|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Toxic Drugs: Case I : Paracetamol
Paracetamol ชื่อนี้ทุกคนคงจะฟังกันจนคุ้นหูใช่ไหมคะ เพราะมันเป็นยาที่เปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้านของพวกเรากันไปแล้ว.. ทุกบ้านต้องมีติดต้วกัน.. แต่ในขณะที่มันเป็นยาสามัญประจำบ้านของคน.. แต่สำหรับ สุนัขและแมว.. มันคือยาเม็ดชนิดหนึ่งที่อันตราย และทำให้ถึงแก่ความตายได้
เมื่อไม่กี่วันนี้เอง.. ขณะกำลังท่องไปตาม internet อ่านโน่นอ่านนี่ไปเรื่อย ก็ไปเจอเคสของน้องจอมซนขนทอง เขมือบ paracetamol เข้าไป.. ทำให้ชิสุฯ ฉุกใจคิดขึ้นมาได้ว่า บางครั้งของที่ดูเหมือนไม่อันตรายสำหรับคน มันคืออันตรายสำหรับเด็กๆ สี่ขา เพราะว่าเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยจริงๆว่าจะเกิดอะไรได้บ้าง... กับความซน และความตะกละของเหล่าบรรดาหมาๆ แมวๆ รวมถึงบางครั้งเจ้าของก็ไม่ได้เฉลียวใจคิดว่า หมากับแมวนั้น หลายๆส่วนของร่างกาย รวมถึงระบบอวัยวะภายใน แตกต่างกัน อะไรที่คนกินได้ หมาก็น่าจะกินได้ ก็เลยให้ยาที่มองดูว่าค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคนให้กับสัตว์เลี้ยงของเราไป...
เอาล่ะค่ะ เกริ่นกันมาก็เยอะแยะมากมายแล้ว.. เรามาเริ่มกันซักทีเถอะค่ะ กับยารักษาของคนแต่เป็นยาพิษของหมาตัวนี้
Paracetamol หรือ ที่ทางฝั่งอเมริกาเรียกว่า Acetaminophen เป็นยาในกลุ่ม Non-steroids-anti inflamatory-drugs (NSAIDs) หรือยาแก้ปวดที่ไม่ใช่สารประกอบของ สเตอรอยด์.. สำหรับโครงสร้างและการออกฤทธิ์ของยา ขอข้ามไปนะคะ เพราะทุกท่านที่อ่าน คงไม่ได้กะจะไปสอบวิชาว่าด้วยกลไกเภสัชวิทยา/กลไกพิษวิทยาแบบเจ้าของ blog ( คิดถึงกี่ครั้งก็เจ็บหัวใจ.. ฮือๆๆ)
หลักๆแล้ว การออกฤทธิ์ของยาพาราเซตามอล จะต้องผ่านระบบทางเดินอาหาร และผ่านไปจนถึงตับ(liver) ถ้าเป็นในคนเรา ยาก็จะแปรสภาพและถูกทำให้กลายเป็นไม่มีพิษในบริเวณของตับ แต่ในแมวนั้น ไม่มี enzyme ที่ใช้เปลี่ยนสภาพของพาราเซตามอล ได้ ทำให้มีการเป็นพิษเกิดขึ้นมา
ส่วนในหมาโดยเฉพาะหมาที่มีขนาดตัวเล็กๆ จะเสี่ยงต่ออันตรายของพาราเซตามอล มากกว่าหมาที่มีขนาดตัวใหญ่ หากกินในปริมาณที่เท่ากัน
โดยการกระประมาณคร่าวๆแล้ว ยา พาราเซตามอล ขนาด 1 เม็ดปกติ เนื้อยา 500 mg/1 เม็ด ถ้าหมาน้อยขนาด 25 kg กินเข้าไป อาจจะต้องใช้ยาประมาณ 7 เม็ด ถึงจะเห็นอาการความเป็นพิษเกิดขึ้น
แต่กับน้องแมว.. เพียง ครึ่งเม็ด ( 250 mg) น้องแมวก็ไปสวรรค์ได้แล้วค่ะ acetaminophen tablet could be fatal
และในกรณีเลวร้าย ตับถูกทำลายมากไป ผลของยาพาราเซตามอล จะก่อให้เกิดภาวะต่างๆ ของร่างกายสี่ขาดังนี้
-เม็ดเลือดแดงแตก เนื่องจากยาตัวนี้จะไปทำลายเม้ดเลือดแดงโดยตรง
-เกิดภาวะ Heinz bodies หรือเม็ดเลือดแดงจะเกาะกันกับสารในเซลล์บางชนิด
-เกิด methemoglobi หรือภาวะที่ การขนถ่ายออกซิเจนของเม็ดเลือดแดงผิดปกติไป ทำให้ เซลล์ในร่างกายได้ oxygen ไม่เพียงพอ และเสี่ยงต่ออาการขาดออกซิเจนในเซลล์
อาการที่ปรากฎ จะแบ่งระยะความเป็นพิษอันเกิดจาก พาราเซตามอลได้ เป็น 3ระยะด้วยกันคือ
ระยะที่ 1 : 0-12 ชั่วโมง หลังจากทานเข้าไป สุนัขมีอาการอาเจียน หายใจลำบาก มีจุดสีน้ำตาลอยุ่บริเวณเหงือก
ระยะที่ 2 : 12-24 ชั่วโมง จะเริ่มมีอาการบวมที่ใบหน้า ริมฝีปีก และข้อต่อ เดินทรงตัวไม่ได้ อาจมีอาการขัก และ coma หรือตายอย่างฉับพลัน ระยะที่ 3 : มากกว่า 24 ชั่วโมง จะเกิดภาวะไตวาย รวมถึงมีการเจ็บปวดอย่างรุนแรงบริเวณช่องท้อง เกิดภาวะดีซ่าน (มีสีเหลืองเกิดขึ้นที่บริเวณเหงือก ตา และผิวหนัง) รวมถึงมีภาวะทางจิตประสาท
การรักษา
โดยปกติแล้ว ยิ่งพบเห็นว่าหมามีอาการผิดปกติ หรือพบว่า กินพาราเซตามอลได้เร็วเท่าไหร่ การถอนพิษของยาจะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น การตรวจสอบปริมาณของพาราเซตามอลในเม็ดเลือด สามารถกะประมาณคร่าวๆ ได้ถึงปริมาณที่กินเข้าไป หรือเช็คภาวะ methmoglobin จะสามารถช่วยในการกะประมาณความรุนแรงของอาการสุนัข
โดยปกติแล้ว หากสุนัขกินยาเข้าไปและยายังคงค้างอยู่ที่กระเพาะอาหาร ก็จะทำการล้างท้อง ให้สำรอกยาออกมา.. และรักษาตามอาการ พาราเซตามอล เป็นยาเพียงไม่กี่ชนิดในโลกนี้ที่มียาถอนพิษเฉพาะค่ะ ยาดังกล่าวคือ N-acetylcystein ( NAC) ดังนั้นในการรักษา อาจะมีการให้ยาอื่นๆ ซึ่งมีส่วนในการช่วยจับอนุมูลอิสระ ให้แก่ตัวสุนัข เช่น
-ยา acetylcysteine หรือชื่อการค้า Mucomyst® หรือ NAC นั่นล่ะ เป็นยาถอนพิษของ พาราเซตามอลโดยตรง - activated charcoal หรือถ่านกัมมันต์ เอาไว้ช่วยดูดซับพาราเซตามอลจากระบบย่อยอาหาร ซึ่งใช้ในกรณีที่ยาถูกย่อยไปแล้วจากกระเพาะ - ยา Cimetidine ชื่อการค้า Tagamet® เพื่อป้องกันและช่วยในเรื่องของตับ รวมถึงแผลในระบบอาหาร ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากอนุพันธ์ของ พาราเซตามอล - Vitamin C จะช่วยเร่งการทำลายยาพาราเซตามอล ออกจากร่างกายสุนัขได้เร็วขึ้น (เพราะ Vitamin C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ส่วน Paracetamol เป็นตัวสร้างอนุมูลอิสระ )
ในภาวะอันตราย หลังจากสุนัขกินยาไปแล้วเป็นเวลานาน อาจจจะต้องมีการถ่ายเลือด และให้ออกซิเจนร่วมด้วย
โดยปกติแล้ว ระยะเวลาที่ สุนัขจะสามารถกำจัด พาราเซตามอลออกจากตัวเองได้ ในระยะเวลา 2-4 วัน จุดสำคัญก็คือ ปริมาณและยาเท่าไหร่ที่สุนัขทานเข้าไป และความไวในการดึงยาออกมาจากกระเพาะ โดยสุนัขยังไม่ได้ย่อยยาเข้าไปในกระแสเลือด
นอกจากนี้ ในรายที่ทานยาเป็นปริมาณสูงหรือกินยาไปเป็นเวลานาน หากรอดชีวิตก็อาจจะพบอาการเกี่ยวกับตับแทรกซ้อนออกมาได้
Create Date : 20 สิงหาคม 2549 |
|
5 comments |
Last Update : 21 สิงหาคม 2549 12:08:28 น. |
Counter : 2181 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: mingky 20 สิงหาคม 2549 13:30:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: sommie 21 สิงหาคม 2549 9:52:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: แมวดื้อ 23 สิงหาคม 2549 0:00:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: chi_kn444 (chi_kn444 ) 24 สิงหาคม 2549 6:54:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ก้ออาจจะเป็นยาพิษแก่อีกชึวิต ได้อย่างไม่คาดถึงเนอะ