไหม้ที่ไม่รุนแรงนักค่ะ
และการรักษารูปแบบนี้ในเด็กเล็กอายุน้อยกว่า6 ขวบ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ เนื่องจากเด็กๆ อาจจะมีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงแบบผู้ใหญ่ค่ะ
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550 |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 22:50:24 น. |
|
7 comments
|
Counter : 8611 Pageviews. |
|
|
|
โดย: iam_zuzie (iam_zuzie ) วันที่: 17 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:48:13 น. |
|
|
|
โดย: yuki san วันที่: 30 พฤศจิกายน 2550 เวลา:2:38:27 น. |
|
|
|
โดย: แม่มินมิน (nardlada ) วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:15:57:11 น. |
|
|
|
โดย: พ่อน้องโจ วันที่: 1 มกราคม 2551 เวลา:3:11:24 น. |
|
|
|
โดย: แม่บัดดี้ (แม่น้องอันนา ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:38:45 น. |
|
|
|
|
|
|
|