Review: Second Hand "Balenciaga"

เขียนไว้ใน siambrandname แล้วก็เลยคิดว่า เอามาแปะไว้ที่นี่ด้วยดีก่า อิอิ


ไหนๆ ก็ติดเกาะต่ออีกวัน แถมหมดแรงจะออกไปไหน รวมทั้งทานข้าว แหะๆ
ก็เลยคิดว่า มารีวิวกระเป๋ามือสองกันดีกว่า (ไม่ใช่อะไร เอามาใบเดียว ฮ่าๆ)
อีกอย่าง รีวิวนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจซื้อกระเป๋ามือสองเนอะ

ก่อนอ่านรบกวนจิ๊ดนึงว่า เป็นความคิด ความเห็นส่วนตัว
รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่ศึกษามาจาก tpf มาประกอบกัน
ดังนั้น หากมีอะไรผิดพลาด หรือโต้แย้ง รบกวนแจ้งด้วยนะคะ
เพื่อที่ว่า ข้อมูลเหล่านั้น จะได้เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ต่อไป

อารัมภบทยาวยังกะนางเอกลิเกเลยวุ้ย (ยังคิดจะเป็นนางเอกอีกนะ ช่างกล้า)
มาลุยกันโลดเลยค่ะ กับ SECOND HAND BAG ... bBag Rouge Vif 06 First!!!

ปล. อาจจะรำคาญชื่อบนภาพนิดนึงนะคะ แต่เพื่อความปลอดภัย จะได้ไม่มีใครเอารูปไปใช้น้า



การเลือก bBag มือหนึ่งหรือมือสอง ก่อนอื่นเลย ต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเราอยากได้อะไร
ส่วนตัวคิดว่าการเริ่มต้นเลือกมีอยู่ 3 ทางด้วยกัน

1. เลือกแบบกระเป๋าก่อน เพราะ bBag มีแบบละขนาด ทำให้เลือกง่ายกว่า lv (หรือยากหว่า)
เพราะถ้าขนาดไม่เหมาะกับตัว หรือแบบไม่เข้า ก็ข้ามไปเลย
ไม่ต้องกังวลว่า แบบนี้ขนาดนี้ กับแบบโน้นขนาดนั้น ใบไหนดี จะ gm pm หรือ mm ดี
สรุป ไปซื้อ hershey ดีกว่า ... เอ๊ะ ยังงัย เวลามีหลายขนาดจะเกิดปัญหา
ประเภท แบบยังลังเล แต่ขนาดก็กำลังดี รัยเงี้ย

2. เลือกตามปี หรือเลือกตามลักษณะหนัง เพราะแต่ละปีหนังจะมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน
จะชอบออกแห้ง หนังยับ หนังเรียบ ด้าน มันวาว ชุ่ม อันนี้แล้วแต่ชอบ
หรือบางคนอยากมีอย่างน้องปีละใบ อันนี้ก็ไม่ว่ากัน ปีแรกที่วางคือ 01 ก็ตามๆ เก็บกันปายยย

3. เลือกตามสี คือเลือกสีที่อยากได้ก่อน จะเขียว น้ำเงิน ม่วง แดง ก็แล้วแต่
พอได้สีแล้วจะทราบเองค่ะว่าควรหาของปีอะไร เพราะแต่ละ collection ก็จะมีสีต่างๆ กัน
หนังจะเป็นแบบไหน โดยประมาณ แล้วใบที่หาได้ชอบแบบไหม ถ้าชอบก็ถอยโลดเรยค่ะ
ทั้งนั้นทั้งนี้ บางทีก็มีหนังที่ไม่เหมือนปีนั้นๆ หลุดมาบ้าง จะต้องดูเป็นใบๆ ไป
เช่นอย่างปี 06 หนังจะแตกๆ แห้งๆ ยับๆ ก็อาจจะมีบางใบที่เป็นหนังชุ่มเรียบมันแปล๊บมาได้

เมื่อเลือกแบบได้แล้ว และกำลังจะซื้อมือสอง เอาละซิ จะจับพลัดจับผลูเจอแจ๊กพ๊อตหรือเปล่า
การนี้ ก็ควรจะต้องดูให้ละเอียดนิดนึง โดยเฉพาะซื้อโดยไม่เห็นของจริง
เพราะว่า คนเราไม่ได้น่ารักเหมือนเพื่อนๆ ในนี้ทุกคนเนอะ ระแวงไว้ปลอดภัยกว่า ว่างั้น

ในกรณีนี้ ส่วนตัวเลือกได้แล้วว่า จะเอา first สีแดง ปีไม่เกี่ยง ราคาน่ารัก
ได้ criteria เบื้องต้นแล้ว ก็ตามหาโลด

เพราะที่เลือก คือเลือกสีแดง ทีนี้ แดงของ bBag มีหลายแดง
ก็ต้องทำความคุ้นเคยก่อนว่า แดงที่อยากได้คือแดงไหน
เพราะต่อให้เป็นสีหลักเดียวกัน แต่ก็มีหลายเฉด แต่ละปีก็เฉดไม่เท่ากันอีกต่ะหาก
อีกอย่าง bBag ถ่ายรูปให้เห็นสีจริงๆ ยากมากกกกก
ควรดูสีที่อยากได้เปรียบเทียบกันหลายๆ รูป จนกว่าจะกะได้แล้วว่า โอเค เอาสีนี้แหละ

ขนาดใบเดียวกันนะเนี่ย แต่คนละแสง ก็กลายเป็นคนละแดงได้ซะงั้น



ตามเจอรุ่น เจอแบบ เจอสี เจอแม่ค้าใจดี ราคาก็ดีแล้ว

จากตัวอย่างนี้คือ รุ่น First สี Rouge Vif ปี 06

ก็ต้องดูว่า แม่ค้าเป็นนางฟ้าจำเริญ หรือเป็นนางฟ้าจำแลง เอาของพันก่า มาใส่ศูนย์เพิ่มกันแน่
ถึงตอนนี้ เราก็ต้องทำตัวเป็นลูกอีช่างขอทันที ถ้าไม่แน่ใจขอรูปแหลกเลยค่ะ

จะเลือกซื้อ bBag ซักใบ ต้องดูตรงไหนบ้าง

รูปที่ควรจะต้องขอหลักๆ ก็มี

1. Tag อันนี้แน่นอน ใช้ได้กับทุก brand
แต่ของ bBag ศึกษาด้วยนะคะว่า รุ่นไหน metal tag รุ่นไหน leather tag
ถ้าเป็น silver tag เลขระบุรุ่น จะอยู่ด้านหน้า ถ้าเป็น leather tag จะอยู่ด้านใน
(เด๋วถ้ามีแรงเหลือต่อ จะบอกให้ค่ะว่ารุ่นไหน tag อะไร ขอแปะไว้ก่อนเน้อ)

ทั้งข้างหน้า (แล้วแต่ว่าจะเป็น silver หรือ leather tag)


และข้างหลัง (เป็น leather เสมอเน้อ)


ที่สำคัญ ต้องดูด้วยว่า เลขที่เห็น ตรงกับรุ่น และสีของปีนั้นๆ จริงๆ และตรงกับ paper tag
bBag ตะละรุ่น จะมีเลขเฉพาะที่ระบุรุ่นดังกล่าว ว่าเป็นอะไร รวมถึงตัวหนังสือ จะระบุปี และ season ที่ออก
จากรูป ที่ silver tag เขียนว่า N2522W 10328 ด้านหลังเขียนว่า 1669

First = silver tag only
W = F/W 2006 Raised Brass HW Pony hair had raised silver HW
103208 = First (Classique, Le Dix, Lariat)
เลขด้านหลังต้องเป็น 213048, 1699 เท่านั้น

และจาก paper tag


2006 = ปี 2006
3 = F/W Fall/Winter Season
103208 = First (Classique, Le Dix, Lariat) <<< ซึ่งตรงกับ silver tag
D = Raised Silver/Pewter HW
CHEVRE = goat skin

ซึ่งก็จะสีจะตรงกับที่ตามหา รวมถึงตรงกับชื่อสี่ที่คุณแม่ค้าแจ้งค่ะ
F/W 06 'W' 2006 3 Rouge Vif
(ขอแปะเรื่อง tag อ่านยังงัยไว้อีกอันนะคะ แหะๆ เริ่มเหนื่อย)

ข้อควรดูอีกอย่างของ tag คือว่า ไม่ว่ากระเป๋าจะเป็นสีอะไร
ด้านเส้นที่เย็บเพื่อยึด tag ติดกับกระเป๋าจะต้องเป็นสีดำเสมอ
และด้านในของ motorcycle bag ทุกรุ่นต้องกรุผ้าดำเท่านั้นค่ะ

2. bale แต่จุดนี้ดูได้เฉพาะรุ่นที่มีสายมาให้ด้วย อย่าง Brief นี่หมดสิทธิ์

bale เนี่ย ต้องเกี่ยวกันเห็นเป็นสองชั้นสวย โค้งมียุบพองาม
ซึ่งตามปกติ ถ้าถ่ายมุมไม่เอียงมาก หรือเรียกว่าไม่ได้ตั้งใจให้เอียงมากเนี่ย
ก็จะสังเกตได้ง่ายๆ ว่า bale ยุบหรือไม่ยุบ bale เหลี่ยมๆ หรือกลมๆ เนี่ย ถอยก่อนเลย

bale โค้งยุบประมาณนี้จ้า


3. Rivet Rivet คือตัวยึดด้านหลังหมุด hardware ซึ่ง bBag จะมีลักษณะเฉพาะคือมีการบากโค้งทั้งสองข้าง
ซึ่งโค้งนี้จะไม่เป็นโค้งครึ่งวงกลมเป๊ะ แต่จะเหมือนแคปซูลตัดครึ่งมากกว่า
แต่ทั้งนี้ ใครที่มีใบที่ไม่มีบากอย่าเพิ่งตื่นตกใจไปนะคะ เพราะบากนี่เพิ่งมามีหลังจาก collection S/S 2005 ค่ะ
S/S 2005 ขึ้นไปจะเป็นหมุดกลมเกลี้ยงปกติค่ะ

Rivet รุ่นแคปซูลผ่าครึ่ง


4. ขนาด และระยะของสายพันที่หูจับ อันนี้อธิบายยากอ่ะ เอาเป็นว่า มันจะดูระยะพอดีๆ ไม่ถี่ ไม่เล็กเกินไป ประมาณนั้น



5. อุปกรณ์ที่ให้มาด้วย อันนี้มักก่อความฮาได้ง่ายๆ เพราะหลายๆ ครั้ง ของปลอมแถมให้เยอะกว่าของแท้
ประมาณว่า ลดแหลกแจกแถม ได้เยอะไม่ได้แปลว่าแท้เน้อ อุปกรณ์หลักๆ ของ bBag ก็จะมี
1. กระจก
2. สายสำรอง ซึ่งจะเป็นพับๆ มาในถุงพลาสติก ไม่ได้ม้วนเป็นวงๆ เน้อ
3. card ของกระเป๋า ที่จะบอกปี รุ่น season ชนิดของหนัง เหมือนรูปข้างบน
4. ป้ายห้อย เป็นแผ่นพับเจาะรู ด้านหน้าเขียนว่า BALENCIAGA ด้านในโล่งๆ
5. ป้ายเล็ก เขียนว่า BALENCIAGA CONTROLLATO 1 2 3 4 5 6 7 8 9 0
6. care book จริงๆ มันไม่ใช่ book หรอก เป็นแผ่นพับเหมือนกัน แต่ไม่มีรู ขนาดใหญ่กว่าป้ายห้อยนิดนึง
มีรายละเอียดเกี่ยวกับหนังและการดูแลใช้งาน 4 ภาษา
7. ถุงผ้า เขียนว่า BALENCIAGA ตัวหนังสือคมชัด ไม่เอียงไม่เบี้ยว ไม่ลอก

ทั้งนี้ ปกติถ้าซื้อมือหนึ่งก็ควรได้ครบหมด แต่ถ้ามือสอง มือสาม ฯลฯ ก็ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของจะเก็บอะไรไว้ให้มั่งอ่ะนะคะ
ใบนี้ได้ 1, 2, 3, 7 ซึ่งก็เป็นที่พอใจของโกโก้ (แหม ก็ไม่ใช่มือหนึ่งนี่เนอะ ตัวเองบางครั้งยังไม่เก็บเลย ฮ่าๆ)



อันนี้แบบครบๆ ของใบอื่น (ใครมีเยอะกว่านี้บอกด้วยน้า)


6. สุดท้าย ท้ายสุดคือ zip อันนี้ไม่ค่อยแนะนำมาก เพราะของแบบนี้มันซื้อกันได้
คงใช้ดูได้กับพวกที่ปลอมไม่ค่อยเนียน ถ้าเป็น mirror image เค้าก็จะไปซื้อ lampo ตัวเดียวกันเป๊ะมาใช้อ่ะ
อีกอย่าง กระเป๋าบางรุ่นจะถ่าย zip ยาก เช่น first เป็นต้น เขียนไปขอรูปอาจเจออึ้งได้
เพราะต้องแทบจะพลิกกระเป๋าออกมาถ่ายเลย แต่คนที่เคยแอบให้อาหารน้อง bBag ด้วย starbucks มาแล้วไม่หวั่นนะฮ้า ฮ่าๆ
(แต่ตอนรู้ตัวว่าหกใส่นี่ แทบเป็นลม ถอยมาไม่ถึงอาทิตย์ ซุ่มซ่ามจริงจริง ดีว่าไม่ใช่ lv นะ ไม่งั้นคงทิ้งร่อยรองไว้แหง๋มๆ)



แค่นี้ก็คงพอแล้วเนอะ ขอมากกว่านี้สงสัยได้ขึ้นทำเนียบ black list ของคุณๆ แม่ค้าแหง๋มๆ
เมื่อขอดูรูปเพื่อเช็คความแน่ใจว่าไม่โดนเค้าแอ๊บเนียนแล้ว
ในการซื้อของมือสอง ก็ควรจะขอดูรูปที่แสดงถึงสภาพของของด้วย
เพราะคนเราใช้ของไม่เหมือนกัน ดังนั้นสภาพกี่ % ของแต่ละคนก็ต่างกันด้วย ชิมิ
เพื่อป้องกันการกรี๊ดภายหลังว่า ต๊าย 90% หรอเนี่ย ชั้นให้แค่ 60 รัยงี้
ก็ควรจะเช็คกับคุณแม่ค้าหน่อยว่า ตำหนิมีอะไรบ้าง และเราควรจะดูตรงไหนบ้าง

เหล่านี้เป็นจุดที่โกโก้ดูตอนซื้อนะคะ

1. ที่แน่ๆ เลย สภาพหนัง แอบทำใจไว้นิดหน่อยเพราะเป็นหนังปี 06 มันต้องแห้งแน่ๆ
แต่ถ้ารอยเพียบ ขูดขีดประหนึ่งผ่านสงคราม แตกระแหง แนวอดีตไม่หวนกลับเนี่ย คงทำใจยาก แต่ใบนี้ดูแล้วว่ายังพอเยียวยาได้ ผ่านค่ะ




2. มุมก้นกระเป๋า อันนี้ดูจากของตัวเอง ขนาดว่าใช้ระวังๆ ไม่ค่อยวางบนอะไรแล้ว ยังมีถลอกหน่อยๆ เลย
ใบนี้ เนื่องจากเจ้าของหลังๆ ไม่ค่อยได้ใช้แล้วมั้ง (เด๋วจะมาบอกว่าเพราะอะไรถึงคิดแบบนั้น) เลยไม่ค่อยมีรอยเท่าไหร่ รับได้สบายมากจ้า

รูปไม่ค่อยเห็นแล้วอ่ะนะคะ แบบว่าทำความสะอาดแล้วก็บำรุงหนังไปแล้ว เลยเหลือรอยนิดหน่อย


3. สีของหูหิ้ว และสภาพของสายสะพาย สองจุดนี้จะบ่งบอกถึงการใช้งาน
สีของหนังตรงหูหิ้วที่เข้มขึ้น และรอยยับของสายสะพายจะเป็นจุดที่แก้แทบไม่ได้
จึงเป็นหนึ่งจุดสังเกตว่าจะสบายใจที่จะซื้อหรือเปล่า แต่ต้องระลึกไว้นิดนึงว่า นี่ไม่ใช่ของมือหนึ่ง
เจ้าของเดิมซื้อมาแล้วก็มีการใช้งานไปแล้ว จะให้สภาพนิ้งเหมือนหิ้วออกจากชอปคงไม่ได้

สภาพสีของหูกระเป๋าเทียบกับตัว


สภาพรอยยับของสายสะพาย



4. รอย metal บน leather ตรงนี้แหละ จะบอกได้ว่า กระเป๋าใบนี้เจ้าของเดิมใช้บ่อยแค่ไหน
เก็บดีแค่ไหน เพราะใบนี้ เดาได้ว่า ไม่ค่อยได้ใช้แล้ว และพับหูเก็บไว้ ทำให้เกิดรอยบนหนังพอสมควร
ซึ่งตรงนี้ แล้วแต่คนว่าน่าจะทำความสะอาดได้ขนาดไหน รับได้ไม่ได้แล้วแต่ค่ะ

รอยที่เกิดจาก zip ซึ่งคาดว่าเวลาเก็บมีการซ้อนใบอื่นด้านบน ทำให้มีน้ำหนักกดลงมาเกิดรอยบนหนัง
(ใครเก็บซ้อนกันเยอะๆ ระวังจุดนี้ด้วยน้า หาผ้าอะไรรองซักหน่อยน่าจะดี)


รอยพับหูทับกัน hardware



5. สุดท้ายที่ดูคือสภาพรวมๆ ของกระเป๋าไม่ฝุ่นจับเก่าจนซึมเข้าไปในหนังจนทำความสะอาดไม่ได้
ทรงไม่ยู่ย้อยเบี้ยวเอียงข้าง ไม่มีร่องรอยฉีกขาด hardware อยู่ครบ

สรุปได้เท่านี้ก็สอยแล้วค่ะ
ใบนี้คาดว่าตอนแรกเจ้าของคงชอบหิ้วกับสะพาย จากที่เห็นว่าหูหิ้วสีเปลียน และมีรอยยับที่สายพอสมควร
ช่วงที่ใช้งานคงไม่ถี่มากนัก เพราะตัว tassel ยังไม่แยกเลย (ใบของตัวเองนี่ เริ่มแตกระแหง แยกเป็นสองฝ่าย)
และต่อมาหลังๆ คงเก็บอย่างเดียว จนเกิดรอยดังกล่าว สภาพทั่วๆ ไปยังดี สียังไม่ซีด และริ้วรอยดูท่าทางพอเยียวยาได้

เปรียบเทียบสภาพตอนที่ได้มากับสภาพปัจจุบันหลังการเลี้ยงดูนะคะ (ดูออกมั้ยเอ่ยว่าหนังมันจะชุ่มขึ้นเงาขึ้นน่ะค่ะ)


เดิมคิดว่า first ไม่น่าจะจุมาก แต่ผลคือ เวิร์กค่า ใส่เข้าไปได้งัยหมดก็ไม่ทราบ
แอบสงสารน้องกระเป๋าเล็กน้อย แต่ซื้อมาก็ขอใช้หน่อยนะ ยิ่งเป็นมือสองราคาน่ารักยิ่งใช้สบายใจ
ตอนนี้ตั้งชื่อเล่นให้เวลาใส่ของเยอะๆ ว่า "น้องอ้วน" ก็อ้วนกลมชุ่มฉ่ำน่ากินขนาดนี้ อิอิ



อีกอย่างที่ชอบใบนี้เพราะว่า เวลาใช้ไม่ต้องคิดมากเรื่องการแต่งตัวอ่ะ
เพราะปกติขี้เกียจอยู่แล้ว นี่เลยขี้เกียจหนักกว่าเดิม แต่เป็นใบที่ถือแล้วมีคนชมบ่อยสุดน้า
(คงเป็นเพราะมันเด่นที่สุดแล้วเวลาแต่งตัว ฮ่าๆ)



ข้างล่างเชิญชมแฟชั่นแหม่งๆ ได้เลยจ้า (น้องเป๋าแอบร้องไห้ป่าวไม่รู้หลุดมาอยู่บ้านนี้ อิอิ)







หวังว่ากระทู้นี้คงช่วยในการเลือกซื้อ bBag ครั้งต่อไปนะคะ 8)


ปล. ลืมบอก สูง 160 หนัก 45-47 ค่ะ

Create Date : 17 ธันวาคม 2550 Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2551 1:19:16 น. Counter : 14092 Pageviews.		7 comments
Share Tweet